เมื่อได้ยินว่าเป็ความลับของประเทศ นักข่าวเหล่านี้ก็ไม่กล้าปะทะต่อ ตอนที่พวกเขาเห็นรอยแผลของจ้าวอี้ พวกเขาก็รู้แล้วว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าไม่ธรรมดา และเลือกที่จะเชื่อคำพูดของเขา
“คำถามถัดไปช่วยมุ่งเน้นไปที่คดีด้วยนะครับ เชิญถามได้ครับ”
จ้าวอี้ชี้สุ่มไปที่นักข่าวจ้ำม่ำวัยกลางคน
นักข่าวคนนี้ไม่ได้ถามเื่ของจ้าวอี้เลย “ขอถามครับ การเสียชีวิตของหลี่ต้าเฮิงนั้น เพื่อนร่วมงานของคุณถูกจับได้ในที่เกิดเหตุ จนถึงตอนนี้ทำไมยังไม่ตัดสินคดีล่ะครับ? พวกเราได้รับข้อมูลมาว่า ก่อนที่เขาจะมาถึงฮ่องกง มีเงินก้อนใหญ่ถูกโอนเข้ามาในบัญชีของเขา ซึ่งพิสูจน์ได้มากพอแล้วว่าเขาเป็ฆาตกรนี่ครับ? ทำไมทางตำรวจถึงยังไม่ตัดสินความผิดเขาล่ะครับ แล้วเหมือนที่เขาลือกันข้างนอกไหมครับว่า คนคนนี้มีเส้นสายในแผ่นดินใหญ่ เพราะงั้นเลยได้รับแรงกดดันจากเบื้องบน และกำลังเตรียมหาแพะรับบาปอยู่?”
ทันทีที่ชายวัยกลางคนผู้นี้ถามออกมา นักข่าวทุกคนต่างซุบซิบกัน ขณะเดียวกันก็มองไปทางจ้าวอี้ ดูว่าเขาจะตอบคำถามอย่างไร
คิ้วของจ้าวอี้ขมวดอีกครั้ง
เขาไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมนักข่าวเหล่านี้ถึงได้รู้เื่ไปเสียทุกอย่าง แม้แต่ส่วนที่เป็ความลับของคดียังรู้ได้ อย่างเช่น เงินที่เพิ่มขึ้นมาในบัญชีของโจวเหวินิ ข้อมูลนี้คนทั่วไปไม่มีทางรู้แน่ๆ
เขาครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ผมไม่รู้ว่าพวกคุณไปได้ยินเื่นี้มาจากไหน สะดวกบอกผมไหมครับ?”
“แน่นอนอยู่แล้วครับ พวกเราได้รับสำเนาเอกสารแบบเดียวกันนี้ในกล่องจดหมายของพวกเราแต่ละคน ในนั้นอธิบายถึงคดีนี้ไว้ คุณจะเอาไปดูก็ได้” ชายวัยกลางคนตอบทันที ขณะเดียวกันก็ส่งสำเนาแผ่นหนึ่งมาให้
ในนั้นเขียนอย่างชัดเจนถึงสถานะพื้นฐานของโจวเหวินิ เป็ผู้อำนวยการสมาคมศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็หนึ่งในสถานะหลายอย่างของเขา สถานะระดับนี้ห่างไกลจากที่คนทั่วไปควรจะรู้ แต่ความสัมพันธ์กับเบื้องบนนั้นพูดได้เลยว่าเป็ไปด้วยดี นอกจากนี้ยังเขียนเวลาที่บัญชีของเขามีเงินก้อนใหญ่โผล่ขึ้นมาด้วย และคาดการณ์ไว้ว่าที่ยังชักช้าไม่ตัดสินความผิดสักที เป็เพราะแรงกดดันที่ได้รับมาจากเบื้องบน
