ั้แ่เข้ามาในจวนอ๋องหนานหลี่ หลัวเลี่ยก็มุ่งไปที่การฝึกฝนพลังเป็หลัก หากมีเื่อะไรเกิดขึ้น หัวหน้าองครักษ์ซูชิวเชิงจะเป็คนจัดการ ดังนั้นเขาและหัวหน้าพ่อบ้านอูไท่ไหลจึงได้พบกันเมื่อเขาเข้าไปจวนอ๋องหนานหลี่ในครั้งแรกเท่านั้น ส่วนครั้งอื่นๆ ซูชิวเชิงจะเป็คนรับเื่เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของอูไท่ไหลเอง
เพียงแต่หลัวเลี่ยไม่คาดคิดว่าอูไท่ไหลคนนี้จะเป็คนของชงโหวหู่
เขาแอบดีใจที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับอูไท่ไหล
แต่กระนั้นมันก็ทำให้หลัวเลี่ยเสียใจมากที่ภายในจวนมีคนทรยศที่อยู่ในตำแหน่งสูงเช่นนี้
อูไท่ไหลทำความเคารพหลิวหงเหยียนและชงโหวหู่ก่อน และสุดท้ายก็มาถึงหลัวเลี่ย เขาโค้งคำนับและทำความเคารพ “คารวะท่านอ๋องน้อย”
“อืม”
หลัวเลี่ยเอามือไพล่หลังไว้และพยักหน้าเล็กน้อย
เขาไม่ได้ดูโกรธเลย ซ้ำยังสงบนิ่งจนผู้คนไม่รู้สึกถึงความเคียดแค้น และความเฉยเมยในดวงตาคู่นั้นทำให้อูไท่ไหลรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
ในฐานะหัวหน้าพ่อบ้านของจวนอ๋องหนานหลี่ อูไท่ไหลคุ้นเคยกับหลัวเลี่ยเป็อย่างดี เขาคิดว่าการที่เขาปรากฏตัวเช่นนี้ จะต้องทำให้หลัวเลี่ยโกรธอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้สิ่งต่างๆ กลับตาลปัตร และทุกอย่างที่พวกเขาเคยคิดไว้ก็พังทลาย
“ท่านอ๋องน้อย เื่ที่ท่านอ๋องยังมีบุตรชายอีกคนหนึ่ง มีเพียงข้าเท่านั้นที่รู้ และท่านอ๋องเองก็ได้ทิ้งจดหมายเืเกี่ยวกับเื่นี้ไว้” อูไท่ไหลกล่าว
หลัวเลี่ยพูดอย่างนิ่งเฉย “อ้อ เ้าจะบอกว่าเขาเป็บุตรนอกสมรสหรือ”
ใจของอูไท่ไหลตกฮวบลงอีกครั้ง หลัวเลี่ยยังคงสงบนิ่ง นี่ทำให้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขาไม่ได้รู้ว่าหลัวเลี่ยคนนี้ไม่ใช่หลัวเลี่ยคนก่อน เขาแค่รู้สึกถึงความผิดปกติเท่านั้น
“นี่คือจดหมายเื” อูไท่ไหลหยิบจดหมายเืออกมา
หลัวเลี่ยไม่ตอบกลับ เขารู้ว่าการปรากฏตัวของหลัวชื่อสิงนี้เป็การเตรียมการของชงโหวหู่
ในตอนนี้เขาต้องยอมรับว่าชงโหวหู่เ้าเล่ห์จริงๆ แม้ว่าทุกคนและตัวชงโหวหู่จะเชื่อว่าหลัวเลี่ยไม่เคยฝึกฝนวรยุทธ์ และจะไม่สามารถผ่านทั้งสามด่านได้ แต่เขาก็ยังคงเตรียมแผนการสำรอง อย่างการนำตัวหลัวชื่อสิงบุตรนอกสมรสของอ๋องหนานหลี่ออกมา
ปัญหาคือใครจะกล้าพูดว่าหลัวชื่อสิงเป็บุตรนอกสมรสของอ๋องหนานหลี่จริงๆ เล่า? เห็นได้ชัดว่าอูไท่ไหลเป็คนของชงโหวหู่ การที่เขานำจดหมายออกมา จะเป็ไปได้หรือไม่ที่เขาจะเปลี่ยนคนที่ไม่เกี่ยวข้องให้เป็บุตรนอกสมรสของอ๋องหนานหลี่ผู้ล่วงลับ เพราะอย่างไรอ๋องหนานหลี่และภรรยาของเขาก็เสียชีวิตไปแล้ว และไม่มีผู้ใดรู้เื่ราวที่แท้จริง เื่นี้จึงไม่อาจพิสูจน์ได้
