เมื่อ ''ชุดขาวลอยล่อง'' กล่าวขึ้นเช่นนี้ทำให้สถานะของฉินโจ้วก็ได้เพิ่มระดับขึ้นไปอีกเพราะชุดขาวลอยล่องถือว่าเป็ผู้หญิงคนหนึ่งในเกมที่ไม่สามารถล่วงเกินได้ ก่อนหน้านี้มีหลายคนที่คิดว่าตัวเองเก่งกล้าสามารถไม่เชื่อในภูตผีปีศาจรู้ว่ามีเสืออยู่บนูเาก็ยังจะกล้าไปท้าท้ายเสือ ผลสุดท้ายก็ต้องหายเข้ากลีบเมฆในที่สุดก็มีคนออกมาเปิดเผยว่าคนที่มีเื่กับชุดขาวลอยล่องได้ถูกส่งกลับไปอยู่หมู่บ้านโนวิสแล้วหลังจากนั้นชื่อเสียงของชุดขาวลอยล่องก็เพิ่มมากขึ้นจนไม่มีใครกล้าตอแยอีกแม้แต่กิลด์ขนาดใหญ่เองก็ไม่มั่นใจที่จะลงมือ
มีคนที่รู้จักกับชุดขาวลอยล่อง และแถมยังสามารถจัดการกับดาบวงพระจันทร์ได้อีกเมื่อมีคนแบบนี้ปรากฏขึ้นในเกม ทุกคนต่างก็ได้แต่มองหน้ากัน และคิดว่าแม่น้ำในเขตเหยียนหวงนี่ลึกเกินหยั่งถึงเสียจริง
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ"ฉินโจ้วเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า สำหรับสาวงามแล้วรอยยิ้มนั้นเป็สิ่งที่จำเป็ที่สุด
ชุดขาวลอยล่องพยักหน้าให้เล็กน้อยก่อนจะเผยรอยยิ้มที่ยากจะได้เห็นออกมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าสีหน้าที่เยือกเย็นราวกับูเาน้ำแข็งนั้นได้เริ่มละลายเสียแล้วสีหน้าที่เรียบเฉยเมื่อได้มีการเคลื่อนไหวก็ทำให้เกิดความงามขึ้นเป็อย่างมากทุกคนไม่ว่าชายหรือหญิงต่างจ้องมองด้วยความเคลิบเคลิ้มชุดขาวลอยล่องที่ติดอันดับความสวยอยู่ในลำดับที่สามจากสิบอันดับนั้นสวยสมคำร่ำลืออย่างแท้จริง
รอยยิ้มของชุดขาวลอยล่องนั้นปรากฏขึ้นเพียงเล็กน้อยแค่เพียงใน่เวลาอันสั้น ราวกับว่าเธอคนนี้ไม่เคยยิ้มมาก่อนซึ่งเป็เวลาเพียงแค่ชั่วแวบเดียวเท่านั้นราวกับเมฆดำเคลื่อนบดบังแสงตะวันไว้เพียงครู่ก็จางหายไปกลับสู่สภาพเดิมราวกับไม่เคยเกิดขึ้น ภายในใจของเธอกำลังมีบางอย่างก่อตัวขึ้น เพียงแค่กวาดตามองเธอก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉินโจ้วโดยไม่จำเป็ต้องพูด นี่ก็แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า พวกเขาทั้งคู่รู้จักกันถ้าใครมองแล้วยังไม่เข้าใจ ก็อย่าโทษว่าฉันคนนี้ไม่เกรงใจไม่ได้นะในใจของทุกคนต่างก็รู้สึกเย็นวาบหดคอด้วยความหวาดกลัว แรงอาฆาตของสาวงามนี่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
"นายคือเมามายซบตักสาวงามสินะ?" ถึงแม้ว่าอำนาจการข่มขู่ของชุดขาวลอยล่องนั้นจะค่อนข้างมากอยู่แต่ก็ใช้ไม่ได้กับใครบางคน ท่ามกลางฝูงชน มีชายคนหนึ่งที่รูปร่างสูงโปร่งส่วนสูงราว 185เิเ รูปร่างสมส่วนเทียบได้กับนายแบบท่าทางการเดินที่มีเอกลักษณะเฉพาะตัว เด็ดเดี่ยวดูสง่างาม สงบเยือกเย็นทันทีที่ปรากฏตัวขึ้นก็ดึงดูดสายตาผู้คนที่อยู่รายรอบแม้แต่ดาบวงพระจันทร์เองยังให้ความสนใจ
