จี๋โม่หานถอนหายใจเล็กน้อย “เื่ในวังนั้นใครจะรู้ แต่ข่าวที่ออกมาตอนนี้มีแค่เื่พวกนี้เท่านั้น ฮ่องเต้เองก็ได้ออกคำสั่งให้ปิดข่าวแล้ว”
ซูิเยว่เงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะบอกความสงสัยในใจให้จี๋โม่หานฟัง
หลังจากที่เขาฟังจบแล้วก็ขมวดคิ้ว “สตรีที่เป็บ้า? ข้าไม่เคยได้ยินเื่นี้มาก่อน เฟยจื่อของฮ่องเต้มีเยอะ สามวันเปลี่ยนที พอไม่สดใสแล้วก็โยนทิ้งไปที่วังเย็น จึงยากที่จะหลีกเลี่ยงคนที่ไม่เป็บ้า”
“ไม่เหมือนกัน” ซูิเยว่มองจี๋โม่หานแล้วพูดจริงจัง “ลางสังหรณ์ของหม่อมฉันแม่นมาก สตรีบ้าคนนั้นเรียกชื่อมารดาของหม่อมฉันออกมาได้ ฮองเฮาเองก็เคยบอกว่าหม่อมฉันเหมือนมารดาของหม่อมฉันเจ็ดถึงแปดส่วน หม่อมฉันจึงคิดว่านางต้องเกี่ยวข้องอะไรกับท่านแม่และรู้เื่บางอย่าง อีกทั้งฮองเฮาจะต้องรู้อะไรด้วยแน่”
“เช่นนั้นเ้าวางแผนจะทำอย่างไร?” จี๋โม่หานพูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดู “ไม่ว่าเ้าอยากจะทำอะไร ข้าก็จะสนับสนุนเ้า”
ซูิเยว่ส่ายหน้า “หม่อมฉันไม่รู้ ตอนนี้ดูไปทีละขั้นเถิด”
ถึงแม้นางจะอยากรู้ความจริงของเื่นี้ แต่ก็เลือกจะไม่เสี่ยงอันตรายในสถานการณ์เช่นนี้
ซูิเยว่ออกจากจวนองค์ชายสามมาก็ไปหาเสี่ยวอวี่เพื่อกลับจวน
ตอนที่ห่างจากประตูจวนสกุลซูไม่ไกล ข้างถนนก็พลันมีหญิงแก่สวมชุดเก่าขาดๆ ออกมาขวางทั้งสองคนเอาไว้
ใบหน้าหญิงแก่มอมแมม นางค่อมเอวมองซูิเยว่ “คุณหนูท่านนี้ช่วยป้าหน่อยสิ”
ซูิเยว่หรี่ตาลง หัวใจก็ระมัดระวังขึ้นมา สายตาเลื่อนมองั้แ่ใบหน้าของหญิงชราไปที่มือ ถึงแม้ใบหน้าจะสกปรก แต่ผิวกลับเนียนลื่น คงจะเคยรักษามาอย่างดี แล้วก็มือทั้งสองข้างของนาง แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนยากจน
เสี่ยวอวี่ล้วงเศษเงินจากในกระเป๋าคิดจะให้หญิงชราคนนั้น แต่ก็ถูกซูิเยว่ยกมือห้ามไว้ก่อน
“รอเดี๋ยว”
เสี่ยวอวี่มองซูิเยว่อย่างไม่เข้าใจ แต่ก็หยุดการเคลื่อนไหวตามคำบอก
สายตาของซูิเยว่จ้องไปที่หญิงชราคนนั้นก่อนจะพูดเสียงเบา “ท่านป้า ้าให้ช่วยอะไรหรือ?”
หญิงชราไม่ได้พูดอะไร จู่ๆ ก็ยกมือขึ้นมาจับซูิเยว่ให้เข้ามาใกล้ เสี่ยวอวี่ยังไม่ทันได้ห้าม หญิงชราคนนั้นก็จับมือของซูิเยว่ไปแล้ว
นางเองก็ใ ตอนที่กำลังจะดึงมือกลับก็รู้สึกว่าที่ฝ่ามือมีของแข็งๆ
แววตาของนางประกายความประหลาดใจออกมา แล้วหันไปมองฝ่ามือของทั้งสองที่ประสานกันไว้ แผ่นป้ายสีทองขนาดครึ่งฝ่ามือหนึ่งแผ่น แผ่นป้ายนี้นางรู้จัก เป็แผ่นป้ายที่มีเฉพาะฮองเฮาที่ควบคุมวังหลังเท่านั้น ซูิเยว่จึงเข้าใจขึ้นมาทันที
นางยัดแผ่นป้ายนั้นเข้าแขนเสื้อด้วยสีหน้าราบเรียบพร้อมกับมองหญิงชราคนนั้น “ท่านป้า ตอนนี้ท่านไม่มีที่ไปใช่หรือไม่?”
