อี้สี่ใมากเมื่อเห็นหลัวจ้งซีเมา เธอคิดว่านี่มันออกจะไม่ปกติเกินไปแล้ว อามีและเฉินจั่วชวนยังมีคนจากเบื้องหน้าอื่นๆ อีก นอกเหนือจากพวกเขาจะหัวเราะเยาะที่หลัวจ้งซีเมาแล้ว พวกเขาก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่ ไม่แม้แต่จะคิดช่วยหลัวจ้งซีที่คอพับไปด้วยซ้ำ
“ปล่อยให้เขานอนอยู่ที่นี่เถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เขาตื่นเขาก็ออกไปเองได้” อามีพูด จริงๆ แล้วที่เธอพูดถูกก็ถูก ด้วยยังไงก็ตามมันเป็ร้านอาหารที่ตัวเขาทำงานอยู่
“แบบนั้นมันแย่เกินไปไหม ไม่มีใครดูแลเขาเลยเหรอ? แล้วถ้าเขาอ้วกล่ะ?” ฉีเสี่ยวิ่กังวลเล็กน้อย อย่างไรเสียเธอก็เป็ผู้หญิง จึงมีความเห็นอกเห็นใจมากกว่า “ดูแลทำไม? ถ้าเขาอ้วกก็ปล่อยให้เขาอ้วกไปสิ อย่างมากก็แค่นอนอ้วก” อามีพูดเสริม “ถ้ากลัวเขาจะเป็หวัดก็ใช้ผ้าปูโต๊ะคลุมเขาเอาไว้สิ”
“ไม่ใช่ว่าเคยมีคนที่เมาอ้วกออกมา แล้วหายใจเอาอ้วกเข้าปอดโดยไม่ได้ตั้งใจ จนหายใจไม่ออกตายหรอ ไม่มีใครดูเขาจะโอเคเหรอ?” เฉินจั่วชวนพูด
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาผ้าปูโต๊ะสีขาวคลุมมาเขาั้แ่หัวจรดเท้าก็ได้แล้ว สะดวกจะตายไป” อามีหัวเราะเสียงดัง แม้ว่าคนส่วนใหญ่ที่นี่จะอายุยี่สิบถึงสามสิบ แต่นิสัยแย่ๆ แบบเด็กๆ ก็ยังคงมีอยู่
จินอิ๋นถอนหายใจ “ไม่คิดว่าพี่หลัวจะดื่มไม่เก่งขนาดนี้ พรุ่งนี้เป็วันหยุด พวกคุณอยากกลับก็กลับไป อยากไปหาสาวก็ไปหา ผมจะดูแลเขาเอง” เมื่อมีคนมาทำเื่น่าเบื่อหน่ายนี้แทนแล้ว ทุกคนก็ต่างไหลไปตามสิ่งที่ควรเป็และแยกย้ายกันไป จินอิ๋นพูดกับอี้สี่ว่า “รอผมแป๊บหนึ่ง หลังจากที่ผมทำงานเสร็จแล้วจะส่งเขากลับบ้านก่อนแล้วค่อยไปส่งคุณ” อี้สี่พยักหน้า
จริงๆ แล้วเฉินเจี้ยนฉวินรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่เห็นอี้สี่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง แต่ฉีเสี่ยวิ่ที่ยังมีสติอยู่สามสิบเปอร์เซ็นต์ และเมาเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เอาแต่บ่นว่าเหนื่อย ดังนั้นเขาจึงไม่อาจปล่อยให้เธอกลับไปตามลำพังได้
“ผมจะเรียกรถให้ และคอยดูจนคุณขึ้นรถเรียบร้อยตกลงไหม?” เฉินเจี้ยนฉวินพูดกับอี้สี่ อี้สี่มองแก้มของฉีเสี่ยวิ่ที่แดงก่ำ ร่างกายที่อ่อนแอพิงเฉินเจี้ยนฉวิน แม้ว่าพวกเขาจะแค่พิงกัน แต่สัญญาณบนร่างกายของพวกเขานั้นชัดเจนมาก เห็นได้ชัดว่าฉีเสี่ยวิ่ก็มีความรู้สึกต่อเฉินเจี้ยนฉวินเหมือนกัน เพียงแค่เธอเก็บมันเอาไว้เท่านั้น และตอนนี้ร่างกายของเธอก็กำลังตอบสนองต่อการไล่ตามจีบของเขาด้วยความเมามาย อี้สี่จึงรู้ได้ว่าฉีเสี่ยวิ่มีใจอย่างแน่นอน
