ถึงจะรู้ว่าสกุลเจิ้งมีอิทธิพลอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็ไม่ได้คิดจะลงลึกอะไรนัก เพราะตัวเองก็แค่มาอาศัยชั่วคราว ไม่จำเป็ต้องรู้รายละเอียดมากเกินไป ถามมากไปก็เหมือนสอดรู้สอดเห็นเื่ส่วนตัว หน้าที่หลักของทุกคนตอนนี้คือรีบหาบ้านที่เหมาะสม ซื้อบ้านสี่ประสานที่ถูกใจแล้วย้ายออกไป
เมื่อย้ายออกจากที่นี่ ก็จะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับที่นี่อีกต่อไป ดังนั้นเื้ัทั้งหมดของบ้านหลังนี้ก็จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาอีกต่อไป รู้น้อยไว้ก็ดี จะได้ทำตัวเป็แขกจริงๆ พักอยู่ชั่วครู่แล้วจากไป โดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้
หมี่หลันเยว่ก็รู้ว่าเื้ัที่แข็งแกร่งจะช่วยธุรกิจของเธอได้มาก แต่ปัญหาคือเื้ันี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอเลย ก็อย่าไปสนใจมันซะ จะได้ไม่คิดถึงมัน คนเรามักจะมีความโลภเสมอ เมื่อรู้ว่ามีอะไรที่ใช้ประโยชน์ได้ ก็จะอยากยื่นมือเข้าไปคว้า
"ที่ฉันมาบอกพี่ ก็เพราะอยากให้พี่ฝากบอกพี่หย่งจิ้นกับคนอื่นๆ ว่า ต่อให้เป็เื่ไร้สาระก็อย่าพูดถึงเื่ในบ้านหลังนี้ อย่าอยากรู้อยากเห็น พวกเราแค่มาอาศัย ทุกอย่างที่นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา ฉันจะหาวิธีหาบ้านที่เหมาะสมให้เร็วที่สุด แล้วย้ายออกไป"
หมี่หลันหยางพยักหน้า น้องสาวมองเื่ราวได้เฉียบแหลม เมื่อน้องสาวพูดแบบนี้ ก็ต้องมีอะไรที่ต้องระวัง ไม่ต้องถาม ทำตามก็พอ
"อืม ฉันรู้แล้ว ฉันจะบอกพวกนั้นให้นะ"
สองพี่น้องตกลงกันแล้ว ก็เรียกหลินเผิงเฟยออกมาจากห้องด้วยกัน ส่วนเฉียนหย่งจิ้นกับหนิวเถียจู้ก็ออกมาจากห้องของพวกเขาเช่นกัน
"เฮ้ ทุกคนเร็วจังเลยนะ นึกว่าฉันจะได้เป็คนแรกซะอีก"
"ใช่สิ เร็วที่สุดก็ต้องนาย"
หมี่หลันหยางเดินเร็วขึ้นสองก้าว เอามือแตะไหล่เขา แล้วดึงเขาเข้ามาใกล้ตัว จากนั้นเมื่อสี่หนุ่มมารวมตัวกัน ก็กระซิบเื่ที่หมี่หลันเยว่อยากให้บอก
"หลันหยางวางใจได้เลย ฉันเข้าใจแล้ว ในเวลาสำคัญแบบนี้ พวกเราไม่เคยพลาดหรอก"
หมี่หลันหยางพยักหน้า จริงๆ แล้วเขาก็ไว้ใจพวกพี่น้องเหล่านี้มาก คุยกันก็คุยกันไป แต่พวกเขาก็ไม่ใช่พวกปากมากอะไรนัก
แต่เมื่อหลันเยว่เป็ห่วง ก็เตือนไว้ก่อนก็ดี เผื่อเกิดเื่ไม่จำเป็ขึ้นมา จะมาเสียใจภายหลังก็ไม่มีประโยชน์
"เอาล่ะ ทุกคนระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน ครูเจิ้งรับพวกเรามาอยู่ที่บ้าน พวกเราอย่าสร้างความเดือดร้อนให้ครูเจิ้ง"
"หลันเยว่ เก็บของเสร็จแล้วเหรอ? เร็วจังเลยนะ แต่ก็แน่ละ พวกเธอไม่ได้เอาอะไรมาด้วยนี่นา"
แม่เจิ้งได้ยินเสียงคนในบ้าน ก็รีบเดินออกมาจากห้อง หมี่หลันเยว่ก็รีบเข้าไปทักทายอย่างกระตือรือร้น แล้วคล้องแขนแม่เจิ้งอย่างสนิทสนม
"คุณป้าคะ คุณป้าไม่ต้องมาช่วยพวกเราหรอกค่ะ พวกเราทำเสร็จแล้วจะเข้าไปเองค่ะ"
เธอคล้องแขนแม่เจิ้ง แล้วพาเข้าไปในห้องรับแขกของบ้าน จากนั้นก็รินน้ำอุ่นๆ ส่งให้ แม่เจิ้งก็รับไปอย่างดีใจ
"คุณป้าคะ มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะ ทำอาหารจานใหญ่หนูไม่ถนัด แต่อาหารทั่วไปหนูพอทำได้ค่ะ หรือว่าหนูไปช่วยในครัวดีคะ?"