“พวกคุณได้รับกันหมดเลยเหรอ?” จ้าวอี้ยกสำเนาเอกสารในมือขึ้นมา
นักข่าวทุกคนพยักหน้ารับอย่างพร้อมเพรียง
อุบายนี้ เป็อุบายที่เพ่งเล็งไปยังโจวเหวินิ มีใครบางคนตั้งใจชี้นำเื่ทั้งหมดอยู่
“เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนอยากให้ทุกท่านทำเช่นนี้ หวังให้ทางตำรวจตัดสินโทษผิดพลาด ทุกท่านโปรดอย่าหลงเชื่อเนื้อหาบนจดหมายนี้นะครับ”
จ้าวอี้พูดอย่างจริงใจ
“งั้นคุณหมายความว่าข้อมูลในนั้นไม่ถูกต้องเหรอครับ?” มีคนถามกลับทันที
“ไม่ได้เป็ไปตามนี้ทั้งหมดครับ พูดได้แค่ว่ามีจริงบ้างเท็จบ้าง”
คำตอบของจ้าวอี้ดูระวังตัวมาก เขาไม่กล้าพูดว่ามันทั้งหมดผิด ถ้าเป็แบบนั้น ถูกคนฉีกหน้าเอาตอนนี้จะยิ่งแย่กันไปใหญ่
“เช่นสถานะของเขาเป็ความจริง เงินก้อนนี้มีอยู่จริง แต่การคาดการณ์ส่วนหลังเป็การเข้าใจผิดทั้งหมด จนถึงวันนี้ พวกเราตำรวจไม่ได้รับแรงกดดันใดๆ จากเบื้องบนหรือขอให้เรารีบปิดคดีโดยเร็วที่สุดเลยครับ ในทางกลับกัน พวกเขาได้ให้ความช่วยเหลือต่างๆ กับทางเรา หวังให้พวกเราสามารถหาตัวผู้บงการและฆาตกรตัวจริงได้”
“ใช่แล้ว เื่นี้ผมยืนยันให้ได้ ผมก็ไม่ได้รับคำขอจากเบื้องบนให้ปกป้องใครเลย ตอนนี้คุณโจวเหวินิยังถูกพวกเราจับตามองอย่างใกล้ชิดอยู่ครับ” ฉือผิงฮุยแทรกขึ้น
เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้น เหมือนกับคำตอบของจ้าวอี้ คำยืนยันของฉือผิงฮุยยากที่นักข่าวจะยอมรับได้
จ้าวอี้พูดต่ออย่างจริงจัง “ผมยืนยันกับทุกคนได้เลยครับ ในฐานะที่เคยเป็ทหารมาก่อน ทุกประโยคที่ผมพูดเป็ความจริงที่เชื่อถือได้ สิ่งที่บอกทุกคนได้เป็ความจริงแน่นอนครับ สิ่งที่พูดไม่ได้ผมก็จะไม่พูด ผมไม่หลอกพวกคุณหรอกครับ ท่านต่อไปครับ คุณมีคำถามอะไรครับ?”
เมื่อได้ยินจ้าวอี้พูดเช่นนี้ เสียงถกเถียงกันก็เบาลงมาก ในที่สุดพวกเขาก็เต็มใจที่จะเชื่อจ้าวอี้แล้ว
นักข่าวที่ถูกชี้ตัวพูดขึ้นทันที “ขอถามครับคุณจ้าว เมื่อไรพวกคุณจะไขคดีได้ครับ? เท่าที่พวกเราทราบมา ตระกูลหลี่ได้กำหนดวันฝังศพแล้ว จะมีการเลื่อนการฝังศพของเขาหรือไม่ครับ?”
