ตอนที่ 6 การทดสอบของจักรพรรดินี
หวังเทียนซานรู้สึกเหมือนตัวเองก้าวจากโลกหนึ่ง ไปสู่อีกโลกหนึ่ง
ทันทีที่บานประตูไม้เนื้อหนักปิดลงเื้ั เสียงจอแจวุ่นวายของมหานครเซี่ยงไฮ้ก็ถูกตัดขาดไปโดยสิ้นเชิง เหลือเพียงความเงียบสงัดอันน่าประหลาดที่โรยตัวอยู่ในห้องสวีทเพนต์เฮาส์แห่งนี้ อากาศภายในเย็นสบายและอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมสะอาดจางๆ ที่เขาไม่รู้จัก มันคือกลิ่นของความมั่งคั่งที่เขาไม่เคยได้ัั
ห้องทั้งห้องถูกตกแต่งด้วยสไตล์มินิมัลลิสต์ มีเพียงเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น แต่ละชิ้นล้วนมีดีไซน์ที่เรียบโก้และดูราคาสูงเสียดฟ้า มันเป็ความหรูหราที่ไม่โอ้อวด แต่กลับกดดันผู้มาเยือนให้รู้สึกต้อยต่ำลงโดยอัตโนมัติ
และที่ศูนย์กลางของความกดดันนั้น คือร่างระหงของสตรีลึกลับที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวฝั่งตรงข้าม
แสงไฟสลัวจากโคมไฟตั้งพื้นส่องกระทบจากด้านหลัง ทำให้ใบหน้าของเธอจมอยู่ในเงา เขามองไม่เห็นรายละเอียดใดๆ เห็นเพียงเค้าโครงอันงดงามที่ถูกวาดขึ้นด้วยเส้นสายแห่งเงามืด ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือ ลำคอระหง เรือนผมสีดำขลับที่เกล้าขึ้นเป็มวยอย่างเรียบง่าย และท่วงท่าการนั่งที่สงบนิ่งและมั่นคงราวกับรูปสลักหยกดำ เธอไม่ได้ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนเป็ศูนย์กลางของแรงดึงดูดทั้งหมดในห้อง เป็ราชินีที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ที่มองไม่เห็น เธอคือคนเดียวกับที่เรียกเขาจากรถคันนั้น... คนที่ดูเหมือนจะรู้จักเขาดี ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน
สมองนักวิเคราะห์ของหวังเทียนซานเริ่มทำงานอย่างบ้าคลั่ง... 'เธอรู้ชื่อฉัน... เธอรู้ว่าฉันจะเดินออกจากตึกเวลานี้... เธอเตรียมห้องนี้ไว้แล้ว นี่ไม่ใช่เื่บังเอิญ แต่มันคือการจัดฉากที่สมบูรณ์แบบ!'
แล้วเสียงที่ราบเรียบแต่กลับก้องกังวานอยู่ในความรู้สึกก็ดังขึ้น ทำลายความเงียบลง...
“เชิญนั่งก่อนสิคะ คุณหวัง”
เทียนซานสะดุ้งเล็กน้อย เขาก้มลงมองกล่องกระดาษสีน้ำตาลธรรมดาในอ้อมแขน ซากชีวิตเก่าๆ ของเขา ที่ดูไม่เข้ากับอะไรเลยในห้องนี้อย่างสิ้นเชิง เขาวางมันลงบนพรมขนสัตว์เนื้อดีข้างโซฟาอย่างเก้ๆ กังๆ รู้สึกเหมือนกำลังวางสิ่งสกปรกลงบนผ้าไหมชั้นเลิศ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามอย่างไม่ค่อยเต็มตัวนัก
เขาไม่รู้จะวางมือไว้ตรงไหน จะประสานไว้บนตัก หรือจะวางไว้บนที่เท้าแขนดี ทุกการเคลื่อนไหวของตัวเองดูงุ่มง่ามและน่าสมเพชไปหมดภายใต้สายตาที่มองไม่เห็นของเธอ เขาตัดสินใจรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี... เอ่ยปากถามคำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวนับล้านคำออกมา
“เอ่อ... ไม่ทราบว่าคุณคือ...” เสียงของเขาแหบพร่ากว่าที่คิด
“...แล้วคุณรู้จักผมได้ยังไงครับ?”
หญิงสาวไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับเลื่อนแล็ปท็อปเครื่องบางเฉียบที่วางอยู่บนโต๊ะมาตรงหน้าเขา
“ฉันไม่ได้สนใจว่าคุณเป็ใครมาจากไหน ฉันสนใจแค่ว่าคุณจะไปที่ไหนต่อจากนี้”
บนหน้าจอแล็ปท็อป ปรากฏกราฟหุ้นที่กำลังเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ พร้อมด้วยหน้าต่างข้อมูลข่าวสารและตัวเลขที่ซับซ้อนวิ่งวนอยู่เต็มไปหมด มันคือสนามรบที่เขาคุ้นเคย แต่เป็สนามรบในระดับที่เขาไม่เคยััมาก่อน
“นี่คือสถานการณ์จำลอง” เสียงของเธอดังขึ้นอีกครั้ง
“บริษัทดราก้อนลอจิสติกส์กำลังจะถูกเทคโอเวอร์โดยกลุ่มทุนั์ใหญ่ แต่เมื่อสิบนาทีที่แล้ว มีข่าวลือปล่อยออกมาว่าดีลนี้อาจจะล่มเพราะปัญหาภายใน ทำให้หุ้นร่วงลงอย่างหนัก ฉันให้เวลาคุณสามสิบนาที และเงินทุนสมมติหนึ่งร้อยล้านหยวน...”
เธอเว้นจังหวะ สายตาที่มองไม่เห็นของเธอจับจ้องมาที่เขาราวกับจะทะลุทะลวงเข้าไปถึงจิตใจ
“...ทำให้มันงอกเงยขึ้นมา”
หวังเทียนซานอ้าปากค้าง นี่มันบททดสอบแบบไหนกัน? มันทั้งบ้าคลั่งและไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่แล้ว สัญชาตญาณของนักวิเคราะห์ที่หลับใหลอยู่ในตัวเขาก็ถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงราวกับถูกสายฟ้าฟาด! หัวใจที่เคยเหี่ยวเฉาเพราะความผิดหวัง พลันกลับมาเต้นรัวขึ้นอีกครั้งด้วยจังหวะของความท้าทายและความตื่นเต้น!
เขามองลึกเข้าไปในเงามืดที่บดบังใบหน้าของสตรีลึกลับ และตัดสินใจเดิมพันด้วยทุกสิ่งที่มี
“ผมขอเข้าถึงข้อมูลดิบของออปชั่นและฟิวเจอร์สด้วยครับ”
น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ความประหม่าและความเก้ๆ กังๆ หายไปอย่างไร้ร่องรอย ถูกแทนที่ด้วยความแน่วแน่และจริงจังของมืออาชีพ รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของซูเหม่ยหลิน รอยยิ้มของผู้ที่ค้นพบอาวุธชิ้นเยี่ยม
“ตามที่คุณ้า”
แล้วการทดสอบก็ได้เริ่มต้นขึ้น!
วินาทีนั้นเอง หวังเทียนซานก็สลัดคราบของชายหนุ่มผู้ถูกไล่ออกที่น่าสมเพชทิ้งไปจนหมดสิ้น! เขายืดตัวตรง แผ่นหลังตั้งตรงสง่าราวกับทหารเอกในชุดเกราะ แว่นตาที่เคยทำให้เขาดูเหมือนหนอนหนังสือ บัดนี้กลับกลายเป็เครื่องมือที่ช่วยให้สายตาของเขายิ่งคมกริบดุจเหยี่ยวที่กำลังมองหาเหยื่อจากบนท้องฟ้า
เขาลืมความประหม่า ลืมความกดดัน ลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว...ในโลกของเขาตอนนี้ เหลือเพียงตัวเขากับสนามรบดิจิทัลที่อยู่ตรงหน้า! หน้าจอแล็ปท็อปที่เต็มไปด้วยกราฟสีแดงสลับเขียวที่วิ่งพล่าน ตัวเลขที่เปลี่ยนแปลงทุกเสี้ยววินาที และกระแสข่าวสารที่ไหลเข้ามาไม่หยุดหย่อน... มันคือพายุข้อมูลข่าวสารที่สามารถทำให้คนทั่วไปคลุ้มคลั่งได้ภายในไม่กี่นาที แต่สำหรับหวังเทียนซาน... มันคือซิมโฟนี
เขาไม่ได้มองเห็นความโกลาหล แต่เขากำลังได้ยินท่วงทำนอง แห่งความโลภและความกลัวของตลาด! นิ้วมือของเขาที่เคยดูเก้งก้าง บัดนี้กลับร่ายรำอยู่บนทัชแพดและคีย์บอร์ดด้วยความเร็วและความแม่นยำที่น่าเหลือเชื่อ มันไม่ใช่การพิมพ์... แต่มันคือการบัญชาการ!
