ในขณะที่เซียวจวิ้นได้ทราบว่าพวกนางกำลังจะจากไป ก็เป็วันถัดมาแล้ว
ในศาลาอุ่นภายในลานชิงหลัน เขากำลังสนทนาเื่ตำราการวางหมากกับผิงอัน ครั้นเมื่อได้ยินข่าวเข้า การกระทำของเขาก็หยุดชะงักลงไปพักหนึ่ง
“จะไปพรุ่งนี้แล้ว?”
ผิงอันพยักหน้า “ใช่แล้ว เมื่อวานพี่ชายยู่เซิงมาบอกพวกเราว่าพรุ่งนี้พอรุ่งเช้าจะออกเดินทางเลย”
เซียวจวิ้นเงียบไปพักหนึ่ง เ้าหลัวจิ่งนั่นมาถึงจวนกั๋วกงแล้วไม่มาเยี่ยมเขาที่ลานชิงหลันอย่างนั้นหรือนี่ ช่างเกินไปแล้วจริงๆ
“ผิงอัน พี่เซียวไม่มีอะไรดีๆ ที่จะมอบให้เ้า ตำราในห้องหนังสือ หากเ้าชอบอันไหนก็หยิบไปได้เต็มที่ นับว่าเป็พี่มอบให้เ้า การวางผังหมากเล่มนี้เ้าก็เอาไปด้วยเถอะ”
ขณะกล่าวก็ยื่นหนังสือการวางผังหมากในมือส่งไปให้
ดวงตาผิงอันเปล่งประกายวิบวับ ในห้องหนังสือของเซียวจวิ้น มีหนังสือโบราณที่หายากมากมาย อยู่ภายนอกล้วนหาซื้อไม่ได้ ในกลุ่มปัญญาชนนับได้ว่าเป็ของล้ำค่าและมีคุณค่ายิ่งนัก ตำราหาพบได้ยากและมีค่าเช่นนี้กลับให้เขาเลือกตามใจ้าได้ สมกับที่เป็คุณชายซื่อจื่อแห่งจวนกั๋วกงนัก ใจกว้างจริงๆ
แน่นอนว่าหนังสือโบราณที่หายากเ่าั้เขาไม่เอามาแน่ แต่เลือกมาเพียงตำราทั่วไปที่ในร้านหนังสือหาได้ยากจำนวนหนึ่งเท่านั้น จำพวกที่เกี่ยวกับโหราศาสตร์ หลักประเพณี บทละครหรือบันทึกการเดินทาง...
จนกระทั่งเขากลับมาถึงลานอันหวา ในมือเด็กรับใช้ผู้ชายที่ตามอยู่ด้านหลังก็ประคองตำรามาหนึ่งตั้ง
“…เ้าขนหนังสือของคนเขามาเกลี้ยงแล้วใช่ไหมนี่?” เจินจูหัวเราะแล้วมองเขา
ผิงอันวางหนังสือลงอย่างระมัดระวัง ดวงตาประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง
“เป็พี่เซียวมอบให้ข้า ตำราเหล่านี้ล้วนเป็สิ่งที่ในเมืองของเราพบได้น้อย รอข้ากลับไป ข้าจะคัดลอกมันออกมาหนึ่งรอบ แล้วนำไปวางไว้ในโรงเรียน ค่อยให้เด็กๆ ที่โรงเรียนแต่ละคนเลือกไปคัดขึ้นหนึ่งฉบับ เด็กรุ่นต่อไปจะได้มีหนังสือไว้ดูมากขึ้น”
“หลังจากนั้นคัดขึ้นอีกหนึ่งฉบับ นำไปมอบให้พวกเด็กๆ ที่วัดเฉิงหวง พวกเขาต้องดีใจมากแน่ๆ ใช่ไหมท่านพี่”
เขาหันมายิ้มยิงฟันให้เจินจู
เจินจูรู้สึกเบ้าตาแสบร้อนขึ้นทันใด ผิงอันเติบโตขึ้นแล้ว ทั้งยังจิตใจดีมีเมตตาและรู้ความ นางควรรู้สึกภาคภูมิใจจริงๆ
