ชิวหลันหัวเราะฮี่ๆ เดินเข้าไปนวดไหล่ให้นาง “ใช่เ้าค่ะ ใช่เ้าค่ะ คุณหนูพูดถูก ความซื่อสัตย์ของใคร ก็สู้แม่นมไม่ได้”
แต่ถึงแม้นางจะยิ้ม แต่ภายในแววตากลับมีความเย้ยหยัน
“อืม เื่นี้ แม่นมแค่ไปทำแค่เบื้องหน้าเท่านั้น ที่สำคัญที่สุดก็ต้องให้เ้าไปทำถึงจะดี ดูจากการแต่งตัวของบุรุษคนนั้น แล้วก็สีหน้าท่าทาง คนก่อนหน้านี้เทียบไม่ได้ ส่งคนที่มีความสามารถในการต่อสู้สูงหน่อยไปจับตาดู คนคนนี้ ข้าจะต้องรู้เื่ราวทั้งหมดของเขาทั้งอดีตและอนาคต”
โจวรั่วเยวียนเอ่ยเสียงเรียบ ชิวหลันรีบรับคำแล้วไปสั่งงานคน
รอจนกระทั่งคนในเรือนต่างพากันออกไปแล้ว สีหน้าของโจวรั่วเยวียนถึงได้ร้ายกาจจนน่ากลัว
“คนคนหนึ่งที่เหมือนกันเช่นนี้ ทั้งกลิ่นอาย รูปลักษณ์ภายนอก ทั้งหมด เหมือนกันขนากนี้...เ้า เป็ใครกันแน่? ใครกันแน่ถึงเป็เ้าเมื่อตอนนั้น?”
ในสมองของนางปรากฏภาพของบุรุษคนนั้นเมื่อปีนั้นออกมา
เขาโอบกอดสตรีคนอื่นแล้วยิ้มอย่างสบายใจ
ท่าทางที่มองมายังตน ยิ่งมีความดูถูก ไม่พอใจ ั้แ่หัวจรดเท้าเขาไม่ได้แตะต้องนางเลย
เพียงแค่มองนางด้วยสายตาเ็า กลับทำให้ศักดิ์ศรีทั้งหมดของนางตกลงมาอยู่แทบเท้า นางในตอนนั้นตามเขาไปอย่างใจง่าย แต่เื่แบบนั้นเกิดขึ้นกับนาง เขาก็ยังสามารถมองด้วยท่าทางเ็า...
เพราะเหตุนี้ นางจึงไม่มีทางให้อภัย
“ข้าจะฆ่าเ้า ฆ่าเ้า ตอนนั้นเป็เ้าหรือไม่? ทำไมข้ารู้สึกว่าคนคนนั้นคือเ้า? คือเ้า?....”
โจวรั่วหลัยกอดร่างกายสั่นระริกของตัวเอง ฝันร้ายในตอนแรกจะทำอย่างไรก็ลบไม่ออก
ยากที่จะสงบลง ก่อนที่โจวรั่วเยวียนจะร้องเรียกเสียงเย็น
“เข้ามา เอาหลักฐานของข้าไปหาคนคนหนี่ง ข้าจะเตรียมตัวรู้เื่ทั้งหมดของทั้งสองคนในวันนี้ โดยเฉพาะเื่ราวทั้งหมดของบุรุษคนนั้น จะต้องรายงานเื่ราวทั้งหมดออกมาอย่างละเอียดไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ โดยเฉพาะเื่ราวที่เกิดขึ้นตอนเขาอายุสิบสี่ปี....”
เงาคนหนึ่งตอบรับเสียงเบาแล้วออกไป
“บุรุษหนุ่มเอ๋ยทางที่ดีที่สุดเ้าต้องภาวนาว่าไม่ให้คนในตอนนั้นเป็เ้ามิเช่นนั้น...”
