มู่จื่อหลิงผลักเขาออกทันที ถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าว หลบเลี่ยงคำถามของเขา มุมปากยกขึ้นน้อยๆ ใช้น้ำเสียงปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ท่านอ๋องไปก่อนเถิด ข้ากลับ...กลับจวนอ๋องไปเองได้”
หลังจากพูดจบประโยคนี้ ในใจนางก็ยังปรากฏความว้าเหว่ที่ยากจะปิดบัง
ก่อนหน้านี้ไม่นาน พวกเขาพูดไว้แล้วว่า...กลับบ้าน
หึ! กลับบ้าน!
จวนฉีอ๋อง ก็เป็สถานที่ที่นางจะได้ใช้ชีวิตสงบสุขเพียงชั่วคราวเท่านั้น
ที่แห่งนั้น แต่ไหนแต่ไรมาไม่ใช่...บ้านของนาง!
หลงเซี่ยวอวี่ไม่พูดจา เขาเพียงจ้องสตรีที่ผลักเขาออกทันที ั์ตาเปล่งประกายดำขลับดั่งน้ำหมึก ลุ่มลึกไม่เห็นจุดสิ้นสุด ลึกและดำมืดราวกับทะเลสาบ
ค่อยๆ มองทีละนิด มองเป็เวลานาน มองทุกรูขุมขนโดยละเอียด
มองอย่างจริงจัง มองโดยละเอียด สุดท้ายรูม่านตาดำขลับของเขาก็ตกอยู่ที่ดวงตางามกระจ่างใสของนางเหมือนกับว่า้ามองนางจนทะลุ
ั์ตางามกระจ่างใสแวววาว ใสจนเห็นก้นบึ้ง ทำให้คนมองทะลุปรุโปร่ง ทว่าแววตาที่นิ่งสงบนั้นเหมือนจะถูกกั้นไว้อีกชั้น ส่วนลึกที่คลุมเครือว่างเปล่า ราวกับใครก็เข้าไปไม่ได้
เมื่อรู้สึกถึงสายตาร้อนแรงของหลงเซี่ยวอวี่ มู่จื่อหลิงก็มองกลับอย่างสุขุม ั์ตาทอประกายยิ้มจางๆ สีหน้านิ่งสงบราบเรียบ
นางมองเข้าไปในความลุ่มลึกราวบ่อน้ำ ั์ตาที่ไม่อาจมองจุดสิ้นสุดในทันที ดวงตาลึกซึ้งนั้นวุ่นวาย ในยามนี้ นางก็อ่านไม่ออก และมองไม่ออกเช่นกัน
ทว่า ั้แ่ยามนี้กระทั่งต่อไป นางก็ไม่อยากอ่านออกและไม่อยากมองออกอีกแล้ว
หรือบางที ต่อไป ก็อาจจะไม่มีต่อไปแล้ว
ตาสี่ดวงจ้องมองกันและกัน ในระหว่างนี้ไร้ซึ่งสุ้มเสียง เงียบสงัดไร้คำพูด สงบสวยงาม เวลาราวกับหยุดเดินไปชั่วขณะนี้
แสงแดดร้อนแรงใน่เวลานี้ก็ราวกับจะอ่อนโยนขึ้นมา แสงแดดอบอุ่นสงบสุขสาดส่องพื้นโลก เหมือนมีสายลมที่พัดผ่านมาอย่างแ่เบา
ไม่มีผู้ใดหักใจทำลายบรรยากาศอันสงบสวยงามนี้ลงได้
ทว่า
ดวงตางามของเยวี่ยหลิงหลงเคลื่อนไหว สายตาตกอยู่ที่เงาร่างไม่ไกล ใบหน้านางราบเรียบเหมือนผืนน้ำ ริมฝีปากแดงแยกออกเป็ช่อง ยกขึ้นเป็รอยยิ้มจางๆ
“ไปได้หรือยัง?” เสียงที่เหมือนระลอกน้ำไหลเข้าสู่ใบหู ทำลายความเงียบ
มู่จื่อหลิงเก็บสายตากลับมาอย่างเป็ธรรมชาติ ยิ้มจาง รอยยิ้มอบอุ่นราวกับลมฤดูใบไม้ผลิ “ท่านอ๋อง ท่านรีบไปเถิด อย่าได้ให้นางรอนาน”
น้ำเสียงผ่อนคลาย สีหน้าสงบนิ่ง มองไม่เห็นความสงบสุขแม้แต่น้อย
นางในยามนี้บังคับให้ภายนอกแสดงแย้มยิ้ม ดูผ่อนคลาย ทว่าในใจนางเ็ปเพียงใดมีแค่์ที่รู้!
