“แปดฝ่ามือพิฆาต!”
หลินเฟิงปล่อยหมัดออกไปอย่างไม่ลังเล ทำให้ทิศทางลูกศรเบนไปทางอื่นเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าหลินเฟิงได้คาดการณ์ไว้แล้ว เขาจึงสะบัดมือและปลดปล่อยหยวนชี่ออกไปเพื่อป้องกันลูกศร
“ตูม ตูม!”
ฝ่ามือของหลินเฟิงทำให้ความเร็วของลูกศรช้าลงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงพุ่งมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“ซินเยี่ย หลบไป!”
ทันใดนั้นหลินเฟิงคำรามออกมา ดาบของเขายังคงปักอยู่ในหน้าอกของอีกฝ่าย เจตจำนงดาบที่รุนแรงได้เข้าไปทำลายภายในร่างกายอีกฝ่าย และนักฆ่าก็ตายอย่างน่าสยดสยองทันที
“ฉึก!”
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา จากนั้นสีหน้าของหลินเฟิงก็เปลี่ยนเป็ขาวซีดขณะหันกลับไป เขาเห็นเพียงลูกศรปักลงไปที่หน้าอกของร่างหนึ่ง!
อย่างไรก็ตามนั่นมิใช่ต้วนซินเยี่ย แต่เป็ชิวเฉ่า ทุกอย่างต่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ชิวเฉ่าได้ผลักต้วนซินเยี่ยออกไปและใช้ร่างของตนรับลูกศรแทน
“ชิวเฉ่า!”
ต้วนซินเยี่ยะโออกมาอย่างเ็ป แต่หลังจากนั้นก็ปรากฏรูบนกระโจมและมีเถาวัลย์ร่วงโรยลงมาคว้าร่างของต้วนซินเยี่ยขึ้นไปในอากาศ
“หยุดนะ!”
หลินเฟิงะโอย่างเกรี้ยวกราด แล้วะโตามขึ้นไปพลางใช้ดาบยาวฟาดฟันออกไป
แต่ในเวลาเดียวกันได้มีอีกร่างหนึ่งลงมาจากท้องฟ้า มันชักมีดยาวเข้าปะทะกับคลื่นดาบและทำลายมัน
เพียงแค่ชั่วพริบตาร่างของต้วนซินเยี่ยก็ได้หายไปจากระโจม นางถูกนำตัวไปโดยเถาวัลย์ลึกลับ
ในใจของหลินเฟิงตื่นตระหนกจนใบหน้าซีดขาว นี่ช่างเป็การวางหมากที่ร้ายกาจยิ่งนัก นอกจากนี้คนคนนั้นยังเป็อัจฉริยะที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 5 ซึ่งเดิมทีหลินเฟิงไม่สามารถป้องกันการโจมตีของพวกเขาได้ทั้งหมด
จู่ๆ คลื่นดาบที่ไม่สิ้นสุดก็ปะทุออกจากดาบของหลินเฟิง ตามด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวน ตอนนี้หลินเฟิงเกรี้ยวกราดอย่างมาก
“ตูม!!!”
คลื่นดาบที่บ้าคลั่งได้ฉีกกระโจมออกเป็เสี่ยงๆ จากนั้นหลินเฟิงก็ออกมาจากกระโจม และมองไปรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง
เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังหนีไป หลินเฟิงพลันะโขึ้นไปในอากาศ แต่ทันใดนั้นก็มีหมัดหนึ่งพุ่งมาปะทะกับใบหน้าของเขา เพื่อหยุดหลินเฟิงเอาไว้
“หลีกทางไปซะ!”
หลินเฟิงคำรามอย่างเยือกเย็นเมื่อถูกหมัดอันแข็งแกร่งชกใบหน้า และเห็นคนที่สวมเสื้อเกราะเงินกำลังขวางทางเขาอยู่
“องค์หญิง ปลอดภัยหรือไม่?”
ทหารนายนั้นกล่าวถามและมองไปที่กระโจม
เมื่อไร้คำตอบ สีหน้าของทหารนายนั้นจึงเปลี่ยนไป เขามองหลินเฟิงและกล่าวว่า “เ้าทำอะไรกับองค์หญิง?”