ในแววตาของโจวรั่วเยวียนแฝงไว้ด้วยความอันตราย จนกระทั่ง แม่นมกลับมา นางถึงได้กลับมานิ่งสงบอีกครั้ง
“เฮ้อ คุณหนูเ้าคะ ข้าไม่เข้าใจจริงๆทำไมครั้งที่แล้วคุณท่านถึงได้อยากจะให้พวกเราวางมือนัก แล้วไม่ไปสนใจเื่วางเพลิงในเรือน จากความสามารถของจวนพวกเรา สามารถจัดการคนพวกนั้นได้ เฮ้อ....ความคิดของนายท่าน ยิ่งทำให้คนไม่เข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ”
“คุณหนูใหญ่เ้าคะข้ามาแล้วเ้าค่ะ”
กำลังพูดกันอยู่ ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก คนที่เข้ามาก็คือโจวซิ่งเหรินคุณหนูสองของจวนโจว
“พี่ใหญ่ ท่านไม่ไปเดินเล่นด้านนอกหรือ ตรงนั้นสนุกมากเลยนะ ที่นี่ถึงแม้จะห่างไกลเงียบสงบไปสักหน่อย แต่บุรุษหน้าตาดีกลับมีไม่น้อย”
มองดูท่าทางเริงร่าของน้องรอง โจวรั่วเยวียนก็แสดงท่าทีนิ่งสงบ ฟังนางพูดจบ ถึงได้ให้คนเอาอาหารมาตั้งโต๊ะ
“รีบกินพวกเรายังต้องไปเจอเขา”
พอได้ยินว่าจะไปเจอคน สีหน้าของคุณหนูรองก็ไม่พอใจ
“พี่ใหญ่ ข้าไม่ชอบไปเจอเขาจริงๆ นะ รู้สึกว่าเขา....”
พูดถึงคำว่าเขา สีหน้าของคุณหนูรองโจวก็ยุ่งเหยิงมาก
“ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็คือคนที่พวกเราพึ่งพา เ้ามีที่พักที่ดีอย่างวันนี้ ก็ล้วนแต่เป็เพราะเขา” โจวรั่วเยวียนพูดด้วยท่าทางนิ่งเฉยมาก เหมือนเื่ราวไม่เกี่ยวข้องกัน
ท่าทางของนางเช่นนี้ ทำให้คุณหนูรองรู้สึกหัวเสียมาก
นางหยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างหงุดหงิด “ข้าก็แค่โมโหนี่ ทั้งๆ ที่พวกเราเป็ญาติกัน ทำไมจะต้องให้พวกเราไปให้คนแปลกหน้าดูแล ทุกครั้งที่ข้าออกไปด้านนอกก็ต้องเรียกเขาว่าท่านพ่อท่านแม่ พี่ใหญ่ท่านไม่รู้หรือว่าข้าหงุดหงิดในใจมากแค่ไหน”
“ เฒ่าโจว เขาเป็บิดาของพวกเราจริงๆ เ้าอย่าไปคิดมากมายเลยน้องรอง” โจวรั่วเยวียนไม่เงยหน้า เพียงแค่ใช้ตะเกียบคีบอาหารขึ้นมากินนิ่งๆ
“ท่านพี่ ข้าไม่เข้าใจ เื่พวกนี้ท่านทนได้อย่างไร ทั้งๆ ที่เื่นี้เป็เพราะตอนนั้นพวกเขาจัดการไม่ดี ทั้งยังตาเฒ่าโจวเป็พ่อ ถุย แค่เห็นตาเฒ่าโรคจิตข้าก็สะอิดสะเอียนจนกินข้าวไม่ลง ช่างเถิด ช่างเถิด ไม่พูดก็ได้ อย่่งไรการออกมาครั้งนี้ ก็สามารถได้เที่ยวเล่นสนุกสักรอบ”