อี้สี่โน้มตัวไปใกล้ใบหูของเฉินเจี้ยนฉวินแล้วกระซิบว่า “รอจินอิ๋นไปส่งฉันกลับก่อน ฉันไม่อยากพูดตรงๆ กับคุณเท่าไหร่ วันนี้คุณสามารถนอนกับเธอได้แน่ๆ แต่ถ้าคุณไม่ทำ คุณก็จะต้องเสียหน้า เื่นี้ก็จะล่าช้าต่อไปอีก”
“พวกคุณกำลังพูดถึงเื่อะไรอยู่?” ฉีเสี่ยวิ่ถือโอกาสขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น จริงๆ แล้วเธอมีความประทับใจที่ดีต่อเฉินเจี้ยนฉวิน และทุกครั้งที่เข้างานเธอก็ชอบมากเวลาเห็นเฉินเจี้ยนฉวินมาคอยดูแลเธอ การที่มีเชฟที่คอยเอาใจใส่คุณ คอยพยายามช่วยเหลือคุณอย่างเต็มที่ พยายามอย่างหนักเพื่อคุณ ช่วยป้องกันสิ่งต่างๆ ที่สามารถป้องกันได้ให้คุณ มันเป็ความรู้สึกที่ดีมาก แต่เมื่อพูดถึงว่าชอบคนคนนี้ไหม ฉีเสี่ยวิ่เองก็ยังไม่แน่ใจ แต่คืนนี้เมื่อเธอเห็นว่าเฉินเจี้ยนฉวินใส่ใจอี้สี่เป็อย่างมาก ในใจจึงรู้สึกค่อนข้างอึดอัด เมื่อเห็นทั้งสองกระซิบข้างหูกันเธอก็ดันทุรังเข้าไปฟังว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกัน
“ไม่มีอะไร ผมถามเธอว่าจะกลับยังไง และเธอก็บอกว่าจินอิ๋นจะไปส่ง” เฉินเจี้ยนฉวินพูดกับฉีเสี่ยวิ่
“ว้าว จินอิ๋นเหรอ! ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่ต้องกังวลแล้ว เธอมีคนคอยดูแลไม่ขาดสายเลย” ฉีเสี่ยวิ่พูด ไม่รู้ว่าทำไมอี้สี่ถึงได้รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อได้ยินน้ำเสียงนี้ แต่ก็คิดว่าฉีเสี่ยวิ่เมาแล้ว ก่อนที่เฉินเจี้ยนฉวินจะจากไป เขาก็หันกลับมามองอี้สี่ด้วยแววตาที่เป็กังวล ฉีเสี่ยวิ่ดูเหมือนจะจับความกังวลของเขาได้ ก็ยิ่งไปกระตุ้นความรู้สึกของเธอเข้า หญิงสาวจึงจับมือของเฉินเจี้ยนฉวินให้แน่นกว่าเดิม
หลังจากที่ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปก็เป็เวลาดึกแล้ว บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ ยกเว้นเสียงทำความสะอาดและเก็บข้าวของที่บาร์และในครัว หลัวจ้งซีตอนนี้ดูเหมือนจะนอนหลับสนิท อี้สี่ััลูบผมของ คิ้ว ขนตา และหนวดเคราจางๆ ที่กำลังเพิ่งงอกขึ้นมา มีผมหงอกเล็กน้อยแต่นุ่มมาก ระหว่างคิ้วร่องลึกสองเส้นซึ่งก็พอบ่งบอกได้ว่าเขามักกังวลบ่อยๆ รอยดำใต้ตาเข้มมากคงเพราะนอนน้อยมาก ทำไมคนที่ดูร่าเริงและมีเพื่อนเยอะมักจะขมวดคิ้ว? อี้สี่ถามในใจ ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เฝ้าดูเขาหลับ แต่เธอมักจะรู้สึกเสมอว่าเวลาเขาหลับเขาจะเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ซึ่งแตกต่างจากอารมณ์ร่าเริงและมั่นใจเมื่อตอนที่ตื่นเลย ภาระอะไรกันที่หนักหนาอยู่ภายในหัวของเขากัน?