ััทั้งห้าของหลินเฟิงในตอนนี้ััได้ว่ามีร่างหนึ่งค่อยๆ ห่างจากที่นี่ไป เขาไม่มีเวลาพล่ามไร้สาระอีกต่อไป แล้วเร่งเคลื่อนกายไปข้างหน้าและกวัดแกว่งดาบ
“หึ” คนคนนั้นยิ้มอย่างเ็าและะโ “ธนูเตรียมพร้อม!”
หลังจากกล่าวจบก็มีร่างเงาจำนวนหนึ่งปรากฏกายและยกธนูของพวกเขาขึ้น ซึ่งทั้งหมดต่างเล็งเป้ามาที่หลินเฟิง
สีหน้าของหลินเฟิงพลันเปลี่ยนไป เขาตระหนักถึงสถานการณ์ของตนเองแล้วว่าไม่มีทางหนีไปได้ จึงรีบถอยไปข้างหลังก้าวหนึ่งและจ้องมองทหารพลางกล่าวว่า “ฝีมือเ้าสินะ?”
ทหารนายนั้นไม่สนใจคำถามของหลินเฟิง แต่กลับะโด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “เ้าทำอะไรกับองค์หญิง?”
เมื่อกล่าวจบเขาก็ก้าวออกมา สายตาเหลือบมองกระโจมที่พังพินาศ ภายในนั้นมีศพอยู่ร่างหนึ่งนั่นคือร่างของชิวเฉ่า ไม่ใช่ต้วนซินเยี่ย
“ส่งตัวองค์หญิงมา!”
นายทหารคนนั้นะโเสียงเย็นและมองหลินเฟิงด้วยสายตาทิ่มแทง เมื่อเขายกมือขึ้นสูง ทันใดนั้นทหารจำนวนมากต่างง้างธนูเล็งมาที่หลินเฟิงทั้งหมด พร้อมปล่อยลูกศรได้ทุกเมื่อ
จู่ๆ หลินเฟิงก็ยิ้มและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ม่านตาสีเทาจ้องเขม็งไปยังนายทหารคนนั้น และกล่าวเสียงเย็นว่า “พวกเ้าวางแผนลอบสังหารองค์หญิง อีกทั้งยังจัดฉากเพื่อใส่ร้ายข้า ้าสังหารข้าอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าไม่เข้าใจว่าเ้ากำลังพล่ามอะไรอยู่” นายทหารคนนั้นจดจ้องหลินเฟิงด้วยแววตาเยือกเย็น และกล่าวอย่างไม่แยแสว่า “ชีวิตของเ้าจะไปเทียบกับองค์หญิงได้อย่างไร เ้าประเมินตัวเองสูงไปแล้ว”
“แม้ว่าเ้าจะอยู่ใต้บังคับบัญชาของท่านแม่ทัพหลิ่ว แต่วันนี้เ้าได้สังหารข้ารับใช้ขององค์หญิงและยังลักพาตัวองค์หญิงไปอีก หากเ้าไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนพอ วันนี้ที่นี่จะกลายเป็หลุมฝังศพของเ้า”
คำอธิบาย?
หลินเฟิงยิ้มอย่างเ็า ตอนนี้เขายัง้าคำอธิบายที่ชัดเจนอีกหรือ?
ในขณะที่องค์หญิงถูกลักพาตัวไปนั้น หากคนเหล่านี้ล้วนเตรียมตัวมาอย่างดี แล้วทำไมถึงไม่เห็นพวกนั้นหลบหนีหรือตอนที่หลินเฟิงกำลังไล่ตามนักฆ่าไป แต่คนเหล่านี้กลับมาขัดขวางเขาไว้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของพวกมันคือ เพื่อมาเอาชีวิตหลินเฟิง
ข่าวที่ว่าหลินเฟิงลอบสังหารทาสรับใช้ขององค์หญิง และการหายตัวไปขององค์หญิงได้แพร่กระจายภายในกองทัพ ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมา
ผู้คนจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามารวมตัวกันที่กระโจมขององค์หญิง เพียงชั่วขณะท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย ต้วนเทียนหลางและคนอื่นๆ ก็ตามมาด้วย
“หลินเฟิง องค์หญิงปฏิบัติต่อเ้าเป็อย่างดี ให้เ้าเป็องครักษ์ส่วนตัวของพระองค์ คาดไม่ถึงว่าเ้าจะกล้าทำเื่ชั่วช้าเช่นนี้ บอกมาว่าตอนนี้องค์หญิงอยู่ที่ไหน?!”