หลังจากที่คุณหนูรองโจวบ่นเสร็จ ถึงได้เริ่มโกยข้าวกิน แต่ผ่านไปสักพัก นางที่ไม่ชอบอยู่นิ่งก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มสอบถามอีกครั้ง
“ท่านพี่ครั้งนี้หากว่าเขาถามเื่แต่งงานของท่าน ท่านจะตอบอย่างไรหรือ? ครั้งนี้ เกรงว่าเขาจะต้องบีบให้ท่านทำงานของครอบครัวเป็แน่”
มือที่คีบกับข้าวของโจวรั่วเยวียนสั่น ก่อนจะโยนตะเกียบทิ้งแล้วลุกขึ้นด้วยความไม่พอใจ
“น้องรอง ข้าว่า่นี้เ้าว่างมากจริงๆ ดูเหมือนว่า ่นี้โจวฉายจงจะปล่อยปละละเลยเ้าเกินไปแล้ว”
เมื่อเห็นสีหน้าถมึงทึงของนาง คุณหนูรองก็รีบเข้าไปจับแขนของนางด้วยท่าทางออดอ้อน
“พี่ใหญ่เ้าคะพี่ใหญ่ ข้าไม่ถามอีกแล้วเื่นี้ ข้าก็แค่เป็ห่วงท่าน เอาเถิด กินข้าวเถิด กินเถิด แต่ว่าอาหารของโรงเตี๊ยมนี่ก็ไม่ค่อยเท่าไรจริงๆ ข้ายังคิดถึงหม้อไฟของแม่ครัวที่ไม่รู้ชื่อในจวนสกุลโจวคราวนั้นอยู่เลย รสชาติน้ำแกงกับผัก อร่อยมากจริงๆ”
เมื่อนางพูดถึงแม่ครัว โจวรั่วเยวียนก็ไม่อยากกินข้าวอีก
“เปรี๊ยะ...”
เสียงตะเกียบตก ก่อนที่โจวรั่วเยวียนจะเดินจากไปอย่างหัวเสีย
เมื่อเห็นนางฉุนเฉียวเช่นนี้ คุณหนูรองเองก็หงุดหงิดมากเช่นกัน
“ดูสิ ดู ก็แค่ดูแลกิจการในครอบครัวไม่กี่ปีเท่านั้นมิใช่หรือ ตอนนี้กลับมาทำหน้าบึ้งใส่ข้าผู้เป็น้องสาว ชุนฉ่าว เ้าว่ามีคนเช่นนี้หรือไม่? ข้าเคยพูดไว้แล้วนะว่าสตรีคนนี้นะ ไม่สามารถผู้นำสกุลได้”
สาวใช้ชุนฉ่าวตอบรับอย่างประจบ “แน่นอนเ้าค่ะ ดังนั้นครั้งนี้คุณหนูจะต้องจับโอกาสให้ดีๆ นะเ้าคะ ให้คุณชายรองสามารถควบคุมธุรกิจทั้งหมดในจวนโจวไว้ในมือได้ เมื่อเป็เช่นนี้ต่อไปสมบัติของเรือนนี้ ก็เป็ไปตามที่คุณหนูพูดได้!”
โจวซิ่งเหรินได้ยินคำแนะนำเรียบๆ นี้ ก็หัวเราะออกมา มองชุนฉ่าวอย่างชื่นชม
“ดีนัก ดี ไม่เลวเลย ไม่เลว ไม่เสียแรงที่เป็สาวใช้ติดตามตัวข้า ถึงได้สามารถล่วงรู้ความคิดและแผนของข้า”
ชุนฉ่าวหัวเราะตามด้วยความได้ใจ แต่ใครจะไปคิดยังหัวเราะไม่ทันเสร็จ แต่กลับได้ยินเสียงต่อว่าของโจวซิ่งเหริน
“ใครก็ได้เข้ามาทีเอานางชั่วคนนี้ออกไป หรอกยาทำให้เป็ใบ้เสีย แล้วให้นางใช้ชีวิตอยู่ที่หอโคมเขียวั้แ่นี้ตลอดไป กล้าคาดเดาความคิดของเ้านายเช่นข้า ชุนฉ่าวเ้าไม่อยากจะมีชีวิตแล้วหรือ”
ชุนฉ่าวใร้องว้ากลงไปคุกเข่ากับพื้น “ไม่เอานะเ้าคะไม่เอา คุณหนู ขอร้องคุณหนูนะเ้าคะ”
แต่ว่า การขอร้องทั้งหมดนี้ก็เป็เพียงการขอไร้ประโยชน์!