จมูกโด่งเป็สัน รูปทรงสวย ใบหน้างดงามราวกับหินอ่อนแกะสลักรูปหล่อ ดูเด็ดเดี่ยว มุมปากยิ้มยกขึ้นเล็กน้อย ท่าทางคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่เชิงทำให้ผู้คนรู้สึกว่าคนผู้นี้ดูสูงส่งเกินเอื้อม ในเวลาเดียวกันก็รู้ว่ายากที่จะเข้าถึงสายตาเด็ดเดี่ยวและเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเองสูงความมั่นใจและรูปร่างที่สมบูรณ์เมื่อรวมกันแล้วก็เป็เสน่ห์ที่เฉพาะตัวทำให้ผู้เล่นหญิงในเกมถึงกับตามืดบอดไปชั่วขณะ
"นายคงไม่รู้จักฉันหรอก ขอแนะนำตัวเองก่อนแล้วกันฉันแซ่ฉิว ชื่อเฉ่ากัง" ฉิวเฉ่ากังแนะนำตัวเองก่อนที่ฉินโจ้วจะถามน้ำเสียงนุ่มนวล ท่าทางสง่าผ่าเผย เมื่อมาอยู่ต่อหน้าของฉินโจ้ว
"คุณชายตระกูลฉิว !!!" จู่ๆ ก็มีคนหลุดปากะโขึ้นมาก่อนจะรีบเอามืดปิดปากตัวเองทันทีเมื่อรู้ว่าตนเองส่งเสียงรบกวน และหันมองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกผิด แต่ก็พบว่าสีหน้าของผู้คนเ่าั้ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นชายคนดังกล่าวสีหน้าของชุดขาวลอยล่องก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะก้าวขึ้นไปด้านหน้าจากนั้นก็จ้องมองไปทางฉิวเฉ่ากังด้วยสายตาเ็า กลับกลายเป็ยืนบังฉินโจ้วที่อยู่ด้านหลังอย่างไม่ได้ตั้งใจดวงตาของฉินโจ้วก็พลันมีประกายแสงวาบขึ้น แต่สุดท้ายเขาก็ได้แต่นิ่งเฉยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
ฉิวเฉ่ากังดูเหมือนจะไม่มองการกระทำเล็กๆน้อยๆของชุดขาวลอยล่อง รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง สายตายังจับจ้องไปที่ใบหน้าที่สวยสดงดงามไร้ที่ติของชุดขาวลอยล่องสายตาเต็มไปด้วยความชื่นชม เหมือนกับชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาว แต่เป็ความรู้สึกของชายหนุ่มที่เป็วีรบุรุษตกหลุมรักสาวงามคนหนึ่งเต็มไปด้วยความหนักแน่นจริงจังและสุดท้ายสายตาของฉิวเฉ่ากังก็จดจ้องอยู่ที่ริมฝีปากที่น่าดึงดูดของชุดขาวลอยล่องก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เร่งร้อนว่า "ชุดขาวลอยล่อง ผมเป็คนที่คุณไม่สามารถล้อเล่นด้วยได้แม้แต่กลุ่มที่หนุนหลังคุณอยู่ก็ยังไม่สามารถทำได้ คุณเองก็เป็คนสวยผมเองก็มักจะใจกว้างกับผู้หญิงสวยอยู่เสมอ ดังนั้นแล้วผมหวังว่าคุณคงไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งกับเื่นี้ตกลงไหม"
ถึงแม้จะเป็การพูดคุย แต่ก็เหมือนแกมบังคับกลายๆไม่สามารถที่จะเลือกได้อยู่ดี
สำหรับเื่นี้ชุดขาวลอยล่องค่อนข้างลำบากใจเธอเองไม่สงสัยในเื่ความน่าเชื่อถือที่เขาพูดออกมา ในเกมนั้นตัวตนของเธอเองค่อนข้างลึกลับอยู่พอสมควรซึ่งจะมีแต่คนภายในที่จะรู้ ส่วนคนนอกนั้นแทบจะไม่มีใครรู้เลยแต่ถ้าเขากล้าพูดขึ้นมาเช่นนี้ก็แสดงว่าไม่สามารถล้อเล่นกับเขาได้จริงๆ ถึงอย่างนั้นเมามายซบตักสาวงามก็เคยช่วยเหลือเธอเอาไว้...
