“นายท่าน กั่วกัวทำให้ท่านโกรธเหรอเ้าคะ?” กั่วกัวลอยออกมาตรงหน้าของเย่เทียนเซี่ย สองมือเล็กๆของเธอกำแน่น ดวงตาเหมือคริสตัลคู่นั้นจ้องมองมาที่เย่เทียนเซี่ยอย่างน่าสงสาร ความรู้สึกปั่นป่วนของเย่เทียนเซี่ยทำให้เธอกลายเป็เด็กเชื่อฟังอย่างน่าประหลาด.......... เพราะนี่เป็ครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่านายท่านของเธอกำลังทุกข์ใจ ทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส
เสียงของกั่วกัวเหมือนหยดน้ำในฤดูใบไม้ผลิที่ค่อยๆไหลรินเข้าไปในใจที่แตกร้าวของเย่เทียนเซี่ย เขาพยายามยกยิ้มแข็งๆออกมา “วันนี้กั่วกัวเป็เด็กดีมาก ฉันจะไปโกรธกั่วกัวได้ยังไง”
“แต่ว่า.............กั่วกัวรู้สึกได้ว่านายท่านเสียใจ” กั่วกัวพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาหยดเล็กๆที่ไหลรินออกมา นี่เป็ครั้งแรกที่เธอรู้สึกได้ถึงอารมณ์เศร้าของเย่เทียนเซี่ย กั่วกัวที่ปกติแล้วจะไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นต่อหน้าเย่เทียนเซี่ยกลับรู้สึกได้ถึงความปั่นป่วนนี้
เย่เทียนเซี่ยเงียบไปจากนั้นเขาก็ส่ายหน้าแล้วยกยิ้ม “ชีวิตคนก็มีอารมณ์หลากหลายแตกต่างกันไปตลอดเวลานั้นแหละ ฉันอาจจะเสียใจ ก็เพราะว่าฉันมีหัวใจที่ธรรมดาที่สุด.......... ถ้าเมื่อกี้ฉันไม่เสียใจ นั่นก็หมายความว่าหัวใจของฉันตายไปแล้ว”
“............”กั่วกัวกระพริบตาปริบๆจนมีน้ำตาไหลลงมา........... เธอไม่เข้าใจเลยสักนิด
ถ้าเธอเข้าใจ เธอก็คงไม่ใช่กั่วกัว
เมื่อมองสิ่งมีชีวิตเล็กๆตรงหน้าเย่เทียนเซี่ยก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองค่อยๆอบอุ่นขึ้นอย่างช้าๆ ปกติเมื่ออยู่ต่อหน้าเขากั่วกัวมักจะซุกซน จู้จี้จุกจิกและไม่รู้ความ แต่เมื่อถึงตอนที่เขากำลังทุกข์ใจจริงๆ ในดวงตาของเธอก็ปรากฏความกังวลเต็มไปหมด...........
เธออาจจะไม่รู้เื่รู้ราวเมื่ออยู่ต่อหน้าเขานั่นก็เพราะเธอไม่มีกำแพงกับเขาและยังตั้งใจจะทำให้เขากลายเป็คนที่สนิทสนมที่สุดด้วย เมื่ออยู่ข้างกายของเขาเธอก็จะมีความสุข สามารถทำเื่ที่ตัวเองอยากทำได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงอะไรทั้งนั้น รวมทั้งการกลั่นแกล้งและแบล็คเมล์เ้านายของตัวเองด้วย แต่เมื่อเ้านายเ็ปเธอก็รู้สึกเ็ปและเสียใจเหมือนกัน
“กั่วกัว.........” เย่เทียนเซี่ยเรียกชื่อเธอออกมาเบาๆ กั่วกัวออกมาจากห้วงเวลาแห่งโชคชะตา............. และห้วงเวลาแห่งโชคชะตาก็คือสิ่งที่เธอคนนั้นทิ้งไว้ให้เขา กั่วกัวก็คือสิ่งที่เธอคนนั้นทิ้งไว้ให้เขา เป็สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆที่เป็ครึ่งหนึ่งของเธอ
ในจิตใต้สำนึกของเขา เขาไม่เคยพยายามจะแทนที่ความรู้สึกที่มีต่อเธอไปที่กั่วกัวเลยสักครั้ง
กั่วกัว...............
กั่วกัว...............
