หนิงเทียนยืนอยู่ใต้ต้นไม้ั์ใจกลางเกาะ พลางมองหลุมต้นไม้ทั้งเก้าด้วยสีหน้าโหยหา
ยามนี้เขารู้แล้วว่าเหตุใดโม่ซินเจวี๋ยจึงเงยหน้ามองท้องฟ้าแทนที่จะมองหลุมต้นไม้ นั่นก็เพราะมีกระบี่เล่มหนึ่งติดอยู่ที่กิ่งของต้นไม้ใหญ่ ทั้งยังมีหีบไม้ผูกติดราวพู่กระบี่
ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าในนั้นมีอะไรซ่อนอยู่ แต่ต่อให้เป็คนเขลาก็สามารถเดาออกว่าจะต้องมีสมบัติอยู่ในหีบใบนั้นเป็แน่
แล้วเหตุใดถึงไม่มีใครเอามันไปเล่า?
หนิงเทียนหันมองอวี๋เฟยเยี่ยนพร้อมถามด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่เฟยเยี่ยน เหตุใดไม่ขึ้นไปหยิบหีบนั้นเล่า?”
“อย่ามาตีสนิท! ผู้ใดเป็พี่เ้ากัน?”
“ข้าอายุสิบเจ็ด จะให้ข้าเรียกท่านว่าน้องเฟยเยี่ยนได้อย่างไร?”
“ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้!” อวี๋เฟยเยี่ยนกัดฟันด้วยความโกรธ นางยังไม่ได้ชำระหนี้เก่าเื่ไข่มุกอสูรหยินกับเขาเลย
โม่ซินเจวี๋ยยิ้มแล้วกระซิบ “มีบางอย่างผิดปกติกับต้นไม้ต้นนี้ คนส่วนใหญ่ปีนขึ้นไปไม่ได้และหลุมต้นไม้ทั้งเก้าก็คือบททดสอบ หากผ่านทั้งเก้าด่านนี้ได้ก็จะสามารถไปถึงยอดต้นไม้ แล้วดึงกระบี่เปิดหีบออกได้”
หนิงเทียนถามต่ออย่างประหลาดใจ “มีผู้ใดลองแล้วหรือยัง?”
อวี๋เฟยเยี่ยนพึมพำ “หลายสิบคนแล้ว ทว่าไม่มีใครสามารถผ่านด่านแรก แม้หลานซานหู่จะผ่านไปได้ แต่เขาก็ล้มเหลวในด่านที่สอง”
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ เหตุใดทุกคนยังมาป้วนเปี้ยนอยู่ที่นี่ให้เสียเวลาอีก?”
โม่ซินเจวี๋ยไม่ตอบ ทั้งยังถามกลับว่า “เ้าจะลองดูไหม?”
หนิงเทียนกระวนกระวายใจเล็กน้อย ต้นไม้ั์ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ และนึกถึงต้นไม้แห้งเหี่ยวอยู่เสมอ พวกมันมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่?
“ข้าจะลองดู” หนิงเทียนตบลำต้น ทันใดนั้นบงกชสีมรกตก็หยั่งรากบนต้นไม้ใหญ่ น้ำหนักอันน่าสะพรึงกลัวให้ความรู้สึกราวกับนภาถล่ม และมันทำให้เขาอึดอัดจนหายใจไม่ออก
สีหน้าของหนิงเทียนเปลี่ยนไปในทันที ต้นไม้ต้นนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ
ขณะที่กายาสุวรรณะนิรันดร์สำแดงอิทธิฤทธิ์ โลหิตในร่างของหนิงเทียนก็เดือดพล่าน กระดูกแตกร้าวไปทั้งตัว และพลังศักดิ์สิทธิ์ก็พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาดูเหมือนเทพเ้าในตำนานที่พยายามทลาย์ทั้งเก้าก่อนจะลุกไปยังหลุมต้นไม้แรกด้วยเสียงคำรามต่ำ
บรรยากาศซึ่งเต็มไปด้วยความกดดันพยายามยับยั้งเขา แต่ก็ต้องสูญสลายลงไปในหมัดเดียว
ไม่มีสิ่งใดอยู่ในหลุมต้นไม้ ยกเว้นร่องรอยของกาลเวลาและลวดลายเก่าแก่เท่านั้น
หนิงเทียนนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านในพร้อมแบกรับน้ำหนักอันมหาศาลราวกับแบกูเาไว้บนร่าง
เมื่อใช้ยุทธศาสตร์ครอง์ เส้นลมปราณแรกและสองก็สั่นะเือย่างต่อเนื่อง ทั้งยังปลดปล่อยพลังที่ต่างกันออกมา
พลันเสาแสงสามต้นในเส้นลมปราณที่สองหมุนเร็วขึ้นเพื่อเตือนให้หนิงเทียนใช้กายาสุวรรณะนิรันดร์
ในใจไร้ความคิดฟุ้งซ่าน เขาเพียงมุ่งความสนใจไปที่การบ่มเพาะภายในหลุม ไม่ช้าบ่อน้ำทิพย์และต้นไม้แห้งเหี่ยวก็ปรากฏในห้วงคำนึง
มันคือูเาลูกแรกที่หนิงเทียนไปเยือนหลังจากเข้าสู่แดนลับ และเขาก็ได้รับรอยประทับใจกลางพฤกษาจากที่นั่นด้วย ทว่ายามนี้เขากำลังฝึกอยู่ในหลุมต้นไม้ แล้วเหตุใดถึงปรากฏภาพเช่นนี้ขึ้น?