เมื่อเื่ราวเป็เช่นนี้ หลัวเลี่ยไม่อยากรู้อีกแล้วว่าตัวตนแท้จริงของหลัวชื่อสิงเป็ผู้ใดไม่มีประโยชน์ที่จะคิดเื่นี้ เพราะแทนที่จะทำเช่นนั้น คงเป็การดีกว่าถ้ายอมรับ และดูว่าต่อไปชงโหวหู่้าทำอะไร
“ข้าเข้าใจแล้ว เ้าถอยไปเถอะ” หลัวเลี่ยไม่แม้แต่จะเปิดดูจดหมายเื
อูไท่ไหลจ้องมองด้วยแววตาว่างเปล่าไปที่จดหมายเืที่วางอย่างเรียบร้อยในมือ เขาหันหน้าไปมองชงโหวหู่ แม้แต่ชงโหวหู่เองก็ยังประหลาดใจกับความนิ่งของหลัวเลี่ย
ชงโหวหู่ผู้เ้าเล่ห์ไม่ได้หงุดหงิดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อแม้แต่หลัวเลี่ยเองก็ยอมรับว่าหลัวชื่อสิงเป็บุตรชายของอ๋องหนานหลี่ เื่นี้จึงคลี่คลายอย่างง่ายดาย ดังนั้นข้ามีข้อเสนอ วันนี้เพื่อตัดสินการเป็ผู้สืบทอดสิทธิในบัลลังก์ของอ๋องหนานหลี่ ก็ให้หลัวเลี่ยและหลัวชื่อสิงเข้าร่วมการทดสอบผู้พิชิตพร้อมกัน ผู้ที่ชนะจะได้รับสิทธิในการสืบทอดบัลลังก์ ไม่ทราบว่าฝ่าาคิดเห็นเช่นไร”
หลิวหงเหยียนโกรธมาก
นี่เป็การเปลี่ยนแปลงข้อตกลงก่อนหน้านี้
ตอนแรกหลัวเลี่ยแค่ผ่านสามด่านก็จะสามารถรักษาสิทธิในการสืบทอดบัลลังก์ไว้ได้ เขาจะต้องได้เป็อ๋องหนานหลี่ในอนาคตแน่
แต่ตอนนี้เขากลับต้องชนะหลัวชื่อสิง มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าหลัวชื่อสิงเป็อันดับที่สองของแคว้นเป่ยสุ่ย นอกจากชงจ้านหยวนแล้วก็ไม่มีชายหนุ่มคนใดที่จะสามารถเป็คู่ต่อสู้ของเขาได้ นอกจากนี้หลัวชื่อสิงยังผ่านบททดสอบไปได้ถึงสามด่านแล้ว ไม่เพียงผ่านธรรมดา แต่ยังมีผลการทดสอบที่อยู่ในเกณฑ์ดี เขามีประสบการณ์แล้ว หากจะทดสอบอีกครั้งย่อมมีความผ่อนคลายกว่ามาก
ข้อได้เปรียบทั้งหมดล้วนเป็ของหลัวชื่อสิง
ด้วยเหตุนี้เท่ากับว่าชงโหวหู่ได้แย่งสิทธิในการสืบทอดบัลลังก์อ๋องหนานหลี่ไปแล้ว
“ตาแก่นั่นชั่วร้ายเกินไปแล้ว!” หลิวหงเหยียนลอบด่า
หลายคนใกับกลยุทธ์ของชงโหวหู่ ซึ่งดูประสงค์ร้ายอย่างชัดเจน จนบางคนสงสัยว่าหลัวชื่อสิงแท้จริงแล้วเป็บุตรนอกสมรสของชงโหวหู่หรือไม่
เมื่อหลิวหงเหยียนพยายามขัดขวาง หลัวเลี่ยก็พูดขึ้นมาว่า “บุตรนอกสมรสกับบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมายเช่นข้ามาแข่งขันกันเพื่อสืบทอดตำแหน่ง อ๋องชวนหลงคิดว่าเหมาะสมหรือ”
ชงโหวหู่ปรายตามองไปที่หลัวเลี่ยอย่างไม่สนใจ และพูดว่า “สายแล้ว เริ่มบททดสอบผู้พิชิตเถอะ”
หลัวเลี่ยอดไม่ได้ที่จะโกรธ ตาแก่คนนี้กลับกลอกเกินไป
สิ่งที่น่ารำคาญยิ่งกว่าคือผู้ที่รับผิดชอบบททดสอบผู้พิชิตไม่รอให้จักรพรรดินีหลิวหงเหยียนพูดก่อน พวกเขาลงมือทำตามคำสั่งของชงโหวหู่ทันที
นี่เป็การดูิ่จักรพรรดินีอย่างโจ่งแจ้ง!
