เฉียนหย่งจิ้นกับหลินเผิงเฟยกำลังหัวหมุนวุ่นวาย หนิวเถียจู้กับหมี่หลันหยางก็ไม่มีทางที่จะนั่งอยู่เฉยๆ ได้ หนิวเถียจู้เริ่มโทรศัพท์หารายชื่อเด็กสาวที่เหลือจากการคัดเลือกให้กับสถานรับรองของรัฐบาล ต้องยอมรับว่าหมี่หลันเยว่และพวกคาดการณ์กันไว้ได้แม่นยำถึงแปดเก้าส่วน พอเจิ้งซวี่เหยาได้เห็นรายชื่อในที่สุดก็แทบจะต้องยกมือไหว้
"พี่เถียจู้ เป็ไปได้ด้วยดีไหมคะ?"
หมี่หลันเยว่ออกไปวิ่งเต้นข้างนอกมาทั้งวัน แม้จะรู้สึกเมื่อยล้า แต่ก็ยังถามถึงผลงานของหนิวเถียจู้ที่ทำอยู่ที่บ้านก่อน นี่มันเื่หน้าตาของอาจารย์เจิ้งเลยนะ ไม่อย่างนั้นใครจะยอมส่งข้อมูลของเด็กสาวออกมาให้ ถ้าไม่มีผลงานอะไรเลยก็เสียดายแย่
"ก็พอได้ ฉันโทรไปแค่สิบคนแรก มีแปดคนที่ตกลงจะมาพบ ฉันเลยไม่ได้โทรเยอะกว่านั้น ถ้าอย่างนั้นคราวหน้าตอนที่เราเปิดร้านอีกค่อยหาคนมาเพิ่มดีไหม ถ้าคราวนี้ติดต่อทั้งหมดไปแล้วแต่ไม่ได้ใช้งานพวกเธอ ฉันว่าคราวหน้าคงเชิญตัวลำบากแน่ๆ เพราะแต่ละคนก็ถือว่ายอดเยี่ยมทั้งนั้น พลาดไปก็น่าเสียดาย"
หมี่หลันเยว่เองก็คิดแบบนั้น แต่เธอก็รู้ว่ากว่าจะได้เปิดร้านอีกครั้งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เพราะที่นี่คือปักกิ่ง ไม่ได้ง่ายเหมือนบ้านเกิดของเธอ ถึงตอนนั้นจะยังติดต่อคนเหล่านี้ได้อยู่หรือเปล่าก็เป็ปัญหาอีกเื่ แต่เื่ในอนาคตค่อยว่ากันทีหลัง เอาเป็ว่าผ่านไปทีละด่านก่อนแล้วกัน
"มีตั้งแปดคนก็ดีแล้ว วันนี้ได้เจอกี่คนคะ?"
สิ่งที่หมี่หลันเยว่้าตอนนี้คือประสิทธิภาพ เธอจึงกำชับพี่เถียจู้ไว้ั้แ่ตอนที่กำลังจะออกจากบ้านแล้วว่า ถ้าเจอกันได้เร็วก็ให้เจอกันเร็วๆ พยายามหาคนให้ได้เร็วๆ หน่อย ไม่อย่างนั้นระยะเวลาฝึกอบรมมันจะสั้นเกินไป
"ฉันโทรศัพท์ตอนเช้า ตอนบ่ายนัดไว้สองคน รู้สึกว่าใช้ได้เลย พรุ่งนี้ก็นัดไว้อีกหกคน เช้าสามคน บ่ายสามคน ถ้าหาคนได้แล้ว ก็จะเริ่มฝึกั้แ่วันมะรืน การฝึกอบรมพนักงานขาย สิบวันก็พอแล้ว ยิ่งคนพวกนี้เก่งๆ อยู่แล้ว ฉันเลยมั่นใจ"
พอได้ยินพี่เถียจู้พูดว่ามั่นใจ เื่นี้ก็ดูเข้าท่าขึ้นมาทันที หนิวเถียจู้ดูภายนอกเหมือนหนุ่มน้อยที่ฉลาดเฉลียวและอ่อนโยน แต่เวลาทำงานกลับสุขุมรอบคอบและใจกว้าง ปกติไม่ค่อยอยากพูด แต่พอพูดถึงความรู้เฉพาะทางด้านการขายแล้ว แทบจะหาคู่ต่อสู้ไม่ได้
ในความรู้สึกของหมี่หลันเยว่ หนิวเถียจู้เหมือนยอดฝีมือในตำนาน พวกที่ไม่ค่อยแสดงออกอะไร แต่พอถึงคราวที่ต้องลงสนามเมื่อไหร่ ก็จะใส่เต็มสูบ ใครไม่ยอมก็จัดการให้หมด ไม่มีถอย ไม่มีลังเล หมี่หลันเยว่รู้สึกว่าหนิวเถียจู้มีมาดของยอดฝีมือมากๆ
"ทางนั้นเป็ยังไงบ้าง?"