“รู้สึกไม่ชินเหรอ?” จินอิ๋นมายืนอยู่ข้างหลังอี้สี่เป็ครั้งคราว “อันที่จริงคุณไม่ได้รู้จักเขาเลย”
“ฉันก็ไม่รู้จักคุณดีเหมือนกัน” อี้สี่พูด จินอิ๋นหัวเราะไม่ตอบ เขายกหลัวจ้งซีขึ้นมาอย่างง่ายดายแล้วถามอี้สี่ว่า “พวกเราพาเขากลับบ้านก่อน ว่าแต่บ้านของเขาอยู่ที่ไหน?”
อี้สี่ชะงัก “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าบ้านของเขาอยู่ที่ไหน” เมื่อคิดอย่างจริงจังแล้วเธอนั้นมีข้อมูลน้อยมากเกี่ยวกับคนคนนี้ นอกจากที่รู้ว่าเขาเป็พ่อม่ายแล้ว อี้สี่ก็ไม่รู้อะไรเลย เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เธอสนิทกับจินอิ๋นมากกว่า
ราวกับว่าจินอิ๋นรู้คำตอบอยู่แล้ว เขาจึงพาหลัวจ้งซีขึ้นแท็กซี่แล้วพูดว่า “ผมจะพาเขาไปพักที่บ้านผมก่อน แล้วผมจะไปส่งคุณกลับบ้าน” บ้านของจินอิ๋นอยู่ไม่ไกลจากโฮบาร์นัก นั่งรถไปไม่นานก็ถึงแล้ว หลัวจ้งซีเมามากจนหลับไปโดยไม่รู้ตัวว่าตัวเขาได้ถูกลากออกไปแล้ว จินอิ๋นอุ้มเขาขึ้นพาดบ่า ซึ่งโชคดีที่มีลิฟต์ ทันทีที่เขามาถึงห้อง จินอิ๋นก็โยนเขาลงบนเตียงอย่างไม่อ่อนโยนเลย ทำให้หลัวจ้งซีกระแทกอย่างแรง
“ลำบากคุณแล้ว ไม่คิดว่าเขาจะเมาขนาดนี้ คนคนนี้เมาโดยไม่มีสัญญาณอะไรเลย” อี้สี่พูด
“เขาไม่ได้เมาจริงๆ หรอก” เขาพูด อี้สี่มองไปที่จินอิ๋นด้วยความประหลาดใจ
“ผมแค่ใส่ยานอนหลับฤทธิ์แรงเศษหนึ่งส่วนสี่เม็ดลงในเครื่องดื่มของเขา เขาจะต้องนอนกับผมไปจนถึงเช้าวันพรุ่งนี้ แน่นอนว่าเดี๋ยวเขาก็ตื่นขึ้นมาเอง มาเถอะ ผมจะพาคุณกลับบ้านก่อน” จินอิ๋นพูด ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามอี้สี่เองก็เคยเห็นท่าทางแบบนี้แล้ว เขาถอดเสื้อทำงานออกอย่างสบายๆ แล้วเปลี่ยนเป็เสื้อยืดกางเกงขาสั้นที่ใส่สบาย
“โอ้พระเ้า! คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง?” อี้สี่พบว่ามันน่าเหลือเชื่อมาก ใน่ชีวิตเธอไม่เคยมีใครทำแบบนี้มาก่อนเลย
“เขาใส่ใจคุณมากกว่าที่ผมคิด ถ้าวันนี้เขาไม่หลับไปก่อน ความหึงหวงของเขาคงจะทำให้เราทั้งสามคนอับอาย” จินอิ๋นพูดนิ่งๆ ภายในใจอี้สี่รู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่จินอิ๋นพูดนั้นถูกต้อง แต่ระหว่างทางกลับบ้านเธอรู้สึกโกรธเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงไม่อยากคุยกับเขา แท็กซี่เลี้ยวอีกครั้งก็มาถึงบ้านของอี้สี่ อี้สี่พูด “คุณนั่งรถคันเดิมกลับเลย ฉันขึ้นไปเองได้”
