เล่มที่ 8 บทที่ 239 ช่องว่างระหว่างมิติ
ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าฟาดลงมาอย่างรุนแรงจนพื้นดินสั่นะเื แม้แต่เทียนกุ่ยกับปีศาจกระบี่ยังถูกกระแทกลอยกระเด็นออกไป ส่วนเหล็กเซียนอัสนีเหล่ยยวี่ก็อาศัยเวลานี้มุดตัวลงใต้ดินผ่านรอยแยก…
“บ้าน่า!” หลินเฟยเห็นดังนั้นก็รู้ได้ทันทีว่ากำลังจะเกิดเื่
“คิดจะหนีลงจุดชีพจรใต้พิภพอย่างนั้นหรือ?”
มาถึงขั้นนี้แล้ว มีหรือจะยอมปล่อยให้หนีไปได้ ทันใดนั้นก็โคจรเพื่อรวมกระบี่ดาวอัปมงคลทั้งสี่เข้าด้วยกัน จากนั้นก็บงการกล่องกระบี่เจิงหนิงต่อ ต่อมาก็มีลำแสงสี่สายสว่างจ้าขึ้น ก่อนจะสะบั้นลงพื้น กระทั่งเกิดเป็รอยแยกขนาดลึก หลินเฟยจึงไม่รอช้า รีบะโตามลงไปทันที หลังจากลงมาถึงใต้พิภพสองตาก็พลันเห็นสายฟ้ากำลังพุ่งชนไปทั่ว หลินเฟยจึงรู้สึกพึงพอใจไม่น้อย
‘ค่อยยังชั่วหน่อย ยังหนีไปไม่ไกล!’
บัดนี้กล่องกระบี่เจิงหนิงลอยอยู่เหนือหัวของหลินเฟย แถมยังลำแสงกระบี่สี่สายคอยคุ้มกันอยู่ด้านหน้าอีกด้วย หากพบว่ามีโขดหินขว้างกั้นอยู่มันก็จะสะบั้นทำลายทันที หลังจากไล่กวดกันอยู่ครู่หนึ่ง หลินเฟยก็ดำลงใต้ดินลึกประมาณพันจ้าง ข้างใต้นี้อุณหภูมิสูงเป็อย่างมาก คาดว่ากำลังจะเข้าใกล้จุดชีพจรเปลวไฟใต้พิภพแล้ว…
“เดี๋ยวนะ ชีพจรเปลวไฟใต้พิภพ…” ขณะนั้นก็มีบางอย่างแวบเข้ามาในหัวหลินเฟย ทันใดนั้นเ้าตัวก็รู้ทันทีว่าข้างใต้นั้นไม่ใช่จุดชีพจรเปลวไฟใต้พิภพ!
หากเป็จุดชีพจรใต้พิภพจริงๆ ระยะใกล้แค่นี้ไม่มีทางที่จะไม่มีไอิญญาแปรปรวนเช่นนี้แน่ ทว่าตอนนี้นอกจากจะรู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในห้วงมิติที่บิดเบี้ยวแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกถึงไอิญญาอีกเลย
และก็เป็อย่างที่คิดไว้จริงๆ…
ชั่วขณะที่หลินเฟยรู้สึกถึงความผิดปกตินั้น รอบด้านก็พลันสั่นะเืรุนแรง จากนั้นก็มีเสียงะเิดังสนั่นขึ้น หลินเฟยรู้สึกราวกับมีกระจกบานใหญ่แตกกระจาย
ไม่นานรอบด้านของหลินเฟยก็พลันว่างเปล่าลง ไอิญญาและพลังปราณปั่นป่วนไปหมด หลินเฟยกำลังตกอยู่ในห้วงมิติที่กว้างใหญ่ก็จริง แต่ทุกอย่างกลับเริ่มบิดเบี้ยวจนไม่เป็รูปร่างแล้ว…
“บ้าเอ๊ย ช่องว่างระหว่างมิติ!” หลินเฟยรู้ได้ทันทีว่ากำลังเกิดเื่ใหญ่ขึ้นแล้ว แต่น่าเสียดาย ที่สายไปเสียแล้ว
เพราะเสี้ยววินาทีที่หลินเฟยผ่านเข้ามาในช่องว่างระหว่างมิติแห่งนี้ ก็มีขุมพลังอันน่ากลัวปะทะเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง ขุมพลังนี้เป็แรงกดดันระหว่างสองพิภพ พลังที่เกิดจึงรุนแรงและน่าสะพรึงกลัวเป็อย่างมาก หลินเฟยรู้สึกคล้ายกับกำลังถูกมือั์กดทับเอาไว้อยู่ เพียงครู่เดียวกายเนื้อที่แข็งแกร่งปานเหล็กกล้าก็ปรากฏรอยแตกร้าวนับไม่ถ้วนเสียแล้ว!