ต้วนเทียนหลางกล่าวอย่างเดือดดาล ขณะนั้นสายตาของคนจำนวนมากต่างจ้องมาที่หลินเฟิง
หลินเฟิงไม่สามารถอธิบายได้
แม้จะแก้ตัวไปก็คงไม่มีใครเชื่อเขา เนื่องจากต้วนเทียนหลางและคนอื่นๆ ต่างกล่าวหาหลินเฟิงเช่นนั้นไปแล้ว แม้จะยังหาคนร้ายตัวจริงไม่ได้ก็ตาม
ในตอนนี้หลายคนล้วนเชื่อว่า หลินเฟิงเป็ผู้สังหารชิวเฉ่าและลักพาตัวองค์หญิงไป
หลินเฟิงยังไม่สามารถบอกได้ว่า ในการลอบสังหารองค์หญิงในครั้งนี้ จะเป็ฝีมือของต้วนเทียนหลางที่สั่งการนายทหารสักคนเพื่อลงมือหรือไม่
“ต้วนเทียนหลาง ท่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับเื่นี้หรือไม่?” หลินเฟิงถามด้วยเสียงเ็า ถ้าหากต้วนเทียนหลางเป็คนทำจริงๆ เช่นนั้นแล้วเขาย่อมเป็คนไร้ยางอายและยังเหี้ยมโหดเป็อย่างมาก หากไม่ใช่ว่าหลินเฟิงขัดขวางการโจมตีของนักฆ่าได้ เกรงว่าต้วนซินเยี่ยอาจต้องถูกลูกศรปักอกจนตายไปแล้วก็ได้
“เื่มาถึงขนาดนี้แล้ว เ้านี่ช่างรนหาที่ตายเหลือเกินนะ”
ต้วนเทียนหลางกล่าวเสียงเ็า จากนั้นก็กล่าวต่อว่า “หลินเฟิง ข้าจะให้เวลาเ้าไตร่ตรองดีๆ หากเ้าไม่บอกว่าองค์หญิงอยู่ที่ไหนล่ะก็ เ้าจะถูกสังหารเพื่อเป็การลงโทษ”
เมื่อสิ้นสุดเสียงอันฉียบขาดของต้วนเทียนหลาง เขาก็ปล่อยจิตสังหารอันแรงกล้าออกมา และพุ่งตรงไปที่หลินเฟิง
สีหน้าของหลินเฟิงยังคงเย็นะเื ไม่มีไม่ซึ่งอารมณ์ใดๆ
หากต้วนเทียนหลางมีส่วนเกี่ยวข้องกับเื่นี้ก็นับว่าเป็โอกาสที่ดีสำหรับเขา แต่เพตุใดต้วนเทียนหลางถึงไม่สังหารเขา และปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างเสียเปล่าเช่นนี้?
เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งก้านธูป มันก็เพียงพอที่หลิ่วชั่งหลันเดินทางมาถึงสถานที่แห่งนี้ทันทีที่ได้ทราบข่าวลือ
หลินเฟิงไม่เข้าใจความคิดของต้วนเทียนหลางเลยสักนิด
ตอนนี้หลินเฟิงไม่อาจระบุได้ชัดเจนว่าต้วนซินเยี่ยในตอนนี้จะยังปลอดภัยดีหรือไม่?
หลินเฟิงในตอนนี้้าออกไปหาต้วนซินเยี่ยอย่างมาก เพราะต้วนซินเยี่ยได้ถูกลักพาตัวไปต่อหน้าต่อตาเขา ไม่ว่าใครจะเป็คนทำแล้วป้ายความผิดให้หลินเฟิง แต่สำหรับหลินเฟิงแล้ว เขายังมีภาระหน้าที่ที่พึงกระทำ นั่นก็คือการเป็องครักษ์ขององค์หญิงต้วนซินเยี่ย
อย่างไรก็ตามตอนนี้เบื้องหน้าของเขามีลูกศรมากมายกำลังเล็งมาทางเขา รวมถึงกองทัพอันแข็งแกร่งที่รายล้อมอยู่โดยรอบ แม้เขา้าจะออกไป แต่มันก็เป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้ หากบุ่มบ่ามแม้เพียงเล็กน้อยชีวิตของเขาก็จะตกอยู่ในอันตราย
ทุกคนต่างหยุดนิ่งอยู่เช่นนั้น จนเวลาผ่านไปอีกหนึ่งก้านธูป
“ตูม!!!”
