ขณะที่เซวียเสี่ยวหรั่นหาวเป็ครั้งที่ห้า รองเท้าฟางเทอะทะคู่หนึ่งก็เสร็จเรียบร้อย
อย่างไรเสียนี่ก็เป็การสานรองเท้าครั้งแรกของเธอ ฝีมือห่วยไม่ว่า วิธีการสานก็ไม่ค่อยจะถูก สามารถทำออกมาเป็รูปเป็ร่างได้ เซวียเสี่ยวหรั่นก็รู้สึกว่าตนเองเก่งสุดยอดแล้ว
ด้วยเกรงว่ารองเท้าฟางจะไม่แข็งแรง เธอก็เลยทำตัวล็อกด้านข้างเยอะหน่อย ผลลัพธ์ที่ได้ เดิมทีรองเท้าที่ใหญ่อยู่แล้ว เลยยิ่งกว้างจนกลายเป็วงกลม
น่าเกลียดชะมัด! เซวียเสี่ยวหรั่นแสยะยิ้มมุมปาก ขนาดตัวเองยังรังเกียจเลย
แต่จะน่าเกลียดอย่างไร มันก็เป็รองเท้าคู่หนึ่ง
"เหลียนเซวียน ท่านลองใส่ดูสิ"
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกผิดเล็กน้อย โชคดีที่เขามองไม่เห็น มิเช่นนั้นเธอคงอายที่จะให้เขาใส่รองเท้าน่าเกลียดคู่นี้
เหลียนเซวียนจับสังเกตน้ำเสียงที่ขาดความมั่นใจของนางได้ รองเท้าฟางอาจไม่ค่อยน่ามองเท่าไร แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังอยู่ว่ามันต้องสวยขนาดไหน
ดังนั้นจึงยื่นเท้าออกไปเงียบๆ
พอเท้าสวมเข้าไปในรองเท้าก็ไม่ต่างจากที่คาดไว้เท่าไร รู้สึกว่ามีเสี้ยนทิ่มเท้าอยู่บ้าง ซ้ำยังค่อนข้างเทอะทะ
"แหะๆ ความยาวพอดี ถึงด้านหน้าจะหลวมไปหน่อย แต่ก็พอได้กระมัง"
มองซ้ายมองขวา เซวียเสี่ยวหรั่นก็ยังคงพอใจมาก แม้ไม่ค่อยสวยเท่าไร แต่รองเท้าแตะก็เป็แบบนี้ทั้งนั้น
รองเท้านี้ไม่หุ้มส้น? เหลียนเซวียนตกตะลึง เขาเอื้อมมือไปลูบคลำดู ไม่มีจริงๆ
"นี่คือรองเท้าแตะ ไม่มีหุ้มส้น อีกอย่างด้านหลังมันก็สานยาก เหลียนเซวียน ท่านสวมแก้ขัดไปก่อนนะ"
เห็นท่าทางของเขาแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็รู้สึกกระดากใจ
เหลียนเซวียนพยักหน้า ก่อนรั้งมือกลับไปเงียบๆ
"หญ้าไส้ตะเกียงอาจแข็งสักหน่อย และมีเสี้ยนอยู่บ้าง แต่อย่างไรเสียก็ดีกว่าถูกหินบาด ท่านสวมไปก่อนเถอะ เอาไว้มีเวลาข้าจะถักถุงเท้าให้สักคู่ ท่านก็ไม่ต้องถูกเสี้ยนตำแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นสานรองเท้ามาตลอด่เย็น จะไม่รู้ได้อย่างไรว่ารองเท้ามีเสี้ยน
