สามวันต่อมา ณ เมืองเฮยอวิ๋น
เนี่ยเทียนนั่งอยู่ในรถม้า ภายใต้การนำทางของอันเหอ ่พลบค่ำจึงเข้ามาในเมือง
ผ้าม่านหน้ารถม่านถูกเลิกขึ้นนานแล้ว หลังจากที่เข้ามาในเมือง อันเหอแห่งตระกูลอันก็หันมามองเนี่ยเทียนอยู่เนืองๆ
ตอนที่เดินทางไปโลกมายามรกต ม่านหน้ารถนั้นแทบจะไม่เคยถูกเปิดขึ้น
ตอนนั้นอันเหอไร้ซึ่งความสนใจใดๆ ต่อตัวเนี่ยเทียน ตลอดทางคนทั้งสองจึงไม่มีการพูดคุยกันเกิดขึ้น
แค่ตอนขากลับนี้ อันเหอเป็ฝ่ายเปิดม่านหน้ารถขึ้นเอง
คอยพูดจาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกับเนี่ยเทียนตลอดเวลาวิเคราะห์เื่ราวต่างๆ ของสามตระกูลใหญ่ในเมืองเฮยอวิ๋นให้เนี่ยเทียนฟังอย่างละเอียด
เนี่ยเทียนเองก็ััได้อย่างชัดเจนว่าท่าทีที่อันเหอมีต่อเขาแตกต่างไปจากเดิม
จากคำพูดของอันเหอ เขาจึงได้รู้ว่า่ที่ผ่านมานี้ ในตระกูลเนี่ยมีเื่ทะเลาะเบาะแว้งกันเกิดขึ้นทุกวัน สาเหตุของการทะเลาะกันก็คือเืู่เาเหมืองแร่ที่ใช้ขุดหาหินเมฆอัคคี
ูเาเหมืองแร่ลูกนั้น หลังจากที่เนี่ยเป่ยชวนไปตรวจสอบด้วยตัวเองแล้วจึงรู้ว่าต่อไปจะไม่สามารถขุดหินเมฆอัคคีออกมาได้อีก
เนี่ยเป่ยชวนที่เพิ่งจะขึ้นดำรงตำแหน่งประมุขตระกูลเนี่ยได้ไม่นานจึงหวาดกลัวถึงขีดสุด
เขาสอบถามคนงานขุดแร่ทั้งหมด พอได้รู้ว่าเนี่ยเฉี่ยนเคยพาเนี่ยเทียนเข้าไปที่เหมืองมาก่อนจึงโยนเอาความรับผิดชอบทั้งหมดมาให้เนี่ยเฉี่ยน
หลายวันมานี้ เขาที่ไม่รู้ว่าจะอธิบายกับสำนักหลิงอวิ๋นอย่างไร จึงหาเื่มาทำให้เนี่ยเฉี่ยนลำบากใจทุกวัน
เขาบีบคั้นให้เนี่ยตงไห่พาเนี่ยเฉี่ยนไปรับผิดเื่เหมืองแร่กับสำนักหลิงอวิ๋นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ในสายตาของเนี่ยเป่ยชวน ยังไงซะเนี่ยตงไห่ก็มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็สู้เสียสละพ่อลูกเนี่ยตงไห่และเนี่ยเฉี่ยนไปดับไฟโทสะจากสำนักหลิงอวิ๋น เพื่อแลกมาด้วยความสงบสุขของตระกูลเนี่ยเสียเลยดีกว่า
การตัดสินใจของเขาได้รับการยอมรับจากผู้าุโมากมายในตระกูลเนี่ย ผู้าุโในตระกูลเ่าั้พากันยืนอยู่ข้างเขา กล่าวโทษพ่อลูกเนี่ยตงไห่ไปพร้อมกับเขา
“ท่านอาอัน เหมืองแร่ไม่สามารถขุดหินเมฆอัคคีได้ ทางฝ่ายสำนักหลิงอวิ๋นมีความเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง?” เนี่ยเทียนเอ่ยถาม
“แปลกมาก” อันเหอที่ค่อยๆ ขับรถม้าเคลื่อนตัวไปทางตระกูลเนี่ยขมวดคิ้วกล่าว “จากที่ข้ารู้มา ดูเหมือนว่าสำนักหลิงอวิ๋นยังไม่มีท่าทีอะไร แล้วก็ยังไม่ได้สอบถามเอาความรับผิดชอบจากตระกูลเนี่ยของพวกเ้าด้วย”