ฉินโจ้วไม่ปล่อยให้ชุดขาวลอยล่องยืนรอนานก่อนจะก้าวออกมา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเธอแต่ถ้าสังเกตจากสายตาโดยรอบที่จ้องมองมา และท่าทีจริงจังของกวงเย้าเหรินเจี้ยนแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าฉิวเฉ่ากังผู้ที่ไม่รู้ที่มาที่ไปคนนี้นั้นเป็คนที่ไม่สามารถล้อเล่นด้วยได้ดังนั้นเขาจึงต้องก้าวออกมาข้างหน้า ผู้ชายแมนๆ อย่างเราเวลาที่เจอเื่ยุ่งยากก็ต้องออกหน้าแทนผู้หญิงอยู่แล้ว ไม่ควรที่จะหลบซ่อนอยู่ด้านหลังและอีกอย่างหนึ่ง นี่ก็เป็ปัญหาของตัวเขาเองอีกด้วย
"ผมไม่ได้สนใจและก็ไม่อยากรู้หรอกนะว่านายเป็ใครจะบอกให้ว่า นี่มันก็แค่เกม จะจริงจังอะไรขนาดนั้น"คำพูดของฉินโจ้วนั้นตรงไปตรงมา ออกจะนักเลงนิดๆ ด้วยซ้ำ ถ้าเป็กวงเหย้าเหรินเจี้ยนเขาคงจะไม่พูดคำคำนี้ออกไปแน่เพราะตัวเขาค่อนข้างมีศักดิ์ศรี แต่กับฉินโจ้วนั้นต่างออกไปเขาเองไม่ได้คิดว่าตัวเองมียศ มีตำแหน่ง ดังนั้นแล้วถึงเป็นักเลงก็ยังมีข้อดีในแบบนักเลงถูกต้องแล้ว ถ้าในเกมผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดก็แค่เข้าเกมไม่ได้จะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกหรือ? ในเมื่อไม่มี ดังนั้นถึงคำพูดนี้ดูเหมือนจะแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นแต่ถ้าทำให้เขานั้นไม่มีทางเลือก หรือที่เรียกว่าสุนัขจนตรอกก็จะสามารถทำเื่ที่ร้ายแรงขึ้นมาได้โดยที่เราไม่รู้เลยว่าเขาจะทำอะไรออกมาได้บ้าง
ฉิวเฉ่ากังหรี่ตาลงชั่วครู่ก่อนจะลืมตาขึ้นปกติ ถึงแม้ว่าเป็เพียงแค่่เวลาสั้นๆ แต่เขาเองก็แปลกใจไม่น้อยในความอดทนอดกลั้นของฉินโจ้ว
"ฮ่า ฮ่า... เมามายซบตักสาวงาม อาชีพ... ผู้ใช้เวทแห่งความตายอาชีพลับ... ผู้อัญเชิญิญญาธาตุ เป็ผู้เล่นคนแรกที่ออกจากหมู่บ้านโนวิสและเป็ผู้เล่นคนแรกที่ตายกลับเมืองมาสองรอบ เป็เ้าของเหมือง 3 แห่ง เป็ผู้จัดตั้งฉินหวังกรุ๊ป ดูเหมือนว่าจะเข้าเกมมายังไม่ถึงครึ่งปีก็มีทรัพย์สินมากกว่า 52,000 ล้านหยวน ล่าสุดก็เพิ่งจะตั้งเมืองด๊อกทาวน์ขึ้นฮ่าฮ่าฮ่า... ผมพูดถูกไหม"ฉิวเฉ่ากังสาธยายข้อมูลออกมาราวกับเขาศึกษามาเป็อย่างดี ทันทีที่พูดจบยกเว้นกวงเย้าเหรินเจี้ยนและคนบางกลุ่มนอกนั้นล้วนจับจ้องไปทางฉินโจ้วด้วยสายตาที่มองต่างออกไปจากเดิมทันที ตัวเลข 52,000ล้านหยวนนั้น ถึงกับทำให้หูอื้อไปได้ชั่วขณะ 52,000 ล้านหยวน จำนวนเงินนี้มันอะไรกันคนจำนวนไม่น้อยในชีวิตของเขายังไม่เคยมีโอกาสได้เห็นเงินมากมายขนาดนี้เลยยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเป็เ้าของมันเลยด้วยซ้ำ ผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งอะไรกันต่อให้ติดอันดับในเกมแล้วไง... เมื่ออยู่ต่อหน้าเงินจำนวนนี้ก็ยังต้องอ่อนปวกเปียกด้วยจำนวนเงินก้อนนี้มีอะไรที่จะทำไม่ได้กันบ้าง ยังต้องทำงานตอกบัตรตอน 8 โมงเช้าทุกวัน ต้องทำงานล่วงเวลาถึงห้าทุ่มเที่ยงคืนอีกหรือ? วันหยุดหน้าร้อนก็ยังต้องออกไปหาลูกค้าอีกหรือ? ต้องยืนรอรถเมล์ท่ามกลางฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ ไม่ต้องแล้ว...ด้วยจำนวนเงินก้อนนี้ทุกสิ่งก่อนหน้านี้ล้วนกลายเป็อดีต คนเรานั้นต่างก็ทำงานหนักกันมาตลอดชีวิตเพื่ออะไรกัน ถ้าไม่ใช่เพื่อธนบัตรสีแดงเหล่านี้หรอกหรือ? ผู้เล่นชายต่างก็มองมาทางฉินโจ้วด้วยความเคารพนับถืออย่างยิ่งส่วนผู้หญิงก็มองด้วยความชื่นชม ทั้งรวย และยังมีหน้ามีตาในสังคมสิ่งนี้ล้วนเป็เป้าหมายและความมุ่งหวังที่อยู่ในใจที่พวกเขาจะพยายามต่อสู้ให้ได้มา
ความรู้สึกที่มีต่อ 52,000 ล้านหยวนนั้นแตกต่างจาก 5 ล้านหยวนเพราะบางคนอาจจะรู้สึกอิจฉาคนที่มีเงินห้าล้าน แต่กลับยกย่องชื่นชมคนที่มีเงิน 52,000ล้านหยวน
ดวงตาของฉินโจ้วหรี่ลงตัวเขาเองเริ่มรู้สึกถึงอันตราย บุคคลผู้นี้หาขุดคุ้ยข้อมูลมาได้อย่างละเอียด ใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายไม่ธรรมดาเลยจริงๆรู้แม้กระทั่งว่าออกจากหมู่บ้านโนวิสเป็คนแรกและตายสองครั้งเป็คนแรกดูเหมือนแหล่งข่าวของชายคนนี้ค่อนข้างสร้างปัญหาให้อย่างแท้จริงซึ่งทำให้ฉินโจ้วค่อนข้างใเลยทีเดียว แต่สีหน้าของเขายังคงนิ่งเฉย ก่อนจะหัวเราะขึ้นเบาๆและพูดว่า "ผมไม่คิดเลยว่าจะมีคนติดตามผมอย่างกับเป็ดารา โทษนะ...อาชีพของนายเป็ปาปารัสซี่อย่างนั้นหรือ?"
ฉิวเฉ่ากังยิ้มตอบก่อนจะพูดขึ้นว่า"ผมเองไม่ได้เป็ปาปารัสซี่หรอก แต่ผมเป็หัวหน้าของกลุ่มปาปารัสซี่ จะบอกให้คุณเข้าใจว่ากองทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตนั่นเป็ของน้องชายผมเอง คุณทำลายงานและทรัพย์สินเงินทองของน้องชายผมและไม่ไว้หน้าผมเลย ในฐานะพี่ใหญ่ จะให้ผมคิดแต่เื่ต่อสู้ฆ่าแกงกันตลอดเวลามันก็ดูไม่ดีอีกอย่างผมเองก็เป็คนรักสันติมาก เมื่อพิจารณาถึงระดับของคุณที่เป็อยู่ ณเวลานี้แล้ว ผมคิดค่าเสียเวลาเซลล์สมองในการคิดหาวิธีให้คุณแล้ว ไม่มีอะไรยุ่งยากแค่ให้ส่งคืนมีดกระหายเืมาพร้อมกับค่าทำขวัญสัก 300,000เหรียญทอง พร้อมกับจับมือขอโทษน้องชายของผม ก็เป็อันว่าเื่นี้เราหายกันสามารถกลับมาเป็เพื่อนที่ดีต่อกันได้ นายคิดว่าอย่างไร?"
