หลังจากค้นหามาสิบวันโดยไร้ซึ่งข่าวคราวใดๆ หากไม่ใช่เพราะเสิ่นเยี่ยนเป็ขุนนางขั้นสอง และโดนแรงกดดันจากตวนอ๋องด้วย เกรงว่าคนของต้าหลี่จะเกียจคร้านไปเสียก่อน สำหรับพวกเขาแค่อนุภรรยาเล็กๆ หายไปไม่จำเป็ต้องใช้กำลังคนมากมายปานนี้ออกตามหา
คนของจวนกู้ยังคงตามหาต่อไป ดังเช่นที่เยี่ยนจื่อเซี่ยนเคยกล่าวไว้
จวนกู้เพิ่มการป้องกันมากขึ้นจริงๆ ทั้งยังเรียกบ่าวไพร่ที่เป็วรยุทธมาไม่น้อย กระทั่งตวนอ๋องยังส่งผู้คุ้มกันมาเฝ้ายาม สีหน้าร้อนรนและเศร้าโศกของกู้หงหย่งเผยออกมาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น กลับเป็นายหญิงเว่ยซื่อที่สั่งคนออกตามหาอย่างจริงจัง แม้แต่เส้นสายทางบิดาอย่างฉางผิงโหวนางยังใช้ส่งไปตามหาหวังซู่เหนียง
กู้เจิงยังคงต้องปั้นหน้าเศร้าสร้อยทุกวัน ยิ่งตอนที่กู้อิ๋ง กู้เหยา และญาติตระกูลเสิ่นมาเยี่ยม นางก็จำต้องทำเช่นนี้ บางครั้งเมื่อคิดว่าซู่เหนียงไปยังเิเป่ยแล้ว ไม่รู้ว่ากำลังลำบากอะไรหรือไม่ นางก็น้ำตาไหลออกมา
“พี่ใหญ่ ท่านอย่าเศร้าไปเลย หวังซู่เหนียงจะต้องกลับมาแน่เ้าค่ะ” กู้เหยารู้ว่าความหวังนั้นเลือนรางนัก
“หวังซู่เหนียงเป็คนดีฟ้าย่อมคุ้มครอง ไม่แน่ว่าอีกไม่กี่วันอาจจะกลับมาก็ได้” กู้อิ๋งเองก็พยายามเกลี้ยกล่อม
กู้เจิงพยักหน้าเงียบๆ ไม่พูดไม่จา หลายวันมานี้กู้อิ๋งกับกู้เหยามาอยู่เป็เพื่อนนางตลอด ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นใจมาก เื่กวนใจของกู้อิ๋งเองก็มีมากมาย แต่นางกลับมาคอยปลอบใจพี่สาวอย่างนาง
“น้องสาม ข้าไม่เป็ไร ในจวนเ้ามีเื่มากมาย เ้าไม่ต้องมาเป็เอยู่เป็พื่อนข้าทุกวันหรอก” กู้เจิงบอกกับกู้อิ๋ง
“จวนอ๋องไม่ได้มีงานอะไรมากหรอกเ้าค่ะ” กู้อิ๋งฝืนยิ้ม
กู้เจิงทอดถอนใจ เื่แย่งชิงความโปรดปรานนี้ นางเองก็ช่วยอะไรไม่ได้ นางกำนัลที่พระสนมซูมอบให้ตวนอ๋องจะต้องกดดันกู้อิ๋งอยู่ไม่น้อย มิเช่นนั้นนางคงไม่แสดงความกังวลออกทางสีหน้าขนาดนี้
ตอนเย็น นายหญิงเสิ่นพาพี่สะใภ้ใหญ่กับอวิ๋นเหนียงมาเยี่ยมนาง พี่สะใภ้ใหญ่เอาเต้าหู้ร้อนที่ท่านป้าสามทำมาให้นางด้วย
“หอมจัง” กู้เหยาดมกลิ่นเต้าหู้ “นี่เป็ครั้งแรกที่ข้าได้เห็นเต้าหู้ที่ส่งกลิ่นไอร้อนๆ เลยเ้าค่ะ”
“ซู่หลัน ตักเต้าหู้ร้อนออกมาคลุกกับน้ำตาลทรายขาวสักหน่อย แล้วเอาให้คุณหนูสามลองชิม” กู้เจิงสั่ง ตามคาด กู้เหยาพยักหน้าอย่างสุดกำลังพลางบอกว่าอร่อย
อวิ๋นเหนียงใช้ผ้าเช็ดหน้าป้องปากยิ้ม “หากคุณหนูสี่ชอบกิน ครั้งหน้าข้าจะไปเอาเต้าหู้ร้อนที่เพิ่งทำจากอาสามไปส่งให้ท่าน”
“ดีเลย” กู้เหยาพยักหน้าอย่างมีความสุข
“อาเจิง มีข่าวคราวของซู่เหนียงบ้างหรือไม่?” พี่สะใภ้ใหญ่ถงซื่อจูงมือกู้เจิงมาถามอย่างห่วงใย
กู้เจิงแสร้งส่ายหน้าด้วยสีหน้าขมขื่น