“ถ้าเช่นนั้นเหตุใดพวกเขาถึงต้องบีบให้ท่านตาและท่านป้าใหญ่ของข้ารับผิดให้ได้เล่า?” เนี่ยเทียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“เพราะว่าพวกเขากลัวอย่างไรล่ะ” อันเหอลังเลอยู่ชั่วครู่ก็พูดอธิบาย “เขาเหมืองแร่แห่งนั้นคือสิ่งที่สำนักหลิงอวิ๋นจัดสรรมาให้ตระกูลเนี่ยของพวกเ้า ให้ตระกูลเนี่ยของพวกเ้ารับผิดชอบขุดหาแร่ หลายปีมานี้ที่ตระกูลเนี่ยของพวกเ้าได้รับการยอมรับจากสำนักหลิงอวิ๋นก็เพราะพวกเ้าช่วยพวกเขาทำธุระเื่นี้อยู่”
“ตอนนี้เขาเหมืองแร่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หินเมฆอัคคีที่เดิมทีมีมากพอให้ขุดไปได้อีกหลายสิบปี อยู่ๆ กลับไม่หลงเหลือแม้แต่ก้อนเดียว สำนักหลิงอวิ๋นยังไม่ได้กล่าวโทษ แต่ท่านปู่รองของเ้าลนลานไปก่อนเอง”
“เขาเพิ่งจะนั่งอยู่บนตำแหน่งนั้นได้ไม่นาน ตระกูลเนี่ยอาศัยเขาเหมืองแร่ในการดำรงชีวิต อยู่ๆ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงมหาศาลเช่นนี้ มีหรือที่เขาจะไม่กลัว?”
เนี่ยเทียนแค่นเสียงหนึ่งครั้ง กล่าว “เขาไม่คู่ควรเป็ท่านปู่รองของข้า!”
อันเหอหันกลับมามองเขา ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก็พูดขึ้นมาอีกว่า “ตอนที่ท่านตาของเ้ายังหนุ่มแน่น เพื่อ่ชิงตำแหน่งประมุขตระกูลเคยทำให้เนี่ยเป่ยชวนาเ็สาหัส หลังจากผ่านเื่ราวในครั้งนั้น พวกเขาสองพี่น้องก็กลายมาเป็คนแปลกหน้าต่อกัน ท่านตาของเ้าควบคุมดูแลตระกูลเนี่ยมากี่ปีก็เท่ากับกดขี่เนี่ยเป่ยชวนมานานเท่านั้น ตอนนี้ในที่สุดท่านตาของเ้าก็สูญเสียอำนาจ เขาย่อมไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์พี่น้องอยู่แล้ว”
“ต้องมีสักวันที่ท่านตาของข้าจะได้กลายเป็ประมุขตระกูลเนี่ยอีกครั้ง!” เนี่ยเทียนคำรามเสียงทุ้ม
อันเหอยิ้มบางๆ มองเขาด้วยความหมายลึกล้ำหนึ่งครั้ง กล่าว “ก็อาจจะเป็ได้นะ”
หากเป็เมื่อก่อน อันเหอคงจะพูดจาเสียดสีเขาสักสองสามประโยค บอกว่าเขาไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ
ทว่าตอนนี้ อันเหอรู้สึกว่าหากเนี่ยเทียนยังคงรักษาสภาวะการไต่สู่ที่สูงแบบตอนนี้เอาไว้ได้ วันหน้าก็ใช่ว่าจะไม่สามารถช่วยให้เนี่ยตงไห่กลับคืนสู่ตำแหน่งได้เสียเลย
พันเทาและเจียงหลิงจูต่างก็เป็เด็กรุ่นที่สามที่หอหลิงเป่าและสำนักหลิงอวิ๋นให้ความสำคัญอย่างถึงที่สุด อิทธิพลที่อยู่เื้ัของคนทั้งสองนี้มากพอจะทำให้อันเหอหวาดหวั่นได้
ขอแค่พันเทา เจียงหลิงจูให้ความสำคัญกับเนี่ยเทียน เมื่อพันเทาและเจียงหลิงจูโดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ ในหอหลิงเป่าและสำนักหลิงอวิ๋น เนี่ยเทียนก็ย่อมได้รับผลประโยชน์ไปด้วยเพราะเหตุนี้
“ถึงแล้ว”
ผ่านไปครู่ใหญ่ อันเหอก็ดึงเชือกบังเหียนหยุดรถม้า