ฉินโจ้วรู้สึกโกรธมาก ก่อนจะหัวเราะเยาะขึ้นและพูดว่า "แย่หน่อยนะ คุณคงจะไม่ได้เป็ทูตแห่งสันติภาพแล้วล่ะ"
"ไม่ใช่เื่แปลกอะไรถ้าคุณไม่เห็นด้วยทุกคนย่อมมีทางเลือกเป็ของตนเองอยู่แล้ว ผมคงไม่โทษคุณหรอกถ้าคุณไม่รู้สึกเสียใจ" สีหน้าของฉิวเฉ่ากังเต็มไปด้วยรอยยิ้มในขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้นแต่ดวงตาของเขากลับเย็นเยียบราวกับไม่มีความร้อนหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย
ดวงตาของฉินโจ้วจ้องเขม็งในระหว่างนั้นสภาวะร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ
ฉิวเฉ่ากังยกมือขึ้นทันทีก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดูถูกว่า"คิดจะโจมตีอย่างนั้นรึ? คิดว่าตัวเองรับบทเป็เด็กหนุ่มหรือชายหนุ่มที่ต้องออกมาปกป้องหน้าสาวงามเวลามีอันตรายหรือ ถ้าเป็ผมคงโจมตีไปั้แ่ทีแรกแล้วล่ะแต่จะเริ่มตอนนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไร เพียงแต่ว่าก่อนที่จะโจมตีคุณควรจะรู้จักเป้าหมายให้ดีเสียก่อน เพื่อที่จะได้ลงมือไม่ผิดตัวถึงแม้ว่านี่จะเป็แค่เกม แต่ก็มีบางคนที่คุณไม่สามารถไปตอแยได้คุณควรจะยอมรับความจริง ที่ผมมาคุยกับคุณมากมายอยู่ที่นี่ไม่ใช่เพราะผมคิดว่าคุณเป็คนฉลาด แต่เพราะผมนั้นรักสันติ ซึ่งปกติแล้วผมไม่ค่อยชอบพูดกับใครเท่าไรเพราะมันจะทำให้ผมดูเหมือนไอคิวต่ำไปด้วย แต่เพราะสิ่งที่คุณทำ ผมจะไม่เปลืองน้ำลายอีกต่อไป คุณคงรู้สึกว่าผมทะนงตนและอวดดีหลังจากที่พูดคุยกันมามากมาย ผมคิดว่าคุณคงเข้าใจว่าผม้าอะไร"
ในขณะที่ฉินโจ้วกำลังจะลงมือนั้นเขาไม่รู้เลยว่าได้ถูกล้อมไว้ด้วยผู้เล่นจำนวนไม่น้อยที่กำลังซ่อนตัวอยู่มีนักรบสองคน หัวขโมย นักธนู ผู้ใช้เวท นักบวช และก็นักฆ่าที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเมื่อมองดูคำนำหน้าชื่อ ทั้งหมดล้วนเป็ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของกิลด์ต้นไม้ทงเทียนโดยคนสุดท้ายที่ชื่อ ''เหิงโหล่ว'' ผู้เชี่ยวชาญระดับเลเวล59 นั้นส่งกลิ่นอายที่เต็มไปด้วยความอันตรายและที่น่าประทับใจมากที่สุดคงจะเป็ผู้เชี่ยวชาญคนแรกของต้นไม้ทงเทียน และควบตำแหน่งรองหัวหน้ากิลด์อีกด้วย''ฟางเซียวเสี้ยว'' สายตาของพวกเขาจดจ้องมาที่ฉินโจ้วราวกับเหยี่ยวจ้องมองเหยื่อหากฉินโจ้วขยับตัวเพียงเล็กน้อย ก็จะถูกจู่โจมแบบสายฟ้าแลบทันทีโดยมีคำสั่งให้จัดการฉินโจ้วทันทีเพื่อความปลอดภัยของฉิวเฉ่ากัง