หมี่หลันเยว่ไม่ได้รีบไปช่วยในครัว เพราะเธอยังไม่ค่อยเข้าใจกฎเกณฑ์ของบ้านใหญ่แบบนี้
ตัวเธอเองเพิ่งมาใหม่ๆ อย่าทำอะไรผลีผลามดีกว่า เดินไปเดินมาอาจจะไม่ดี เดี๋ยวจะกลายเป็ว่าตั้งใจดีแต่กลับกลายเป็เื่ร้าย น่าอายแย่เลย ในบ้านที่มีอำนาจแบบนี้ เงียบๆ ไว้ดีกว่า
"ไม่ต้องๆ ในครัวมีป้าแม่บ้านช่วยอยู่แล้ว พวกเราไม่ต้องเข้าไปหรอก พวกเธอเดินทางมาไกลๆ ก็คงเหนื่อย พักก่อน เดี๋ยวพอทานข้าวเสร็จก็ไปอาบน้ำนอนซะหน่อย พวกเธอเป็คนหนุ่มคนสาว เดี๋ยวก็กลับมากระปรี้กระเปร่าเหมือนเดิม"
แม่เจิ้งเป็คนใจดี พูดจาทำอะไรก็ง่ายต่อการยอมรับ หมี่หลันเยว่ก็เป็คนที่พูดเก่ง ไม่นานสองคนก็คุยกันสนุกสนาน หมี่หลันหยางกับเฉียนหย่งจิ้น หลินเผิงเฟย หนิวเถียจู้ทั้งสี่คนก็นั่งเงียบๆ บนโซฟาในห้องรับแขก มองดูการพูดคุยของทั้งสองคน
"พวกเธอก็ทานผลไม้หน่อยสิ อย่าเอาแต่นั่งเฉยๆ"
แม่เจิ้งไม่ได้ละเลยพวกเขา ในขณะที่คุยกับหมี่หลันเยว่ ก็ยังหันมาพูดกับพวกเขา พวกเขาก็รีบบอกว่าไม่เป็ไร จะดูแลตัวเอง
"แม่ครับ คุยกันสนุกเลยสินะครับ?"
ในขณะที่พูดคุยกัน เจิ้งซวี่เหยาเดินเข้ามา หมี่หลันเยว่เห็นว่าเขาเปลี่ยนเป็ชุดอยู่บ้านแล้ว ผมถึงแม้จะเช็ดแล้ว แต่ก็ยังเปียกชื้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะรีบอาบน้ำมา
"อืม หลันเยว่เป็เด็กผู้หญิงที่น่ารักจริงๆ ฉลาด น่ารัก แถมยังเอาใจใส่ คุยอะไรด้วย คำพูดของเธอฟังแล้วสบายใจไปหมด อายุแค่นี้ ต้องเดินทางไกลๆ มาเรียนที่ปักกิ่ง คงจะลำบากน่าดู"
พอเธอพูดกับลูกชายเสร็จ ก็หันมาพูดกับหมี่หลันเยว่
"หลันเยว่ ต่อไปถ้ามีอะไรลำบาก ก็มาหาป้านะ ป้าจะดูแลหนูเอง"
ในเวลาอันสั้น แม่เจิ้งก็รีบดึงหลันเยว่เข้ามาอยู่ในความดูแลของเธอแล้ว
เจิ้งซวี่เหยาหัวเราะ เขารู้ว่าหมี่หลันเยว่ฉลาดและมีวิธีการเป็ของตัวเอง ดังนั้นถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็เมืองใหญ่ ไม่ใช่เมืองเล็กๆ ที่ห่างไกลของพวกเขา แต่เด็กผู้หญิงคนนี้ก็น่าจะปรับตัวได้ดี เจิ้งซวี่เหยาไม่เคยหวังให้ใครประสบความสำเร็จมากเท่านี้มาก่อนเลย
แม่เจิ้งนั่งอยู่ตรงข้าม เมื่อเห็นสายตาที่ลูกชายมองหมี่หลันเยว่ ก็รู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่าลูกชายมีความรู้สึกที่แตกต่างกับเด็กผู้หญิงคนนี้ ถึงแม้ว่าลูกชายจะดูอ่อนโยนกับทุกคน แต่จริงๆ แล้วในใจ เขาไม่ใช่คนที่เข้ากับคนอื่นง่ายๆ
