หลี่ชิงชิงได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว จึงวางมีดลงแล้วเดินไปที่ลานหน้าบ้าน เห็นหวังเลี่ยงถือกากหมูหนึ่งกำมือยัดใส่ปากของหลิวซื่อที่นอกห้องครัว หลิวซื่อหัวเราะอย่างมีความสุขจนเกือบจะสําลัก
ผู้เฒ่าหวังยิ้มพร้อมเอ่ยว่า “ข้าวปั้นผักยังเหลืออยู่บ้าง ชิงชิง เ้ากินหรือไม่?”
หลี่ชิงชิงตอบ “ข้าจะกินกากหมูเ้าค่ะ ข้าวปั้นนำมาอุ่นบนเตาสักหน่อย ให้ทุกคนกินด้วยกัน”
หวังจื้อเอ่ยชมว่า “น้องสะใภ้ช่างเก่งกาจจริงๆ!”
“ข้าเพียงโชคดีที่ได้เจอเซียงเยวี่ยไจเ้าค่ะ” หลี่ชิงชิงกินกากหมูในห้องครัวไปหลายชิ้น พลางยัดกากหมูหนึ่งกํามือใส่มือของจางซื่อ นางรู้ว่าจางซื่อกตัญญูยิ่ง ไม่มีทางที่นางจะกินกากหมูก่อนผู้าุโ
หลี่ชิงชิงยกกากหมูครึ่งถังมาที่ห้องโถงให้คนในบ้านได้กินอย่างเต็มที่
หลิวซื่อรู้ว่าหลี่ชิงชิงซื้อแผ่นมันหมูสิบจินและเนื้อหมูสิบจิน นางไม่ได้กล่าวว่าหลี่ชิงชิงฟุ่มเฟือยเลยแม้แต่น้อย และยังยิ้มตาหยีแล้วเอ่ย “ชิงชิงของเราใจกว้าง ดีกับคนในครอบครัว”
หลังจากหวังจวี๋ หวังพั่นตี้และหวังเจาตี้กินกากหมูเสร็จแล้ว ต่างก็มีสีหน้าแปลกใจ
หวังจวี๋เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “กากหมูอร่อยกว่าอาหารในงานเลี้ยงอีกเ้าค่ะ”
อาหารที่กินในงานเลี้ยง อาหารคาวมีเพียงหมูผัดสลัดต้นอย่างเดียวเท่านั้น หนึ่งโต๊ะนั่งแปดคน แต่ละคนกินเนื้อได้มากสุดสามชิ้น ยังมีต้นหอมผัดไข่หนึ่งจานเล็กที่ใส่น้ำมันเพียงน้อยนิด ไข่ผัดออกมาทั้งแห้งและไหม้
อาหารในงานเลี้ยงดีกว่าอาหารในยามปกติมาก แต่ไหนเลยจะอร่อยเท่ากากมันหมู!
หลิวซื่อยิ้มพลางถาม “เจาตี้ไปกินงานเลี้ยงเป็ครั้งแรกกระมัง?”
หวังเจาตี้หน้าแดงแล้วเอ่ยว่า “ใช่แล้วเ้าค่ะ ท่านย่า ข้าไม่กล้าคีบอาหาร ท่านอาเป็คนคีบให้ข้า”
“ใช่แล้ว ยังมีขนมกับผลไม้แห้งด้วย” หลี่ชิงชิงมองไปรอบๆ ห้องแต่ไม่เห็น จึงเอ่ยถาม “ท่านพ่อ ท่านเก็บขนมกับผลไม้แห้งไปแล้วหรือเ้าคะ?”
