“เ้ากล้าทำร้ายเขา เห็นทีเ้าคงไม่อยากออกไปจากที่นี่!” โจวมู๋เจี๋ยกล่าวเสียงเย็น พลันลมปราณปะทุออกจากร่างเขาพร้อมแสงเรืองรองรอบกาย ภายใต้แสงนี้ทำให้โจวมู่เจี๋ยตัวสูงใหญ่ขึ้น ทั้งยังลมปราณนั้นก็อยู่ขั้นรวมชี่ โจวมู่เจี๋ยเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ และอยู่ขั้นที่ 2 พลังแห่งขั้นรวมชี่ถูกปลดปล่อย บรรยากาศเปลี่ยนไปจนอึมครึม ผู้คนต่างต้องตกตะลึงกับลมปราณที่น่าสะพรึงกลัวของโจวมู่เจี๋ย
“โจวมู่เจี๋ยสมแล้วที่เป็ลูกหลานสายตรงของตระกูลโจว ลมปราณที่ปล่อยออกมาน่าหวาดกลัวมาก ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ทั่ว ๆ ไปจะเทียบชั้นได้ ดูท่าชายผู้นี้จะโชคร้ายแล้ว” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้คนไม่น้อยเห็นด้วยกับคำพูดของคนผู้นี้
“ตายซะเถอะ!” โจวมู่เจี๋ยแผดเสียงะโพร้อมอัดพลังหยวนใส่มือ ก่อนจะปล่อยออกไป
เย่เฟิงเผยสีหน้าเย็นเยียบ นึกไม่ถึงว่าโจวมู่เจี๋ยจะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 2 จากนั้นเขาเดินออกมาพร้อมพลังดารารายล้อมกาย แสงดาวส่องระยิบระยับ ก่อนจะหลบหลีกการโจมตีของโจวมู่เจี๋ยในพริบตา
“สวะขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 กล้าดียังไงมาทำตัวอวดดีต่อหน้าข้า ดูซิว่าเ้าจะรับการโจมตีนี้ได้หรือไม่?” โจวมู่เจี๋ยเห็นว่าโจมตีล้มเหลวก็ชักดาบออกมา พร้อมตวัดดาบโจมตีเย่เฟิง
“ฝ่ามือภูผาพิฆาต!” เย่เฟิงแผดเสียงคำรามพร้อมปล่อยฝ่ามือภูผาพิฆาตออกไป ซึ่งผสานด้วยเอกลักษณ์หอกและอำนาจฟ้าดิน คล้ายกับมีแรงกดดันมาเยือนจากฟากฟ้า ทำให้รังสีดาบของโจวมู่เจี๋ยเปลี่ยนทิศทางไปอย่างฉับพลัน ตัวดาบส่งเสียงกู่ร้องและโจวมู่เจี๋ยรู้สึกชาที่แขน
“ต่อให้อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 2 เ้าก็ทำอะไรข้าไม่ได้!” เย่เฟิงแสยะยิ้มขณะก้าวเดินต่อ แสงดาวส่องระยิบระยับรอบกาย และปรากฏแผนที่ดาวขนาดใหญ่ ราวกับปกคลุมไปทั่วทั้งภัตตาคาร
“คุยโวโอ้อวดยิ่งนัก!” โจวมู่เจี๋ยถูกเย่เฟิงโจมตี จากนั้นเขาตวัดดาบออกไปอย่างต่อเนื่อง ห้วงอากาศราวกับถูกฉีกขาด
“โจวมู่เจี๋ยขั้นรวมขี่ที่ 2 แข็งแกร่งกว่าโจวมู่ไป๋หลายเท่าอย่างที่คิดไว้จริง ๆ” เย่เฟิงคิดในใจขณะหลบหลีกการโจมตีของโจวมู่เจี๋ย เมื่อบรรลุขั้นรวมชี่ ระยะห่างของแต่ละขั้นจะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
“ท่าร่างของชายผู้นี้แปลกพิลึกมาก!” ผู้คนอดใไม่ได้เมื่อเห็นเย่เฟิงเคลื่อนไหวราวกับดาวตก ทะลวงผ่านรังสีดาบของโจวมู่เจี๋ยได้อย่างง่ายดาย
“ชิ้ง!” โจวมู่เจี๋ยเหวี่ยงดาบ รังสีดาบอันคมกริบเข้าโจมตีเย่เฟิง แต่เย่เฟิงรู้ดี เขาถึงกับวางแผนไว้ล่วงหน้า พลันหอกัเงินประกายปรากฏในมือเขา ก่อนจะแทงหอกออกไป รังสีหอกเข้าปะทะกับรังสีดาบของโจวมู่เจี๋ย