“ผมไม่ได้จะกลับบ้านผม ผมจะอยู่บ้านคุณ”
“ฉันไม่ได้บอกว่าคุณอยู่บ้านฉันได้ และก็ไม่ได้ชวนคุณเข้าบ้านด้วย” จะมีคนหน้าด้านขนาดนี้ได้ยังไง
“ผมไม่สน ถ้าคุณไม่ให้ผมไปบ้านของคุณ ผมก็แค่กลับไปอุ้มหลัวจ้งซีไปวางที่ข้างถนน ใครอยากได้ก็หยิบไปได้” จินอิ๋นยิ้มจนเขี้ยวเล็กๆ สองข้างและลักยิ้มเผยออกมา เป็รอยยิ้มที่ทำให้ไม่รู้สึกอันตราย “หลัวจ้งซีจะไม่เป็ไรจริงๆ เหรอ?” อี้สี่ถามอย่างกังวล แน่นอนว่าการที่เธอถามแบบนี้จินอิ๋นก็รู้ว่าเธอไม่ได้โกรธอีกต่อไปแล้ว
“กินยานอนหลับไปเศษหนึ่งส่วนสี่เม็ดไม่ได้เป็อะไร แค่ช่วยให้เขานอนหลับสบาย คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ไม่มีใครฆ่าตัวตายด้วยการกินยานอนหลับแล้ว เพราะยาพวกนี้กินยังไงก็ไม่ตาย” อี้สี่เปิดประตู ทันทีที่ประดูอ้าออกเพียงเล็กน้อย จินอิ๋นก็แทรกตัวเข้ามาในห้องของเธอ ด้วยกลัวอย่างยิ่งว่าเธอจะกลับคำพูด จึงปิดประตูลงล็อก
ห้องชุดของอี้สี่เรียบง่ายมาก ทันทีที่เดินเข้าไปก็จะเจอห้องน้ำที่อยู่ด้านซ้ายของทางเดิน โต๊ะทำอาหารยาวหนึ่งฟุตทางด้านขวา เคาน์เตอร์มีขนาดเล็กมากและเป็เตาไฟฟ้า โดยใต้เตาไฟฟ้ามีตู้เย็นเล็กๆ พอเดินเข้าไปอีกก็เจอเตียงนอน ข้างเตียงมีกล่องกระดาษแข็งที่ยังไม่ได้เปิดหลายกล่องจากตอนที่เธอย้ายออกจากบ้านของหวังจงเหยียนอย่างรีบร้อน ซึ่งกระเป๋าหลายใบของเธอก็ยังไม่ได้ถูกเปิดเลย แต่ชีวิตในร้านอาหารก็ยุ่งมาก หากไม่มีอะไรต้องใช้ อี้สี่จะไม่ยุ่งกับมันเลย บนพื้นมีโต๊ะกาแฟเรียบๆ ตั้งอยู่ ส่วนบนผนังมีทีวีติดอยู่ แม้ว่าพื้นที่จะเล็กกว่าของจินอิ๋นมาก แต่ก็มีอุปกรณ์ครบครัน
อี้สี่หนีบผมของเธอด้วยกิ๊บติดผมรูปฉลาม หยิบชุดนอนมาและเตรียมตัวอาบน้ำ จินอิ๋นเดินเข้ามาพูดว่า “ผมอยากอาบน้ำกับคุณ”
“ห้องน้ำเล็กเกินไป และฉันก็เหนื่อยด้วย” เธอเลี่ยงจินอิ๋นโดยเดินเข้าห้องน้ำไป แต่จินอิ๋นก็เดินมาขวางทางเธอ “ให้ผมอาบด้วยนะ อีกอย่างพรุ่งนี้ก็เป็วันหยุด คุณคิดว่าผมจะมาที่นี่เพื่อนอนจริงๆ งั้นเหรอ?”