เมื่อเห็นมู่จื่อหลิงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ ได้ยินคำพูดไม่สนใจของนาง ใบหน้าของหลงเซี่ยวอวี่จับตัวดั่งน้ำแข็งในชั่วพริบตา แผ่ไอหนาวเหน็บ เขายื่นมือขาวเรียวออกมาดึงมู่จื่อหลิงทันที
การฉุดรั้งกะทันหันนี้ทำให้มู่จื่อหลิงไม่ทันตั้งตัว ถลาเข้ามาในอ้อมอกหลงเซี่ยวอวี่
ตามมาด้วยเงาดำเข้มครอบทับลงมา นางเหมือนจะรู้ ทว่าหลบไม่ได้ นางรีบหันใบหน้า ยามที่ริมฝีปากเย็นเฉียบของหลงเซี่ยวอวี่ฉกลงมา จึงเฉียดแก้มของนางไป
ต่อให้หลบพ้นไปเช่นนี้ ก็ทำให้ในใจมู่จื่อหลิงเ็ปเป็ที่สุดในชั่วพริบตา
ใช้อะไรถึงได้ทำกับนางตามอำเภอใจจนถึงตอนนี้?
ใช้อะไรมาทำเช่นนี้กับนางต่อหน้าสตรีที่เขาใส่ใจ?
ใช้อะไร ก่อนหน้านี้ยังหัวร่อต่อกระซิกกับสตรีชุดขาวผู้นั้น ยามนี้ก็มารังแกนางเช่นนี้?
หลงเซี่ยวอวี่ท่านหมายความว่าอะไรกันแน่? ท่านใช้สิทธิ์ใดมาทำกันแน่?
เป็เพราะรังเกียจหวางเฟยในนามผู้นี้ ที่ตอนนี้ต่อให้ถูกหนามพิษสองสามเล่มในวังจับตาดู ก็ยังคงมีชีวิตที่สบายใจจนเกินไป ยามนี้จึง้าสร้างความแค้นใหม่ให้ข้า?
เพราะการหลบเลี่ยงของมู่จื่อหลิงนี้ สองแขนที่เหมือนกับคีมเหล็กของหลงเซี่ยวอวี่จึงตรึงนางไว้แน่นโดยพลัน ราวกับว่า้าฝังร่างของนางเข้าไปในกายตนในวินาทีถัดไป
ั์ตางามของเยวี่ยหลิงหลงมองสองคนที่กอดรัดกันอยู่ ั้แ่ต้นจนจบมุมปากก็แต้มรอยยิ้มสดใสน่าใหลหลง
รอยยิ้มนั้นอ่อนหวาน สีหน้ากลับเรียบเฉย ั์ตางดงามน่าหลงใหลที่มองแล้วเหมือนทำให้ผู้อื่นสั่นไหว แต่ใครก็มองความหมายลึกซึ้งที่ซุกซ่อนอยู่ในดวงตาดำขลับนั้นไม่ชัดเจน
ถูกหลงเซี่ยวอวี่กอดแน่นจนเกือบจะหายใจไม่ออกไร้หนทางจะต่อต้าน สีหน้าของมู่จื่อหลิงจึงบิดเบี้ยวน้อยๆ
ทรมาน! ทรมานยิ่งนัก!