เหล่าสาวใช้คนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ไม่ไกลได้เก็บเื่ราวทั้งหมดเข้าสู่ครองสายตา แต่ละใกับภาพนี้จนหน้าขาวซีด
คุณหนูใหญ่บรรยากาศอึมครึมน่ากลัว
คุณหนูรองดูเหมือนใสบริสุทธิ์ไม่เลวร้าย แต่ในความเป็จริงแล้ว คุณหนูรองน่ากลัวกว่า แต่ปกติแค่นางระบายโทสะออกมา ก็เป็การทรมานคนอย่างไร้มนุษยธรรม....
“ท่านพี่ที่แสนดีของข้า ยิ่งท่านไม่เห็นข้าที่เป็น้องสาวอยู่ในสายตา เช่นนั้นก็อย่าโกรธข้าที่ไร้หัวใจกับท่านนะเ้าคะ”
โจวซิ่งเหรินมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความเ็า สาบานอยู่ในใจ...
คืนวันนั้น โจวรั่วเยวียนก็ได้รับข้อมูลที่อยากจะรู้ทั้งหมด มองบันทึกทั้งหมดที่เขียนเกี่ยวกับโจวอ้าวเสวียนเอาไว้ นางก็โกรธจนตัวสั่นไปหมดทั้งตัว
“ฮ่าๆ....ฮ่า....เป็เ้าจริงๆเป็เ้าจริงๆ ทำไม ทำไมจะต้องทำกับข้าเช่นนี้ เ้าในตอนนั้นเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนสกุล แม้แต่ชื่อจริงๆก็ไม่เหลือทิ้งเอาไว้ให้ข้า เ้าใจร้ายจริงๆใจร้ายจริงๆ....”
แม่นมเพียงแค่เห็นคุณหนูใหญ่ที่น้ำตาหล่นออกมาเงียบๆ
ทุกคนไม่กล้าเข้าใกล้นาง และก็ไม่มีใครกล้านอน
บรรยากาศเป็เช่นนี้ตลอดจนกระทั่งฟ้าสว่าง โจวรั่วเยวียนอาบอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ แต่นาง กลับยิ่งตัวสั่นมากขึ้น
ในตอนนั้นเองที่แม่นมถูกทุกคนดันออกไปอีกครั้ง นางเดินไปข้างหน้าแล้วดึงคุณหนูที่อยู่บนพื้นขึ้นมา
“คุณหนูที่แสนอาภัพของข้า...”
เสียงนี้ทำให้สติที่เลือนลางของโจวรั่วเยวียนได้สติกลับขึ้นมานิดหน่อย
นางมองไปด้านหน้า ก่อนที่จะถามออกมา
“แม่นม ตอนนั้นหลังจากที่เด็กคนนั้นเกิดออกมา เขาเป็อย่างไรบ้าง?”
แม่นมใจนตัวสั่น น้ำตาไหลตามออกมา
“คุณหนูใหญ่ เด็กคนนั้น ท่านอย่าไปคิดถึงอีกเลย เขา เขา....เขายังอยู่ดีเ้าค่ะ”
น่าสงสาร!