หนิงเทียนครุ่นคิดพลางเปิดใช้งานกายาสุวรรณะนิรันดร์ ลวดลายลึกลับจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นในหลุมต้นไม้ซึ่งมีพลังศักดิ์สิทธิ์สูงสุด พวกมันหล่อหลอมร่างกาย ขัดเกลาเส้นเอ็นและกระดูก พร้อมทั้งขจัดข้อบกพร่องในเส้นทางแห่งการฝึกฝนจนหมดสิ้น
ยามนี้หนิงเทียนมีความตระหนักรู้ที่ยอดเยี่ยม เขาจึงเลิกคิดเรื่อยเปื่อยแล้วหมกมุ่นอยู่กับสภาวะแห่งการฝึกฝน
การฝึกใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วยาม หลังจากรู้สึกว่าแรงกดดันบนร่างหายไป เขาก็ลืมตาขึ้นแล้วพุ่งเข้าสู่หลุมต้นไม้หลุมที่สอง
“สำเร็จแล้ว!” เสิ่นซินจู๋ยินดีเป็อย่างยิ่ง
โม่ซินเจวี๋ยและอวี๋เฟยเยี่ยนเองก็ตั้งตารอเช่นกัน แม้จะใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วยาม แต่การสำแดงพลังของหนิงเทียนก็แตกต่างจากก่อนหน้านี้ราวฟ้ากับเหว
แรงกดดันจากหลุมต้นไม้ที่สองทรงพลังกว่าหลุมแรกอย่างมาก
หนิงเทียนยังคงนั่งขัดสมาธิฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ผ่านไปครู่หนึ่งภาพต้นไม้แห้งเหี่ยวต้นที่สองและถ้ำจิติญญาก็ปรากฏขึ้นในใจ ซึ่งเป็สถานที่ที่เขาขัดเกลากายาสุวรรณะระดับหนึ่ง
ทันใดนั้นพละกำลังที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าก็โผล่ออกมาจากหลุมต้นไม้ และใช้กลวิธีพิเศษปลอมแปลงพลังเพื่อช่วยให้ร่างกายของเขาสงบลง ทั้งยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กายาสุวรรณะนิรันดร์ด้วย
หนิงเทียนใช้เวลาสองชั่วยามก่อนจะบรรลุไปหลุมต้นไม้ที่สาม ซึ่งอวี๋เฟยเยี่ยน โม่ซินเจวี๋ย และเสิ่นซินจู๋ต่างก็ตื่นเต้นอย่างมาก
แรงกดดันในหลุมที่สามนั้นมากกว่าหลุมที่สองถึงห้าเท่า แรงนั้นหนักมากจนหนิงเทียนแทบยกศีรษะไม่ขึ้น และกระดูกในร่างก็คดงอราวจะแตกหัก
หนิงเทียนกัดฟันยกระดับจิติญญาการต่อสู้ จากนั้นเขาก็หยิบหินิญญาจำนวนมากออกมาเพื่อเติมพลังในการสู้รบต่อไป
ต้นไม้แห้งเหี่ยวต้นที่สามปรากฏขึ้นในใจพร้อมผลไม้ทองคำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งทำให้หนิงเทียนตระหนักได้ทันทีว่าต้นไม้ต้นนี้มีความเกี่ยวข้องกับการฝึกฝนกายาสุวรรณะนิรันดร์
กระบี่ที่ปักอยู่บนยอดต้องไม่ธรรมดาเป็แน่ และความลับที่ซ่อนอยู่ในหีบไม้ก็น่าตื่นเต้นเช่นกัน
ครานี้เขาใช้เวลามากถึงสามชั่วยาม หินิญญาก็ถูกใช้ไปเกือบหมื่นก้อน และในที่สุดเขาก็เข้าสู่่กลางของกายาสุวรรณะนิรันดร์ระดับสองได้สำเร็จ
เมื่อหนิงเทียนเงยหน้าลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าฟากฟ้าในแดนลับมืดเสียแล้ว เขายิ้มก่อนจะะโลงบนพื้น และผู้ที่เห็นเหตุการณ์ทุกคนต่างก็ตกตะลึง
“เหตุใดไม่ไปต่อเล่า?”