..............................
“ว๊าว.............. ดูสิ เธอโตขึ้นนิดหน่อยแล้วสินะ โม่เอ๋อร์บอกว่าพรุ่งนี้เธอก็สามารถลืมตาได้แล้ว......ว๊าว! เธอน่ารักมากเลย ฉันอยากจะอุ้มเธอขึ้นมาแล้วเอามากอดไว้จังเลย”
“อืม แบบนี้ตอนที่ฉันไม่อยู่เธอจะได้มีคู่หูที่น่ารักสักคนไง”
“ไม่ใช่คู่หูซะหน่อย.......... เธอเป็สิ่งที่พวกเราช่วยกันเลี้ยงดูมาต่างหาก เหมือนกับลูกสาวของพวกเราไง........ จำไว้นะ เธอเป็ลูกสาวของพวกเรา!”
“...............”
“นายว่าพวกเราน่าจะตั้งชื่ออะไรสักอย่างให้เธอดีไหม? เธอน่ารักขนาดนี้ จะต้องเป็ชื่อที่น่ารักมากๆถึงจะดี”
“....................”
“เธอคือสิ่งที่โม่เอ๋อร์พามาจากที่นั่น.......... งั้นเรียกว่า..........กั่วกัวละกัน เรียกว่ากั่วกัวดีไหม.........”
…………
เสียงที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหนดังขึ้นมาในใจของเย่เทียนเซี่ย ร่างของเย่เทียนเซี่ยสั่นสะท้าน ดวงตาที่ปิดอยู่ของเขาหลับแน่น พยายามค้นหาที่มาของเสียงในความทรงจำนั้น......... แต่ก็มีเพียงความว่าเปล่าเท่านั้น เสียงนั้นเหมือนมีอยู่จริงแต่ก็เหมือนเป็ภาพลวงตาราวกับดวงดาวที่อยู่ท่ามกลางค่ำคืนอันมือมิด ไม่ว่าเขาจะพยายามค้นหาอย่างยากลำบากแค่ไหนเขาก็หาร่องรอยใดๆไม่พบเลยสักอย่าง
เขายื่นมือออกไปแล้วคว้าตัวกั่วกัวเอาไว้ เย่เทียนเซี่ยถือร่างนุ่มนิ่มของเธอเอาไว้อย่างทะนุถนอม กั่วกัวกระพริบตาที่เหมือนกับคริสตัลปริบๆไม่ได้ต่อต้านการกระทำของเขา.............
สามปีก่อนเพราะการจากไปของเธอ เขาถึงได้เ็ปหัวใจครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกวันเขาเหมือนคนโง่ที่ตกอยู่ภายใต้ความเ็ป เป็เหมือนคนครึ่งเป็ครึ่งตาย ตอนนั้นเมื่อเธอจากไปแล้วบ้านหลังนี้ก็เหลือเขาอยู่เพียงคนเดียว ไม่มีใครมาอยู่เป็เพื่อนเขา ปลอบโยนเขา บรรเทาหัวใจอันอ่อนล้าและเ็ปของเขา
แต่วันนี้แม้ว่าเขาจะต้องเ็ปเพราะเธออีกครั้งแต่เขากลับไม่ได้อยู่คนเดียว กั่วกัวไม่อาจปลอบโยนใครได้ แต่ดวงตางดงามสดใสบริสุทธิ์และน้ำเสียงอ่อนโยนของเธอกลับทำให้หัวใจเขาอบอุ่นได้มากกว่าการปลอบโยนใดๆ เพราะเธอแสดงความกังวลต่อเขาออกมาจากส่วนลึกของหัวใจอย่างจริงจัง
ดังนั้น ความเ็ปในใจของเขาจึงได้หายไปอย่างรวดเร็ว
ความรู้สึกแบบนี้มันดีจริงๆ
แอ๊ด............
ประตูห้องที่ปิดแน่นของซูเฟยเฟยถูกเปิดออกมาเบาๆ แล้วฝีเท้าแ่เบาและเชื่องช้าก็เดินออกมาจากในนั้นเข้ามาใกล้เย่เทียนเซี่ย หลังจากผ่านไปสักพักเสียงหวานๆของซูเฟยเฟยก็ดังขึ้นข้างกายของเขา “เทียนเซี่ยดูสิ สวยไหม?”