ยิ่งเขาแสดงความสุภาพกับคุณมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งไม่คบหาคุณอย่างลึกซึ้ง การปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอ่อนโยนคือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดในการเข้าสังคมของเขา เพียงแต่ว่าเมื่อกี้ได้ยินเด็กผู้หญิงคนนี้บอกว่าเขากับเด็กเหล่านี้ เพิ่งรู้จักกันบนรถไฟ แต่ลูกชายกลับดูกระตือรือร้นมากอย่างไม่คาดไม่ถึง
"คุณนายคะ ได้เวลาทานอาหารแล้วค่ะ"
เจิ้งซวี่เหยาเพิ่งเข้ามาคุยได้ไม่กี่คำ ก็ได้ยินเสียงป้าแม่บ้านข้างนอกเรียกคน เจิ้งซวี่เหยารีบไล่ให้เด็กๆ ไปทานข้าว
"มาๆ ทานข้าวก่อน ทานเสร็จจะได้พักผ่อนให้หายเหนื่อย"
หมี่หลันเยว่รีบลุกขึ้น แล้วประคองแม่เจิ้งลุกขึ้น สำหรับท่าทางเล็กๆ น้อยๆ ของหมี่หลันเยว่ แม่เจิ้งก็ยิ่งพอใจมากขึ้นเรื่อยๆ เด็กผู้หญิงคนนี้มีไหวพริบมาก แต่ก็ไม่ได้ประจบประแจง ทำตัวมีกฎเกณฑ์และมีเส้นแบ่ง แม่เจิ้งชอบนิสัยแบบนี้
ในขณะที่ทุกคนเพิ่งเข้าไปนั่งที่ห้องอาหาร ยังไม่ทันได้เริ่มทาน ก็ได้ยินเสียงรถยนต์เข้ามาในบ้าน แม่เจิ้งรีบลุกขึ้น หมี่หลันเยว่และคนอื่นๆ ก็รีบลุกตาม เจิ้งซวี่เหยาเดินนำหน้าไปที่ลานบ้าน หมี่หลันเยว่มองหน้าพี่ชาย แลกเปลี่ยนสายตากัน แล้วตัดสินใจตามออกไป ถ้าเจิ้งซวี่เหยาออกมาต้อนรับ ก็ต้องเป็คนที่สำคัญสำหรับเขา พวกเขาจะไม่สามารถละเลยได้
หมี่หลันเยว่เห็นว่ามีชายชราผมสีดอกเลาลงมาจากรถ ตามมาด้วยชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าปี และด้านหลัง เป็เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับหมี่หลันหยาง รูปร่างไม่สูงมาก แต่ดูแข็งแรง ยืนอยู่ด้านหลังผู้ใหญ่สองคน ตัวตรง
"ปู่ครับ พ่อครับ ทำไมตอนเที่ยงถึงกลับมาละครับ ไม่ต้องกลับมาดูผมหรอกครับ"
เจิ้งซวี่เหยาเข้าไปกอดชายชราอย่างดีใจ พูดว่าไม่ต้องกลับมาดูเขา แต่สีหน้าก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่ามีความสุข ชายชราลูบหัวเขา ดูท่าทางก็รักใคร่มาก
เมื่อเจิ้งซวี่เหยาปล่อยชายชรา แล้วเอียงตัวเล็กน้อย อยากจะเข้าไปกอดชายวัยกลางคนด้วย แต่ชายวัยกลางคนกระแอมออกมา สีหน้าเคร่งขรึม เจิ้งซวี่เหยาจึงหดมือกลับมา จากนั้นก็โบกมือทักทายเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลัง
"เสี่ยวเยี่ยน ลูกพี่ลูกน้องของฉัน นายก็มาด้วยเหรอ"
เด็กหนุ่มที่ถูกเรียกว่าเสี่ยวเยี่ยนก้าวออกมา แล้วกอดเจิ้งซวี่เหยา ดูเหมือนจะใช้แรงมาก ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนน่าจะดีมาก
"ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ พี่ชาย!"