“อื้ม พวกเขาต้องดีใจมากแน่นอน ผิงอันทำได้ถูกแล้ว”
นางจิ้มใบหน้ารูปไข่ของเขา ทำให้เด็กชายเกิดอาการกลอกตาขึ้นพักหนึ่ง เจินจูหัวเราะเสียงดังลั่น
เยว่อิงเดินเข้ามาท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของพวกนาง
ฮูหยินกั๋วกงเชิญให้พวกนางไปลานฮ่าวอู๋
เจินจูจัดเสื้อผ้าให้ผิงอัน แล้วหันไปส่องมวยผมของตนเองที่กระจกทองแดงลายดอกบัว เมื่อไม่เห็นว่ายุ่งเหยิงจึงตามหลังเยว่อิงไปลานฮ่าวอู๋
วันนี้เถาซื่อมีชีวิตชีวาเป็อย่างมาก ภายในห้องกว้างอบอุ่นดุจฤดูใบไม้ผลิ นางสวมเสื้อกันหนาวสองชั้นสีแดงผลซิ่งลายดอกโบตั๋นประดับขนเพียงพอน เข้าคู่กับกระโปรงผ้าต่วนลายผีเสื้อโบยบินท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ปักด้วยด้ายดิ้นทอง สีสว่างสดใสช่วยขับให้ใบหน้าของนางขาวผุดผ่อง ดุจดอกไม้งามฤดูใบไม้ผลิ
เมื่อสองพี่น้องเข้ามาในห้อง ก็ถูกกล่องใส่เครื่องประดับที่เปิดออกกว้างทำให้ตาลาย ทั้งหมดจัดวางอยู่บนโต๊ะไม้หนานมู่สีทองทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสสลักลวดลาย
ปิ่นปักผมทองฝังไข่มุก ปิ่นปักผมแกะลายฉลุฝังเม็ดอัญมณีทับทิมแดง ปิ่นทองฉลุลายหงส์คู่และดอกโบตั๋นสีแดง ปิ่นจักจั่นทองใบไม้หยก ปิ่นผลึกหินสีชมพูห้อยพู่ผีเสื้อ กำไลหยกขาวไขมันแพะ กำไลหยกขาวแกะสลักลวดลายเส้นเป็ริ้ว…
จัดวางอยู่เต็มไปทั่วทั้งโต๊ะ...
เถาซื่อยิ้มและร้องทักพวกนางให้เดินเข้ามา
เจินจูกับผิงอันรีบเดินเข้าไปข้างหน้าและทำความเคารพขึ้น
“อย่ามากพิธีเลย ไม่ต้องเกรงใจเพียงนั้น”
เถาซื่อให้เยว่หลันยกชาเข้ามา พร้อมกับยิ้มจนดวงตาหยีให้ผิงอันทานของว่าง
นางเลี้ยงดูลูกด้วยตนเองมาเพียงคนเดียว ร่างกายก็ไม่ค่อยดีเท่าไร จึงชื่นชอบเด็กที่ร่างกายแข็งแรงคึกคักร่าเริงเป็พิเศษ
อันดับแรกนางถามเขาจำพวกว่าอยู่ในจวนไม่กี่วันนี้สบายดีหรือไม่ ทานอาหารได้คุ้นชินดีหรือไม่ หลับได้สบายหรือเปล่า
ผิงอันตอบทุกคำถามทีละข้อๆ
ผ่านไปนานพักหนึ่ง เถาซื่อก็ให้หญิงรับใช้ยกผลไม้เข้ามาอีก ในฤดูหนาวมีเพียงที่ดินส่วนตัวที่มีน้ำพุร้อนใกล้กับชานเมืองของเมืองหลวงเท่านั้น ที่จะสามารถผลิตผักและผลไม้สดออกมาได้