เหลียนเซวียนพยักหน้ารับ ก่อนส่งไม้นิตติ้งที่เหลาเรียบร้อยแล้วให้เธอ
"เอ๋ เสร็จแล้วหรือ ขอข้าดูหน่อย" เซวียเสี่ยวหรั่นดวงตาทอประกาย รับของมาแล้วลองเอามือลูบกลับไปกลับมา้า ก็พบว่าไม่มีเสี้ยนแม้แต่เส้นเดียว
"โอ้โห เหลียนเซวียน ท่านเก่งกาจนัก ดูไม้นิตติ้งนี้สิ เกลี้ยงเกลาราวกับแท่งเทียน ดีมากๆ เลย"
เทียบกับรองเท้าสานฝีมือห่วยแตกของเธอ ขายขี้หน้าคนเหลือเกิน ขายไปยันมหาสมุทรแปซิฟิกแล้ว
แค่เหลาไม้เล็กๆ ไม่กี่อัน สำหรับเหลียนเซวียนแล้วไม่ใช่เื่ยากอะไร
เซวียเสี่ยวหรั่นเดินเท้าเปล่าหน้าระรื่นไปที่ปากถ้ำ อาศัยแสงสว่างจากภายในถ้ำ มาหยิบเส้นใยเถาเฮ่อส่วนหนึ่ง เพื่อไปลองกับไม้นิตติ้ง
แต่ผลก็คือมีลมหนาวหอบหนึ่งตีเข้ามา เซวียเสี่ยวหรั่นพลันนึกได้ในฉับพลัน
"ไอ้หยา ข้างนอกลมแรง ฝนจะตกรึเปล่านะ"
ใยเถาเฮ่อที่ตากอยู่ด้านนอกปลิวตกพื้นไม่น้อย เซวียนเสี่ยวหรั่นรีบเก็บขึ้นมา
เหลียนเซวียนได้ยินคำนาง ก็ลุกขึ้นมา สวมรองเท้าฟางมีเสี้ยนแหลมตำเท้าคู่นั้น ค่อยๆ เดินมาที่ปากถ้ำ
เซวียเสี่ยวหรั่นโกยใยเถาเฮ่อทั้งหมดใส่อ้อมแขนวิ่งกลับเข้าไปในถ้ำ ข้างนอกยังมีข้าวของอีกมากต้องไปเก็บ
ทั้งหญ้าไส้ตะเกียงที่ตากแดดไว้หลายวัน และกิ่งไม้สำหรับใช้ทำประตู ต้องเก็บเข้าไปทั้งหมด
"เหลียนเซวียน ฝนอาจจะตก หากท่านจะไปปลดทุกข์ ก็รีบเข้าเถอะ"
เธอวิ่งตึงตังเข้ามาข้างกายเขา
เขาขยับทีไรไยนางต้องคิดแต่ว่าเขาจะไปปลดทุกข์ เหลียนเซวียนรู้สึกเหนื่อยใจ
เซวียเสี่ยวหรั่นวางใยเถาเฮ่อบนใบเผือกป่า แล้วหมุนตัววิ่งออกไป
เธอจะย้ายของทั้งหมดเข้ามาในถ้ำ หากเปียกฝนขึ้นมา คนร้องไห้ไม่พ้นต้องเป็ตนเอง
เซวียเสี่ยวหรั่นหายง่วงเป็ปลิดทิ้ง ตั้งท่าราวกับกำลังเตรียมเข้าสนามรบ
เหลียนเซวียนยืนอยู่ข้างปากถ้ำ ลมหนาวเจือไปด้วยความชื้นพัดโชยมาอาภรณ์ของเขาพะเยิบไหว เป็สัญญาณเตือนล่วงหน้าว่าพายุจะเข้า
"เร็วๆๆ คืนนี้ฝนต้องตกแน่ๆ"
เซวียเสี่ยวหรั่นหอบหญ้าไส้ตะเกียงกองใหญ่วิ่งราวกับเหาะ
เหลียนเซวียนเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว ตำแหน่งของหญ้าเ่าั้น่าจะอยู่ไม่ไกลมาก