ในขณะที่นางคิดว่าใกล้จะขาดอากาศหายใจ ในขณะที่นางคิดว่าหลงเซี่ยวอวี่จะไม่ปล่อยนาง
หลงเซี่ยวอวี่ก็จูบลงมาหนักๆ บนหน้าผากที่ขาวใสของนาง น้ำเสียงอ่อนโยนลงโดยไม่รู้ตัว ทว่ากลับเตือนด้วยความเด็ดขาด “กลับไปก็ระวังตัวด้วย หลังจากกลับไปเป็เด็กดีอยู่ในจวนอ๋องให้เปิ่นหวาง ไม่อนุญาตให้ไปไหนทั้งสิ้น”
สิ้นเสียงพูด ไม่รอให้มู่จื่อหลิงมีปฏิกิริยา เขาก็ปล่อยนางออก ทะยานขึ้นอาชาเปินเหลย ชำเลืองมองเยวี่ยหลิงหลงอย่างเ็า ทิ้งท้ายว่า “ไป!”
อาชาเปินเหลยแหงนศีรษะส่งเสียงร้องฮี่ยาวๆ ควบออกไป เหลือเพียงเศษฝุ่นที่ลอยคลุ้งจากกีบม้าที่ตะกุย
หลงเซี่ยวอวี่ ท่านเห็นข้าเป็อะไรกัน?
เป็เด็กดีอยู่ในจวน? ไม่อนุญาตให้ไปที่ใด?
ขออภัยด้วย ข้า...ทำ ไม่ ได้!
มู่จื่อหลิงมองเงาร่างที่หายไป มุมปากยกยิ้มเย็นระคนเฉยเมย ทันใดก็รู้สึกว่ามีสายตาระยิบระยับยังคงจับจ้องมาที่ตนเอง
นางหันสายตา สองมือกอดอก มุมปากยิ้มกึ่งไม่ยิ้มเลิกคิ้วมองกลับไป ดวงตาที่แยกดำขาวอย่างชัดเจนภายใต้การสาดส่องของพระอาทิตย์ก็ทอประกายงดงามสดใส
ได้เห็นสตรีที่งดงามจนสั่นสะท้านจิตใจผู้คนเช่นนี้ ในใจมู่จื่อหลิงก็อดไม่ได้ที่จะ ‘ชื่นชม’
สตรีผู้นี้งดงามอย่างเป็ธรรมชาติ ท่วงท่าสง่างาม แสดงออกอย่างใจกว้าง ทว่าใจทั้งดวงที่อยู่ข้างในเป็เช่นใด ใครเล่าจะรู้?
ทว่า มีใบหน้างามล่มเมืองไม่มีใครเทียบได้เช่นนี้ มีท่วงท่าสง่างามไม่ธรรมดาเช่นนี้ ไม่ว่าอะไรก็ล้วนเป็สิ่งที่ดีที่สุด อะไรก็ล้วนเป็ชัยชนะเหนือผู้อื่น
เทพยดาโปรดปรานนางจริงๆ จึงประทานข้อได้เปรียบที่อำนวยประโยชน์แก่นางปานนี้
คนเช่นนี้ รูปลักษณ์อันไร้ที่ติเช่นนี้ ช่างสมบูรณ์แบบไร้ข้อบกพร่องอย่างยิ่ง!
ดังสตรีที่สุภาพเรียบร้อย งามล่มเมือง กับฉีอ๋องที่สูงศักดิ์ไร้ที่เปรียบ สั่นะเืใต้หล้า ย่อมเป็...คู่์สรรค์สร้าง!
ท้ายที่สุดเยวี่ยหลิงหลงชำเลืองมองมู่จื่อหลิงแวบหนึ่ง มือหยกก็ม้วนผ้าบางที่ลากพื้นขึ้นด้วยท่วงท่าสง่างามราวกับนกยูงที่หยิ่งยโส เยื้องย่างเข้าไปในเกี้ยว
ในเวลาเพียงชั่วยกมือ เกี้ยวก็ดูเหมือนจะหายไปต่อหน้ามู่จื่อหลิงด้วยความเร็วราวสายลม...
คนทั้งกลุ่มไปอย่างสะอาดหมดจด ไม่หลงเหลือร่องรอย ราวกับความทรงอำนาจที่หรูหราเมื่อครู่นี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
สายตาสุดท้ายของเยวี่ยหลิงหลงเหมือนอาบยาพิษ ยาพิษในแววตานั่นทำให้คนหลงลืมความกล้าหาญ ใจสั่นสะท้านขลาดกลัว
สายตามู่จื่อหลิงทอดมองเศษฝุ่นที่ตกลงมายังพื้นในบริเวณที่ห่างไกล...ที่ห่างไกลนั้นเป็ถนนเส้นใหญ่ที่มีเศษฝุ่นตกลงมาและเงียบเหงา!