วันนี้หมี่หลันเยว่ออกไปดูเครื่องจักร เครื่องเย็บผ้า เครื่องโพ้ง เรียกได้ว่าตระเวนไปทั่วร้านค้าใหญ่ๆ ในปักกิ่ง เธอต้องเปรียบเทียบราคา เปรียบเทียบคุณภาพ แถมยังคุยกับผู้จัดการของแต่ละที่เื่ราคา เพราะหากซื้อเป็จำนวนมาก เธอต้องพยายามทำให้รู้ข้อมูลทุกอย่าง
"เปรียบเทียบราคากับคุณภาพหมดแล้ว ฉันเลือกที่ถูกใจไว้สองที่ แต่ฉันยังอยากดูอีกว่าจะติดต่อโรงงานได้ไหม แล้วดูว่าโรงงานจะขายให้เราในราคาขายส่งได้หรือเปล่า"
นี่คือสิ่งที่หมี่หลันเยว่คิดมานานแล้ว เพราะเธอต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
ตอนอยู่ที่ซวงเฉิงเธอก็เคยคิดแบบนี้แล้ว แต่ที่นั่นมันอยู่ห่างไกลเกินไป ติดต่อโรงงานเย็บผ้าไม่ได้ แถมสถานีค้าส่งสินค้าเบ็ดเตล็ดที่นั่นก็ให้ราคาที่สมเหตุสมผล เธอเลยไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ที่ปักกิ่งนี่เธอหาเจอแต่ร้านค้าปลีก ไม่มีสถานีค้าส่งสินค้าเบ็ดเตล็ดแบบที่ซวงเฉิง ราคาก็เลยค่อนข้างสูง
แต่เหตุผลที่ไม่มีสถานีค้าส่งสินค้าเบ็ดเตล็ด ก็เพราะที่นี่มีจุดจำหน่ายของแต่ละโรงงานอยู่แล้ว ในฐานะที่เป็เมืองหลวง ใครที่ทำธุรกิจใหญ่หน่อยก็มักจะมาเปิดสาขาที่ปักกิ่ง เพื่อประชาสัมพันธ์และจำหน่ายสินค้าของโรงงานตัวเอง สิ่งนี้ก็อำนวยความสะดวกให้กับคนอย่างหมี่หลันเยว่ แต่เธอยังหาที่อยู่ของฝ่ายขายของโรงงานเย็บผ้าไม่เจอเท่านั้นเอง ต้องยอมรับว่าไม่มีอินเทอร์เน็ตนี่มันไม่สะดวกจริงๆ
"อย่างนั้นเหรอ ลองถามคุณป้าดูไหมว่าคุณป้ารู้หรือเปล่า?"