"เหลียนเซวียน ท่านไม่ต้องมาช่วยหรอก ข้าใกล้จะขนเสร็จแล้ว ท่านไปยืนให้กำลังใจข้าตรงนั้นก็พอแล้ว"
เซวียเสี่ยวหรั่นวิ่งออกมา เห็นเขาขยับตัวก็รีบเกลี้ยกล่อม
เหลียนเซวียนยั้งเท้าทันควัน ยืดตัวตรงยืนอยู่เงียบๆ
ตอนนี้เขาช่วยอะไรไม่ได้ อย่าเพิ่มปัญหาให้นางดีกว่า
เขายืนเงียบเชียบอยู่ตรงนั้น เรือนร่างสูงสง่าราวกับต้นสนตั้งตระหง่าน ทรงพลังแข็งแกร่งแฝงไปด้วยความทระนง
เซวียเสี่ยวหรั่นหอบหญ้าไส้ตะเกียงกองใหญ่ ขณะหันไปเห็นเรือนร่างหยัดตรงดุจด้ามพู่กันของเขา ก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด
หากใบหน้าของเขาไม่แตกยับขนาดนั้น กับเสื้อผ้ายังขาดไปชิ้นใหญ่จนดูน่าขบขัน เซวียเสี่ยวหรั่นยังแทบไม่อาจละสายตา
ขณะวิ่งเข้าไป ยังอดที่จะเอี้ยวศีรษะกลับมามองอีกครั้งไม่ได้
"จิ๊ ถ้าใบหน้านั้นไม่มีาแ ก็คงเป็ยอดฝีมือผู้องอาจสง่างามในยุทธภพคนหนึ่งกระมัง บุคลิกอันห้าวหาญทระนงเช่นนั้น ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามัญจะมีได้
เซวียเสี่ยวหรั่นพึมพำในใจ
มีเหลียนเซวียนยืนอยู่ปากถ้ำ เซวียเสี่ยวหรั่นออกแรงฮึด แม้จะวิ่งเท้าเปล่าก็ยังไม่รู้สึกเจ็บ
เธอวิ่งเข้าวิ่งออกครั้งแล้วครั้งเล่า เริ่มจากย้ายหญ้าไส้ตะเกียงทั้งหมดไปไว้บนหินใหญ่ หลังจากนั้นก็ย้ายกิ่งไม้ที่วางอยู่ไม่ไกลย้ายมาตรงปากถ้ำ ปิดปากถ้ำไว้ครึ่งหนึ่งพอดี
"แฮ่กๆ เสร็จแล้ว ย้ายหมดแล้ว ในที่สุดก็หมดห่วงเสียที"
เซวียเสี่ยวหรั่นยืนท่าไก่ทองขาเดียว [1] พักเท้าที่ทั้งแดงและชาด้วยสีหน้าเหยเก "ข้าล่ะนับถือท่านจริงๆ เหลียนเซวียน เดินไปไกลขนาดนั้นโดยไม่สวมรองเท้า ข้าไม่สวมรองเท้าแค่่สั้นๆ ฝ่าเท้าก็เจ็บจะตายอยู่แล้ว"
นางไม่สวมรองเท้า? มิน่าฝีเท้าถึงเบาขนาดนั้น คงเอาไปซักกระมัง เหลียนเซวียนได้ยินนางสูดปากซี้ดๆ ด้วยความเ็ป ก็นึกเวทนาสงสารในใจ
แม่นางผู้นี้ไม่สวมรองเท้า วิ่งเข้าวิ่งออกบนถนนที่มีแต่กรวดหิน เท้าเปล่าจะไม่เจ็บไปอย่างไร
หลายวันมานี้ เหลียนเซวียนเดินในละแวกใกล้ๆ ได้ลิ้มรสการเดินเท้าเปล่าว่าลำบากแค่ไหน ขนาดเขายังทรมานจะแย่ ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงเธอ
"เหลียนเซวียน ปากถ้ำปิดไว้ครึ่งหนึ่ง ท่านระวังหน่อยล่ะ ข้าจะรีบตากรองเท้าให้แห้ง ในที่สุดก็เข้าใจความยากลำบากยามทุกฝีก้าวไร้รองเท้าอย่างถ่องแท้" เซวียเสี่ยวหรั่นเขย่งปลายเท้ากระย่องกระแย่งเข้าไปข้างกองไฟ
ถุงเท้าแห้งนานแล้วแต่รองเท้ายังคงเปียกชื้น
ยื่นมือไปหยิบใยเถาเฮ่อขึ้นมาแล้วเริ่มฟั่นเกลียวให้กลายเป็เส้นด้าย ด้ายแบบนี้สามารถนำมาถักเป็เสื้อผ้าได้
"โอ๊ย ฟั่นเกลียวเชือกเป็งานที่เปลืองแรงจริงๆ"
หลังจากนำเส้นด้ายมาม้วนให้เป็ก้อนกลมวางไว้ด้านข้าง ก่อนหันไปมองใยเถาเฮ่อกองโตแล้วขมวดคิ้ว
หลังจากนั้นหนึ่งเค่อ เหลียนเซวียนถึงเดินจากด้านนอกกลับเข้ามาอย่างเอ้อระเหย
"ข้างนอกหนาวจะตาย ท่านไปยืนนานขนาดนั้นได้อย่างไร รีบมานั่งผิงไฟเร็วเข้าเถอะ"
ลมหนาวพัดกระโชกมา อุณหภูมิลดต่ำลง ยามดึกดื่นน่าจะเหลือแค่สิบองศาเท่านั้น เขาสวมอาภรณ์บางๆ ตัวเดียว คงแทบแข็งตายเลยกระมัง
เหลียนเซวียนนั่งลงเงียบๆ ข้างนอกหนาวจริงๆ สายฝนดั่งดวงดาวเริ่มโปรยปรายลงมา
ใน่สิบห้านาทีนี้ เซวียเสี่ยวหรั่นม้วนกลุ่มด้ายได้ห้าม้วน เธอง่วงจนหาวหวอด หากไม่เพราะว่ารอเขา แค่ก้มหน้าเธอก็หลับได้แล้ว
โดยปรกติเวลานี้เธอหลับไปนานแล้ว
"ไม่ไหวแล้ว ข้าง่วง เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อแล้วกัน"
"การนอนหลับอย่างเต็มที่ คือเื่สำคัญอันดับหนึ่ง พรุ่งนี้เช้าตื่นขึ้นมาจะได้ทำงานอย่างสดชื่น"
เซวียเสี่ยวหรั่นพึมพำ ย้ายรองเท้าที่ยังไม่แห้งออกไปก่อน หากพลั้งทำมันตกเข้าไปในกองไฟโดยมิได้ตั้งใจ คงเป็เื่น่าเศร้าใจมาก
เธอไม่อยากสวมรองเท้าฟางออกไปไหนต่อไหนตอนฤดูหนาว ไม่อย่างนั้นคงได้หนาวตายแน่ๆ
เธอเข้าไปนอนในที่ประจำ ง่วงจนตาแทบปิดอยู่แล้ว
"เหลียนเซวียน ราตรีสวัสดิ์ ท่านก็นอนเร็วหน่อยเถอะ"
ถ้อยคำงึมงำอยู่ในปาก หากไม่ตั้งใจเงี่ยหูฟัง ก็จะไม่ได้ยินนางเอ่ยว่าอย่างไร
แต่เหลียนเซวียนกลับได้ยินแจ่มชัด แม่นางผู้นี้เหนื่อยมากแล้วจริงๆ
เขาเติมฟืนสองท่อนใส่เตาไฟอยู่เงียบๆ
...
[1] เป็ท่าออกกำลังกายที่ยืนประคองตัวบนขาเพียงข้างเดียว