หญิงชราพยักหน้า “คุณหนูผู้มีน้ำใจได้โปรดรับข้าเข้าไปเลี้ยงด้วยเถิด”
ซูิเยว่มองเสี่ยวอวี่ก่อนจะเอ่ย “ก็ได้ เช่นนั้นเ้าตามข้ากลับจวนเถิด”
“ดีเลยๆ ๆ ๆ” หญิงชราพยักหน้าอย่างซาบซึ้ง
ซูิเยว่พาหญิงชราเข้าไปในจวนสกุลซู องครักษ์ที่อยู่หน้าประตูเองก็ไม่ได้พูดอะไร ซูิเยว่พาหญิงชราเข้าไปในหอฮวาซี พอกลับถึงจวนก็พาคนเข้าไปในห้องของตัวเอง จากนั้นก็ให้เสี่ยวอวี่เฝ้าอยู่ที่หน้าประตู
พอกลับมาถึงห้องซูิเยว่ก็ไม่แสร้งทำอีกแล้ว นางถามตรงเข้าประเด็นทันที “พูดมาเถิด มาหาข้ามีเื่อะไรหรือ?”
หญิงชราก็พลันคุกเข่าลงกับพื้นตรงหน้าซูิเยว่ “ขอร้องคุณหนูซูได้โปรดช่วยเหนียงเหนียงของพวกเราได้หรือไม่?”
ที่ซูิเยว่พาหญิงชราคนนี้เข้ามาเมื่อครู่ก็เพราะรู้ฐานะของนาง ดังนั้นตอนนี้จึงไม่ได้ใอะไรกับสถานการณ์เช่นนี้ เป้าหมายที่คนข้างกายของฮองเฮาเวินเยว่มาปรากฏตัวที่นี่คืออะไรนั้นนางก็พอจะรู้ได้
ซูิเยว่ถอนหายใจมองคนที่อยู่บนพื้นแล้วพูดอย่างจนใจ “ท่านลุกขึ้นมาก่อนเถิด”
หญิงชราลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วมองนางอย่างขอร้อง
ซูิเยว่พาหญิงชราคนนั้นกลับมาและยอมรับน้ำใจที่เวินเยว่เคยช่วยนางครั้งที่แล้ว แต่เื่ตึงมือในครั้งนี้นางเองก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่ง
ไม่ใช่ว่านางลืมบุญคุณ แต่ตัวนางเองก็หัวเดียวกระเทียมลีบ
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะช่วยนะ แต่เื่นี้ข้าช่วยพวกท่านไม่ได้จริงๆ”
ซูิเยว่รู้ดีว่าการลอบทำร้ายฮ่องเต้นั้นมีความผิดร้ายแรงแค่ไหน บางทีฮ่องเต้อาจจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ของสกุลเวินที่อยู่เื้ัเวินเยว่จึงทำได้แค่ถอดจากตำแหน่งและไว้ชีวิตนาง แต่หากนางเข้าไปเกี่ยวข้องกับเื่นี้ด้วยก็ยากที่จะถอนตัวออกมา
หญิงชราได้ยินเช่นนั้นก็ร้อนรนก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้น “คุณหนูซู ขอร้องท่านได้โปรดช่วยเหนียงเหนียงของพวกเราเถิดเ้าค่ะ ตอนนี้มีแค่ท่านที่ช่วยนางได้ ตอนนี้เหนียงเหนียงถูกขังอยู่ภายในวัง รวมถึงนางกำนัลข้างกายก็ถูกขังด้วย หนูปีเป็คนรู้ใจของเหนียงเหนียง กว่าจะหนีออกมาได้นั้นไม่ง่ายเลย ตอนนี้คนเดียวที่จะช่วยชีวิตเหนียงเหนียงออกมาได้ก็คือคุณหนูซูแล้วเ้าค่ะ”
ซูิเยว่พยุงหญิงชราคนนั้นขึ้นมา คิ้วขมวดแน่น “เหตุใดจู่ๆ เหนียงเหนียงของท่านถึงได้วางยาพิษฮ่องเต้กัน มีคนใส่ร้ายเหนียงเหนียงหรือไม่?”