ตอนนั้นคุณหนูใหญ่ออกไปตามหาบุรุษคนนั้น ต่อมา ก็ถูกคนย่ำยีกลับมา เพราะว่าอารมณ์ไม่ดี และเพราะว่าตอนนั้นทุกคนไม่ได้คิดไปทางนั้น
ต่อมา คุณหนูยังตั้งครรภ์เพราะเื่นี้
ตอนที่ตรวจจนรู้ถึงเด็กคนนี้ ก็ห้าเดือนไปแล้ว อายุครรภ์ที่มากขนาดนี้ ถึงจะใช้ยาแท้งลูกก็ไม่สามารถรับอาหารได้อีก
เพราะเหตุนั้น ใน่นั้นคุณหนูใหญ่ก็แทบจะเป็บ้าไปแล้ว ไม่มีอะไรก็อาละวาดไปเสียหมด
แต่อาละวาดอย่างไร เด็กคนนั้นก็ไม่ถูกผลการอาละวาดนี้แล้วแท้งออกมา
กลับกัน กระดูกของคุณหนูกลับได้รับาเ็แทน
หลังจากคลอดลูกออกมา เพราะไม่อยากให้กระทบต่อชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่ ทั้งยิ่งไม่อยากให้นางเสียใจ
ดังนั้นเด็กคนนั้นก็ถูกแม่นมอุ้มไปให้คนคนหนึ่งเลี้ยงแทน....
เมื่อคิดถึงเด็กที่น่าสังเวชคนนั้น แม่นมก็สงสารมาก พูดไปแล้ว ที่น่าสงสารที่สุด เกรงว่าจะเป็เด็กคนนั้น
ตอนนั้นที่ไปตามหาครอบครัวดีๆ มาเลี้ยงดู แต่ต่อมา คนคนนั้นก็ดันคลอดลูกออกมาหนึ่งคน ท่าทีที่มีต่อเด็กที่เกิดมาพิกลพิการก็เ็าขึ้นมามาก....
เมื่อคิดถึงครั้งที่แล้วที่นางไปเจอเด็กที่น่าสงสารคนนั้น ดวงตาของแม่นมก็แดงระเรื่อขึ้นมา
ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็บาปกรรม
“เฮ้อ....”
โจวรั่วเยวียนร้องไห้พอแล้ว ตอนนี้ถึงได้เงยหน้าเช็ดน้ำตา
“แม่นม ยกโจ๊กเข้ามา ข้าจะกินข้าว ข้าจะ....ไปหาเด็กคนนั้น....”
“เื่นี้ คุณหนูใหญ่....ท่าน ท่านอย่าไปเลยนะเ้าคะ....”
โจวรั่วเยวียนยิ้มเ็า “ไม่ ข้าจะไป จะต้องไป เด็กคนนั้นไม่ใช่ว่าปากเบี้ยวั้แ่เกิดหรือ ข้าจะไปดู หากเหมาะสม ข้าจะรับนางกลับมาเลี้ยง”
พูดถึงเลี้ยง แม่นมก็ซาบซึ้งแล้ว
“เื่นี้ ในที่สุดคุณหนูใหญ่ก็คิดได้แล้ว หากเป็เช่นนั้นจริงๆ เด็กคนนั้น ก็มีความหวังแล้ว”
แต่ว่า หลังจากเห็นสายตาเ็าของโจวรั่วเยวียน นางก็ต่อต้านนิดหน่อย...
ท่าทางเช่นนี้ของคุณหนูใหญ่ จะสามารถดูแลเด็กอาภัพคนนั้นจริงๆ หรือ?
จวนสกุลโจว หลังจากฮูหยินเฒ่าตื่นขึ้นมา ก็ถามหาเชวียนเชวียน
“หงเอ๋อร์ เมื่อวานดูเหมือนเชวียนเชวียนจะกินเยอะเกินไปจนท้องเสีย วันนี้เป็อย่างไรบ้าง?”
สาวใช้หงมัดเอวให้กับฮูหยินเฒ่า เมื่อเทียบดูแล้วก็รู้สึกว่าสายคาดเอวนี้สีสวยเกินไป จึงเลือกสีที่อ่อนๆ ออกมาคาด