ริมฝีปากนางฉีกรอยยิ้มจาง รอยยิ้มนี้เจือไปด้วยความขมขื่นอันบางเบา เจือไปด้วยความฝืดเคือง และความโดดเดี่ยวอันเลือนราง
คนไปอย่างไร้ร่องรอย ทว่า สุดท้ายเกราะป้องกันที่ไม่แยแสและดื้อดึงของนางก็พังทลายลงในชั่วขณะนี้!
มู่จื่อหลิงยกมือที่ขาวนวลบอบบางขึ้นมาแนบที่ตำแหน่งของหัวใจตนเอง
หลงเซี่ยวอวี่ ท่านรู้หรือไม่?
ก่อนหน้านี้ไม่นาน ในป่าสายหมอก สิ่งที่อยู่ในนี้ ที่กำลังเต้นตึกตักอย่างช้าๆ นี้ อีกนิดเดียว อีกเพียงนิดเดียวมันก็จะขยับเข้าไปใกล้ท่าน และอีกเพียงนิดเดียวก็จะถูกท่านทำหล่นหายไป...เพียงนิดเดียว
อีกเพียงนิดเดียว ท่านรู้หรือไม่?
แต่ก็โชคดี โชคดีที่ข้าปกป้องมันอย่างแ่าได้ทันเวลา
ที่แท้ วิธีที่ปลอดภัยที่สุด ไว้ใจได้ที่สุดก็คือการปกป้องหัวใจตนเองให้ดี อย่าได้ปล่อยให้หายไปอย่างง่ายดาย
เพราะ...หัวใจที่หล่นหายไปอย่างง่ายดาย ไม่มีผู้ใดจะไปสนใจ
หลงเซี่ยวอวี่ ท่านรู้หรือไม่? ในชั่วขณะนั้นที่ท่านโอบกอดข้าแน่น ในใจข้าก็เหมือนมีความหวังอันน้อยนิด เฝ้ารออย่างเลือนรางให้ท่านไม่ทิ้งข้าไว้
ทว่า ในที่สุดก็ยังเป็ข้าที่คิดมากไป ควรรู้ั้แ่แรก สตรีที่ทำให้ท่านยิ้มเพียงแค่พบหน้าผู้นั้น ท่านจะไม่ไปด้วยเพราะข้าได้อย่างไร
หลงเซี่ยวอวี่ ท่านรู้หรือไม่?
หลงเซี่ยวเจ๋อพูดกับข้าว่าท่านรังเกียจสตรีเช่นใด ท่านปฏิบัติต่อข้าเป็พิเศษเช่นใด ดีต่อข้าเช่นใด
เริ่มแรกข้าไม่เชื่อ ทว่าต่อมาข้าค่อยๆ เชื่อทีละนิด และจนถึงสุดท้ายก็ราวกับกลายเป็มั่นใจ เชื่อมั่นอย่างยิ่ง
ข้าเชื่อว่า ข้าเป็สตรีคนแรกที่ค่อยๆ ทำให้ท่านไม่รังเกียจสตรี
ข้าเชื่อว่า ข้าเป็สตรีคนแรกที่ถูกท่านโอบกอดและจุมพิต
ข้าเชื่อว่าข้าเป็สตรีคนแรกที่ได้เห็นว่าฉีอ๋องผู้เ็าไร้ความรู้สึกก็มีด้านที่ปลิ้นปล้อน
ข้าถึงขั้นเชื่อไปอย่างโง่เขลาว่า การปรากฏตัวอย่างน่าเกรงขามทุกครั้งของท่าน เื่ที่ทำเพื่อข้าทุกๆ เื่นั้นล้วนเป็เพราะหวังดีกับข้าจริงๆ
แต่ยามนี้เล่า ข้าไม่เชื่อแม้แต่นิด แม้แต่เศษเสี้ยวเดียว
เดิมข้าคิดไปว่าท่านมาที่ป่าสายหมอกอาจจะเพราะเป็ห่วงข้า แต่ตอนนี้ ข้าไม่รู้ว่าท่านมาเพราะเหตุใด ยามนี้จะรู้หรือไม่รู้ก็ไม่สำคัญแล้ว
ดวงตาที่นิ่งสงบดั่งผืนน้ำของมู่จื่อหลิงมีรอยยิ้มเย้ยหยันวาบผ่าน แววตานั้นอ้างว้างและขื่นขมยากจะบรรยาย
นางมู่จื่อหลิง คงจะเป็หวางเฟยที่น่าสังเวชที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว ฉีหวางเฟยนี้ช่างเป็ได้ยากลำบากแสนเข็ญเสียจริง
หลงเซี่ยวอวี่เ้าอัปมงคลผู้นี้ ทำให้นางเป็หวางเฟยในนามที่ไร้อำนาจ ไปที่ใดล้วนทำให้แต่คนชิงชังรังเกียจ ทุกครั้งที่ได้พบสตรีที่เลวร้ายป่าเถื่อนเป็ครั้งแรก ก็สามารถดึงความแค้นมาให้ตนเองสำเร็จ
ระลอกแรกยังไม่หยุดพัก ระลอกใหม่ก็เริ่มปั่นป่วนแล้ว!