เจินจูและผิงอันได้ทานผักและผลไม้สดใหม่ั้แ่เมื่อไม่กี่วันก่อน และได้ถามอย่างละเอียดจึงได้รู้ว่าจวนกั๋วกงมีที่ดินส่วนตัวที่มีน้ำพุร้อนของตนเอง ทุกฤดูหนาวล้วนสามารถผลิตผักผลไม้สดๆ ออกมาได้ นายท่านในจวนกั๋วกงมีน้อย เดิมทีสิ้นเปลืองไปไม่เท่าไร ดังนั้นผักผลไม้ในที่ดินส่วนตัวนี้จะจำหน่ายให้โรงเตี๊ยมไม่กี่แห่งที่ดีที่สุดภายในเมืองหลวง จวนกั๋วกงอาศัยเพียงอาชีพนี้อาชีพเดียว ทุกปีก็สามารถสะสมเงินได้ไม่น้อยแล้ว
ผิงอันทานผลไม้แต่โดยดีอย่างน่าเอ็นดู เถาซื่อจึงยิ้มเบิกบานใจและหันมามองทางเจินจู
เถาซื่อจูงนางมาถึงข้างโต๊ะทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่จัดวางเครื่องประดับเต็มไปหมด และหยิบเอาปิ่นผลึกหินสีชมพูห้อยพู่ผีเสื้อหนึ่งชิ้นขึ้นมาปักบนผมของนาง
“เอ่อ… ฮูหยิน ข้าไม่อาจเอื้อมเ้าค่ะ เครื่องประดับมีค่าเพียงนี้ระวังตกลงมานะเ้าคะ”
เจินจูรีบยื่นมือออกไปคิดจะจับปิ่นถอดลงมา
ทว่าเถาซื่อกลับจับมือของนางไว้ พลางยิ้มและกล่าวขึ้น “ปิ่นปักผมทำมาเพื่อใช้ประดับ หล่นลงไปก็ไม่ต้องกลัว เพียงหาช่างเครื่องประดับซ่อมแซมเอาก็ได้แล้ว แม่นางน้อยที่งดงามเพียงนี้ วันๆ เอาแต่มวยผมเรียบง่ายได้อย่างไร ปิ่นผลึกสีชมพูนี่เหมาะกับ่วัยของเ้าพอดีเลย ดูสิงดงามยิ่งนัก”
เจินจูยิ้มอย่างวางตัวไม่ถูก นางไม่ชินกับการใส่เครื่องประดับไว้บนศีรษะจริงๆ รู้สึกว่าขยับนิดหน่อยก็จะหลุดล่วงลงมา นางจึงให้ความสนใจกับสิ่งเหล่านี้น้อยมาก
“ผิงอัน ดูสิ ปิ่นชิ้นนี้ของพี่สาวเ้างดงามมากใช่หรือไม่?” เถาซื่อยิ้มกับผิงอันที่นั่งทานผลไม้อยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ
ผิงอันตกตะลึงทันที หันไปมองผู้เป็พี่สาวของเขา ไม่ต้องพูดถึงปิ่นผลึกหินสีชมพูรูปทรงผีเสื้อที่อยู่บนศีรษะของท่านพี่เลย เพราะงดงามมากอยู่แล้วจริงๆ ทว่าใบหน้าที่สวยงามอยู่แต่เดิมนั้นได้ดูสูงศักดิ์และงดงามขึ้นเล็กน้อย
“อื้ม งดงามนักขอรับ”
เขาพยักหน้าอย่างซื่อสัตย์
รอยยิ้มของเถาซื่อลุ่มลึกยิ่งขึ้น “เจินจู เ้าดูสิ น้องชายเ้ายังบอกว่างดงาม แม้เ้าจะมีโฉมงามโดยธรรมชาติ แต่ว่าเสื้อผ้าสวยงาม เครื่องประดับศีรษะประณีตละเอียด ล้วนเป็ส่วนช่วยเสริมให้ดูดียิ่งขึ้น เด็กผู้หญิงต้องดูแลตัวเองสักหน่อย ทุกวันควรแต่งตัวให้งดงาม อย่าเรียบง่ายมากเกินไป”