เมื่อถูกปล่อยตัว เจิ้งซวี่เหยาชกไปที่ไหล่เขา
"ไม่เลวนี่ แข็งแรงขึ้นเยอะเลย"
เด็กหนุ่มที่ถูกเรียกว่าเสี่ยวเยี่ยนก็ชกกลับ แล้วยกยิ้มขึ้น
"มา พวกเราจะแนะนำคนให้รู้จัก"
เจิ้งซวี่เหยาคล้องแขนชายชราผมสีดอกเลา พามาที่หน้าหมี่หลันเยว่และคนอื่นๆ
"ปู่ครับ พ่อครับ เสี่ยวเยี่ยน นี่คือนักเรียนของผม นักศึกษาใหม่ของชิงหวาปีนี้ครับ"
"พี่ยังไม่ได้ไปทำงานที่ชิงหวาเลย ก็พานักเรียนมาที่บ้านแล้ว บอกมาหน่อยสิว่าไปล่อลวงเขามาได้ยังไง"
เสี่ยวเยี่ยนแซวลูกพี่ลูกน้องอย่างสนุกสนาน
"เรียกว่าล่อลวงมาได้ยังไง เรียกว่าเสน่ห์ส่วนตัวของพี่ต่างหาก ใช่ไหมหลันเยว่?"
เมื่อเจิ้งซวี่เหยาหันไปมองหลันเยว่ ก็พบว่าเด็กผู้หญิงหน้าซีดกำหมัดแน่น ดูเหมือนว่าตัวจะสั่นเล็กน้อย
"หลันเยว่...หลันเยว่ เป็อะไรไป?"
หมี่หลันหยางและคนอื่นๆ กำลังเข้าไปคุยกับคุณปู่เจิ้งและคุณลุงเจิ้งอยู่ ก็ได้ยินเสียงเรียกของเจิ้งซวี่เหยา ทุกคนใ แล้วหันกลับไปมอง พบว่าน้องสาวไม่ได้ตามมา
"หลันเยว่ หลันเยว่..."
หมี่หลันหยางร้อนใจ รีบเข้าไปกอดน้องสาวไว้ในอ้อมแขน แล้วลูบหลังเธอเบาๆ ั้แ่เล็กจนโต ไม่เคยเห็นน้องสาวเป็แบบนี้ หมี่หลันหยางใจริงๆ
"อย่ากอดเธอแน่นขนาดนั้นสิ เดี๋ยวเธอหายใจไม่ออก พยุงเธอไปนั่งในบ้าน แล้วถามว่าไม่สบายตรงไหน?"
คุณปู่เจิ้งตบไหล่หมี่หลันหยางเบาๆ บอกให้ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งใ ดูสถานการณ์ก่อน
เมื่อหมี่หลันหยางปล่อยน้องสาว หมี่หลันเยว่ก็เริ่มสงบสติอารมณ์ได้ เธอกำหมัดโดยไม่รู้ตัว แล้วยิ้มให้พี่ชาย
"พี่ ฉันไม่เป็ไร พี่ไม่ต้องเป็ห่วง เมื่อกี้จู่ๆ ก็เวียนหัว สงสัยจะเหนื่อยจากการเดินทาง"
เห็นว่าน้องสาวอาการดีขึ้น หมี่หลันหยางก็ค่อยๆ โล่งใจ แต่ก็ยังเป็ห่วงอยู่ จับมือน้องสาวไว้ตลอด หมี่หลันเยว่ก็ปล่อยให้เขาจับ รู้ว่าสถานการณ์เมื่อกี้ทำให้พี่ชายใ จะต้องให้เขาสบายใจบ้าง
"คุณปู่เจิ้งคะ คุณลุงเจิ้งคะ ขอโทษด้วยนะคะ เจอกันครั้งแรก ก็ทำให้เป็ห่วงเสียแล้ว"
หมี่หลันเยว่โค้งตัว แล้วจับมือกับผู้ใหญ่ทั้งสองคน
"ไม่ต้องเป็ห่วงอะไรหรอก เดินทางมาไกลๆ ดูเหมือนจะไม่ได้พักผ่อน ทานข้าวแล้วพักผ่อนเถอะ"
หมี่หลันเยว่ขอบคุณผู้ใหญ่ทั้งสองคน แล้วหลีกทาง เปิดทางให้เข้าไปในบ้าน เพียงแต่ว่าในขณะที่หลีกทาง สายตาก็ยังคงจับจ้องไปที่หนุ่มที่ตามหลังผู้ใหญ่ทั้งสองคนเข้ามาอย่างไม่เชื่อสายตา จากนั้นในใจก็ถอนหายใจยาว ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้พบเขาอีกครั้ง…