ทันใดนั้นได้มีม้าจำนวนมากห้อตะบึงมาจนผืนดินต้องสั่นะเื จากนั้นกระโจมก็ได้ถูกล้อมไปด้วยทหารทั้งหมด
“ต้วนเทียนหลาง เ้ากล้าดีอย่างไรถึงกล้าโกหกหลิ่วชั่งหลันผู้นี้?”
ในขณะนั้นได้มีเสียงดุดันเสียงหนึ่งกำลังใกล้เข้ามา เป็หลิ่วชั่งหลันที่ปรากฏตัวขึ้นในอากาศพร้อมแบกคันธนูเอาไว้ด้านหลัง อีกทั้งเื้ัของเขายังมีผู้บัญชาการกองทหารม้าโลหิตจิวชื่อเซวี่ยติดตามมาด้วย เขาตรงมายืนข้างๆ หลินเฟิงทันที โดยสนใจสายตาของทหารที่อยู่รอบๆ
“หลิ่วชั่งหลัน หลินเฟิงทำผิดต่อองค์หญิงและตอนนี้องค์หญิงได้หายตัวไป เ้าเป็ถึงแม่ทัพใหญ่แท้ๆ แต่เ้ากลับปกป้องเขาเช่นนี้ ไม่ทราบว่าเ้ามีเจตนาร้ายอะไรกันแน่?”
ต้วนเทียนหลางจ้องหลิ่วชั่งหลันอย่างไม่ยอมแพ้
“ข้าไม่สนใจว่าใครจะเป็คนลักพาตัวองค์หญิงไป แต่สิ่งที่ควรทำในตอนนี้คือตรวจสอบและหาตัวองค์หญิงให้พบ องค์หญิงเพิ่งหายตัวไปไม่นาน ไม่แน่ว่านางอาจยังอยู่ภายในค่ายทหารนี้ก็เป็ได้ และที่เ้าได้เรียกให้ทหารมารวมตัวกันเช่นนี้ นอกจากไม่เกิดประโยชน์ใดๆ แล้ว ยังทำให้ทหารเสียกำลังใจจากเื่ขององค์หญิงอีกต่างหาก เ้า้าเช่นนั้นหรือ?”
คำพูดของหลิ่วชั่งหลันทำให้หลินเฟิงประหลาดใจ เป็ไปตามที่คาดไว้หลิ่วชั่งหลันนั้นมีประสบการณ์มากมาย เพียงกล่าวประโยคเดียวก็ครอบคลุมทุกประเด็นหลัก
ต้วนเทียนหลางไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็ถึงเทียนหลางอ๋องและเป็ถึงแม่ทัพใหญ่ เขาจะไม่เข้าใจประเด็นที่แท้จริงของเื่นี้ได้อย่างไร การหายตัวไปขององค์หญิง สิ่งแรกที่ควรทำคือค้นหาค่ายทหารทุกซอกทุกมุม ไม่ใช่นำทหารจำนวนมากมาที่นี่ตามอำเภอใจเพื่อล้อมจับหลินเฟิง แทนที่จะออกคำสั่งให้ปิดทางเข้าออกค่ายทหารทั้งหมด เห็นแบบนี้แล้วยิ่งดูเหมือนว่าเื่นี้หลิ่วชั่งหลันจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน
“แน่นอนว่าข้าเข้าใจดี อย่างไรก็ตามเพียงเวลาก้านธูปเดียว หลินเฟิงก็ยังไม่ยอมอธิบายว่าองค์หญิงอยู่ที่ไหน หลิ่วชั่งหลันเ้าเป็ถึงแม่ทัพ เ้ามีหน้าที่เค้นความจริงจากปากหลินเฟิงเสียด้วยซ้ำ แต่เ้ากลับเข้าข้างคนผิดเช่นนี้ หากเ้าไม่ถอยออกไปก็อย่าหาว่าข้าไร้เมตตาก็แล้วกัน”
แม้สีหน้าของต้วนเทียนหลางจะดูนอบน้อม ทว่าในใจคล้ายตัดสินใจแล้วว่า เขาต้องจัดการแม้กระทั่งหลิ่วชั่งหลันที่มาขัดขวางเขาเช่นนี้ด้วย
นัยตาของหลิ่วชั่งหลันฉายประกายเยาะเย้ยออกมา พลางกล่าวเหน็บแนมว่า “ที่ข้าเชิญเ้ามาร่วมสู้รบกับข้านั้น ถือว่าข้าคิดผิดมหันต์นัก เทียนหลางอ๋อง… ที่แท้เ้ามันเป็คนทรยศ!”