ในใจของทุกคน แม่เจิ้งก็เหมือนสารานุกรม มีอะไรที่ไม่เข้าใจก็ให้ไปถามแม่เจิ้งแทบจะแก้ปัญหาได้หมด
"ถามไปแล้วค่ะ คุณป้าเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะไม่ได้สนใจเื่นี้ บอกว่าจะช่วยสืบๆ ให้ สองวันนี้ น่าจะมีข่าวค่ะ"
หมี่หลันเยว่ค่อนข้างมั่นใจในเครือข่ายของแม่เจิ้ง ตราบใดที่เปรียบเทียบส่วนต่างของราคากับบริการหลังการขายได้ ก็จะสั่งเครื่องจักรได้เลย
"ไม่รู้ว่าทางหลันหยางเป็ยังไงบ้าง ในบรรดาพวกเรา งานของเขาคงจะยากที่สุดแล้ว"
หนิวเถียจู้ค่อนข้างกังวลกับงานที่มอบหมายให้หมี่หลันหยาง
"ช่วยไม่ได้ พวกเราแบ่งคนไปไม่ได้ จะให้เขาไปรับสมัครคนงานในโรงงานก็ลำบากเขาจริงๆ พื้นเพก็ไม่รู้จักกัน คงจะตกลงกันได้ยาก แต่ต่อไปเราก็ต้องมีคนดูแลด้านบุคคลโดยเฉพาะ ให้พี่ชายลองฝึกฝนไปก่อน ตอนนี้พวกเราหาคนงานก็ต้องช่วยกันทำทุกคน"
"ต่อไปก็ให้พี่ชายดูแลด้านนี้ไปเลย แม้ว่าตอนแรกจะยากหน่อย ก็ถือว่าเป็การฝึกฝนแล้วกัน แต่มีอาจารย์เจิ้งคอยตามไปด้วย คงไม่มีปัญหาอะไร อย่างน้อยก็คงไม่มีอันตราย"
เพราะงานของหมี่หลันหยางมันยากที่สุด เจิ้งซวี่เหยาอยากจะช่วย หมี่หลันเยว่ก็เลยส่งเขาไปให้หมี่หลันหยาง
"ฉันกลับมาแล้ว"
พอได้ยินเสียงพี่ชาย หมี่หลันเยว่ก็พุ่งเข้าไปกอดทันที แม้ปากจะบอกว่าให้พี่ชายฝึกฝน แต่ในใจก็เป็ห่วงมากๆ เื่รับสมัครคนงานหญิงไม่ใช่เื่ที่พี่ชายคุ้นเคยอยู่แล้ว แถมยังอยู่ในเมืองปักกิ่งที่ไม่คุ้นเคย เธอจะไม่เป็ห่วงได้ยังไง
"ดูสิ ยังเป็ห่วงอีก มีฉันอยู่ทั้งคน"
พอเห็นหมี่หลันเยว่พุ่งเข้าไปกอดหมี่หลันหยาง เจิ้งซวี่เหยาก็รู้สึกหึงหวงขึ้นมาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่หมี่หลันเยว่ถึงจะทำกับเขาแบบที่ทำกับหมี่หลันหยาง
เขาจะต้องทุ่มเทมากแค่ไหนถึงจะได้รับความไว้วางใจและความห่วงใยแบบนี้ ต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะทำให้ยัยหนูไม่มีความรู้สึกแปลกหน้าและไม่ระแวงเขาอีกเลย เจิ้งซวี่เหยายื่นมือไปขยี้ศีรษะเล็กๆ ที่อยู่ในอ้อมกอดของหมี่หลันหยาง ดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวังและอ่อนโยน
"ฉันไม่ได้เป็ห่วง มีอาจารย์อยู่กับพี่ชาย ฉันจะมีอะไรต้องไม่สบายใจอีกล่ะคะ แค่ว่าปกติอยู่กับพี่ชายตลอด พอปล่อยให้ออกไปคนเดียวก็เลยไม่ค่อยชิน"
หมี่หลันเยว่ไม่กล้าพูดความกังวลของตัวเองออกมา กลัวว่าเจิ้งซวี่เหยาจะคิดมาก
“เธอไม่บอกเื่อะไรกับฉันเลย เื่เล็กๆ น้อยๆ ของเธอน่ะ ฉันจะดูไม่ออกเหรอ เป็ห่วงพี่ชายตัวเองมันไม่ใช่เื่น่าอายสักหน่อย กับฉันยังมีอะไรที่พูดไม่ได้อีก”
เจิ้งซวี่เหยาลดมือที่ขยี้ผมของหมี่หลันเยว่ลง แล้วไปนั่งที่โซฟา แต่ก็ยังแตะนิ้วมือเบาๆ ปล่อยให้ความรู้สึกที่ได้ััเส้นผมยังคงติดอยู่ปลายนิ้ว
"ฉันไม่ได้เป็ห่วงจริงๆ ค่ะ อาจารย์เจิ้ง ฉันเชื่อใจอาจารย์ ถ้าอาจารย์เป็คนออกหน้าเอง ก็ไม่มีอะไรที่ทำไม่สำเร็จหรอก ที่จริงงานนี้อาจารย์ทำทั้งหมด พี่ชายฉันวันนี้เป็แค่ตัวประกอบ มีอาจารย์อยู่แล้วก็สำเร็จได้ง่ายๆ อยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ?"