กู้เหยาพอนึกถึงหวังซู่เหนียงก็หมดความอยากอาหารไปในพริบตา หนึ่งปีมานี้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหวังซู่เหนียงค่อนข้างดีทีเดียว ทั้งสองมักได้พูดคุยกันบ่อยๆ ตอนนี้ก็ผ่านมาสิบกว่าวันแล้ว ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ ของหวังซู่เหนียงเลย
“เหตุใดอยู่ๆ เื่นี้ถึงเกิดขึ้นได้” นายหญิงเสิ่นเห็นท่าทางทุกข์ระทมของลูกสะใภ้ จึงรู้สึกไม่สบายใจ
“ท่านแม่ พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้อวิ๋น ขอบคุณพวกท่านที่มาอยู่คุยเป็เพื่อนข้าบ่อยๆ ข้าไม่เป็ไรเ้าค่ะ” กู้เจิงยอมรับความจริงที่ว่าซู่เหนียงจากไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้เสียใจอีกต่อไป แต่นางกลับต้องรับมือกับญาติพี่น้องที่เป็ห่วงนางเลยรู้สึกผิดเล็กน้อย “พวกท่านเองก็งานยุ่งมาก ไม่ต้องมาเยี่ยมข้าบ่อยๆ หรอกเ้าค่ะ”
“ทำไมอาเยี่ยนยังไม่กลับมาอีก? เกิดเื่เช่นนี้ขึ้น เขายังมีกะจิตกะใจจะไปทำงานอีกหรือ?” นายหญิงเสิ่นเอ่ยตำหนิบุตรชาย
ขณะที่กำลังพูดอยู่ เหอเซียงก็เข้ามารายงาน “นายหญิง นายท่านกลับมาแล้วเ้าค่ะ”
เมื่อเสิ่นเยี่ยนเข้าประตูมาเห็นมารดาและทุกคนเลยเดินเข้าไปทักทาย เขาเพิ่งออกมาจากวังจึงยังใส่ชุดขุนนางอยู่ บวกกับสีหน้าเ็า ใบหน้าอ่อนเยาว์ในยามนี้จึงดูน่าเกรงขามอยู่หลายส่วน
อวิ๋นเหนียงเห็นเสิ่นเยี่ยนในชุดขุนนางเป็ครั้งแรก นางจึงใบหน้าแดงระเรื่อ นางนึกไปถึงเสิ่นกุ้ย รู้สึกเพียงว่าสองคนนี้ต่างกันราวฟ้ากับดิน
แม่สามีดึงเสิ่นเยี่ยนไปพูดคุย กู้เจิงก็รู้ได้ทันทีว่าต้องตำหนิเขาแน่ นางแอบแลบลิ้นในใจ
หลังจากส่งญาติพี่น้องกลับไปแล้ว กู้เจิงเลยถามสามี เป็ไปตามที่นางคาดไว้ “ท่านแม่รักข้าเหมือนลูกสาว ข้าได้แต่งงานกับครอบครัวที่ดีจริงๆ”
“ไม่ใช่ว่าได้แต่งงานกับสามีที่ดีหรอกหรือ?” เสิ่นเยี่ยนรู้สึกว่าภรรยากำลังเข้าใจผิดไป
หลายวันมานี้ที่ราชสำนักยุ่งวุ่นวายมาก งานบางอย่างเสิ่นเยี่ยนต้องเอากลับมาจัดการที่บ้าน กู้เจิงเองก็มีบัญชีที่ต้องสะสาง หลังจากล้างหน้าเสร็จนางก็เริ่มอ่านสมุดบัญชีที่ชุนหงส่งมาให้ นึกถึงท่าทางเศร้าโศกของชุนหงก็อดหัวเราะไม่ได้ เื่ที่ซู่เหนียงตามเยี่ยนจื่อเซี่ยนไปเิเป่ย นางคิดๆ ดูแล้วจะยังไม่บอกชุนหง แต่ชุนหงร้องไห้ทุกวันเพราะการหายตัวไปของซู่เหนียง ตาบวมเป่งราวกับเหอเถา* ในทางกลับกัน นางผู้เป็บุตรสาวนอกจากจะตีหน้าเศร้าเสียใจ น้ำตายังไหลออกมาแค่ไม่กี่หยดเลย เมื่อเทียบกันแล้วยังดูไร้ใจกว่ามาก
(*ถั่ววอลนัท)
หลังจากชุนหงร้องไห้ติดต่อกันมาสี่วัน กู้เจิงจึงต้องเล่าเื่ให้นางฟังอย่างช่วยไม่ได้
ตอนนั้นชุนหงทำท่าทางเหมือนถูกอะไรบางอย่างกระทบเข้าอย่างแรง เมื่อฟังจบชุนหงก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม นางบอกว่าซู่เหนียงทอดทิ้งพวกนางไปเพื่อผู้ชายคนหนึ่ง
เมื่อเสิ่นเยี่ยนเข้าห้องมา เขาก็เห็นภรรยากำลังถอนหายใจพลางมองสมุดบัญชีไปด้วย “กำลังคิดอะไรอยู่?”