“ว๊าว! ว๊าว.............. สวยมากเลย! นายท่านดูเร็วเข้า ชุดของพี่เฟยเฟยสวยมากเลย!”
เสียงะโของกั่วกัวทำให้เย่เทียนเซี่ยหันหน้าไป ทันทีที่สายตาของเขาปะทะกับเธอเขาก็ชะงักไปแล้วจ้องมองซูเฟยเฟยที่ตอนนี้งดงามราวกับไม่ใช่หญิงสาวบนโลกมนุษย์
ซูเฟยเฟยยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางสายตาของเขา เธอสวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนลายดอกไม้ ทั่วทั้งชุดถูกตกแต่งไว้ด้วยลวดลายงดงามสีฟ้า ด้านล่างกระโปรงตัวยาวคือดอกไม้สีขาวเหมือนหิมะคลุ่มเท้าและข้อเท้าของเธอจนมิดและยาวลากลงไปกับพื้น ริมฝีปากสีเชอรี่ คิ้วโก่งเหมือนพระจันทร์ ที่ทำให้คนใจเต้นที่สุดก็คือรอยยิ้มอ่อนบนมุมปากของเธอและดวงตาที่มีประกายวิบวับมอมเมาผู้พบเห็นทำให้อดไม่ได้อยากที่จะได้ยินเสียงของเธอ ปกป้องเธอ ดูแลเธอและอยู่ในสายตาของเธอ......
การที่เธอไปเปลี่ยนเป็ชุดกระโปรงนั้นยิ่งทำให้เธอดูงดงามจนแทบหยุหายใจ แม้ว่าเธอจะยืนอยู่นิ่งๆไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน แต่บรรยากาศของเธอในตอนนี้ก็ทำให้เย่เทียนเซี่ยตกตะลึงได้เหมือนครั้งแรกที่ได้เห็นหลิ่วชีเชว่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอจงใจเชิดลำคอระหงขาวเนียนนั่นขึ้นมาก็ยิ่งทำให้เธอโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางความงามและยังมีบรรยากาศสูงส่งแฝงไว้ด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้เย่เทียนเซี่ยเหมือนเห็นเ้าหญิงผู้สูงศักดิ์จากราชวงศ์โบราณ เวลาผ่านไปเพียงครู่เดียวซูเฟยเฟยก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็อีกคน ความงดงามของเธอราวกับดวงอาทิตย์ที่สาดแสงลงมา........... จนในอกของเย่เทียนเซี่ยมีคำๆหนึ่งปรากฏขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้.............นางฟ้า
“สวยไหม?” ซูเฟยเฟยกระพริบตาปริบๆ สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าคือรอยยิ้มอบอุ่นที่สามารถทำให้เกล็ดหิมะละลายไปได้ เธอเปิดริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกสีชมพูน้อยๆแล้วพูดขึ้นมา “ชุดกระโปรงตัวนี้มีชื่อว่า “มหัศจรรย์แห่งท้องทะเล” เป็ผลงานชุดสุดท้ายของดีไซน์เนอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศษที่มีชื่อว่าพร็อยและเป็ชุดที่เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจมากที่สุดด้วย ตอนที่ฉันเห็นมันครั้งแรกฉันก็ชอบมันทันทีก็เลยให้พ่อของฉันไปซื้อมันมาให้.......... แล้ววันนั้นก็เป็วันเกิดของฉันพอดีด้วย พ่อของฉันเสนอราคาั้แ่สามล้านไปจนถึงสามสิบล้านแต่พร็อยก็ปฏิเสธทั้งหมดเพราะเขาตั้งใจทำชุดนี้ให้ราชินีอลิซาเบธที่ 27 ของอังกฤษ.......... ต่อมาฉันก็เลยไปขอลองชุดนี้กับพร็อยด้วยตัวเอง เขาก็เลยตกลง......... ตอนที่ฉันลองมันแล้วเดินออกมาตรงหน้าเขา เขาก็ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นบอกว่าฉันงดงามและสูงส่งเหมือนเทพธิดาแห่งท้องทะเล จากนั้นเขาก็เลยเอาชุดที่เดิมทีตั้งใจจะส่งไปให้ราชินีอลิซาเบธที่ 27 ส่งมาให้ฉันแทน แล้วยังชื่นชมฉันด้วยว่าฉันคือเ้าหญิงที่งดงามที่สุด”
“..............” เย่เทียนเซี่ย
“ถ้าฉันเป็เ้าหญิง.......... แล้ว เ้าชายของฉัน......... จะยินดีให้ฉันเต้นรำให้นายซักเพลงได้ไหม?”