ดวงตาของเขาไม่ได้ไล่อ่านข้อมูลทีละบรรทัด แต่มันสแกนและดูดซับทุกอย่างเข้ามาในสมองพร้อมกัน หน้าต่างข้อมูลหลายสิบหน้าต่างถูกเปิดสลับและปิดลงในเวลาไม่ถึงวินาที... สมองของเขาประมวลผลความเป็ไปได้นับล้านทางและคัดกรองเหลือเพียงเส้นทางสู่ชัยชนะเพียงหนึ่งเดียว!
ซูเหม่ยหลินที่นั่งมองอยู่นั้น มุมปากของเธอยกสูงขึ้นอีกเล็กน้อย เธอไม่ได้มองที่ผลกำไร แต่มองที่กระบวนการของเขา... เขาไม่ได้รีบร้อนเข้าซื้อขายทันที แต่ใช้เวลาสามนาทีแรกไปกับการวิเคราะห์ภูมิทัศน์ ทั้งหมดของสนามรบ เขาสร้างแบบจำลองสามมิติของตลาดขึ้นมาในหัว อ่านกระแสเงินทุน ประเมินความเชื่อมั่นของนักลงทุน และค้นหาจุดอ่อนที่ซ่อนอยู่ในข่าวลือ...แล้วเขาก็ลงมือ ราวกับพยัคฆ์ที่ซุ่มรอมานานได้กระโจนเข้าตะครุบเหยื่อ!
คลิก!
เขาไม่ได้ซื้อหุ้นของ ดราก้อนลอจิสติกส์ โดยตรง แต่นำเงินทุนก้อนใหญ่เข้าซื้อCall Optionsที่กำลังจะหมดอายุในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า เป็การเดิมพันที่บ้าบิ่นและ้าความแม่นยำระดับวินาที!
คลิก!
คลิก!
ในเวลาเดียวกัน เขาก็สั่งShort-selling หุ้นของบริษัทคู่แข่งที่เขาคำนวณแล้วว่าจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด มันคือการเดินหมากสองแนวรบพร้อมกันอย่างที่นักลงทุนทั่วไปไม่กล้าแม้แต่จะคิด!
นี่ไม่ใช่การวิเคราะห์ นี่คือศิลปะ! เขาไม่ได้เป็แค่พนักงานออฟฟิศที่ถูกไล่ออกอีกต่อไปแล้ว...
ในวินาทีนี้ หวังเทียนซานคือวาทยกร ผู้ควบคุมวงออเคสตร้าแห่งความโกลาหล... คือนายพลผู้วางกลยุทธ์ในสนามรบที่มองไม่เห็น และคือนักล่า ที่เืเย็นที่สุดในโลกแห่งการเงิน!
ซูเหม่ยหลินพยักหน้ากับตัวเองเบาๆ ในเงามืด
‘เจอตัวแล้ว... ดาบที่คมที่สุด... ที่จะใช้ฟาดฟันศัตรูของฉัน’
เขาไม่ได้รีบร้อนซื้อหรือขาย แต่ใช้เวลาสิบนาทีแรกไปกับการวิเคราะห์ข่าวลือ เขาตรวจสอบแหล่งที่มาของข่าว ปริมาณการซื้อขายที่ผิดปกติก่อนข่าวจะออก และรูปแบบพฤติกรรมของนักลงทุนรายใหญ่
“ข่าวลือเป็ของปลอม” เขาพึมพำกับตัวเอง
“เป็การทุบหุ้นเพื่อเก็บของ”
เมื่อได้ข้อสรุป เขาก็ลงมือทันที!
เขาไม่ได้ซื้อหุ้นของดราก้อนลอจิสติกส์โดยตรง แต่มันเสี่ยงและช้าเกินไป เขาเลือกที่จะเข้าซื้อ Call Options (สิทธิที่จะซื้อหุ้นในราคาที่กำหนด) จำนวนมหาศาล ซึ่งเป็การเดิมพันที่มีความเสี่ยงสูงแต่ก็ให้ผลตอบแทนสูงกว่าหลายเท่าตัว จากนั้นเขาก็ใช้กลยุทธ์ที่ซับซ้อนยิ่งกว่า เขาทำการ Short-selling (การขายชอร์ต) หุ้นของบริษัทคู่แข่งของดราก้อนลอจิสติกส์ เพราะเขาวิเคราะห์แล้วว่าหากดีลนี้สำเร็จ บริษัทคู่แข่งจะได้รับผลกระทบในทางลบมากที่สุด
ซูเหม่ยหลินนั่งมองการกระทำทั้งหมดของเขาอย่างเงียบๆ เธอไม่ได้สนใจผลลัพธ์สุดท้าย แต่เธอสนใจกระบวนการคิดของเขา เขามีทั้งความกล้า ความรอบคอบ และความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด ที่สำคัญที่สุด เขาไม่ได้ใช้ข้อมูลภายในที่ผิดกฎหมายใดๆ เลยแม้แต่น้อย ทุกการตัดสินใจของเขาตั้งอยู่บนพื้นฐานของการวิเคราะห์ล้วนๆ
“แปลก...” ทันใดนั้นเทียนซานก็ขมวดคิ้ว
“โครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ปล่อยข่าวลือ มีบริษัทเปลือกหอย (Shell Corporation) ที่น่าสงสัยอยู่ รูปแบบการฟอกเงินของบริษัทนี้ คล้ายกับเคสที่ผมเคยตรวจสอบเจอเมื่อปีก่อน”
คำพูดนั้นทำให้หัวใจของซูเหม่ยหลินกระตุกวูบ! บริษัทเปลือกหอยที่เขาพูดถึง คือหนึ่งในบริษัทที่เฉินอี้ฟานใช้ในชาติที่แล้วเพื่อโยกย้ายเงินสกปรก! ไม่น่าเชื่อว่าหวังเทียนซานจะบังเอิญสะดุดเจอร่องรอยของศัตรูเข้าโดยไม่รู้ตัว
ติ๊ง!