“คิดถึงชุนหงเ้าค่ะ ตอนนี้นางยังบ่นซู่เหนียงอยู่เลย”
เสิ่นเยี่ยนผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากล้างหน้าหวีผมเสร็จก็เดินเข้าไปหาภรรยา “คืนนี้พักผ่อนเร็วหน่อยเถอะ”
“ข้ายังต้องดู...” คำว่าสมุดบัญชีไม่ได้เอ่ยออกมา กู้เจิงช้อนตาขึ้นสบกับั์ตาลึกล้ำอันเร่าร้อนของเขา ในใจพลันเต้นโครมคราม “ไม่เอา ข้า...”
ยังไม่ทันจะได้ปัดป้องริมฝีปากก็ถูกปิดผนึกในทันที
หลายวันมานี้เสิ่นเยี่ยนมีกิจธุระในราชสำนักมาก กลับมาถึงบ้านก็ดึกแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงอดทนมาตลอด แต่คืนนี้เขาไม่คิดจะทนแล้ว
ความรักอันลึกซึ้งถูกปลดปล่อยออกมา เขาเองก็ไม่เคยปิดบังและยังคำรามออกมาเสียงดัง
ทว่าคืนนี้กลับต่างออกไปเล็กน้อย ขณะที่เสิ่นเยี่ยนกำลังทุ่มแรงกายอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะดังมาจากแว่วมาจากในกำแพง ‘ตึงตึงตึง~’
ทั้งสองต่างใ ก่อนจะมีเสียงของลมแว่วตามมา “เดิมทีคิดจะอยู่ใกล้ตัวคอยปกป้องแม่นางกู้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าห้องนี้จะไม่สะดวกสำหรับให้ข้าอยู่แล้ว พรุ่งนี้ข้าจะย้ายออกไปจากห้องนี้ ขอคืนนี้ใต้เท้ากับฮูหยินช่วยยับยั้งชั่งใจไว้สักหน่อย”
ชั่วพริบตานั้นร่างกายของกู้เจิงแข็งเกร็งราวกับหิน ใบหน้าของเสิ่นเยี่ยนบึ้งตึง
วันถัดมา ตอนกู้เจิงตื่นขึ้นมา เสิ่นเยี่ยนก็ไปราชสำนักแล้ว คิดถึงเื่เมื่อคืน นางก็ไม่อยากก้าวออกจากห้องนอนอีกเลยทั้งชีวิต
ประตูเปิดออก สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับอ่างไม้
กู้เจิงคิดว่าเป็ซู่หลันเลยไม่ได้เหลือบมอง นางนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จนกระทั่งผ้าเช็ดหน้าถูกยื่นมาตรงหน้า นางถึงเห็นผิวหยาบ้าสองมือที่ยื่นผ้ามาตรงหน้า จึงได้รู้ว่าสาวใช้ที่เข้ามาไม่ใช่ซู่หลัน
“เ้าเป็ใคร?” กู้เจิงเงยหน้ามองใบหน้าอันไม่คุ้นเคย เมื่อมองอย่างละเอียดแล้วถึงรู้สึกคุ้นตาอยู่บ้าง “เ้าคือ?”
“เป็ข้าเองเฟิงไหล”
กู้เจิงกะพริบตาปริบๆ สตรีที่อยู่ตรงหน้าดูธรรมดาสามัญ และใต้ตายังมีจุดกระเล็กๆ อยู่หลายจุด “เ้าคือเฟิงไหลหรือ?”
“เ้าค่ะ ต่อไปบ่าวจะคอยปรนนิบัติรับใช้ด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้” เฟิงไหลกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เ้าทำอะไรกับหน้า? ทำไมถึงกลายเป็แบบนี้?” กู้เจิงมองนางอย่างสงสัย
“บ่าวแปลงโฉมตัวเอง อยู่ข้างกายฮูหยินด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้ยากจะสะดุดตาเ้าค่ะ”
กู้เจิงมองนางั้แ่หัวจรดเท้า นางแปลงโฉมเป็คนประเภทที่คนทั่วไปจะไม่มองมากนักเวลาอยู่ท่ามกลางฝูงชน ซึ่งต่างจากตัวจริงของนางโดยสิ้นเชิง