“ใช่ ข้าเก็บเอาไว้ในห้องเ้าแล้ว” ผู้เฒ่าหวังในปากเต็มไปด้วยน้ำมัน กล่าวว่า “เ้าไม่ได้กลับบ้านเดิมมานานแล้ว เอาขนมกับผลไม้แห้งกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมเถิด”
หลิวซื่อกล่าวอย่างหวังดี “บ้านพี่สาวทั้งสองคนของเ้าไกลจากบ้านเรา ข้าจะให้หวังเลี่ยงไปเป็เพื่อนเ้า”
หลี่ชิงชิงยิ้มพลางเอ่ย “ขอบคุณท่านพ่อท่านแม่เ้าค่ะ ข้าตั้งใจว่าอีกสองวันจะไปเยี่ยมพี่สาวของข้า สองวันมานี้ท้องฟ้าแจ่มใส ข้าต้องตากพริกทั้งหมดให้แห้งและสับเสียก่อน”
หวังเลี่ยงมองหลี่ชิงชิงที่เดินออกจากห้องโถง ก่อนจะยักคิ้วหลิ่วตาใส่หลิวซื่อพลางเอ่ย “ท่านแม่ พี่สะใภ้สามของข้าต้องไปนำขนมกับผลไม้แห้งมาให้พวกเรากินแน่ๆ ท่านเชื่อหรือไม่?”
ผู้เฒ่าหวังสีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เหลือบมองหลิวซื่อสองที จงใจเอ่ยขึ้นว่า “ชิงชิงนี่ก็จริงๆ เอาของอร่อยมาให้พวกเรากิน ไม่เหลือไว้ให้ตนเองสักนิด”
ดูเอาเถิด นี่คือลูกสะใภ้แท้ๆ ของเขา ทั้งใจกว้างและดีต่อครอบครัวสามีมากเพียงใด!
หลี่ชิงชิงนําขนมหกอย่าง และผลไม้แห้งทุกชนิดใส่ลงในถังไม้ ยกมากินที่ห้องโถง ยังให้หวังจื้อหยิบไปสองกํามือเพื่อนำไปให้จางซื่อที่ยุ่งอยู่ในครัว
ผู้เฒ่าหวังโบกมือ หวังจวี๋จึงพาสามพี่น้องหยิบของกินบางส่วนแล้วออกไปเล่นข้างนอก
พวกเขาหลายคนกินไปพลางนับเงินที่ได้จากการขายข้าวปั้นไปพลาง
หลิวซื่อยังคงให้หลี่ชิงชิงหนึ่งร้อยเหรียญทองแดง ลูกสะใภ้ใจกว้าง นางซึ่งเป็แม่สามีก็ต้องใจกว้างเช่นเดียวกัน ไม่อาจโลภเอาเงินจำนวนนี้เพียงเพราะลูกสะใภ้ได้เงินจากการขายสูตรอาหารแล้ว
หลี่ชิงชิงรับเงินไว้ แล้วให้เหรียญทองแดงแก่หวังจื้อพี่น้อง และหวังจวี๋จำนวนหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มพลางเอ่ย “ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ น้องชาย มิใช่ว่าข้ามีเงินแล้วหรือ ข้าวางแผนว่าจะรื้อบ้านทั้งสามแถวของพวกเราเสีย เทปูนขาว ผ้าใบกันชื้นใต้ฐานเรือน บนพื้นก่อเป็เรือนอิฐ แข็งแรงและทนทาน พวกท่านคิดเห็นอย่างไรบ้างเ้าคะ?”
ผู้เฒ่าหวังตกตะลึง เอ่ยถามว่า “ว่าอย่างไรนะ? เรือนอิฐหรือ?”
หลิวซื่อหัวเราะเสียงดัง ผลักไหล่ของตาเฒ่าที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างแรงด้วยความตื่นเต้นดีใจ จนเกือบจะทำเอาตาเฒ่าล้มลงเสียแล้ว หญิงชราหัวเราะพลางเอ่ย “ข้าไม่ได้ฝันอยู่กระมัง ชิงชิงของเราจะสร้างเรือนอิฐให้ครอบครัวเราหรือ?”