“มืดแล้ว” หนิงเทียนตอบพลางโบกมือลาอวี๋เฟยเยี่ยนและโม่ซินเจวี๋ย พร้อมดึงเสิ่นซินจู๋ออกจากสถานที่แห่งนี้
เมื่อพบกับเฉินจี๋ หนิงเทียนก็ส่งตัวเสิ่นซินจู๋ให้เขา “ข้าทำให้ใครหลายคนขุ่นเคือง อยู่คนเดียวน่าจะดีกว่า”
“ข้าจะดูแลศิษย์น้องเสิ่นเอง เ้าก็ระวังตัวให้ดี”
เสิ่นซินจู๋ไม่เต็มใจเล็กน้อย ทว่าก็ยอมโบกมือให้เขา “ศิษย์น้องหนิงดูแลตัวเองด้วย”
“ดูแลตัวเองด้วยนะ!”
หนิงเทียนค่อยๆ เดินจากไป เขาไม่อยากถูกมัดอยู่ในแดนลับ ดังนั้น การอยู่คนเดียวจึงสะดวกและคล่องตัวกว่ามาก
...
แดนลับตอนกลางคืนค่อนข้างต่างจากตอนกลางวัน ต้นไม้ใบหญ้ามากมายะโไปมาตามูเา ิญญาพฤกษาต่างๆ ก็วิ่งวุ่นไปทั่ว
เมื่อเดินผ่านป่า หนิงเทียนก็พบกับบางสิ่งที่แปลกประหลาด
ภายใต้รัตติกาลสลดสลัว ทานตะวันแดงมีขากำลังวิ่งไปรอบๆ กิ่งก้านของต้นไม้และส่งเสียงหัวเราะแสนพิลึก
พวกมันล้อมรอบหนิงเทียนแล้วเคลื่อนไหวอย่างพิสดารราวกับกำลังยั่วยุเขา
“รากบ่มเพาะระดับนิลกาฬ!” หนิงเทียนตาเป็ประกาย ดอกทานตะวันเหล่านี้ล้วนเกิดจากรากบ่มเพาะ และเขาพิจารณาแล้วว่าน่าจะเป็รากบ่มเพาะระดับนิลกาฬขั้นสูง ซึ่งมีมูลค่าเทียบเท่าหินิญญาหนึ่งแสนก้อน
หากสามารถจับมันได้ ก็จะมีหินิญญามากพอสำหรับการบำเพ็ญไปอีกหลายวัน
“มาหาข้า”
หนิงเทียนพุ่งตัวคว้าดอกทานตะวัน ทว่ามันหลบหลีกได้
“บงกชสีมรกต!”