"ฉิวเฉ่ากัง ผมต้องขอโทษด้วยนะที่ไม่เคยได้ยินชื่อของคุณมาก่อน แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ไม่ควรหยิ่งยโสมากเกินไป ไม่อย่างนั้นจะถูกฟ้าผ่าเอาง่ายๆได้ แต่อันที่จริงคุณเองก็หยิ่งยโสเหมือนแม่ของคุณไม่มีผิดเลย รู้ตัวหรือเปล่า?"ฉินโจ้วหรี่ตาลงจนตาแทบจะปิดซึ่งแสดงให้เห็นว่าตอนนี้เขากำลังโกรธมาก
"คิกๆ..."เสียงหัวเราะคิกคักเหมือนจะดังมาจากกลุ่ม ''นารีสีชมพู''ทำให้ทุกคนพากันมองตามเสียงไป เมื่อเห็นผู้ที่กำลังหัวเราะอยู่นั้นทุกคนก็รู้สึกราวกับเห็นแสงสว่างเรืองรองจากสาวน้อยร่างเล็กผู้น่ารักคนหนึ่ง
สาวๆ อายุราว 16-17 ปี น่าจะเป็นักเรียนชั้นมัธยม ความสูงไม่มากเท่าไรนักน่าจะไม่เกิน 155 เิเ รูปร่างเล็กกะทัดรัดดวงหน้างดงาม มีดวงตากลมโตใสบริสุทธิ์ที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นไปทุกสิ่ง ดวงตาเคลื่อนไหวไปมาให้ความรู้สึกราวกับิญญาโบราณที่ประทานความกล้าหาญและปราศจากความกลัวผมยาวประบ่า ถ้าเป็ผู้หญิงทั่วไปก็คงเปรียบผมที่สวยราวกับปุยเมฆให้ความรู้สึกคลาสสิก แต่สำหรับเธอคนนี้ดูเต็มไปด้วยความซุกซน และพร้อมจะแหกคอกอยู่ตลอดเวลาราวกับแมวป่ามากกว่าที่จะเป็แมวบ้านทั่วไป
เมื่อเห็นสายตาผู้คนจำนวนมากจับจ้องมาที่ตัวเธอผู้หญิงคนนั้นจึงเริ่มเขินอาย และรีบวิ่งไปหลบข้างหลังเพื่อนของเธออย่างรวดเร็ว แต่สำหรับคนที่รู้จักเธอนั้นกลับเห็นถึงความตื่นเต้นในสายตาของเธอแทนราวกับกำลังค้นหาสิ่งที่น่าสนใจอยู่
ฉิวเฉ่ากังนั้นเคยคิดอยู่เสมอว่า ตนนั้นเป็บุคคลที่ค่อนข้างเงียบขรึมจากยี่สิบปีที่ผ่านมา แทบไม่มีสิ่งใดสามารถทำให้แสดงความโกรธขึ้นมาได้เลยแต่ในเวลานี้ดูเหมือนว่าฉินโจ้วจะทำให้เขารู้สึกโกรธขึ้นบ้างแล้วก่อนจะหันไปส่งสายตาราวกับมีดแหลมไปหาผู้หญิงที่กำลังหัวเราะอยู่ในใจก็คิดว่าเขาควรจะเชือดไก่ให้ลิงดูดีหรือไม่ ขณะที่เขาได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวคนดังกล่าวก็อดประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้ "เป็เธอไปได้อย่างไรกัน? ทำไมเธอจึงมาอยู่ที่นี่?"