“คุณมันนิสัยไม่ดีมากจริงๆ” เธอจ้องมองเขา แต่ในดวงตาไม่มีร่องรอยความโกรธเลย แค่ทำอะไรไม่ค่อยถูกมากกว่า
“ผมก็ไม่เคยเสแสร้งแกล้งทำเป็คนดีนี่” จินอิ๋นจับมือเธอมาวางบนหน้าอกของเขา แม้ว่าหน้าอกจะไม่ได้ใหญ่แต่ก็กระชับแน่น “ถึงแม้ห้องน้ำจะเล็ก แต่หน้าอกของผมก็เล็ก เราสองคนก็เบียดกันยืนอาบน้ำได้ และผมจะช่วยคุณถูสบู่ที่หน้าอกคุณเอง” เขาพูด ช่างเป็คำพูดที่จริงจังมากจนอี้สี่ะเิเสียงหัวเราะออกมา
ห้องน้ำของอี้สี่แม้จะเล็กแต่ก็ดูดีมาก เขาก้มตัวลงจูบเธอ ดันอี้สี่เข้ากับผนัง ทันใดนั้นพื้นที่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกเล็กอีกต่อไป จินอิ๋นวางสบู่บนมือทั้งสองข้าง ถูกับอกเธอจนเกิดฟองปกคลุมไปทั่ว ก่อนจะใช้น้ำอุ่นฉีดใส่เพื่อกระจายฟองให้ทั่วร่างกายของอี้สี่ ยอดอกของเธอชูชันเพราะร่างกายของเขา เขาจึงใช้ประโยชน์จากความลื่นของฟองใช้ร่างกายถูไถปัดป่ายยอดอกของเธอไปมา มือที่เต็มไปด้วยสบู่ลูบไล้มาถึงระหว่างบั้นท้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผ่านส่วนล่างร่างกายของอี้สี่ และขยับเลื่อนไปบนกลีบสาวแต่ละกลีบ เธอตัวสั่น มีของเหลวร้อนไหลออกมา และนั่นทำให้ส่วนล่างยิ่งลื่นกว่าเดิม
อี้สี่ไม่ได้เตี้ย เธอสูงอย่างน้อยหนึ่งร้อยหกสิบเิเ ส่วนจินอิ๋นสูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบเิเ ร่างกายของเขาไม่ได้บึกบึนมากนัก แต่กำลังแขนของเขาแข็งแกร่งมากซึ่งแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อตอนที่เขายกหลัวจ้งซีขึ้น เขาอุ้มอี้สี่ขึ้นมาแล้วผลักเข้ากับกำแพง อี้สี่กอดคอเขา ตวัดขาเกี่ยวพันรอบเอวสอบไว้ด้วยความกลัว ััได้ถึงแท่งร้อนของเขาที่จ่ออยู่ตรงปากทางเข้านุ่มพอดี
“คุณอยากทำเหรอ? แต่คุณยังไม่ได้ใส่ถุงยาง” อี้สี่สะดุ้ง
“ไม่ยุติธรรมเลย เขาสามารถทำกับคุณได้โดยไม่ต้องใช้ถุงยาง แล้วทำไมผมทำไม่ได้” จินอิ๋นพึมพำอยู่ข้างหูของเธอ “ผมได้กลิ่นของเขาที่ติดอยู่บนตัวคุณ และผมก็ได้กลิ่นยาที่คุณกินมาได้ด้วย”
“คุณอย่าทำแบบนี้” อี้สี่พยายามดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง แต่ทันทีที่ขยับดิ้น กายสาวที่ค่อนข้างชุ่มแฉะเล็กน้อยก็ได้พาแท่งร้อนของเขาผลุบหายเข้าไปแล้ว
“พระเ้า! ไม่มีถุงยางแล้วรู้สึกดีจริงๆ” จินอิ๋นเกร็งสะโพกดันตัวเข้าไป คลายแขนเล็กน้อย ทันใดอี้สี่ก็ขยับกดกายลงมาจนรับแท่งร้อนของเขาเข้าไปได้ทั้งหมด อี้สี่กลัวหล่นมากจึงกอดคอเขาเอาไว้แน่น ท้องน้อยเกร็งจนสุดกำลัง ซึ่งกายสาวเองก็บีบตัวตนเขาแน่นเช่นกัน
จินอิ๋นรู้สึกดีมาก เขาหลับตาลงแล้วดันเธอเข้ากับผนัง ขยับกระแทกตัวตนตอกเข้าไปในตัวเธอ เขาหอบหายใจถี่และสีหน้ามึนเมาของเขาก็เซ็กซี่มาก