หลิวหงเหยียนกำหมัดแน่น นางระงับความโกรธ ทำได้เพียงอดทนและฝากความหวังไว้ที่หลัวเลี่ย
หลัวเลี่ยไม่ได้ะโด่าและยั่วยุ เขาจะตอบโต้ด้วยการกระทำ
ไม่ใช่ว่าเ้าอยากแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดบัลลังก์อ๋องหนานหลี่ไปจากข้าหรอกหรือ เช่นนั้นข้าจะไม่ปล่อยให้เ้าได้มันไป!
เ้าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาหรือ เช่นนั้นข้าจะทำให้เ้าตาสว่างเอง!
เ้าคืออ๋องชวนหลงผู้สูงส่งหรือ เช่นนั้นข้าจะทำให้เ้าอับอายเอง!
หลัวเลี่ยพยักหน้าให้หลิวหงเหยียนและเสวี่ยปิงหนิง จากนั้นก็เดินไปยังทางเข้าไปทดสอบบททดสอบผู้พิชิต
หลัวชื่อสิงที่อยู่ข้างๆ เงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ ราวกับมั่นใจว่าจะชนะ และพูดยั่วยุในระหว่างเดิน “หลัวเลี่ย ถ้าเ้าไม่อยากเป็ตัวตลกก็ยอมแพ้เสียเถอะ แล้วปล่อยให้ข้าขึ้นเป็อ๋องหนานหลี่คนต่อไป”
“ผลยังไม่แน่ชัดว่าใครจะเป็ตัวตลก” หลัวเลี่ยเย้ยหยัน
“ฮ่าๆ…”
หลัวชื่อสิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ข้ารู้ว่าเ้าเป็ที่โปรดปรานของฝ่าา และเ้าก็ฝึกฝนอย่างหนักมาครึ่งเดือนแล้ว แต่แล้วอย่างไรล่ะ เวลาครึ่งเดือนอย่างมากเ้าก็ฝึกได้แค่วรยุทธ์พื้นฐานถึงระดับสามเท่านั้น แค่ระดับสามเทียบกับข้าในตอนนี้ที่อยู่ระดับห้า เพียงข้าลงมือครั้งเดียวก็สามารถจัดการเ้าได้แล้ว”
“ข้าหวังว่าหลังจากนี้เ้าจะยังคงรอยยิ้มสดใสเช่นนี้ไว้ได้”
หลัวเลี่ยก้าวเข้าสู่ด่านแรก
หลัวชื่อสิงยิ้มอย่างประชดประชัน และเดินเข้าไปยืนข้างกัน
บททดสอบผู้พิชิตมีทั้งหมดสี่ด่าน นอกจากด่านที่สี่ที่ยังคงเป็ปริศนาแล้ว ในสามด่านแรกล้วนเป็การต่อสู้เดี่ยว
เส้นทางด่านแรกนี้เป็ทางเดินแคบยาวสามสิบจั้ง กว้างเพียงหนึ่งจั้ง และผนังทั้งสองด้านสูงเกือบสองจั้ง ด้านในทางเดินมีหมาป่าขนทองที่มีกรงเล็บแหลมคมอยู่หนึ่งร้อยตัว
ความแข็งแกร่งของหมาป่าขนทองนั้นไม่ได้แกร่งเท่ากับการฝึกร่างกายระดับสาม แต่ปัญหาคือสถานที่แคบเกินไป และไม่ง่ายเลยที่จะจัดการกับหมาป่าเป็ร้อยๆ ตัว สิ่งที่สำคัญกว่าคือมีเงื่อนไขสำหรับการผ่านด่านแรก นั่นคือไม่อนุญาตให้มีการาเ็ แม้เพียงิัมีรอยขีดข่วนก็ถือว่าล้มเหลวในการผ่านด่านนี้ และเมื่อสามารถฝ่าไปได้จนถึงสุดระยะสามสิบจั้งแล้วจะเจอประตูที่ปิดอยู่ ด้านหลังประตูคือด่านที่สอง
กึก! กึก!