“กองทหารม้าโลหิตยังอยู่หรือไม่?”
หลิ่วชั่งหลันะโอย่างเกรี้ยวกราด
“ยังอยู่ขอรับ!”
เสียงโห่ร้องของเหล่าทหารม้าโลหิตดังกังวานไปทั้งอากาศ และในขณะนั้นบรรยากาศก็เต็มไปด้วยจิตสังหารอันรุนแรง
เมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรูที่ยิ่งใหญ่ กองทหารของต้วนเทียนหลางกลับไม่อาจควบคุมสติได้ดี จึงเกิดความโกลาหลขึ้นภายในกองทัพอย่างร้ายแรง
“หลิ่วชั่งหลัน เ้าสมรู้ร่วมคิดกับคนประพฤติชั่วอย่างหลินเฟิงลักพาตัวองค์หญิงไป พวกเ้าเป็ฏสมควรถูกปะา!”
ต้วนเทียนหลางะโอย่างไม่แยแสว่า “ยิงธนู!”
เมื่อสิ้นสุดเสียงของต้วนเทียนหลาง ลูกศรมากมายราวกับห่าฝนต่างพุ่งไปที่หลิ่วชั่งหลันและหลินเฟิง
“ฆ่ามันให้หมด!”
จิวชื่อเซวี่ยคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด กองกำลังทหารม้าโลหิตจึงเคลื่อนไหวทันทีและปล่อยยิงลูกธนูออกมาอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นได้เกิดเสียงกรีดร้องระงม เหล่าทหารที่ถูกทหารม้าโลหิตล้อมเอาไว้ต่างถูกกำจัดไปทีละคนๆ
ต้วนเทียนหลางพยายามจะสังหารแม่ทัพหลิ่วชั่งหลัน เหล่าทหารม้าโลหิตที่ต่างก็ศรัทธาในตัวแม่ทัพ เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็ยิ่งทำให้พวกเขาโกรธเกรี้ยวเป็อย่างมาก
ตอนนี้กองกำลังทหารม้าโลหิตได้สังหารทหารของต้วนเทียนหลางไปมากมาย ทำให้ทหารของฝ่ายต้วนเทียนหลางเกิดโทสะขึ้นมา
พริบตาเดียวาภายในได้ปะทุขึ้น
แววตาของทหารทุกนายเต็มไปด้วยจิตสังหาร พวกเขาลงมือฆ่าฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ลังเล
นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงกลายเป็แบบนี้ไปได้?
เนื่องจากหลินเฟิงเป็ต้นเหตุที่ทำให้ทหารทั้งสองฝ่ายมารวมตัวกันที่นี่ ผ่านไปไม่นานกลับเกิดาภายในขึ้น มันวุ่นวายจนหลินเฟิงไม่อาจควบคุมได้ ายิ่งลุกลามไปอย่างรวดเร็ว จนทหารทั้งสี่แสนนายในตอนนี้ต่างหันมาเข่นข้ากันเองจนตกตายไปอย่างน่าอเนจอนาถ
เื่ทั้งหมดนี้ ราวกับได้รับการวางแผนมาด้วยความรอบคอบ ั้แ่ที่หลินเฟิงเข้าไปในกระโจมขององค์หญิง แผนการก็คล้ายกับเริ่มดำเนินั้แ่ตอนนั้นแล้ว
“ปู้น!!!”
ทันใดนั้นได้มีเสียงแตรดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ แต่ทหารที่กำลังต่อสู้ดูเหมือนจะไม่ได้ยิน ทว่าขณะนั้นสีหน้าของหลินเฟิงและหลิ่วชั่งหลันก็กลายเป็ซีดขาวโดยฉับพลัน
นั่นเป็เสียงแตรส่งสัญญาณเริ่มต้นการรบ และสิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุดกำลังจะเกิดขึ้น ในขณะนั้นกองทัพของอาณาจักรโม่เยว่ก็ได้เข้าโจมตีพวกเขา