ยามนี้ชีวิตที่้าผ่านไปแต่ละอย่างอย่างอิสระไร้กังวลก็ราวกับจะกลายเป็ความสูงศักดิ์อันน่าขมขื่น
ความรู้สึกเช่นนี้ช่างแย่จริงๆ ทำให้คนหดหู่เป็ที่สุด!
มุมปากมู่จื่อหลิงยกเป็รอยยิ้มเย็นเยียบ ขจัดความคิดและอารมณ์ด้านลบในใจออกไป
นางหยิบกู่ปรสิตที่เอามาก่อนหน้านี้ไม่นานออกมา ยามนี้นางก็ยังต้องไปสืบคดีด้วยตนเอง ไปต่อกรกับศัตรูด้วยตนเองจริงดังคาด
พึ่งพิงูเา ูเาอาจถล่ม พึ่งพาคน คนอาจหนีจาก ตอนนี้มีเพียงตนเองที่สามารถพึ่งได้แล้ว!
มู่จื่อหลิงกำหมัดแน่น แววตาปรากฏความแน่วแน่ ต่อให้หัวเดียวกระเทียมลีบแล้วอย่างไร? ต่อให้ต้องต่อกรเพียงลำพังแล้วอย่างไร? ต่อให้ไร้อำนาจบารมีแล้วอย่างไร?
นางต้องเป็ลูกบอลที่มีลมเต็มแน่น ยิ่งถูกคนเตะแรงๆ นางก็ยิ่งต้องกระดอนขึ้นสูง
ขอเพียงชีวิตน้อยนี่ยังอยู่ไปอีกวัน นางสาบาน นางจะคิดทุกวิถีทาง ทุ่มจนสุดแรง จะต้องตอบแทนคนที่มาหาเื่นางเ่าั้กลับอย่างสาสมเป็แน่ โดยไม่มีละเว้น
ความคิดนี้ช่างสมบูรณ์แบบ แต่ความจริงกลับโหลงเหลง!
ยามนี้ เพียงแค่เผชิญหน้ากับปัญหาที่ง่ายดายที่สุดตรงหน้า นางก็ไม่มีความคิดและเรี่ยวแรงแม้แต่น้อยแล้ว
มู่จื่อหลิงมองไปยังทางเดินใหญ่และยาวเหยียดที่ดูเหมือนไร้จุดสิ้นสุดและวังเวง นางก็มีความรู้สึกอยากแหงนหน้าขึ้นกรีดร้องขึ้นมาโดยพลัน!
เหนื่อยมาทั้งคืนจนใกล้จะทรุด อเนจอนาถไม่มีชิ้นดี ทั้งเหนื่อยทั้งหิว บนตัวไม่มีเงินสักเหวิน ระยะทางของป่าสายหมอกกับจวนอ๋องก็ไม่ใช่ใกล้ๆ ทางเดินยาวนานใช้สองเท้าจะถึงเมื่อไรกัน?
ทว่า ไม่รอให้นางแหงนหน้าขึ้นฟ้าตัดพ้อจบ ก็มีอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้นางอย่างช้าๆ......
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้