เมื่อเสียงนั้นจบลงแขนทั้งสองข้างของเธอก็อ้าออกกว้างแล้วเริ่มเต้นรำ ชุดกระโปรงอันงดงามโบกพลิ้วไปตามท่วงท่าอันสูงสง่าของเธอ เพชรสีฟ้าแต่ละเม็ดล้วนเปล่งประกายระยิบระยับและเปล่งแสงออกมาระหว่างที่เธอโยกตัวไปมา แขนทั้งสองข้างที่กลมกลึงเหมือนหยกของเธอพลิ้วไหว มันขาวนวลเหมือนจะเปล่งแสงออกมาได้ ขณะที่เต้นรำเธอก็พลิ้วไหวเหมือนสายน้ำ อ่อนโยนเหมือนสายลม เมื่อรวมเข้ากับมือสวยเหมือนคริสตัลภาพตรงหน้าก็กลายเป็ภาพอันงดงามทันทีราวกับเป็ภาพอันงดงามของนางฟ้าที่กำลังเริงระบำและยังดึงดูดดวงตาที่เหมือนก้อนหินของเย่เทียนเซี่ยได้อีกด้วย
เธอคือคุณหนูที่มาจากครอบครัวอันมั่งคั่งอย่างแท้จริง แต่ไม่เคยมีความเอาแต่ใจเหมือนกับที่ลูกสาวของครอบครัวร่ำรวยมีเลยสักนิด กลับกันเธอกลับมีรสมือที่ชวนให้คนต้องตะลึง และวันนี้เธอใช้ความงามของเธอ ใช้การเต้นรำของเธอทำให้หัวใจของเย่เทียนเซี่ยสั่นไหวอีกครั้ง เมื่อมองเธอเต้นรำเย่เทียนเซี่ยก็ได้แต่ชะงักค้างั้แ่ต้นแล้วค่อยๆมองมันอย่างลุ่มหลงจนลืมความเ็ปเมื่อครู่นี้ไปจนหมดสิ้น ในใจของเขา ในสายตาของเขา เหลือเพียงการก้าวย่างที่งดงามของซูเฟยเฟยเท่านั้น มันสง่างามราวกับเป็การร่ายรำของนางฟ้า
“สวยมาก.........สวยมากเลยเ้าค่ะ” กั่วกัวกระพริบตาปริบๆมองซูเฟยเฟย ในดวงตาของเธอราวกับถูกประดับไว้ด้วยดวงดาวที่ส่องแสงแวววาวนับไม่ถ้วน น้ำเสียงของเธอก็ยิ่งเบาหวิว......... เธอมองมันราวกับจะให้มันซึมลึกลงไปถึงิญญา แม้กระทั่งอมยิ้มที่ไม่เคยห่างมือก็หล่นลงบนร่างของเย่เทียนเซี่ยโดยไม่รู้ตัว
ร่างของซูเฟยเฟยเคลื่อนไหวอย่างสง่างาม มือขาวราวกับคริสตัลเอื้อมมือมาตรงหน้าของเย่เทียนเซี่ย ดวงตาสองคู่ประสานกันแล้วซูเฟยเฟยก็ยิ้มเอียงอาย “เ้าชายของฉัน เต้นกับฉันหน่อยได้ไหม?”
เย่เทียนเซี่ยตกอยู่ในภวังค์สักพัก มือของเขาก็ยื่นออกไปเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ จากนั้นมันก็ถูกมือเล็กๆอันอบอุ่นกอบกุมเอาไว้.......... อย่างแ่า
ซูเฟยเฟยดึงเขาขึ้นมา เธอแนบชิดไปกับร่างของเขาแล้วพาเขาเคลื่อนไหวไปด้วยกัน เห็นได้ชัดว่าเย่เทียนเซี่ยไม่เคยเต้นรำมาก่อน แม้กระทั่งการเต้นพื้นฐานก็คงไม่เคยทำเลยสักครั้ง ร่างของเขาเคลื่อนไปตามการเคลื่อนไหวของซูเฟยเฟยอย่างแข็งๆ
หญิงสาวที่อยู่ในชุดกระโปรงสีฟ้าตรงหน้าเขามาใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดดวงตาของเธอก็ปิดลงแขนทั้งสองข้างโอบกอดเขาเอาไว้แน่นแล้วร้องเพลงเบาๆอยู่ข้างไหล่ของเขา.........
