แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะไม่คึกคักมาก แต่อากาศนั้นช่างบริสุทธิ์ สองข้างทางมีร้านน้ำชาและร้านภาพเขียนมากมาย นอกจากนี้ยังมีโรงละครที่ไว้สำหรับการเล่าเื่และร้องเพลงอีกด้วย หลายคนที่ไม่เคยพบหน้าหรือล้มเหลวในการสอบเข้าก็จะมารวมตัวกันที่นี่ ที่แห่งนี้จึงล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นอายของบทกวีและผู้คนที่สุภาพอ่อนโยน
ตระกูลม่อเปิดโรงน้ำชาทำให้เหยียนชิงประหลาดใจเล็กน้อย ภัตตาคารตระกูลม่อเป็ภัตตาคารระดับสูง กิจการของตระกูลม่ออยู่ในพื้นที่เจริญรุ่งเรือง กลับเปิดโรงน้ำชาในสถานที่ดังกล่าว สายตาของม่อเสียวเสี่ยวนั้นไม่เหมือนใคร คงเป็ความคิดอันบริสุทธิ์ของเด็กสาว
ชาติที่แล้วม่อเสียวเสี่ยวก็มีโรงน้ำชาแบบนี้ด้วย ต่อมาก็กลายเป็สถานที่ส่วนตัวของเหยียนิฮ่วนและเพื่อนสุนัขจิ้งจอกของเขา ม่อเสียวเสี่ยวโกรธจนแทบจะลุกเป็ไฟ เหมือนว่าเพราะเหยียนิฮ่วนมัดเว่ยซูหานไว้ที่นี่เพื่อเล่นสนุกทำให้ม่อเสียวเสี่ยวโกรธ ในที่สุดเว่ยซูหานก็หนีออกไปจากที่นี่ได้และเดินทางไกลไปถึงชายแดนทางเหนือ
“เหตุใดลูกสาวของท่านถึงคิดจะเปิดโรงน้ำชาที่นี่?””
เหยียนชิงเก็บความคิดและถามออกไปด้วยความสงสัย
ม่ออู๋เว่ยถอนหายใจอย่างจนใจ
“สาวน้อยมีคิดมาก ปกติข้าดูแลนางไม่พอ นางขอร้องข้าว่าอยากเปิดโรงน้ำชา ข้าก็ทำตามใจนาง เดิมทีก็ไม่หวังหากำไร ถือว่าเป็สถานที่พักผ่อนหย่อนใจให้นาง ดังนั้นการเปิดร้านนี้จึงไม่มีชื่อเสียงอะไร บังเอิญได้พบคุณชายรอง คุณชายรองยอมให้เกียรติมาที่ร้านของนาง นางจะต้องดีใจมากแน่ๆ”
พูดจบสายตาก็มองเหยียนชิงอย่างมีความหมาย เขาเข้าใจความคิดของลูกสาวตัวเองดี
เขายอมรับว่าด้วยฐานะของตระกูลม่อ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถบอกได้ว่าคู่ควรกับตระกูลเหยียนขนาดไหน แต่การที่บุตรสาวของเขาจะแต่งเข้าจวนตระกูลเหยียนได้ก็ไม่ใช่เื่ยาก ในตอนแรกเมื่อรู้ว่าคุณชายใหญ่เหยียนกำลังจะแต่งงานกับภรรยาชาย เขาก็อยากจะให้บุตรสาวแต่งงาน โดยไม่รังเกียจที่ภรรยาชายจะได้ตำแหน่งฮูหยินใหญ่
อย่างไรเสียภายใต้สถานการณ์ปกติ แม้ว่าภรรยาชายจะแต่งงานอย่างเปิดเผยก็ไม่ใช่ภรรยาหลวง
แม้ว่าคุณชายใหญ่เหยียนจะมาจากฮูหยินใหญ่ แต่หลังจากแต่งงานกับภรรยาชายแล้ว เขาก็จะกลายเป็ผู้นำตระกูลเหยียนในอนาคต บุตรสาวของเขาก็ไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