ขณะกล่าวก็หยิบกำไลหยกขาวไขมันแพะขึ้นมาอีก เกี่ยวข้อมือของเจินจูขึ้นและสวมเข้าไป
ข้อมือขาวเนียนชุ่มชื้นกับหยกขาวนวลมันวาวขับกันและกันให้สว่าง ช่างดูมือเรียวอ่อนนุ่มผิวลื่นเกลี้ยงเกลาจริงๆ
“เหมาะสมมาก สวยงามจริงๆ!” เถาซื่อกล่าวชมออกมาจากใจ
“ใช่เ้าค่ะ แม่นางหูสวมแล้วสวยงามมากจริงๆ สีผิวของท่านแทบจะเป็สีขาวเทียบเท่าหยกแล้ว!” เยว่หลันก็คล้อยตามอยู่ด้านข้างเช่นกัน
“…”
เจินจูมองที่ข้อมือ นางก็ยอมรับว่าสวยงามจริงๆ อยู่หรอก แต่นางไม่ค่อยชินเอาเสียเลย
เถาซื่อเห็นดังนั้น รีบดึงปิ่นผลึกหินบนศีรษะนางลงมา แล้วปักปิ่นดอกยู่หลันฝังไข่มุกเข้าไปแทน
“อื้ม ปิ่นชิ้นนี้ก็เหมาะสมมากเช่นกัน สวยเรียบดูบริสุทธิ์สูงส่ง เข้าคู่กับต่างหูไข่มุกชุดเดียวกัน ช่างน่ามองยิ่งนัก”
“ใช่เ้าค่ะๆ แม่นางหูผิวดีจริงๆ ไข่มุกสีขาวโปร่ง อัญมณีสีสันสวยสดงดงาม ล้วนเหมาะสมกันยิ่งนัก ฮูหยิน ท่านดูสิเ้าคะต่างหูทับทิมนี้ นางสวมแล้วงดงามมากเป็พิเศษเลยใช่ไหมเ้าคะ?”
“จริงด้วย อัญมณีทับทิมถูกผิวขาวราวหิมะขับให้เด่นได้งามเพริศพริ้งเป็พิเศษ เ้างดงามเกินไปแล้ว”
“อ๊ะ ยังมีปิ่นจักจั่นทองใบไม้หยกชิ้นนี้ด้วยเ้าค่ะ ทั้งดูมีชีวิตชีวาทั้งน่ารักนัก แม่นางหูติดเข้าไปแล้วต้องเหมาะอย่างมากแน่นอนเ้าค่ะ”
“อื้มๆ ดอกโบตั๋นเบ่งบานชิ้นนี้ก็ขับเด่นนางเช่นกัน เปลี่ยนทรงผมเป็มวยวงระย้าห้อยแล้วปักมันเข้าไป ต้องส่องสว่างงดงามมากแน่”
หนึ่งเ้านายหนึ่งสาวใช้หันมาให้ความสนใจกับการใส่เครื่องประดับศีรษะแต่ละชิ้นบนศีรษะนาง ปักเข้าไปแล้วมองอยู่สองสามหน พึงพอใจและพยักหน้า จากนั้นดึงลงมาเปลี่ยนชิ้นถัดไปใหม่ เป็เช่นนี้อยู่หลายรอบ
เจินจูจนปัญญา ทำได้เพียงปล่อยให้พวกนางจับพลิกไปมา ข้างหน้านางมีสาวใช้อายุน้อยคอยประคองกระจกทองแดงประดับหยกลวดลายเมฆ พร้อมกับเคลื่อนไหวไปตามเ้านายและสาวใช้อีกสองคน ย้ายไปทางซ้ายทีขวาทีอยู่เป็ระยะๆ
หญิงสาวในกระจกมีรอยยิ้มที่แข็งทื่อเล็กน้อยบนใบหน้า บนมวยผมสีดำสนิทปักหวีประดับหยกแกะสลักดอกยู่หลัน ทั้งน่ารักทั้งดูสดใสมีชีวิตชีวา
หลี่ซื่อเลือกเครื่องประดับเงินให้เจินจูจำนวนไม่น้อย บางครั้งนางก็จะหยิบมาประดับบ้างเป็ครั้งคราว แต่โดยส่วนใหญ่นางี้เีเกินไปที่จะหยิบมาประดับมวยผม หลี่ซื่อเคยว่านางเช่นกัน นางเพียงยิ้มและรับปากไป พอหมุนตัวกลับมาเคยทำอย่างไรนางก็ทำเช่นนั้น ตอนนี้หลี่ซื่อจึงปล่อยไปตามใจนางแล้ว