“ความรู้สึกของนายที่มีต่อเธอลึกซึ้งมาก....... ฉันรู้ดี ฉันคงไม่มีวันแทนที่เธอได้..........” เธอหลับตาลง ขนตาของเธอสั่นไหวน้อยๆจากนั้นเธอก็พูดออกมาเบาๆ “แต่ว่า........แม้ว่าเธอจะจากไปแล้ว นายก็ไม่ได้โดดเดี่ยวหรอกนะ นายยังมีพี่จั้ว ยังมีชิวสุ่ย ยังมีหลิ่วชีเยว่...........ยังมีฉัน”
“เฟยเฟย ฉัน...........”
“นายไม่ต้องพูดอะไรหรอก ฉันรู้หมดนั่นแหละ ฉันรู้ดี” ซูเฟยเฟยรีบหยุดคำพูดของเขาเอาไว้ ร่างของเธอกระชับไปกับร่างของเขาแน่นยิ่งขึ้น “ฉันจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับนาย แล้วก็จะไม่ทำเื่ที่ไม่ควรทำด้วย......... ฉันแค่หวังว่า ก่อนที่เธอจะกลับมา นายอย่าไล่ฉันไปเลยนะ........ ขอให้ฉันได้อยู่ที่นี่ ได้ไหม........ได้ไหม...........”
จิตใจส่วนลึกเหมือนกับมีบางอย่างมาััมันอย่างรุนแรง ความใ ความอบอุ่น ความขมขื่น......... เขาพบว่าตัวเองพูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว
“ความโดดเดี่ยวมันน่ากลัวมากจริงๆ เพราะฉันก็เพิ่งจะเดินออกมาจากความน่ากลัวนั้นทีละก้าวๆ ตอนนี้เธอจากนายไปแล้ว แต่ฉันเชื่อว่า นายรักเธอขนาดนี้ วันที่เธอจะกลับมาจะต้องอยู่อีกไม่ไกลแน่นอน แต่ก่อนหน้านั้นให้ฉันรอเธอเป็เพื่อนนายนะ........ได้ไหม? ถ้าเธอกลับมาแล้ว ฉันจะรีบไปทันที........ ฉันจะไป........ และไม่กลับมาอีกเลย............”
จากไป.........โดยไม่กลับมาอีก.........ประโยคนี้ กลายเป็เสียงหัวใจที่แตกสลายของซูเฟยเฟย เมื่อคิดถึงภาพของวันนั้นเธอก็แทบจะหายใจไม่ออก
เพราะไม่เคยมีความรักมาก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่เคยรู้เลยว่าการชอบคนๆหนึ่งสามารถมีความสุขได้ขนาดนี้และก็สามารถเ็ปได้ถึงขนาดนี้เช่นกัน
เธอชอบเขา แม้แต่ในความฝันเธอยังมักจะฝันว่าเธอกับเขาได้อยู่ด้วยกัน ทุกครั้งที่ตื่นจากฝันเธอก็จะยิ้มโง่ๆอยู่นาน.......... เธอรักเขาขนาดนี้ ทำไมตัวเองถึงยังพูดประโยคนี้ออกไปอีกนะ......... ทำไมตัวเองถึงตัดสินใจอย่างนั้น........... ถ้าผู้หญิงคนนั้นกลับมาแล้ว เธอจะจากไปเงียบๆ แล้วไม่มาพบเขาอีก............
เพราะตัวเธอเองโง่เกินไป งี่เงาเกินไป หรือว่านี่คือเวทมนต์อันน่ากลัวของคำที่เรียกว่า “รัก”
ถ้าได้อยู่กับเขา ต่อให้มันจะเป็เพียงฝันอันงดงามตื่นหนึ่งในชีวิต.......
แล้วจะสามารถทำให้ฝันนั้นยาวนานกว่านี้อีกนิดได้ไหมนะ...........
หนึ่งปี......... สองปี........... สามปี........... สิบปี............ ร้อยปี...............