มีเสียงกระแทกประตูที่ปิดอยู่อย่างแรงสองครั้ง
ทางเข้าสู่ทางเดินทั้งสองคั่นด้วยกำแพงถูกปิด
ในทางกลับกัน ผู้ชมที่อยู่บนที่สูงสามารถมองเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นด้านล่างได้
เมื่อประตูที่เดินเข้ามาถูกปิดลง ทันใดนั้นรูสี่เหลี่ยมก็เริ่มปรากฏขึ้นบนพื้นดินในทางเดินยาวหนึ่งร้อยเมตร แล้วเสียงหอนของหมาป่าขนทองที่มีกรงเล็บแหลมคมก็ดังออกมาจากข้างใน
เมื่อหมาป่าขนทองปรากฏขึ้นในทางเดิน ผู้คนก็สังเกตเห็นถึงความแตกต่าง
หมาป่าขนทองในทางเดินที่หลัวชื่อสิงอยู่นั้นไม่มีอะไรพิเศษ พวกมันเป็หมาป่าขนทองที่มีกรงเล็บแหลมคมธรรมดา
แต่หมาป่าขนทองในทางเดินของหลัวเลี่ยกลับแตกต่างกัน หมาป่าขนทองแต่ละตัวมีจุดสีเขียวอมเทาเล็กน้อยอยู่บนกรงเล็บที่แหลมคม ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีพิษ อีกทั้งจำนวนยังไม่ใช่หนึ่งร้อยตัว แต่มีมากถึงหนึ่งร้อยยี่สิบตัว
“ไม่ยุติธรรม!” หลิวหงเหยียนเอ่ยเสียงทุ้ม “ใครเป็คนทำ!”
ชงโหวหู่มองไปที่เส้นทางการทดสอบทั้งสอง แต่ไม่มองไปที่หลิวหงเหยียน และพูดอย่างสบายๆ ว่า “เป็ข้าเองที่ทำ ข้าคิดว่าถ้าทั้งสองคนเผชิญบททดสอบเหมือนกันจะเป็การไม่ยุติธรรมกับหลัวชื่อสิง เขาไม่เคยได้รับการชี้แนะจากอ๋องหนานหลี่ ทั้งหมดล้วนมาจากการฝึกฝนด้วยตนเอง แต่เมื่อเทียบกับหลัวเลี่ยซึ่งได้รับการชี้แนะจากอ๋องหนานหลี่แล้ว เขาเสียเปรียบมาก ดังนั้นเพื่อความเป็ธรรม ข้าจึงขอให้ทำเช่นนี้”
เกือบทุกคน และแม้แต่ผู้อยู่ข้างชงโหวหู่มีคำสองสามคำอยู่ในใจ
หน้าด้าน! น่ารังเกียจ! ชั่วร้าย! เลวทราม!
ทุกคนล้วนรู้ว่าหลัวเลี่ยไม่ได้ฝึกฝนวรยุทธ์ แล้วเขาจะได้รับการชี้แนะอย่างไร?
ทุกคนล้วนรู้ว่าหลัวชื่อสิงเป็อันดับสองในรุ่นเยาวชน?
ใครจะรับรองได้ว่าหลัวชื่อสิงไม่ใช่บุตรนอกสมรสของท่านแล้วถูกท่านชี้แนะมาอย่างลับๆ
การใช้วิธีดังกล่าวนอกจากบ่งบอกถึงความเลวทรามแล้วก็ยังบอกได้คำเดียวว่าชงโหวหู่นั้นร้ายกาจเกินไป แม้ว่าเขาจะเป็ผู้ชนะอย่างแน่นอนแล้ว แต่เขาก็ยังมีแผนป้องกันการผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นอีก
ด้วยการแทรกแซงของอ๋องชวนหลงผู้ชั่วร้าย อย่าพูดถึงชัยชนะของหลัวเลี่ยเลย เขาจะยังมีชีวิตรอดหรือไม่ยังไม่แน่ชัด
แม้ว่าหลิวหงเหยียน้าที่จะหยุด มันก็สายเกินไปแล้ว
การต่อสู้ในด่านแรกได้เริ่มขึ้นแล้ว