ทั้งบุตรสาวของเขากลับชอบคุณชายเหยียนชิง บอกว่าต่อให้เป็อนุของเหยียนชิงก็ยังเต็มใจ ทำให้เขาปวดหัวมาก
ไม่ว่าเหยียนชิงจะคิดอย่างไร แต่ฮูหยินเหยียนก็พูดเอาไว้นานแล้ว เื่สำคัญในชีวิตของคุณชายต้องรอให้เขาเข้าพิธีสวมกวานก่อนและสอบได้ตำแหน่งขุนนางค่อยว่ากัน เมื่อเป็เช่นนี้ หากบุตรสาวจะรอเหยียนชิงก็ต้องรออยู่อีกหลายปี อีกอย่างใช่ว่าเื่นั้นจะสำเร็จ
เช่นนี้ก็ช่างเถอะ ตอนนี้คนคิดไม่สู้ฟ้าลิขิต ใครจะคิดว่าคุณชายใหญ่จะหนีการแต่งงานเพราะไม่อยากแต่งกับภรรยาชาย ตอนนี้เหยียนชิง คุณชายสายตรงกลับแต่งภรรยาชายไปแล้ว ไม่ว่าจะแสดงละครหรือความรู้สึกที่แท้จริง ทุกคนล้วนรู้ว่าเหยียนชิงมีน้ำใจต่อภรรยาชาย เื่ราวช่างซับซ้อนและยุ่งยาก
“คุณหนูม่อช่างมีสายตาเฉียบแหลมจริงๆ”
เหยียนชิงไม่ใช่บัณฑิตไร้เดียงสา ทั้งสายตาและน้ำเสียงของม่ออู๋เว่ยเช่นนี้ก็พอรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร จึงอดถอนหายใจไม่ได้ และรู้ดีว่าระหว่างเขากับม่อเสียวเสี่ยวนั้นเป็ไปไม่ได้
ม่ออู๋เว่ยแสร้งส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “ต่อให้เป็คนฉลาดแค่ไหน ก็จะกลายเป็คนโง่เพราะบางคนและบางเื่ที่เกิดขึ้นเสมอ เฮ้อ...”
เหยียนชิงไม่ตอบ แต่แกล้งทำเป็โง่จะดีกว่า
พูดคุยกันมาตลอดทางกระทั่งถึงโรงน้ำชา ม่ออู๋เว่ยได้เข้าใจเกี่ยวกับตัวของเหยียนชิงใหม่อีกครั้ง ด้วยคำพูดการกระทำและการฝึกวรยุทธ์ของเหยียนชิง จึงไม่แปลกใจที่ลูกสาวจะหลงรักเขา
หออี้เซียนเป็ชื่อของโรงน้ำชาเล็ก ของโม่เสี่ยว อาคารสองชั้นครึ่ง หน้าร้านทั้งหมดเป็สีไม้ ภายในตกแต่งอย่างเรียบง่าย ทว่าเข้ากันได้ดีกับชื่อ เมื่อพวกเขามาถึงในโรงน้ำชามีคนไม่น้อยกําลังพูดคุยกันและจิบชาอยู่
ถึงแม้ว่าจะบอกว่าไม่มีชื่อเสียง แต่คนจำนวนไม่น้อยที่รู้ว่าเป็โรงน้ำชาของคุณหนูม่อก็ยังคงตั้งใจมาร่วมงานเลี้ยง
เถ้าแก่ม่อพาเหยียนชิงเดินเข้าประตูร้านไปก็ได้รับคำแสดงความยินดีจากฝูงชน เมื่อทุกคนเห็นเหยียนชิงก็เข้ามาทักทายอย่างกระตือรือร้น เหยียนชิงรับการคำนับทีละคนก่อนจะเดินตามเถ้าแก่ม่อขึ้นไปข้างบน แต่ยังคงได้ยินคนพวกนั้นเริ่มนินทาและเชื่อมโยงเขาเข้ากับม่อเสียวเสี่ยว
