นางใช้หางตามองอวี๋เจียว เอ่ยอย่างแฝงเจตนาร้าย “เหตุที่นายท่านเหอผู้นั้นมาเยือนสกุลอวี๋ด้วยตัวเอง น่าไม่ใช่เพราะวิชาหมอของเ้าใช่หรือไม่? ข้าจำได้ว่าเ้าถูกคนสกุลเหอจับตัวไปหลายวัน เป็เพราะเ้าไปยั่วยวนนายท่านเหอผู้นั้นถึงถูกปล่อยตัวกลับมาใช่หรือไม่? เ้าเป็สตรีนางหนึ่ง กลับไปร่อนอยู่ข้างนอกเพียงลำพังตั้งหลายวัน ช่างไม่รู้จักละอาย เหตุใดยังมีหน้ากลับหมู่บ้านอีก?”
“อาอิ๋ง หุบปาก!” ครั้นสตรีแซ่เฉินฉินเห็นเฉินอิ๋งยิ่งพูดก็ยิ่งไม่เข้าท่าจึงรีบตวาด
สีหน้าของอวี๋ฝูหลิงเปลี่ยนเป็น่าเกลียดทันที นางชะงักเท้าที่กำลังดึงอวี๋เจียวเดินกลับเข้าไปในห้อง หันไปถลึงตาจ้องเฉินอิ๋งแล้วเอ่ยด้วยความโมโหว่า “เฉินอิ๋ง เหตุใดสตรีที่ยังไม่ออกเรือนเช่นเ้าถึงได้กล้าพูดจาหยาบคายเหล่านี้? เ้าน่ะสิที่ไม่รู้จักละอาย! อวี๋เจียว พวกเรากลับจวน”
เฉินเกินเซิงที่อยู่ในห้องได้ยินวาจาเ่าั้ของเฉินอิ๋งเช่นกัน สีหน้าพลันเปลี่ยนไปและรีบสาวเท้าออกมา เอ่ยตำหนิเสียงดังว่า “อาอิ๋ง พูดจาเหลวไหลอันใด? เ้าไปได้ยินเื่เหล่านี้มาจากที่ใดกัน? รีบขออภัยแม่นางเมิ่งเดี๋ยวนี้!”
เฉินอิ๋งเบ้ปาก เอ่ยอย่างดื้อรั้นว่า “ข้าไม่ทำ ข้าไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย ท่านลุงใหญ่ ท่านดุข้าทำไมกัน!”
“นังเด็กคนนี้...” เฉินเกินเซิงนึกโมโหที่ปากของเฉินอิ๋งไม่รู้จักความเหมาะสม นึกไม่ถึงว่าจะแต่งเื่จนเกี่ยวโยงไปถึงนายท่านสกุลเหอ เขาถลึงตาจ้องเฉินอิ๋งอย่างดุดัน จากนั้นรีบไล่ตามอวี๋เจียวไปอย่างลนลาน “ภรรยาเจ๋อเกอเอ๋อร์ เ้าอย่าไปถือสาหาความนางเลย เป็เพราะผู้าุโอย่างข้าที่ไม่ได้สั่งสอนนางให้ดี ข้าต้องขออภัยเ้าด้วย เ้ายังไม่ทันตรวจอาการให้มารดาของข้า จะจากไปเช่นนี้ไม่ได้นะ”
“ไม่จำเป็เ้าค่ะ” ใบหน้าของอวี๋เจียวฉายแววเยาะหยัน เอ่ยอย่างเ็าว่า “ข้ามาตรวจคนไข้ในจวน แต่กลับต้องมาคอยดูสีหน้าของพวกท่าน ไม่มีธรรมเนียมใดให้ข้าต้องทำเช่นนี้ อาการป่วยของคนในจวนท่าน ข้าไม่ตรวจแล้ว”
นางสะบัดชายอาภรณ์ ฝีเท้าก้าวเดินไม่หยุดชะงัก พาอวี๋ฝูหลิงออกไปจากประตูจวนสกุลเฉิน ครั้นเงยหน้าขึ้นก็เห็นอวี๋ฉี่เจ๋อกำลังยืนอยู่ใต้ต้นหยางนอกจวนสกุลเฉิน
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของอวี๋ฝูหลิงดูไม่ดีนัก เขาเดินเข้ามาใกล้ เอ่ยถามว่า “มีเื่ใดหรือ?”