คำเยินยอของหมี่หลันเยว่นี่...ไม่มีลังเลเลยสักนิด แถมยังไม่รู้สึกเขินอายสักหน่อย กลับทำให้เจิ้งซวี่เหยาเขินขึ้นมานิดๆ
"หลันเยว่ เธอไปเรียนวิชานี้มาจากไหน?"
หมี่หลันเยว่แกล้งทำเป็ไม่ได้ยินที่เจิ้งซวี่เหยาพูด ตอนนี้การโต้ตอบคารมกับเจิ้งซวี่เหยาเป็เื่ปกติธรรมดาไปแล้ว ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
"พี่คะ พี่ก็นั่งสิ มาดื่มน้ำเย็นให้ชื่นใจก่อน"
พอเห็นน้ำเย็นที่หมี่หลันเยว่ยื่นให้หมี่หลันหยาง ดวงตาของเจิ้งซวี่เหยาก็แทบจะหลุดออกมาจากเบ้าแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนยัดแก้วใส่มือให้ทันที เขาก็คงจะแย่งแก้วมาจากหมี่หลันหยางไปแล้ว
"นี่ค่ะ อาจารย์เจิ้งก็ดื่มให้ชื่นใจด้วย"
คราวนี้ถึงจะพอใจ เจิ้งซวี่เหยาดื่มไปอึกใหญ่ รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที เครื่องดื่มที่หลันเยว่ยื่นให้มันอร่อยกว่าของคนอื่น ดับกระหายได้ดีกว่า ต้องยอมรับว่าสำนวน ‘ถ้ารักบ้าน ก็ต้องรักอีกาที่อยู่บนหลังคาด้วย[1]’ คนที่คิดค้นคำนี้ขึ้นมานี่เก่งจริงๆ รักใคร ก็จะรู้สึกว่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับคนนั้นมันดีไปหมด
"ตอนนี้บอกฉันได้หรือยังว่าวันนี้มีผลลัพธ์อะไรที่ทำให้ฉันดีใจบ้างไหม?"
หมี่หลันเยว่ไม่ได้คาดหวังว่าวันนี้ทั้งสองคนจะรับสมัครคนงานได้ เพราะการรับสมัครคนงานมันไม่เหมือนกับการซื้อเครื่องจักร เพราะต้องรับสมัครคนเป็ๆ จะรับสมัครคนที่ทำงานดี ฝีมือไม่แย่ แถมยังไว้ใจกันได้ด้วย มันไม่ใช่เื่ง่าย
"วันนี้ยังไม่มีอะไรเลย ท่าทางจะต้องออกไปเดินดูอีกสองวัน วันนี้ฉันไปกับหลันหยาง เดินดูตลาดแรงงานชั่วคราวหลายที่ ไม่เจอคนเก่งๆ เลยสักคน แถมที่นั่นมันวุ่นวายเกินไป แม้ว่าจะมีคนบอกว่าทำงานเป็ ฉันก็ไม่ค่อยเชื่อใจ"
หมี่หลันหยางรีบพยักหน้าเห็นด้วย
"ใช่แล้ว พอพี่กับอาจารย์เจิ้งเข้าไป ก็มีคนมารุม ทั้งดึงทั้งลาก แล้วพอเราบอกว่าอยากจะรับสมัครคนแบบไหน พวกเขาก็สบถด่าแล้วก็แตกฮือกันไปหมด พี่ล่ะห่วงเื่คุณภาพของคนพวกนั้นจริงๆ"