หากเปลี่ยนเป็จางซื่อ นางจะต้องนำเงินไปสร้างเรือนให้บ้านเดิมอย่างแน่นอน จะนำมาสร้างเรือนให้บ้านแม่สามีได้อย่างไร
แม้แต่ตัวหลิวซื่อเองก็คงจะซื้อที่ดิน และลงนามในโฉนดที่ดินเป็ชื่อตนเอง รอถึงยามชราก็อาศัยค่าเช่าที่ในการเลี้ยงชีพ
“โอ บ้านเราจะสร้างเรือนอิฐแล้ว!” หวังเลี่ยงยืนขึ้นอย่างดีใจ วิ่งรอบห้องโถงสองรอบ แค่นี้ยังไม่พอ เขายังวิ่งออกไปข้างนอกเพื่อบอกเื่นี้กับหวังจวี๋อีกด้วย “ถ้าพี่สามของข้ากลับมา แล้วพบว่าบ้านของพวกเรากลายเป็เรือนอิฐ เขาจะต้องดีใจมากแน่ขอรับ!”
หวังจื้อเองย่อมดีใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ อากาศของที่นี่ชื้นยิ่ง เพียงฝนหรือหิมะตก ขาและเท้าของเขาก็จะรู้สึกเ็ปขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว หากได้อยู่ในเรือนอิฐที่ปูด้วยผ้าใบกันชื้น ขาและเท้าของเขาก็คงจะดีขึ้นมาก เพียงแต่ว่าการสร้างเรือนอิฐสามแถวนั้นใช้เงินอย่างน้อยก็ยี่สิบตำลึงเงิน...
“ชิงชิง พ่อรู้ว่าเ้ากตัญญูต่อพวกเรา ล้วนดีต่อครอบครัวเรา แต่เงินนี่ไม่อาจใช้จ่ายเช่นนี้ได้” ผู้เฒ่าหวังเอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “สร้างเรือนสองแถวก็พอแล้ว แถวที่สามเป็ห้องเก็บของ ห้องสุขามุงจาก ไม่จําเป็ต้องสร้างเป็เรือนอิฐ”
หลิวซื่อได้สติกลับมาก็รีบร้อนเอ่ย “ใช่ บิดาเ้ากล่าวถูก เ้าอย่าใช้จ่ายเงินมากขนาดนั้น จำต้องเก็บไว้ใช้ในภายหลัง”
หลี่ชิงชิงนึกถึงห้องสุขามุงจากของเรือนแถวที่สาม ฝนตกน้ำรั่วตลอดทั้งปี สิ่งที่น่าเวทนาที่สุดก็คือแผ่นไม้ที่ใช้เหยียบใต้ฝ่าเท้าทั้งแคบและลื่น
ครั้นเข้ามาอยู่ที่ตระกูลหวังในตอนแรก มีหลายครั้งที่นางเกือบจะลื่นจากแผ่นไม้จนตกลงไปในหลุมส้วม ตอนนั้นนางถึงกับเป็โรคหวาดกลัวการเข้าห้องสุขามุงจาก
ภายหลังนางปรับตัวได้แล้ว จึงตัดสินใจสร้างห้องสุขาใหม่ที่มีความปลอดภัยหนึ่งห้อง
ในเมื่อผู้าุโทั้งสองไม่เห็นด้วยกับการรื้อเรือนสามแถว เช่นนั้นก็คิดหาวิธีอื่น
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ครอบครัวเรามีคนเยอะ ห้องสุขาหนึ่งห้องไม่พอใช้ ข้าอยากจะสร้างอีกห้องเ้าค่ะ” หลี่ชิงชิงเปลี่ยนวิธี