“น้องเล็ก เ้ามาทำอะไรที่นี่? คงไม่ได้มาหาอาโหรวใช่หรือไม่?” เพราะคำพูดของเฉินอิ๋ง อวี๋ฝูหลิงเอ่ยวาจาอย่างไม่กลั่นกรองเสียแล้ว
“อ่านตำราแล้วเมื่อยตาเล็กน้อยจึงออกมาเดินเล่นขอรับ” อวี๋ฉี่เจ๋อเดินไปข้างกายอวี๋เจียว ครั้นเห็นว่าดวงหน้าของนางมีความอึมครึม จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายว่า “มาตรวจไข้ในจวนสกุลเฉินไม่ใช่หรือ? ผู้ใดทำให้เ้าโกรธเสียแล้ว?”
อวี๋เจียวเม้มปาก ไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา ทว่าอวี๋ฝูหลิงกลับเอ่ยขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “นี่เรียกว่ามาตรวจโรคได้อย่างไร? เห็นกันอยู่ทนโท่ว่ามารองรับอารมณ์ผู้อื่น เฉินอิ๋งพูดจาน่ารังเกียจเกินไปแล้ว นางแต่งเื่ระหว่างอวี๋เจียวกับนายท่านเหอ ทั้งยังกล่าววาจาหยาบโลน ทำให้ผู้อื่นนึกอยากจะฉีกปากนางทิ้งเสียจริง”
ครั้นอวี๋ฉี่เจ๋อได้ฟัง ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเ็า เขาเอื้อมมือไปจับมือเล็กของอวี๋เจียวที่อยู่ตรงชายเสื้อ จากนั้นจูงนางเดินกลับเข้าไปในจวนสกุลเฉิน
“นีท่านจะทำอะไร?” อวี๋เจียวเผยสีหน้างุนงง นางไม่รู้ว่าอวี๋ฉี่เจ๋อลากนางกลับเข้าไปเพราะเหตุใด นางออกแรงชักมือกลับมา แต่ก็ไม่อาจดึงมือออกจากฝ่ามือของอวี๋ฉี่เจ๋อได้
อวี๋ฝูหลิงงุนงงเช่นกัน นางมองอวี๋ฉี่เจ๋อจูงอวี๋เจียวเข้าไปในจวนสกุลเฉินอย่างงงงวยก่อนจะรีบสาวเท้าตามเข้าไป
ภายในลานเรือน เฉินเกินเซิงกำลังตำหนิเฉินอิ๋ง เฉินโหรวคอยโน้มน้าวเสียงอ่อนอยู่ด้านข้าง ครั้นเงยหน้าขึ้นมาเห็นอวี๋ฉี่เจ๋อจูงอวี๋เจียวเข้ามาในลานเรือน เฉินเกินเซิงพลันระงับความขุ่นเคืองแล้วฝืนยิ้มออกมา “เหตุใดเจ๋อเกอเอ๋อร์จึงมาอยู่ที่นี่เล่า? ข้ากำลังตักเตือนแม่หนูอิ๋งอยู่พอดี! นางสำนึกผิดแล้ว รีบขอโทษแม่นางเมิ่งเร็วเข้า”
เฉินเกินเซิงแอบผลักเฉินอิ๋ง บอกให้นางขอโทษอวี๋เจียว
เฉินอิ๋งลำคอเหยียดตรงขณะถูกผลักออกมา ดวงตาแดงก่ำจับจ้องอวี๋เจียวอย่างเคียดแค้น กัดริมฝีปากเอ่ยอย่างขุ่นเคืองว่า “ข้าไม่ผิด! นางเป็สตรีออกจากจวนไปลำพัง นอกจากนั้นยังอยู่ในจวนสกุลเหอตั้งหลายวัน ยังจะมีความบริสุทธิ์อะไรเหลืออยู่อีก!”