ใช่แล้ว การหาคนงานแบบสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้มันไม่ค่อยน่าเชื่อถือ ตอนนี้ก็ไม่มีตลาดแรงงานที่เป็ทางการ ต่อให้มี ก็คงไม่มีคนที่ทำเสื้อผ้าเก่งๆ หลายสิบคนในทีเดียว ท่าทางจะต้องเปลี่ยนความคิด หาดูว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี
"แต่ว่าตอนที่พี่กับอาจารย์เจิ้งเดินเล่นกันวันนี้ ผ่านโรงงานทอผ้าที่หนึ่ง อาจารย์เจิ้งก็บอกว่าให้ลองเข้าไปดู เผื่อเราจะซื้อผ้าจากโรงงานได้โดยตรง ก็จะประหยัดเงินทุนไปได้เยอะเลย"
ดวงตาของหมี่หลันเยว่เป็ประกาย เธอตั้งใจว่าจะหาโรงงานทอผ้าหลังจากหาโรงงานเย็บผ้าได้แล้วเสียอีก ที่ไหนได้พี่ชายกับอาจารย์เจิ้งกลับมาก่อนเธอหนึ่งก้าว เห็นไหมว่าวันนี้พวกเขาไม่ได้เดินเล่นไปเปล่าๆ
"เข้าไปได้ง่ายๆ เหรอ โรงงานแบบนั้นน่าจะมีการจัดการที่เข้มงวดไม่ใช่เหรอคะ?"
แม้ว่าจะตื่นเต้น แต่หมี่หลันเยว่ก็ไม่ได้เสียสติ
"เข้าไปไม่ได้ง่ายๆ หรอก แต่อาจารย์เจิ้งอ้างชื่อคุณป้าเจิ้ง เราก็เลยเข้าไปได้"
หมี่หลันเยว่รีบหันไปขอบคุณเจิ้งซวี่เหยา เจิ้งซวี่เหยาไม่้าคำขอบคุณแบบนี้จากหมี่หลันเยว่ แต่พอเห็นเธอมีความสุขเพราะเขาช่วยเธอได้ เขาก็พลอยมีความสุขไปด้วย
"แล้วดูลายผ้าของพวกเขาเป็ยังไง เหมาะกับเสื้อผ้าของเราไหม?"
เพราะทำธุรกิจเสื้อผ้ามาหลายปีแล้ว หลายคนก็มีความเข้าใจเกี่ยวกับผ้าและอุปกรณ์ตัดเย็บเป็อย่างดี
"ก็พอใช้ได้ แต่พี่ว่าเราต้องหาอีกหลายที่ โรงงานที่ปักกิ่งแบ่งงานกันละเอียดมาก โรงงานที่เราเห็นวันนี้ก็เป็โรงงานที่ทำผ้าโพลีเอสเตอร์โดยเฉพาะ ถ้าอยากได้ผ้าฝ้าย หรือผ้าไนลอน ก็ต้องหาโรงงานอื่นอีก"
ตราบใดที่มีเบาะแสก็ใช้ได้แล้ว สิ่งสำคัญคือหาทิศทางที่ถูกต้อง ถึงวันนี้ทุกคนจะยุ่งวุ่นวายกันไป แต่ก็ประสบความสำเร็จมาบ้างไม่มากก็น้อย พอเห็นเฉียนหย่งจิ้นกับหลินเผิงเฟยเดินเข้ามาด้วยสภาพที่เหนื่อยล้า หมี่หลันเยว่ก็รู้สึกใจหาย นี่คือการเริ่มต้นธุรกิจอีก่หนึ่งของเธอ ทุกอย่างกำลังถูกบุกเบิกอย่างยากลำบาก ส่วนคนเหล่านี้ที่ทำงานอย่างหนักก็คือสหายร่วมรบของเธอ
เชิงอรรถ
[1] ถ้ารักบ้าน ก็ต้องรักอีกาที่อยู่บนหลังคาด้วย (爱屋及乌) หมายถึง ถ้ารักใครก็รักคนหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับเขาด้วย