“อั๊ก!” มีเสียงโอดครวญดังขึ้น รังสีหอกที่อัดแน่นด้วยอำนาจหอกของเย่เฟิงแข็งแกร่งอย่างมาก ทำโจวมู่เจี๋ยถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“ตายซะ!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ รังสีหอกที่น่าสะพรึงกลัวกลายเป็ลำแสงไร้เทียมทาน ก่อนจะไปเยือนโจวมู่เจี๋ยในชั่วพริบตา ทำโจวมู่เจี๋ยใเล็กน้อยพร้อมหลบไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นตวัดดาบโจมตีไปยังตำแหน่งศีรษะของเย่เฟิง
“ฟิ้ว!” เย่เฟิงใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อหลบรังสีดาบของโจวมู่เจี๋ย ขณะเดียวกันก็ปล่อยฝ่ามือภูผาพิฆาตออกไปอีกครั้ง พร้อมด้วยสายลมพัดโหม ในเวลาเดียวกันนั้นอีกสามคนที่เหลือเห็นโจวมู่เจี๋ยฆ่าเย่เฟิงไม่ได้ ผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาสองคนในนั้นปล่อยพลังฝ่ามือเข้าปะทะกับฝ่ามือภูผาพิฆาตพร้อมกัน ทว่าฝ่ามือภูผาพิฆาตของเย่เฟิงแข็งแกร่งเกินไป สองคนนั้นที่ร่วมมือกันถูกฝ่ามือนั่นซัดกระเด็นจนกระอักเืออกมา และใน่เวลาสั้น ๆ นี้โจวมู่เจี๋ยก็ได้ตวัดดาบออกไปอีกครั้ง ราวกับสะบั้นได้ทุกสิ่ง
แสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตาของเย่เฟิง พลังดาราโคจรรอบกาย ก่อนจะก้าวออกไปอีกครั้ง
“หอกดุจั!” เย่เฟิงแผดเสียงะโพร้อมรังสีหอกถูกปล่อยออกไป พลางมีเสียงคำรามของัดังสนั่น ราวกับมีเทพัพิโรธก็ไม่ปาน รังสีหอกกลายเป็เงามายาัที่อัดแน่นไปด้วยอำนาจหอกขั้นผันแปร ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว รังสีหอกเทพัปะทะกับรังสีดาบของโจวมู่เจี๋ย คลื่นทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่ว พลอยทำให้ภัตตาคารเกิดการสั่นะเื ส่วนโจวมู่เจี๋ยถอยหลังไปอีกครั้งพร้อมสีหน้าซีดเซียว เขาคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 2 และมีสหายร่วมสำนึกอีกสามคน แต่กลับจัดการผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 แค่คนเดียวไม่ได้ ทั้งยังถูกโจมตีจนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก
“เ้าต้องตาย!” โจวมู่เจี๋ยแผดเสียงคำราม พลันิญญาาปรากฏตัวที่ด้านหลัง เงามายาต้าเผิงปรากฏผลุบ ๆ โผล่ ๆ ซึ่งิญญาาไม่ด้อยไปกว่าของโจวมู่ไป๋แม้แต่นิดเดียว จากนั้นมันพุ่งเข้าโจมตีเย่เฟิงอย่างบ้าคลั่ง แต่เย่เฟิงแสยะยิ้มพร้อมใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อและหลบหลีกการโจมตีของต้าเผิงได้อย่างง่ายดาย
ขณะเดียวกันเย่เฟิงปล่อยรังสีหอกออกไปอีกครั้ง มันอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง ราวกับทะลวงทุกสิ่งทุกอย่าง เป้าหมายของหอกนี้คือศิษย์สำนักศึกษาเสินเจียงที่ไม่ได้เข้าร่วมศึกนี้ หอกเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ กระทั่งทะลวงลำคอของอีกฝ่าย เืต้องพุ่งกระฉูดราวกับน้ำพุ ทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตอบสนอง
“เข้ามาให้หมดเลยเถอะ สำนักศึกษาเสินเจียงบ่มเพาะแต่ศิษย์ไร้ประโยชน์แบบนี้หรือ” เสียงเย้ยหยันดังออกจากปากของเย่เฟิง ส่วนคนนั้นที่ถูกหอกทะลวงลำคอก็ล้มลงไปกองกับพื้น จากนั้นเย่เฟิงไม่สนใจคนนั้นอีก และไปอุ้มชายชราและหญิงร่างผอมบาง ก่อนจะะโออกจากหน้าต่างของภัตตาคาร ฉากนี้ทำให้โจวมู่เจี๋ยโกรธจนตัวสั่นสะท้าน