เขาส่งเสียงคำราม พลันบงกชสีมรกตเผยขึ้นข้างกายพร้อมหยั่งรากลงในอากาศ ใบบัวม้วนหมุนพยายามจับเหล่าทานตะวัน แต่สุดท้ายก็ยังคงล้มเหลว
ดอกทานตะวันเหล่านี้ทั้งซุกซนและปรากฏอย่างผลุบๆ โผล่ๆ รวมถึงมีร่างจำลองมากมายที่ยากจะบอกได้ว่าร่างใดจริง ร่างใดปลอม
หนิงเทียนลงมืออย่างสุดกำลัง เขาลองใช้แม้กระทั่งหอกนาคามรกต เสียงคำรามประหลาดดังทะลุชั้นฟ้าทำให้บรรดาทานตะวันกลัวจนเผ่นหนี ซึ่งหนิงเทียนก็ตามติดไปอย่างใกล้ชิด
ภายในป่าทึบ หนิงเทียนไม่รู้เลยว่าตนไล่ตามมานานเพียงใด ทันใดนั้นเองเขาก็พบน้ำแรู่เาปรากฏอยู่เบื้องหน้า
บงกชสีมรกตหยุดนิ่ง หนิงเทียนชะงักงันท่ามกลางบงกชบานสะพรั่ง เส้นจิติญญาเกี่ยวพันกันเป็ดวงตาและจ้องมองน้ำแรู่เาเบื้องหน้า
บริเวณใกล้เคียงมีเพียงความเงียบสงัด ไม่มีรากชอนไช ไม่มีพืชเขียวขจี มีแค่ต้นไม้ที่แห้งแล้งและผุพังเท่านั้น
หนิงเทียนตื่นตัวอย่างกะทันหัน กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตฟื้นคืนชีพขึ้นมาในตันเถียน และััแห่งวิกฤตที่มองไม่เห็นก็เริ่มห่อหุ้มร่างของหนิงเทียน
มวลอากาศเย็นเยือกไร้ซึ่งตัวตนและสีสันค่อยๆ คืบคลานเข้ามาใกล้ จนเขาได้ยินเสียงเรียกน่าพิศวง
ทันใดนั้นเงาดำก็ปรากฏขึ้น มันทะลุร่างของหนิงเทียนราวกับผี ก่อนจะพุ่งตรงไปที่ตันเถียน
หนิงเทียนรู้สึกหวาดกลัวและอยากกระตุ้นให้กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตต่อต้าน ทว่ากล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตกลับนิ่งเงียบไม่เคลื่อนไหว ทั้งยังปล่อยให้ร่างผีตรงไปยังตันเถียน
ภายในเส้นลมปราณแรก บ่อน้ำทิพย์ฟื้นคืนชีพอย่างช้าๆ น้ำเต้าเจ็ดสีสว่างวาบเป็แสงสีเงิน และแผนที่จิติญญาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอันลึกลับ ซึ่งหนิงเทียนไม่สามารถเข้าใจได้
เสียงฟ้าคำรามดังสนั่นในตันเถียน ทันใดนั้นสายฟ้าก็ปรากฏขึ้น ร่างผีที่จู่โจมเข้ามาส่งเสียงคำรามลั่น ก่อนจะหนีไปพร้อมเสียงดังฟู่
หนิงเทียนเห็นใบหน้าหนึ่งปรากฏบนผิวของไข่มุกไม้สีดำที่ลอยอยู่เหนือน้ำแรู่เา ทั้งยังจ้องมองหนิงเทียนด้วยใบหน้าดุร้าย
นี่คือรากบ่มเพาะใช่หรือไม่?
หนิงเทียนรู้สึกหวาดกลัวอย่างกะทันหัน กลิ่นอายชั่วร้ายทำให้เขาไม่ค่อยสบายใจ ไข่มุกไม้นี้เป็ตัวแทนของสิ่งใดกัน?
ในชั่วพริบตาไข่มุกไม้ก็หายวับไป แต่หนิงเทียนรู้ว่ามันซ่อนอยู่ไม่ไกล และอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ตลอดเวลา
เขาใช้กายาสุวรรณะนิรันดร์บังคับให้น้ำเต้าเจ็ดสีลอยขึ้นเหนือหัว แสงสีเงินยวงส่องสว่างไปทั่วบริเวณ เพื่อตรวจสอบการมีอยู่ของไข่มุกไม้
ไข่มุกสีดำสนิทพร้อมสลักลายเส้นโบราณ ท่าทีดุร้ายของมันเหมือนกำลังปกปิดความลับบางอย่างไว้ ซึ่งทำให้หนิงเทียนไม่สามารถมองเห็นลักษณะของมันได้อย่างเต็มที่
น้ำเต้าเจ็ดสีหมุนเบาๆ คลื่นแสงกระจายออกอย่างเงียบๆ จนก่อเกิดพลังกระแทกแปลกประหลาดที่ทำให้ไข่มุกไม้หวาดกลัว
เมื่อความหนาวเย็นสลายตัวไป สายลมยามค่ำคืนพัดเอื่อย หนิงเทียนก็รีบเร่งออกจากที่แห่งนี้ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
นี่คือแดนลับซึ่งมีเฉพาะผู้อยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกเท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้ แล้วการดำรงอยู่ของไข่มุกไม้จะเป็ไปได้อย่างไร?
...