หากถามว่าช่องว่างระหว่างมิติคืออะไร?
ช่องว่างระหว่างมิติก็คือพื้นที่ว่างระหว่างสองพิภพ
และในพื้นที่ว่างนี้เอง ต่อให้เป็เวลาหรือห้วงมิติก็ล้วนไม่มีความหมาย เพียงก้าวเข้ามาก็จะถูกแรงกดดันรุนแรงระหว่างสองพิภพกดทับเข้า และก็ไม่ใช่พลังที่ผู้บำเพ็ญขั้นมิ่งหุนจะสามารถรับได้ง่ายๆ…
หลินเฟยรู้ดีว่าหากครั้งนี้ไม่สามารถรับมือได้ เกรงว่าคงต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่จริงๆ เมื่อคิดได้ดังนั้น ก็รีบบงการกล่องกระบี่เจิงหนิงและกระบี่ดาวอัปมงคลทั้งสี่ออกมาคุ้มกาย อีกทั้งยังปลดปล่อยปราณกระบี่ไท่อี๋และซีรื่อออกมาอีกด้วย โดยปราณกระบี่ไท่อี๋ได้กลายเป็สะพานสีทองรองรับอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา ส่วนปราณกระบี่ซีรื่อก็กลายสภาพเป็ดวงตะวันสีทองสาดส่องอยู่เหนือหัว ไม่นานหลินเฟยก็งัดทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้ออกมา จึงพอต้านรับได้บ้างช…
แต่ก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น…
เพราะไม่ว่าจะเป็กล่องกระบี่เจิงหนิงหรือกระบี่ดาวอัปมงคลทั้งสี่ หรือแม้แต่ปราณกระบี่ไท่อี๋และซีรื่อล้วนไม่อาจต้านทานแรงกดดันรุนแรงระหว่างสองพิภพได้…
นอกเสียจากกล่องกระบี่เจิงหนิงและกระบี่อัปมงคลทั้งสี่จะพัฒนาเป็ศาสตราวุธ…
แน่นอนว่าเวลานี้หลินเฟยไม่มีเวลาคิดเื่อื่นอีกแล้ว บัดนี้เขาทำได้เพียงพยายามอย่างสุดความสามารถเท่านั้น เพื่อต้านไม่ให้ถูกพลังอันรุนแรงนี้กลืนกินเข้าไป ถัดมาหลินเฟยก็โคจรพลังเพื่อรีดเืหนึ่งหยดออกมา จากนั้นก็กรีดนิ้วให้เืไหลออก แล้วรีบเขียนอักขระบทจิงหยวนของเคล็ดวิชาจูเทียนฝูถูด้วยเืออกมาสามร้อยหกสิบห้าตัว ทันใดนั้นก็มีลำแสงสีทองสว่างขึ้น แม้แต่แรงกดดันรุนแรงก็ยังต้องขาดห้วงไปชั่วขณะหนึ่ง…
หลินเฟยรู้ดีว่านี่เป็เพียงโอกาสเดียวที่เขาเหลืออยู่ หากอักขระบทจิงหยวนที่เขียนด้วยเืไม่อาจจับเหล็กเซียนอัสนีเหล่ยยวี่ได้ละก็ หลินเฟยก็จะยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี และจำยอมกลับไปมือเปล่า
อักขระทั้งสามร้อยหกสิบห้าตัวของบทจิงหยวนรวมตัวกันจนกลายเป็ัสีทอง ก่อนจะคำรามกึกก้องไปทั่วบริเวณ ัทองฝืนต้านพลังกดดันอันรุนแรงเอาไว้ ก่อนจะจ้วงกรงเล็บออกไป…
“จับได้แล้ว!” ัทองตนนี้เกิดจากอักขระที่เขียนด้วยเืของหลินเฟย จึงทำให้มีจิตใจเชื่อมโยงกัน หลินเฟยจึงสามารถล่วงรู้ได้ทันทีที่เ้าัทองจับบางอย่างได้!