เถาซื่อและเยว่หลันเลือกเครื่องประดับให้นางสี่ชุด แต่ละชุดมีปิ่น ต่างหู สร้อยคอและกำไล ทั้งยังมีปิ่นปักผม หวีประดับ กำไลหยกชิ้นเดี่ยว แต่ละชิ้นแต่ละอันกองอยู่ในกล่องเครื่องประดับไม้หวงฮวาหลีจนเต็ม
“เอาล่ะ ตอนนี้ก็เพียงเท่านี้ก่อน รอวันหน้าหอจินหม่านยู่มีเครื่องประดับสตรีออกมาใหม่ ข้าค่อยให้เ้าเลือกอีกสักหน่อย” เถาซื่อมองกล่องเครื่องประดับที่ใส่จนเต็มด้วยความพึงพอใจ หากนางมีบุตรสาวจะดีมากแค่ไหนกันนะ ทุกวันคอยเลือกเสื้อผ้าเครื่องประดับให้บุตรสาวได้คงเป็เื่ที่มีความสุขยิ่งนัก
“ฮูหยินเ้าคะ สิ่งของเหล่านี้มีค่าเกินไปแล้ว” เจินจูส่ายหน้าคิดปฏิเสธ เครื่องประดับทั้งหมดนี้พอรวมกันขึ้นมา เกรงว่าคงมีมูลค่ามากกว่าหลายพันเหลียงเลยทีเดียว
“อย่าปฏิเสธเลย ผู้าุโมอบให้จะปฏิเสธไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเ้าเป็ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของจวิ้นเอ่อร์ สิ่งของนี้ไม่เพียงพอให้แสดงความขอบคุณสักเสี้ยวจากพวกข้าสามีภรรยาหรอก หากจวิ้นเอ่อร์ที่เป็ลูกหลานรุ่นที่สามของจวนกั๋วกงมีอันเป็ไป คาดว่าข้าเองก็คงมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกไม่นานแล้ว ต้องขอบคุณพวกเ้าสองพี่น้องแล้วจริงๆ” ขณะที่เถาซื่อกล่าวน้ำตาก็ก่อตัวขึ้น มือที่กุมมือของเจินจูไว้สั่นเทา
“…ท่านอย่ากล่าวเช่นนี้สิเ้าคะ ซื่อจื่อเป็คนดีย่อมมี์คอยช่วยเหลือ พวกข้าแค่บังเอิญพบเข้าจึงช่วยเหลือเท่านั้น” เจินจูไม่มีทางเลี่ยง ทำได้เพียงกล่าวปลอบคล้อยไปตามนาง
เถาซื่อขอบคุณนางทั้งน้ำตา และกล่าวให้นางยอมรับของไว้อีกครั้ง เจินจูลังเลเล็กน้อย แล้วจึงกล่าวขอบคุณไปด้วยกิริยาท่าทางสง่างาม พร้อมรับของมา
ช่วยไม่ได้... ปีหน้าต้องส่งชาดอกไม้มาให้นางมากหน่อยแล้ว ชาดอกไม้ของนาง เป็ของดีที่แม้จะมีเงินก็ไม่สามารถซื้อมาได้
เถาซื่อยิ้มอย่างมีความสุข จากนั้นเลือกจี้ปี่เซียะ [1] ชิ้นสีเขียวมรกตกับหยกห้อยเอวสีขาวไขมันแพะให้ผิงอัน แล้วจึงให้สาวใช้เก็บเครื่องประดับที่เหลือกลับไปด้วยความพึงพอใจ