ทันทีที่เห็นฉิวเฉ่ากังกำลังตะลึงงันอยู่นั้นฉินโจ้วและชุดขาวลอยล่องก็พุ่งหนีออกจากวงล้อมโดยทันที ทั้งคู่ก็มีประสบการณ์ในการต่อสู้มาพอสมควรถ้าทันทีที่เห็นจุดอ่อนของศัตรูก็จะนำมาใช้ทันทีถึงแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญของกิลด์ต้นไม้ทงเทียนนั้นจะจับตามองการเคลื่อนไหวของคนทั้งคู่อยู่แต่ความผิดพลาดในครั้งนี้เกิดจากการสั่งการของฉิวเฉ่ากังทำให้พวกเขาพลาดโอกาสในการลงมือไปแล้วจากความผิดพลาดของฉิวเฉ่ากัง
ฉิวเฉ่ากังเป็คนฉลาด เขาก็รู้ว่าเื่ต่างๆ เปลี่ยนไปสาเหตุมาจากตัวเขาเองแต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ และพูดขึ้นด้วยเสียงที่เบาลงว่า "การจะหาเงินให้ได้มาก ดูเหมือนจะต้องพึ่งโชคอยู่พอสมควรแต่จงจำคำพูดนี้เอาไว้ เพราะคุณทำให้ผมโกรธ เวลาผมโกรธผมจะชอบทำสิ่งที่ไม่ใช่สันติวิธี และนี่เป็การเตือน ถ้ามีบางสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับคุณนั่นน่าจะเป็สิ่งที่ผมเป็คนลงมือทำถ้าสิ่งที่จะเกิดขึ้นเพราะความโกรธของผมสามารถเปลี่ยนใจคุณได้ ก็ให้คุณมาหาผมได้เงื่อนไขของผมยังคงเหมือนเดิม ผมเองเป็คนมีสัจจะ ซึ่งคนทั่วไปต่างก็รู้กันดีดังนั้นผมคิดว่าคุณควรจะได้รับโอกาสมากขึ้น เพราะว่าผมเป็คนดี"
"ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นผมจะไปหาคุณเอง" ฉินโจ้วเอ่ยขึ้นอย่างแ่เบา ถึงเขาพูดไม่จบประโยคแต่ในสายตาของคนทั่วไปย่อมมองออกได้อย่างชัดเจน
ฉิวเฉ่ากังเข้าใจการตัดสินใจของฉินโจ้วเป็อย่างดีใบหน้าปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา ความ้าสังหารปรากฏวาบขึ้นในดวงตา ก่อนจะพูดขึ้นซ้ำๆว่า "ดี... ดี... ดี... ดีมาก ผมเองก็เคยพบเพื่อนที่ไม่เป็มิตรอยู่หลายคนในนั้นก็มีหลายคนที่ปากแข็งมากกว่าคุณ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมโอนอ่อนผมหวังว่าคุณคงจะเป็ข้อยกเว้นนะ"
ฉินโจ้วไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวก่อนจะมองเขาและพูดว่า"ในชีวิตคนเรา ต้องมีสิ่งที่คาดไม่ถึงอยู่บ้าง ชีวิตจึงจะมีสีสันจะได้เจอเื่น่าตื่นเต้น คิดว่าเป็อย่างไร?"
"ดี... พูดได้ดีแล้วผมจะรอดูเื่ตื่นเต้นที่ว่า" ฉิวเฉ่ากังหัวเราะเบาๆ แล้วเดินจากไป
เขานั้นชอบเจรจาก่อนที่จะลงมือ ซึ่งดูเหมือนว่าการเจรจาจะล้มเหลวต่อไปคงต้องเป็การใช้กำลังเข้าสู้ แต่เนื่องจากเวลาที่ดีที่สุดที่จะลงมือกำจัดฉินโจ้วได้ผ่านไปแล้วฉิวเฉ่ากังเองก็ได้เห็นทักษะหลายอย่างของฉินโจ้วแต่ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายจะสามารถจัดการกับฉินโจ้วลงได้อีกอย่างก็ยังมีชุดขาวลอยล่องอยู่อีกด้วย ดูท่าคงต้องรอลงมือคราวหน้าเสียแล้วปกติแล้วเขาทำงานด้วยความระมัดระวังรอบคอบอยู่เสมอ ไม่นิยมความเสี่ยงเพราะว่าเขาเข้าใจดีว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตนั่นก็คือ โอกาสตราบใดที่ยังมีโอกาส แล้วจะต้องลงไปเสี่ยงทำไมกัน นี่ไม่ใช่เื่ที่ฉลาดเลย และเขาเองก็เป็คนที่มีความอดทนสูง
หลังจากเห็นว่าฉิวเฉ่ากังและผู้เชี่ยวชาญระดับสูงทั้งหลายของกิลด์ต้นไม้ทงเทียนกลับไปแล้วฉินโจ้วรีบติดต่อกับหวังโหรวทันที โดยกำชับถึงเื่สำคัญก่อนจะจบการสนทนาจากการตรวจสอบฉิวเฉ่ากังและจากความแข็งแกร่งที่เห็นมีความเป็ไปได้ที่เขาอาจจะโจมตีเมืองที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ของฉินโจ้วซึ่งเป็เหมือนเส้นเืที่หล่อเลี้ยงฉินหวังกรุ๊ป และเื่นี้ฉินโจ้วให้ความสำคัญเป็อย่างมากโดยไม่อาจให้เกิดความล้มเหลวได้
"เฮ้... ดูนั่นสิ มีคนอยู่ด้านในด้วย"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้