“ตามไป วันนี้ข้าโจวมู่เจี๋ยต้องเอาชีวิตคนผู้นี้มาให้จงได้” โจวมู่เจี๋ยกล่าวกับศิษย์ร่วมสำนักที่เหลืออยู่สองคนด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว สองคนนั้นก็พยักหน้า จากนั้นทั้งสามไล่ตามเย่เฟิงไป ปล่อยให้ผู้คนตะลึงงัน
“ไปแล้ว” ผู้คนมองคนเ่าั้ที่หายไปด้วยสายตาตกตะลึง
ชายหนุ่มขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 นึกไม่ถึงว่าจะแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้ แม้จะถูกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 2 และผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาอีกสามคนล้อมกรอบ แต่ก็รอดไปได้ ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ ฝ่ายตรงข้ามสี่คนเป็ฝ่ายเสียเปรียบ มีสองคนถูกชายผู้นั้นทำร้ายและอีกหนึ่งคนถูกหอกปลิดชีพ ช่างเป็เื่ที่น่าใยิ่งนัก ทำให้ผู้คนใกับเื่นี้อยู่สักพัก กว่าจะได้สติกลับคืนมา แต่ท่วงท่าของเย่เฟิงก็ยังตราตรึงอยู่ในใจของพวกเขา
บนถนน เย่เฟิงทะยานด้วยความรวดเร็วเพื่อสลัดให้หลุดพ้นจากพวกโจวมู่เจี๋ย เขารู้ว่าตระกูลโจวมีอิทธิพลมากในเมืองหลวง หากเขาเปิดเผยตัวตนที่นี่ก็อาจจะเป็อันตราย และครั้งนี้เป้าหมายในการเดินทางของเขาก็คือผงกระดูกปีศาจั เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปกับการไล่ล่าของคนตระกูลโจว เขาจึงหลบหนีอย่างสุดความสามารถ
ผ่านถนนมาหลายสิบตรอก กระทั่งมาถึงจุดที่เงียบสงบ เมื่อเย่เฟิงรู้สึกว่าทิ้งห่างจากพวกโจวมู่เจี๋ยมาไกลมากแล้ว เขาจึงหยุด
จากนั้นเย่เฟิงปล่อยหญิงร่างผอมบางและชายชราลง แม้ชายชราจะาเ็หนัก แต่ก็ไม่ถึงแก่ชีวิต
“ขอบคุณพ่อหนุ่มมากที่ช่วยชีวิต ข้าและหลานสาวเสี่ยวเตี๋ยติดค้างท่านแล้ว” ชายชรากล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แววตาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้งใจ
“เสี่ยวเตี๋ยขอบคุณท่านมาก” หญิงสาวกล่าวพร้อมโค้งคำนับให้เย่เฟิง แล้วดวงตากลมโตคู่นั้นก็มองเย่เฟิงด้วยความเลื่อมใสศรัทธา
หากเย่เฟิงไม่ลงมือช่วย เวลานี้ชีวิตของนางคงตกอยู่ในเงื้อมมือของศิษย์สำนักศึกษาเสินเจียงพวกนั้นแล้ว
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก สถานการณ์คับขัน ข้าทำได้เพียงช่วยพวกเ้าสองคนได้แค่นี้”
เย่เฟิงไม่ได้สนใจมากมายอะไรนัก จากนั้นมียาเม็ดหนึ่งปรากฏในมือ ก่อนจะส่งไปให้ชายชรา “นี่คือยารักษา ท่านกินยานี้แล้วจะปลอดภัย ถ้าเช่นนั้นพวกเราจากกันตรงนี้ หลังจากข้าไป เ้าสองคนก็รีบหนีไปเสีย”
หลังจากนั้นเย่เฟิงส่งถุงเงินให้กับเสี่ยวเตี๋ย ก่อนจะกะพริบร่างหายไปในทันที
ขณะที่เสี่ยวเตี๋ยมองแผ่นหลังของเย่เฟิงที่จางหายไปก็โค้งตัวเล็กน้อย เพื่อแสดงความขอบคุณ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้