เนี่ยเทียนะโลงมาจากตัวรถ กล่าวขอบคุณอันเหออย่างเคารพนบน้อมก่อน จากนั้นจึงกล่าวว่า “ท่านอาอัน ถ้าอย่างนั้นข้ากลับก่อนนะขอรับ”
“ไปเถอะๆ” อันเหอพูดด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “ไม่ต้องกังวลมากนัก หากเนี่ยเป่ยชวนบีบคั้นจนเกินไป เ้าสามารถมาที่ตระกูลอันของพวกเรา ฮ่าๆ ในเมื่อคุณหนูของข้าให้ความสำคัญกับเ้าถึงเพียงนี้ เ้าก็ถือเป็แขกของตระกูลอัน เ้าสามารถมาได้ตลอดเวลา ในตระกูลเนี่ย เนี่ยเป่ยชวนมีอำนาจมากล้น ทว่าในสายตาของตระกูลอัน ไม่ได้มีค่าอันใดเลย”
“ขอบคุณท่านอาอันมาก ข้าเข้าใจแล้ว” เนี่ยเทียนกล่าวขอบคุณอีกครั้ง
อันเหอพยักหน้า บอกเป็นัยให้เขากลับเข้าบ้านแล้วจึงสะบัดแส้ ขับรถม้าจากไปทางตระกูลอัน
เนี่ยเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง ปรับอารมณ์ให้มั่นคง และในที่สุดก็เดินเข้าไปทางประตูใหญ่ของตระกูลเนี่ย
“เนี่ย เนี่ยเทียน?” หน้าประตู จินเจียงผู้เป็ยามเฝ้าอยู่หน้าตระกูลเนี่ยพอเห็นเขาเผยร่างก็พลันร้องอุทานอย่างตกตะลึง
จินเจียงไม่ใช่คนของตระกูลเนี่ย แต่เป็ขุนนางต่างเมืองที่ธรรมดามากคนหนึ่ง ทว่าคนเช่นนี้ กลับรู้ข่าวสารไวที่สุด
อันเหอพาเนี่ยเทียนนั่งรถม้ากลับจากทะเลสาบมายังเมืองเฮยอวิ๋นใช้เวลาสามวันเต็ม ทว่าข่าวสารของเหตุร้ายน่าใที่เกิดขึ้นในโลกมายามรกตกลับแพร่ไปทั่วเมืองเฮยอวิ๋นั้แ่เช้าตรู่ของวันนี้แล้ว
คนของสามตระกูลใหญ่ในเมืองเฮยอวิ๋นล้วนวิพากษ์วิจารณ์การเปลี่ยนแปลงมหาศาลที่เกิดขึ้นในโลกมายามรกตกันตลอดทั้งวัน
ในบรรดาผู้ประลองมากมายของโลกมายามรกต เนี่ยเทียนเป็เพียงแค่บทบาทเล็กๆ ที่ไม่สะดุดตามากที่สุด ดังนั้นข่าวคราวที่ทั้งสี่สำนักส่งมาจึงไม่รวมเื่ของเนี่ยเทียนเอาไว้ด้วย
กลับกันคือฝ่ายของตระกูลอวิ๋นที่รู้ว่าคนทั้งกลุ่มของหุบเขาเทาล้วนพ่ายแพ้ย่อยยับอยู่ในโลกมายามรกต จึงเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ
เมื่อเช้าตอนที่จินเจียงเดินผ่านตระกูลอวิ๋นก็ได้ยินเสียงร้องไห้เ็ปรวดร้าวของหยวนชิวอิ๋งแว่วๆ รู้ว่าตระกูลอวิ๋นรับรู้แล้วว่า อวิ๋นซงที่พวกเขาฝากความหวังสูงสุดเอาไว้ ตายไปแล้วในโลกมายามรกต
จินเจียงได้ยินมาแล้วว่าไม่เพียงแต่กลุ่มของหุบเขาเทาเท่านั้นที่พินาศวอดวาย ผู้ประลองของอีกสามสำนักที่เหลือก็าเ็ล้มตายกันไปมากเช่นกัน
ในสายตาของเขาเนี่ยเทียนที่ดวงซวยถูกอันอิ่งพาเข้าไปในโลกมายามรกต ความสามารถอันน้อยนิดอีกทั้งฐานะก็ยิ่งไม่มีค่าควรให้พูดถึงก็น่าจะกลายเป็เถ้าถ่านอยู่ในโลกมายามรกตนานแล้ว
เขานึกไม่ถึงว่าขนาดอวิ๋นซงยังตายไปแล้ว ทว่าเนี่ยเทียนกลับมีชีวิตรอดมาได้