อี้สี่ไม่เคยลองท่านี้มาก่อนเพราะว่าเธอไม่ได้ตัวเล็ก ผู้ชายต้องแข็งแกร่งมากถึงจะสามารถรักษาตำแหน่งนี้ไว้ได้ ด้วยความกลัวเธอจึงทำได้แค่เกาะเขาให้แน่นเท่านั้น ทุกครั้งที่เธอรู้สึกว่าตัวกำลังจะไหลลงมา จินอิ๋นก็จะยกตัวเธอขึ้นเล็กน้อย และเนื่องจากแรงโน้มถ่วง เธอจึงรู้สึกว่าตัวตนของจินอิ๋นได้แทรกผ่านเข้าไปในตัวเธอลึกขึ้นทุกครั้ง เธอรู้สึกราวกับว่าความเสียดเสียวในร่างกายของเธอเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง การถูกชำแรกเข้ามาสุดลึกเช่นนี้ก็แทบจะทำให้ในหัวเธอขาวโพลน ทันทีที่ถึงจุดสุดยอด เธอรู้สึกว่าสติสัมปชัญญะของเธอได้ถูกดึงกระชากออกไป
จินอิ๋นวางเธอลง ปล่อยให้เธอยืนอยู่บนพื้น จินอิ๋นดึงตัวตนออกมาแล้วเอนพิงกำแพงพลางหอบหายใจ
“ฉันตัวหนักเกินไปหรือเปล่า?” อี้สี่รู้สึกอายแต่เธอก็รู้สึกดีมาก แข้งขาอ่อนแรงจนแทบจะยืนไม่ไหว ทำได้เพียงพิงเขาเท่านั้น
“ไม่นะ” จินอิ๋นจับตัวเธอหันหลังยันกำแพงไว้ จับเอวของเธอแล้วดันตัวตนเข้ามาจากด้านหลัง “งั้น ถ้าผมดึงออกไม่ทันผมจะปล่อยข้างในนะ” เขาหายใจเข้าแล้วดันเข้าไปอีกครั้ง อี้สี่ยังคงค้างในรสรักอยู่ ซึ่งมันรู้สึกดีกว่าครั้งไหนๆ ความสุขเริ่มกลับมากองรวมกันอีกครั้ง ขาของเธอสั่นเทา ในท่านี้ทำให้ทั้งคู่รู้สึกดีมาก จินอิ๋นขยับเร็วขึ้น ทั้งสองต่างก็ร้องครางออกมา จนสุดท้ายจินอิ๋นก็รีบถอนกายออกมา และของเหลวร้อนก็ฉีดรดไปบนบั้นท้ายของอี้สี่
หลังจากที่จินอิ๋นทำความสะอาดให้อี้สี่แล้วเขาก็อุ้มเธอไปนอนพักผ่อนอยู่บนเตียง
“ฉันรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเราเริ่มไม่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว” อี้สี่ถอนหายใจ
“อยากได้ความชัดเจนเหรอ? คุณอยากได้ความสัมพันธ์ที่ชัดเจนจริงๆ งั้นเหรอ? ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ” จินอิ๋นพูด “นอนค้างกับคุณก่อน พอรุ่งสางผมก็จะกลับไปหาหลัวจ้งซี”
“คุณจะไม่ทำร้ายเขาใช่ไหม?” อี้สี่กังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับคนสองคนนี้
“ตราบใดที่เขาไม่ทำผมนะ คุณแค่เป็ห่วงเขาเท่านั้นเหรอ?” จินอิ๋นััได้นิดๆ
“เฮ้! จินอิ๋น ในความสัมพันธ์ของพวกเรา คุณ้าอะไร?” อี้สี่ถาม
“ให้ตายเถอะ” จินอิ๋นพูด คำตอบนี้ทำให้อี้สี่สับสนมากจริงๆ ทำให้อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“ในตอนนี้ความปรารถนาเป็ของจริง ส่วนความรักเป็เพียงน้ำตาลเคลือบที่ฟังดูดีเท่านั้น คุณ ผม และเขาต่างก็เหมือนกันทุกคน” จินอิ๋นพูด
ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็ปรัชญาชีวิต
อี้สี่ขบคิดเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง เธออยากจะพูดคุยเกี่ยวกับเื่บางอย่างต่อ แต่ความเหนื่อยล้าก็มาเยือน ด้วยเหมือนจะต้องใช้ความพยายามมากในการคุยเื่นี้เพิ่มเติม
ขณะที่เธอกำลังจะหลับก็รู้สึกว่าจินอิ๋นลูบแก้มของเธออย่างระมัดระวัง และพึมพำแ่เบาราวกระซิบเบา “ผมรอคุณมานานแล้ว...ในที่สุดคุณก็กลับมา...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้