“หุบปากเดี๋ยวนี้!” เฉินเกินเซิงมีหรือจะรู้ว่าเฉินอิ๋งจะไม่ยอมอ่อนข้อ นึกไม่ถึงว่ายังเอ่ยประโยคนี้ต่อหน้าอวี๋ฉี่เจ๋ออีกรอบ ทำเอาเขาโมโหจนหน้าเปลี่ยนสี เงื้อมือขึ้นหมายจะทุบตีเฉินอิ๋ง
เฉินโหรวรีบดึงเฉินอิ๋งไปหลบข้างหลังปกป้องนางเอาไว้ เฉินอิ๋งยอมเทหมดหน้าตัก ไม่สนใจหน้าตาแม้แต่นิด ร้องไห้พลางตะเบ็งเสียง “ท่านผู้เฒ่าเหอใกล้จะตายอยู่แล้ว อีกทั้งนางก็ไม่ใช่เทพเซียนลงมาจุติ ใช้เวลาแค่ไม่กี่วันก็ช่วยชีวิตคนเอาไว้ได้ ผู้ใดจะไปเชื่อกัน? หากนางไม่ได้คบชู้กับนายท่านเหอ เหตุใดผู้อื่นถึงต้องทำดีกับนางถึงเพียงนั้น!”
เฉินเกินเซิงเห็นนางพูดยิ่งไม่เข้าท่า เขาโมโหจนกัดฟันด่าออกมา “เหลวไหล เ้าคุกเข่าขอโทษภรรยาเจ๋อเกอเอ๋อร์ประเดี๋ยวนี้!”
ครั้นเห็นสีหน้าดุดันของบิดา เฉินโหรวรีบปิดปากของเฉินอิ๋งเอาไว้ เสียงโวยวายนี้ดังไปถึงเรือนครอบครัวรองที่กั้นไว้ด้วยกำแพง ครั้นเฉินเกินฝูสองสามีภรรยาเห็นบุตรสาวร้องไห้น้ำตานอง สีหน้าเต็มไปด้วยความคับข้องใจ พวกเขาจึงรีบมาขวางหน้าเพื่อปกป้องเฉินอิ๋ง
“เกิดอะไรขึ้น? พี่ใหญ่ อาอิ๋งยังเล็กอยู่ ต่อให้ทำผิดก็ไม่ควรตำหนินางต่อหน้าคนนอกนะขอรับ” สตรีแซ่เฉินฉินผู้น้องมารดาของเฉินอิ๋งเอ่ยด้วยความไม่พอใจ
สตรีแซ่เฉินฉินและสตรีแซ่เฉินฉินผู้น้องไม่เพียงแต่เป็พี่สะใภ้น้องสะใภ้กันเท่านั้น แต่พวกนางยังเป็สกุลฉินทั้งคู่ ในจวนมารดาพวกนางคือลูกพี่ลูกน้อง หลังจากสตรีแซ่เฉินฉินออกเรือนกับเฉินเกินเซิงแล้ว นางจึงแนะนำสตรีแซ่เฉินฉินผู้น้องให้กับเฉินเกินฝู ด้วยความสัมพันธ์เช่นนี้ หลังจากท่านผู้เฒ่าสกุลเฉินล่วงลับ ทั้งสองครอบครัวแยกจวน แต่ความสัมพันธ์ของสองครอบครัวและสองพี่น้องยังคงดียิ่งนัก
สตรีแซ่เฉินฉินส่งสายตาให้สตรีแซ่เฉินฉินผู้น้อง บอกใบ้ให้นางอย่าสอดปากซี้ซั้ว
เฉินเกินเซิงคือผู้นำหมู่บ้านจึงมีความน่าเกรงขามยิ่งนัก เอ่ยกับเฉินเกินฝูอย่างมีโทสะว่า “น้องรอง เ้ามาพอดี ไม่รู้ว่าแม่หนูอิ๋งไปได้ยินเื่เหลวไหลมาจากที่ใดถึงได้เอามาพูดต่อหน้าภรรยาเจ๋อเกอเอ๋อร์ เ้าผู้เป็บิดาควรจะสั่งสอนนางให้ดีถึงจะถูก!”