จนกระทั่งเจินจูกับผิงอันกลับมาถึงลานอันหวา สัมภาระเดินทางก็มีกล่องเครื่องประดับสูงสามชั้นเพิ่มมากขึ้น
“ท่านพี่ พวกเรารับเครื่องประดับมีค่ามากเพียงนี้ไว้ เหมาะสมแล้วหรือ?” ผิงอันกังวลใจเล็กน้อย
ตอนนี้เพิ่งจะมาถามว่าเหมาะสมแล้วหรือ เมื่อครู่ตอนให้เ้าเลือกหยกห้อยเอว สีหน้าของเ้าดูดีใจมากเลยนะ
“ในเมื่อเป็ผู้าุโมอบให้ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสมหรอก วันหน้าพวกเราค่อยส่งชาดอกไม้มาให้เขาสักหน่อย” ในใจมีความกลัดกลุ้มเล็กน้อย เงินในกระเป๋าถุงใหญ่ของนาง มักรู้สึกว่าไม่มีที่ไหนให้จำเป็ต้องใช้จ่ายออกไปได้เลย แต่ในบ้านของคนเขาแค่เสื้อผ้าและเครื่องประดับอย่างเดียวก็มอบให้คนหลายพันเหลียงได้ แม้นางจะเป็คนมีจิตใจอย่างผู้มีอันจะกินจริงๆ แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะจ่ายเงินไปกับการซื้อเครื่องประดับเงินๆ ทองๆ และผ้าไหมผ้าแพรชิ้นงามเลย
ยังมีเวลากว่าครึ่งค่อนวัน นางต้องไปเดินเล่นที่ร้านขายเครื่องประดับสักหน่อยดีหรือไม่นะ จะได้ซื้อกลับไปให้พวกหลี่ซื่อด้วย
ขณะที่กำลังขบคิด
ผิงอันก็วิ่งเข้ามา
“ท่านพี่ เมื่อครู่คนขับรถม้าหลิวอี้มาส่งข่าว บอกว่าพี่ชายกู้อู่นัดพวกเราไปพบ”
กู้ฉี? อืม... ก็ควรไปพบหน้าและอำลาพวกเขาด้วยสักหน่อย
“อ้อ... นัดที่ใดหรือ?”
“บอกว่าเป็โรงเตี๊ยมที่มีชื่อที่สุดของเมืองหลวง ชื่อว่าหอกระสาเยี่ยมเยือน”
โรงเตี๊ยมที่มีชื่อเสียงที่สุด เช่นนั้นก็ไปชิมอาหารได้สักหน่อยพอดีเลย ขลุกตัวมาหลายวันเพียงนี้ เหมาะแก่การออกไปเดินเล่นได้สักหน่อยพอดี
นางเรียกหาเยว่อิง ให้นางไปเรียนฮูหยินกั๋วกงสักหน่อย
เยว่อิงกลับมาด้วยความรวดเร็ว บอกว่าฮูหยินให้นางตามไปดูแลด้วย
เจินจูรีบกล่าวเลี่ยง แล้วบอกว่าจะไปพบสหาย หากพานางไปด้วยจะไม่ค่อยเหมาะให้อธิบาย ให้นางรออยู่ที่นี่ช่วยเฝ้าเสี่ยวเฮยและเสี่ยวฮุยแทน
ยื้อยุดกันพักหนึ่ง ในที่สุดสองคนก็ขึ้นไปนั่งบนรถม้าของหลิวอี้ และมุ่งไปยังหอกระสาเยี่ยมเยือนตามนัด
เชิงอรรถ
[1] ปี่เซียะ เป็สัตว์ศักดิ์สิทธิ์มงคลที่ดูดุร้ายในหนังสือโบราณ มีเค้าโครงไปทางสิงห์หรือราชสีห์ โดย ‘ปี่’ คือตัวผู้ ส่วน ‘เซียะ’ คือตัวเมีย เมื่ออยู่เป็คู่จะเป็วัตถุมงคลที่กำจัดความชั่วร้าย แต่หากอยู่ตัวเดียวจะเป็ตัวเสี่ยงโชค