หลังจากจับได้ หลินเฟยก็บงการให้ัทองกลับมา ทันใดนั้นเ้าัก็สลายกลายเป็อักขระสีทองสามร้อยหกสิบห้าตัวตามเดิม บัดนี้หยดเืได้สลายไปหมดแล้ว เพียงครู่เดียวอักขระสีทองก็พลันสลายไปในช่องว่างระหว่างมิติด้วยเช่นกัน ส่วนสิ่งที่เ้าัทองจับได้นั้น ก็ร่วงลงสู่ฝ่ามือของหลินเฟยเรียบร้อยแล้ว…
“หืม?”
ทว่าหลังจากเห็นของที่อยู่ในมือ หลินเฟยก็ชะงักทันที
‘บ้าเอ๊ย นี่ไม่ใช่เหล็กเซียนอัสนีเหล่ยยวี่งั้นหรือ?’
สิ่งที่ร่วงลงสู่มือหลินเฟยเป็เพียงหมอกควันดำสายหนึ่งเท่านั้น แถมภายในยังมีมนต์สะกดส่องแสงสีทองระยิบระยับ เพียงดูก็รู้ว่าจะต้องเป็อาวุธที่ร้ายกาจแน่นอน หากเป็เวลาปกติการได้อาวุธร้ายกาจเช่นนี้มาครอง ก็ถือว่าเป็เื่ที่น่ายินดีไม่น้อย แต่ปัญหาก็คือสิ่งที่หลินเฟย้าตอนนี้ไม่ใช่อาวุธที่ร้ายกาจ แต่เป็เหล็กเซียนอัสนีเหล่ยยวี่เท่านั้น…
“ ไม่มีเวลาแล้ว…” บัดนี้ปราณกระบี่ไท่อี๋และซีรื่อเริ่มอับแสงลงเรื่อยๆเพราะแรงกดดันอันรุนแรงระหว่างสองพิภพ หลินเฟยรู้ตัวว่าบัดนี้เขาได้หมดโอกาสลงแล้ว
หากเป็เช่นนั้น ก็ต้องออกจากที่นี่ก่อนแล้วกัน
หลินเฟยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเก็บปราณกระบี่ทั้งสองสายกลับมา ขณะเดียวกันก็ยื่นมือออกไป จากนั้นกล่องกระบี่เจิงหนิงและกระบี่ดาวอัปมงคลทั้งสี่ก็เข้ามารายล้อมอยู่ข้างกายของเขา ก่อนที่จะวกกลับมาทางเดิม ทว่าชั่วขณะที่กำลังหันหลังเตรียมจากไป ทันใดนั้นเองก็มีสายฟ้าฟาดผ่าลงมาเสียก่อน
‘ไม่รู้ว่าจงใจหรือแค่บังเอิญกันแน่…’
เพราะเสี้ยววินาทีที่สายฟ้าผ่าลงมา มันก็หยุดนิ่งชั่วครู่คล้ายกับกำลังเยาะเย้ยหลินเฟย จากนั้นสายฟ้าก็พุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็ว ก่อนจะพุ่งชนสุดเขตช่องว่างระหว่างมิติอย่างความรุนแรง…
“หน็อยแน่ ช่างกล้าดีนักนะ!” หลินเฟยเห็นดังนั้นก็โกรธจนเืขึ้นหน้า
ทว่าหลังจากนั้นก็เขาต้องหยุดชะงักทันที…
เพราะหลังจากสายฟ้าพุ่งชนสุดเขตแดนช่องว่างระหว่างมิติ ก็ได้เกิดเสียงดังกัมปนาทตามมา
“หื้อ เกิดอะไรขึ้น?”
ในขณะที่หลินเฟยยังมึนงงไม่หาย สายฟ้านั้นก็พุ่งชนอย่างรุนแรงอีกครั้งกระทั่งเกิดเป็เสียงดังสนั่นอีกครั้ง
ทันใดนั้นหลินเฟยก็เข้าใจทันที
‘นี่คือกำแพงพิภพ!’
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------