หนิงเทียนใช้เวลาข้ามลำธารอยู่สองชั่วยาม ราวกับก้าวข้ามเขตแดน
พลังิญญาตรงหน้าค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ พลังที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากำลังควบแน่นเป็ดอกไม้ และหมุนวนแบ่งบานกลางอากาศ
หนิงเทียนขมวดคิ้วแล้วหันหลังกลับ พลันสถานที่ทั้งหมดที่เขาเคยผ่านมาก่อนหน้านี้ก็อันตรธานไปในพริบตา
“ช่างเป็สถานที่ที่แปลกจริงๆ ดูเหมือนข้าจะเข้าสู่พื้นที่อีกระดับหนึ่งแล้ว ภายในและภายนอกของแดนลับแตกต่างกันอย่างนั้นหรือ?”
แดนลับแห่งนี้ถูกเปิดเผยด้วยความร่วมมือของยอดฝีมือจากสี่สำนัก และเนื่องจากได้เปิดให้เหล่าลูกศิษย์เข้าสำรวจเป็ครั้งแรก จึงมีปริศนาที่แม้แต่ผู้เฒ่าก็ยังไม่รู้ซ่อนเร้นอยู่อีกมาก
เมื่อหนิงเทียนดูดกลืนพลังิญญาอันมหาศาล เส้นลมปราณในร่างก็สั่นะเื ยุทธศาสตร์ครอง์วิ่งพล่านอย่างดุเดือด และพืชพรรณทั้งหมดในบริเวณใกล้เคียงต่างก็หลบหนีไปไกล
ภายใต้ค่ำคืนมืดมิด ดอกไม้แห่งจิติญญาผลิบานเต็มที่ เงานับพันดุจภาพลวงตาปรากฏขึ้นราวกับแดน์ ทว่าหนิงเทียนกลับรู้สึกไม่สบายใจอย่างแปลกประหลาด
เขาถือหอกนาคามรกตไว้ในมือพร้อมบอกให้บงกชสีมรกตจัดการเส้นทาง หลังผ่านไปครึ่งก้านธูป แม่น้ำสายใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
แม่น้ำไหลเชี่ยวกว้างประมาณร้อยจั้งและมีพืชน้ำสูงสิบจั้งผุดอยู่ตรงกลาง ก้านกิ่งและใบเขียวแกว่งไกวไปมาจนได้ยินเสียงฉีกกระชากอากาศตลอดเวลา
หนิงเทียนมองข้ามไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำ พืชพรรณฝั่งนั้นเขียวชอุ่ม หญ้าทุกชนิดล้วนสูงถึงสามจั้ง ดอกไม้เจ็ดจั้ง และต้นไม้ใหญ่ห้าสิบจั้ง เป็ภาพที่เหนือจินตนาการราวกับไม่ใช่ความจริง
บรรยากาศแวดล้อมภายในแตกต่างจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง ูเาด้านหน้าสูงหมื่นจั้ง ช่างตระหง่านและน่าตกตะลึงราวกับั์
หนิงเทียนลูบคางพลางครุ่นคิด หากนี่ไม่ใช่ความฝันแล้วมันเกิดอะไรขึ้น?
หลังจากมองและประเมินสถานการณ์โดยรอบ หนิงเทียนก็พบว่าเขาจำเป็ต้องข้ามแม่น้ำที่ขวางกั้นทางข้างหน้า
เขาะโลงไปในแม่น้ำ พลันบงกชสีมรกตก็เดินบนเกลียวคลื่นและพาเขาลอยออกไปสิบจั้ง ทว่ากลับมีคลื่นั์ซัดเข้ามาจนเขากระเด็นไปไกล
“นี่มันเื่บ้าอะไรเนี่ย?”
หนิงเทียนอยากสบถด่า แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นผิวน้ำแยกออกจากกัน และเผยให้เห็นร่างอสูรครึ่งร่างซึ่งยาวเกือบสามจั้ง ทั้งยังตบผิวน้ำอย่างรุนแรงจนเกิดคลื่นสูงหลายพันจั้ง
“บ้าเอ๊ย! อสูร!” หนิงเทียนรีบถอยกลับเข้าฝั่งด้วยสีหน้าน่าเกลียด
หลังจากเข้าสำรวจแดนลับได้สี่วัน เขาก็พบเจอดอกไม้ ต้นไม้ ิญญา หรืออสูรเป็กิจวัตร ทว่ายังไม่เคยพบอสูรน้ำเลยสักตน ซึ่งใครจะคาดคิดว่าจะได้พบมัน ณ ที่แห่งนี้?
แม่น้ำยาวร้อยจั้ง อสูรน้ำที่ไม่มีผู้ใดรู้จัก ูเาสูงตระหง่าน และพืชพรรณตระการตา
ทั้งหมดนี้ช่างน่าอัศจรรย์ น่าสะพรึงกลัว และน่าสยดสยอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้