“ทำไมหรือ?” เนี่ยเทียนขมวดคิ้ว
จินเจียงมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับคืนมา หัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน “ข้านึกว่าเ้าเหมือนอวิ๋นซงของตระกูลอวิ๋นที่ตายอยู่ในโลกมายามรกต เนี่ยเทียน ตอนที่ท่านตาและท่านป้าใหญ่ของเ้าได้รู้ข่าวเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในโลกมายามรกต พวกเขาก็ใจสลายกันไปหมดแล้ว เ้ารีบไปหาพวกเขาเถอะ”
เขาไม่ใช่คนของตระกูลเนี่ย เนี่ยเทียนจะอยู่หรือตาย ล้วนไม่ส่งผลอะไรกับเขา
“เื่ที่เกิดขึ้นในโลกมายามรกตแพร่มาถึงเมืองเฮยอวิ๋นแล้วหรือ?” เนี่ยเทียนตะลึง
“แน่นอนสิ” จินเจียงพยักหน้า “การแพร่ของข่าวสารสามารถแพร่ไปได้หลายช่องทาง เร็วยิ่งกว่าเ้าที่เดินทางกลับมาจากทางนั้นมากนัก เ้ารีบกลับไปเถอะ วันนี้ท่านตาของเ้าปิดประตู ไม่ยอมออกมาเลยทั้งวัน ท่านป้าใหญ่ของเ้าก็ดูเหมือนว่าจะร้องไห้เกือบทั้งวันแล้ว เ้ารีบไปหาพวกเขาให้พวกเขาสบายใจเถอะ”
“ขอบคุณมาก” เนี่ยเทียนรีบเข้าประตูไปอย่างเร่งร้อน
“เนี่ยเทียน!”
“ไม่จริงกระมัง? เนี่ยเทียนยังมีชีวิตอยู่รึ?”
“ขนาดหยวนเฟิงกับอวิ๋นซงยังตายไปแล้ว แต่เขากลับมีชีวิตรอดมาได้?”
“เขาช่างดวงแข็งจริงๆ!”
“...”
ระหว่างทาง คนในตระกูลเนี่ยทุกคนที่มองเห็นเนี่ยเทียนต่างก็ประหลาดใจถึงขีดสุด รู้สึกว่านี่ช่างเป็เื่ที่น่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง
ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของทุกคน เนี่ยเทียนวิ่งเหยาะๆ มาตลอดทางจนมาหยุดอยู่หน้าหอเรือนใหญ่ที่ห่างไกลอันเป็ที่พักของเนี่ยตงไห่ท่านตาของเขา
“ท่านตา ข้ากลับมาแล้ว” ยังไม่ทันถึงหน้าประตู เนี่ยเทียนก็แผดเสียงะโขึ้นมา
ในห้อง เนี่ยตงไห่ที่จิตใจสลดหดหู่ ปิดทั้งประตูและหน้าต่างแน่นสนิท พลันตัวสั่นะเื
เขาเช็ดน้ำตาตรงหางตาของตัวเองออกทันใด ผลักประตูห้องออกพร้อมดวงตาที่แดงก่ำ
“เสี่ยวเทียน! คือเสี่ยวเทียนหรือ? ข้าได้ยินเสียงของเสี่ยวเทียน?” ห่างออกไปไม่ไกล ในหอเรือนเล็กๆ อีกแห่งหนึ่ง เนี่ยเฉี่ยนที่พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น ห้อตะบึงออกมา
“ท่านตา ท่านป้าใหญ่ ข้าไม่เป็อะไร ข้ากลับออกมาจากโลกมายามรกตได้อย่างปลอดภัย!” เนี่ยเทียนะโเสียงดัง
เพิ่งกล่าวจบ เขาก็หันมามองเนี่ยตงไห่และเนี่ยเฉี่ยนที่ต่างก็กำลังหันมามองเขาด้วยความปีติยินดีอย่างบ้าคลั่ง
วินาทีที่เห็นเนี่ยตงไห่และเนี่ยเฉี่ยน เขาก็พลันตระหนักได้ว่าทั้งสองคนนี้ล้วนนำความหวังและความรักทั้งหมดฝากเอาไว้ที่ตัวเขา
เขาคือทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเขา!
-----