หวังเลี่ยงรีบช่วยอีกหนึ่งเสียง “ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านฟังพี่สะใภ้สามของข้าเถิดขอรับ” เมื่อเห็นว่าผู้เฒ่าหวังกำลังจะพูดขึ้นมา เขาก็ชิงเอ่ยว่า “ท่านพ่อ ท่านมักจะยึดห้องสุขาเอาไว้คนเดียวอยู่เสมอ มีหลายครั้งที่ข้ากลั้นไม่อยู่ จำต้องไปปลดทุกข์เป็ปุ๋ยให้บ้านคนอื่นแทน”
ผู้เฒ่าหวังไม่ชอบดื่มน้ำ บางครั้งเกิดท้องผูกก็จะยึดครองห้องสุขาเป็เวลานาน วันนี้กลับถูกบุตรชายคนเล็กเอ่ยต่อหน้าลูกสะใภ้ ชายชราพลันหน้าแดงอย่างเก้อเขิน ยกก้นขึ้นแล้วเอื้อมมือไปตีแขนของหวังเลี่ยงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
หลิวซื่อมองตาเฒ่าที่กำลังอับอาย แต่นางกลับหัวเราะเสียงดัง แล้วกล่าว “เช่นนั้นก็สร้างห้องสุขาอีกหนึ่งห้อง”
หลี่ชิงชิงถือโอกาสตีเหล็กขณะที่ยังร้อน “ท่านพ่อ ท่านแม่ นอกจากนี้ยังต้องสร้างห้องอาบน้ำอีกสองห้อง สำหรับบุรุษสตรีคนละหนึ่งห้อง เช่นนี้การอาบน้ำในฤดูร้อนก็จะได้ไม่ต้องรอนานเ้าค่ะ”
ชาวแคว้นต้าถังเวลาอาบน้ำ จะยกถังอาบน้ำเข้าไปในห้องนอนแล้วผสมน้ำร้อน ทั้งผมและร่างกายใช้น้ำหนึ่งถังในการอาบ
ชาวเมืองเซียงก็เช่นเดียวกัน
คนตระกูลหวังรักความสะอาดยิ่ง ในคิมหันตฤดูจะอาบน้ำทุกวัน
ในบ้านมีถังอาบน้ำเพียงถังเดียว แม้ว่าผู้เฒ่าหวังสามีภรรยา จางซื่อสามีภรรยาอาบ หรือสามพี่น้องจะอาบพร้อมกัน... ก็ยังใช้เวลานานอยู่ดี
หากมีห้องอาบน้ำสําหรับบุรุษและสตรี ซื้อถังอาบน้ำเพิ่มอีกสองสามถัง คนทั้งบ้านอาบน้ำพร้อมกัน เช่นนี้ก็จะประหยัดเวลาได้มากขึ้นแล้ว
“จะสร้างห้องอาบน้ำอีกสองห้อง สร้างที่ใดหรือ?” ผู้เฒ่าหวังมองไปที่หลิวซื่อ
“สร้างตรงเรือนแถวที่สองเสียก็สิ้นเื่” ยังคงเป็หลิวซื่อที่ตรงไปตรงมา ตัดสินใจในทันที
หลี่ชิงชิงเอ่ยถามว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ สร้างเรือนอิฐต้องใช้เงินมากน้อยเท่าไรหรือเ้าคะ?”
ก่อนหน้านี้นางเคยสังเกตว่า คนในวงศ์ตระกูลของหมู่บ้านหวังมีประเพณีที่ถือปฏิบัติในการสร้างบ้าน ขอเพียงมิใช่ฤดูกาลเพาะปลูก คนในวงศ์ตระกูลก็จะมาช่วยโดยไม่รับเงิน แต่ก็ต้องดูแลเื่อาหารการกิน และหลังจากสร้างบ้านเสร็จแล้ว ก็ต้องจัดงานเลี้ยงและเชื้อเชิญคนในตระกูลมาทานอาหารหนึ่งมื้อ
“ไม่รู้ว่าตอนนี้อิฐราคาเท่าไรแล้ว?” ผู้เฒ่าหวังกลอกตาไปมา หยัดกายลุกขึ้นพลางกล่าว “ข้าจะไปที่หมู่บ้านเพื่อสอบถาม”