เหยียนชิงแอบรู้สึกจนปัญญา ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ชอบสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน เมื่อมีจุดเริ่มต้นก็ต้องมีจุดสิ้นสุดคำนี้ใช้ไม่ได้จริงๆ แต่งเติมสีสันเล็กน้อยก็กลายเป็เหมือนจริงได้ โชคดีที่เขามีฮูหยินแล้ว และทุกคนก็รู้ว่าเขาดีกับฮูหยินของเขามาก มากจนไม่อาจบรรยายออกมาได้
หากเว่ยซูหานได้ยินที่พวกเขาพูดจะต้องโกรธอย่างแน่นอน
เมื่อมาถึงห้องรับรองที่อยู่ติดกับถนนบนชั้นสอง เขานั่งริมหน้าต่าง และสามารถมองเห็นถนนจากหน้าต่างครึ่งบานได้ ไม่นานหลังจากที่เหยียนชิงนั่งลง เฉินเซียงที่ดูแลจัดของขวัญก็เดินทางมาถึง นางมอบให้เหยียนชิงและถอยไปรอที่ด้านข้าง
ไม่นานก็มีคนผลักประตูเข้ามา เหยียนชิงมองไปก็เห็นม่อเสียวเสี่ยวถือถาดอาหารเดินเข้ามา พอเห็นเขาใบหน้าก็แดงระเรื่อ ยิ้มบางๆ เผยให้เห็นความเขินอายของเด็กสาว พลางทักทายแล้วนั่งลงตรงข้ามเหยียนชิงอย่างสง่างาม
หญิงสาวขี้อายแอบมองบิดาของนางด้วยสายตาขอบคุณ และเอ่ยกับเหยียนชิงเบาๆ หลังจากแนะนำอาหารบนโต๊ะแล้ว นางก็เทเหล้าให้เหยียนชิง สุดท้ายก็กล่าวว่า
“อาหารพวกนี้ข้าเรียนมาจากพ่อครัวที่จวน หากมีข้อบกพร่องตรงไหนหวังว่าคุณชายจะไม่ถือสา”
เหยียนชิงไม่ได้มองนาง หลังจากฟังจบก็หยิบตะเกียบขึ้นมาชิมอาหารอย่างมีมารยาท ก่อนจะเอ่ยว่า “สีสันใช้ได้ รสชาติก็ไม่เลว คุณหนูม่อช่างเก่งจริงๆ”
"คุณชายชอบก็ดีแล้ว”
ม่อเสียวเสี่ยวก้มหน้าหัวเราะคิกคักก่อนจะเริ่มกินด้วยท่าทางสง่างาม
ม่ออู๋เว่ยจิบเหล้าและพูดติดตลกว่า
“ถ้าถูกใจต่อไปจะให้เสียวเสี่ยวทำบ่อยๆ สาวน้อยคนนี้ไม่ชอบอยู่ว่างๆ ทั้งวัน”
“ท่านพ่อ ท่านกำลังพูดเื่อะไร...”
ม่อเสียวเสี่ยวพูดเสียงแปลกๆ แก้มทั้งสองข้างแดงขึ้นเล็กน้อย
“เถ้าแก่ม่อล้อกันเล่นแล้ว”
เหยียนชิงหัวเราะ ก้มหน้าจิบสุรา กินอาหารที่มีรสชาติไม่เลวนี้ด้วยความอึดอัด ในใจก็ทอดถอนใจเบาๆ การสร้างความเข้าใจผิดให้คนอื่นถือเป็โทษหนัก เขาต้องหาโอกาสพูดให้ชัดเจนก่อน
ม่ออู๋เว่ยเป็จิ้งจอกเฒ่า หลังจากลองชิมอาหารบนโต๊ะแล้วก็ลุกขึ้นก่อนจะออกไปทิ้งให้เหยียนชิงและม่อเสียวเสี่ยวอยู่ด้วยกันเพื่อรับประทานอาหารสองต่อสอง ทำให้เหยียนชิงรู้สึกกระอักกระอ่วน โชคดีที่ยังมีสาวใช้คอยปรนนิบัติอยู่ เฉินเซียงก็อยู่ที่นั่นด้วย มิเช่นนั้นเขาก็คงทำตัวไม่ถูก