แม้ว่าเฉินเกินฝูจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาเชื่อฟังพี่ชายมาแต่ไหนแต่ไร อีกทั้งยังเห็นอวี๋ฉี่เจ๋อและอวี๋เจียวยืนใบหน้านิ่งขรึมเ็าอยู่ในลานเรือนจึงพอจะเดาอะไรได้บ้าง เขาแสร้งทำทีเป็กระชากเฉินอิ๋งออกมาจากด้านหลังของเฉินโหรว ร้องด่าสีหน้าเ็าว่า “เ้าลูกไม่รักดี เ้าออกมานี่!”
เขากวาดตามองไปโดยรอบ จากนั้นหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาจากพื้นหมายจะฟาดลงบนร่างของเฉินอิ๋ง ทั้งตีทั้งด่า “ข้าจะตีนังเด็กสร้างเื่เสื่อมเสียเช่นเ้าให้ตาย ผู้ใดใช้ให้เ้าพูดจาเหลวไหล ผู้ใดใช้ให้เ้าวาจาต่ำตม! ผู้ใดใช้ให้เ้าสร้างเื่หมางใจกับผู้อื่น!”
เฉินอิ๋งถูกตีจนกรีดร้องออกมา รีบวิ่งไปหลบหลังมารดาของตน
อวี๋เจียวเพียงจ้องมองอย่างเ็า อวี๋ฉี่เจ๋อไม่เอ่ยวาจาห้ามปรามเช่นกัน
สตรีแซ่เฉินฉินผู้น้องปวดใจยิ่งนัก นางยืนขวางหน้าเฉินอิ๋งเอาไว้ ปาดน้ำตาพลางเอ่ยว่า “ท่านเป็บิดาคิดจะฆ่าลูกสาวให้ตายเชียวหรือ? เช่นนั้นท่านก็ฆ่าข้าก่อนเถิด!”
ครั้นสตรีแซ่เฉินฉินเห็นว่าอวี๋ฉี่เจ๋อกับอวี๋เจียวไม่คิดจะเอ่ยวาจาห้ามปราม ความไม่พอใจภายในใจจึงยิ่งทวีขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ทำได้เพียงเอ่ยออกมาว่า “น้องรอง แม่หนูอิ๋งเป็สาวแล้ว หากนางทำผิดก็ควรตำหนิเป็พอ มีหรือจะต้องใช้ไม้ทุบตี”
เดิมทีเฉินเกินฝูคิดจะแสดงละครต่อหน้าอวี๋เจียวกับอวี๋ฉี่เจ๋อเท่านั้น แต่นึกไม่ถึงว่าสองคนนี้กลับไม่รู้อะไรควรอะไรไม่ควร ไม่ว่าบุตรบ้านใดทะเลาะกับผู้อื่นแล้วถูกตามมาถึงจวน หลังจากทำทีตำหนิไม่กี่ประโยคก็ควรจะถูกห้ามเอาไว้แล้วไม่ใช่หรือ ไม่ควรปล่อยให้เขาตีเฉินอิ๋งจริงๆ จึงจะถูก
เมื่อมีคำกล่าวนี้ของสตรีแซ่เฉินฉิน ในที่สุดเฉินเกินฝูก็มีข้ออ้างโยนกิ่งไม้ในมือทิ้งไป เอ่ยตีวัวกระทบคราดว่า “เ้าคนไม่มีตา รีบไสหัวไปอยู่ในห้อง อย่าได้อยู่ข้างนอกให้อับอายขายหน้าผู้อื่นอีก!”
อวี๋ฉี่เจ๋อเอ่ยรั้งเฉินอิ๋งเอาไว้ เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นขาว่า “สำหรับสตรีแล้ว ชื่อเสียงสำคัญยิ่งชีพ เ้าทำลายชื่อเสียงของอวี๋เจียว ความคิดจิตใจต้องชั่วร้ายถึงเพียงใด? หากวันนี้ไม่อธิบายให้ชัดเจน ไม่แน่ว่าภายหน้าอาจนำเื่นี้มาทำร้ายอวี๋เจียวอีก วันนั้นข้าพักอยู่ในจวนสกุลเหอกับอวี๋เจียว กินด้วยกันนอนด้วยกัน หากเ้าอยากรู้รายละเอียดลึกซึ้งอันใด ข้าสามารถแจกแจงให้ฟังได้อย่างละเอียด”