เสียงสัญญาณหมดเวลาดังขึ้น หวังเทียนซานถอนหายใจยาว เขายกมือขึ้นจากแล็ปท็อป
“หมดเวลาแล้วครับ”
หญิงสาวโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย ทำให้แสงไฟสาดส่องลงบนใบหน้าของเธอเป็ครั้งแรก หวังเทียนซานถึงกับเผลอกลั้นหายใจ... เธอคือหญิงสาวที่งดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาในชีวิต แต่ความงามนั้นกลับถูกเคลือบไว้ด้วยความเ็าที่น่าเกรงขาม
...หวังเทียนซานถอนหายใจยาว พายุในสมองของเขาเริ่มสงบลง เหลือเพียงเสียงหัวใจที่ยังคงเต้นระรัวจากอะดรีนาลีนที่พลุ่งพล่าน เขาค่อยๆ ละสายตาจากโลกดิจิทัลเบื้องหน้า กลับคืนสู่ความเงียบสงัดอันน่าเกรงขามของห้องเพนต์เฮาส์แห่งนี้
แล้วสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นตัวเลขสุดท้ายบนหน้าจอ... แผลเป็แห่งชัยชนะที่ส่องสว่างเป็สีเขียวสดใส
+ 34,780,000 หยวน
สามสิบนาที... ผลกำไรเกือบสามสิบห้าล้านหยวน เขาทำได้ เขาผ่านบททดสอบที่บ้าคลั่งที่สุดในชีวิตมาได้!
“คุณทำได้ดีมาก คุณหวัง”
เสียงของหญิงสาวลึกลับดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ เธอโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย ก้าวออกจากเงามืด...
แสงไฟสลัวจากโคมไฟสาดส่องลงบนใบหน้าของเธอเป็ครั้งแรก เผยให้เห็นความงามที่ทำให้หวังเทียนซานต้องเผลอลืมหายใจ... ผิวของเธอขาวราวกับกระเบื้องเคลือบชั้นดี ริมฝีปากอิ่มเต็มได้รูป ดวงตาเรียวยาวดุจเมล็ดซิ่ง... แต่สิ่งที่น่าตกตะลึงที่สุดคือแววตาของเธอ... มันคือดวงตาที่สงบนิ่งและลึกล้ำราวกับผืนน้ำในฤดูหนาวที่เยือกแข็ง... งดงาม... แต่ปราศจากความอบอุ่นใดๆ
“ดีเกินกว่าที่ฉันคาดไว้”
เธอกล่าวรับรอง ขณะจ้องมองลึกเข้ามาในดวงตาของเขา
“ความสามารถเป็สิ่งที่หาได้ทั่วไป... แต่ความสามารถที่มาพร้อมกับกระดูกสันหลังที่ซื่อตรง คือสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้”
คำพูดนั้น ราวกับสายน้ำอุ่นที่ชะล้างความเ็ปและความผิดหวังที่สั่งสมมานานหลายปีในใจของหวังเทียนซานออกไปจนหมดสิ้น! เืในกายของเขาร้อนผ่าวขึ้นมา นี่เป็ครั้งแรก ครั้งแรกในชีวิต ที่มีคนมองทะลุเปลือกนอกอันจืดชืดของเขา และมองเห็นคุณค่าที่แท้จริงที่อยู่ภายใน!
“ขอบคุณครับ...” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย ก่อนจะรวบรวมความกล้าถามออกไป
“ตกลงแล้ว... คุณคือใคร และ้าให้ผมทำอะไรกันแน่ครับ?”
****อยากให้พี่หวังทำอะไรกันแน่ ***