หลังจากที่เถ้าแก่ม่อออกจากบรรยากาศก็เปลี่ยนเป็คลุมเครือ เหยียนชิงรู้สึกกระอักกระอ่วนจนหูร้อนผ่าว อย่ามองว่าปกติเขาวางแผนเื่ต่างๆ อย่างรอบคอบ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเื่แบบนี้กลับเป็เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในสองชาติ เขาจึงไม่รู้จะรับมืออย่างไรดี
อยากจะแสดงท่าทีดีๆ ก็กังวลว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจผิด หากเ็าก็กลัวว่าจะทำให้หญิงสาวเสียหน้า ดังนั้นผ่านไปครู่ใหญ่จึงก้มหน้าเงียบไป แต่กลับเป็ม่อเสียวเสี่ยวเมื่อนางอยู่กับเขานางก็ปล่อยวางความทะนงตนและเป็ฝ่ายเริ่มก่อน บางครั้งก็รินสุราและคีบอาหารให้เขาเป็ครั้งคราว
“แค่กๆ ให้ข้าทำเองเถอะ...” เหยียนชิงปฏิเสธอย่างสุภาพ “คุณหนูม่อไม่ต้องเกรงใจ”
ม่อเสียวเสี่ยวขมวดคิ้วเล็กน้อย “หรือว่าข้าน้อยปรนนิบัติท่านไม่ดีหรือ?”
“ไม่ใช่...” เหยียนชิงส่ายหน้า “การมีคุณหนูม่อมาปฏิบัติในวันนี้ถือเป็เกียรติอย่างยิ่ง เพียงแต่ข้าเองไม่อาจดื่มสุราได้มาก อาหารก็กินจนใกล้จะหมดแล้ว
มันยิ่งยุ่งยากเข้าไปใหญ่ จะดีกว่าหากจบเร็วๆ
แต่ม่อเสียวเสี่ยวยังคงยกมือขึ้นปิดปากพลางหัวเราะ
“คุณชายดื่มเหล้าได้ไม่เท่าข้าน้อย... ทั้งดูจากสีหน้าคุณชายแล้ว ก็ไม่ได้เมาขนาดนั้น”
เหยียนชิงครุ่นคิดเล็กน้อยและพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ
“แม้ว่าไม่ถึงกับเมา แต่ฮูหยินก็ไม่ชอบให้ข้าดื่มสุรา ดังนั้นเวลาออกไปข้างนอกจะดื่มให้น้อยที่สุด จะได้ไม่กลับไปทำให้ฮูหยินไม่พอใจ หวังว่าคุณหนูม่อจะเข้าใจด้วย”
สิ้นเสียงของเขา ท่าทางการคีบอาหารของนางชะงักไปครู่หนึ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าก็แข็งค้างเล็กน้อย ในใจเกิดความรู้สึกขมขื่นขึ้นมา แต่บุรุษที่รู้จักกาลเทศะก็จะไม่เอ่ยถึงเื่นี้ในเวลานี้ เหยียนชิงกลับทำหน้าไม่เข้าใจ
ผ่านไปสักพัก ม่อเสียวเสี่ยวจึงยิ้มอีกครั้ง
“คุณชายดีต่อฮูหยินจริงๆ...”
น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความคับข้องใจ
เหยียนชิงจิบเหล้าจอกสุดท้าย และวางตะเกียบลง จากนั้นก็มองนางด้วยสีหน้าจริงจัง
“อย่างที่บอกว่าการแต่งงานนั้นเหมือนการผูกปมไปตลอดชีวิต เขาเป็คนที่ข้าอยากใช้ชีวิตร่วมกันไปตลอด แน่นอนว่าต้องดูแลให้ดี”
ม่อเสียวเสี่ยวได้ยินก็เงยหน้าสบตากับเขา "ชีวิตนี้มีแค่คนเดียวหรือ?”
เหยียนชิงพยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่ พื้นที่ในใจข้านี้มีจำกัด แค่คนเดียวก็เพียงพอ”
ม่อเสียวเสี่ยวมองหน้าเขาครู่หนึ่ง ดวงตาของนางคล้ายกับมีน้ำที่กำลังส่องประกาย นางก้มหน้าลงดื่มสุราจนหมดจอก ถอนหายใจเบาๆ สองทีก่อนจะมองไปที่เหยียนชิงด้วยดวงตาแดงก่ำ ลุกขึ้นยืนและขบริมฝีปาก
“เช่นนั้น... ข้าก็ขออวยพรให้คุณชายกับฮูหยินรักกันจนแก่เฒ่า มีกันและกันไปจนวันตาย”
เมื่อพูดถึงเื่นี้ นางก็รู้อยู่แล้วว่าเหยียนชิงไม่ใช่ไม่เข้าใจเื่หนุ่มสาว แต่จงใจทำเช่นนั้น สุภาพอ่อนโยนแต่ไร้ความปรานี นางคิดว่าตัวเองเหมือนดอกไม้หยก แต่กระนั้นก็เทียบไม่ได้กับบุรุษร่างกำยำ ตามตื๊อต่อไปจะมีประโยชน์อะไร
เหยียนชิงก็ลุกขึ้นประสานมือคารวะ “ข้าหวังว่าแม่นางม่อจะหาคนดีๆ มาสร้างวาสนาที่ดีกับเ้าได้ในเร็ววัน”
ม่อเสียวเสี่ยวฝืนยิ้ม “ขอบคุณสำหรับคำอวยพรของคุณชาย” นางก็หวังว่าจะได้พบกับคนที่ทำให้นางตกหลุมรัก
“นี่ก็ดึกมากแล้ว ขอบคุณคุณหนูม่ออีกครั้งสำหรับการต้อนรับ ข้าน้อยขอตัวก่อน”
เหยียนชิงคิดเพียงว่าต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด อีกเดี๋ยวสาวน้อยคนนี้ก็คงจะร้องไห้ น่าเสียดายสิ่งที่เขาทำได้มีแค่เท่านี้
ม่อเสียวเสี่ยวพยักหน้า “คุณชายเดินทางกลับดีๆ ระยะทางไม่ไกลนัก ข้าน้อยไม่ส่งนะเ้าคะ”
เหยียนชิงประสานมือคารวะ “คุณหนูม่อส่งเพียงเท่านี้ก็พอ”
พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไป เรียกเฉินเซียงที่รออยู่ออกจากห้องส่วนตัว เมื่อเดินลงบันไดไปไม่เห็นเถ้าแก่ม่อก็จากไปทันที อาหารหนึ่งมื้อก็ผ่านไปเกือบสองชั่วยาม พระอาทิตย์ก็เคลื่อนไปทางทิศตะวันตก รอบด้านเริ่มมืดลง
เมื่อเดินมาถึงถนน เหยียนชิงพลันรู้สึกหดหู่เล็กน้อย แม้จะรู้ว่าตัวเองทำผิด แต่ยิ่งพูดให้ชัดเจนเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้น ดอกท้อที่กำลังจะเบิกบานของนางนั้นก็ให้นางเป็คนจัดการเอง เพื่อไม่ให้คนของตนหึงหวง แต่การทำแบบนี้กับหญิงสาวที่เพิ่งเริ่มต้นมีความรักก็โหดร้ายเกินไป
เขาตบแก้มที่ร้อนผ่าวจากการดื่มเหล้าแล้วหันไปถามเฉินเซียง
“เฉินเซียง รถม้าอยู่ที่ไหน?”
เฉินเซียงชี้นิ้วไปที่ด้านหน้า “จอดอยู่ด้านหน้าขอรับ ที่นั่นมีคอกให้ม้าอยู่พอดี”
ทั้งสองเดินไปข้างหน้า รอจนมาถึงที่จอดรถม้าก็เห็นว่าเว่ยซูหานกับหลินชวนกำลังป้อนหญ้าแห้งให้ม้าอยู่
เฉินเซียงใ “ฮูหยินน้อย”
พูดจบก็หันกลับมาสบตากับเหยียนชิง ในใจของเหยียนชิงรู้สึกผิดเล็กน้อย คนผู้นี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? มาที่นี่ั้แ่เมื่อไหร่?