นี่เป็สิ่งที่ซูิเยว่สงสัยมาตลอด ถ้าหากเวินเยว่ถูกใส่ร้ายจริง บางทีนางน่าจะยังพอมีวิธี
หญิงชราก้มหน้าลงเงียบไปนาน แววตาฉายประกายพยายามยึดมั่น ครู่หนึ่งก็เงยหน้าขึ้นมองซูิเยว่แล้วพยักหน้าจริงจัง “เหนียงเหนียงของข้าเป็คนวางยาพิษเองเ้าค่ะ ไม่มีใครใส่ร้ายเหนียงเหนียง”
ซูิเยว่ชะงัก ใบหน้ามีความใอยู่เล็กน้อย “เพราะเหตุใด?”
ใบหน้าของหญิงชรามีความเศร้าปรากฏขึ้นมา สถานการณ์ในตอนนี้ทำได้แค่บอกความจริงกับซูิเยว่ “เหนียงเหนียงของพวกเราไม่ชอบฮ่องเต้มาโดยตลอด นางเกลียดฮ่องเต้ การแต่งงานระหว่างทั้งสองคนก็เป็แค่เพียงในนาม ที่ฮ่องเต้รับเหนียงเหนียงมาเป็ฮองเฮาก็เพราะว่าฮ่องเต้พระองค์ก่อนได้รับสั่งเอาไว้ในตอนนั้น”
เื่นี้เมื่อชาติก่อนซูิเองก็เคยได้ยินมาเล็กน้อย ตอนนั้นสกุลเวินทำคุณงามความดีต่อราชวงศ์ ฮ่องเต้พระองค์ก่อนได้รับสั่งว่าในอนาคตไม่ว่าใครจะขึ้นเป็ฮ่องเต้ก็ต้องรับลูกสาวของสกุลเวินไปเป็ฮองเฮา
ซูิเยว่หลุบตาลง แววตามีประกายครุ่นคิดแล่นผ่าน ที่แท้ก็เป็เช่นนี้นี่เอง เดิมทีเวินเยว่ไม่ชอบฮ่องเต้มาตลอด
ที่แท้ทั้งชีวิตของนางก็เป็แค่หมากที่เอาไว้รักษาเกียรติยศของตระกูลเท่านั้นเอง เช่นนั้นหลายปีมานี้นางผ่านมาได้อย่างไร อดทนทรมานจนถึงตอนนี้ สุดท้ายก็ทนไม่ไหวแล้ววางยาพิษฮ่องเต้
ในเมื่อตอนนี้รู้ความจริงแล้ว เื่นี้กลับยิ่งจัดการยากขึ้นไปอีก
ซูิเยว่มองหญิงชราอย่างลำบากใจเล็กน้อย “ฮองเฮากับท่านแม่ของข้ารู้จักกันมาก่อน ข้าเองก็เคยรับน้ำใจของนาง ตอนนี้หากเ้าไม่มีที่จะไปก็สามารถอยู่ที่นี่ก่อนได้ แต่เื่ของเหนียงเหนียงนั้นข้าไร้ความสามารถจริงๆ”
“ตอนนี้เหนียงเหนียงบอกว่าคนเดียวที่จะช่วยได้ก็มีแค่ท่านแล้ว” หญิงชราร้อนใจเล็กน้อย นางมองซูิเยว่อย่างขอร้อง “ข้ารู้ว่าเื่นี้ทำให้คุณหนูซูลำบากใจ แต่ว่าท่านจะต้องช่วยเหนียงเหนียงของพวกเรา เหนียงเหนียงบอกว่านางรู้เื่ทุกอย่างเกี่ยวกับท่านแม่ของท่านในตอนนั้น ท่านแม่ของท่านไม่ได้จากไปเพราะร่างกายไม่แข็งแรง แต่มีเื่บางอย่างที่เก็บซ่อนเอาไว้ ขอแค่ท่านรับปากว่าจะช่วยเหนียงเหนียงของพวกเรา ถึงตอนนั้นเหนียงเหนียงจะเล่าความจริงทุกอย่างให้ท่านฟัง”
เื่มาถึงตอนนี้ หญิงชราทำได้แค่บอกความจริงทุกอย่างออกมา