คำถามนี้ดูเหมือนไม่ใช่สาระสำคัญ ความจริงแล้ว ในฮ่องกงเคารพขนบธรรมเนียมประเพณีมาก เพราะถ้าทางตำรวจหยุดการฝังศพของหลี่ต้าเฮิงออกไปเนื่องจากคดีความ เกรงว่าหลายคนคงเข้าใจแต่อาจรับไม่ได้
“พวกเราทำได้เพียงสาบานว่าจะทำอย่างสุดความสามารถครับ ปัญหานี้ยังอยู่ระหว่างการหารือ ไม่อาจให้คำตอบที่ถูกต้องแก่ทุกคนได้ครับ เอาล่ะครับ เวลาเหลือไม่มากแล้ว การแถลงข่าววันนี้คงพอเท่านี้ก่อน ถ้าคดีมีความคืบหน้าอะไรใหม่ ทางเราจะแจ้งให้นักข่าวทุกท่านทราบครับ”
จ้าวอี้มองเวลา มันใกล้จะครบหนึ่งชั่วโมงแล้ว แต่นักข่าวฮ่องกงกลับไม่ยินยอม เขาจึงเลือกที่จะจบการแถลงข่าวอย่างเด็ดขาด
ตอนนี้นักข่าวไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ทางตำรวจได้ให้คำตอบไปแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้โต้เถียงอะไรมาก การรีบกลับไปรายงานเื่นี้ เป็งานใหญ่ที่สุดของพวกเขา
เมื่อกลับเข้ามาในสำนักงาน ฉือผิงฮุยก็ยกนิ้วโป้งให้ทันที “สุดยอด ผมเห็นร่างกายของคุณแล้ว ผมนับถือจริงๆ! พูดก็พูดเถอะ ผมค่อนข้างสงสัยนะ รอยแผลจากะุปืนบนตัวคุณไม่น้อยเลย? เหมือนเป็แผลเก่าเลย ช่วยเล่าให้ผมฟังได้ไหม?”
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
จ้าวอี้เอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ "ผู้ตรวจการฉือ มันเป็ความลับจริงๆ ครับ ผมพูดไม่ได้ พอดีเลย มีเื่หนึ่งที่ผมอยากถามสักหน่อย? คุณว่าใครเป็คนเปิดเผยสถานการณ์ให้นักข่าวเมื่อครู่?"
“มีความเป็ไปได้สองอย่าง อย่างแรกคือพวกตำรวจเปิดเผยออกไปอย่างลับๆ เพราะงานข่าวของฮ่องกงพัฒนามาก เบาะแสข่าวใหญ่มักมาพร้อมกับเงินรางวัลจำนวนมาก ไม่แปลกที่บางครั้งจะมีข้อมูลภายในหลุดรอดออกไป แต่สถานการณ์ในวันนี้ผมว่ามันไม่ใช่ เพราะคนที่ปล่อยข้อมูลนี้ออกมาเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เพราะเงิน เหมือนเป็การก่อเื่มากกว่า แน่นอนว่าคำพูดของนักข่าวก็เชื่อถือไม่ได้ทั้งหมดหรอก พวกเขาต้องปกป้องผู้ให้ข้อมูลกับตน เพื่อให้พวกนั้นหาข้อมูลภายในมามากขึ้น ไม่น่าแปลกใจเท่าไร”
จ้าวอี้พยักหน้าอย่างเห็นด้วย การวิเคราะห์ของฉือผิงฮุยเป็ที่น่าพอใจ ควรค่ากับการเป็ผู้กำกับของสถานีตำรวจ
“คนที่สามารถส่งข้อมูลให้สื่อหลายสำนักในเวลาเดียวกันได้ ความสามารถของเขาไม่น้อยเลย อย่างน้อยก็ต้องมีเงิน ผมคิดว่า คนคนนี้อาจเป็คนเดียวกับคนที่เคยโอนเงินให้โจวเหวินิ!”
ฉือผิงฮุยพูดอย่างมั่นใจ เขาเชื่อการตัดสินของตนมาก
ใจจ้าวอี้ก็โอนเอียงไปทางความเป็ไปได้นี้เช่นกัน
พอคิดดูแล้ว เขาก็เล่าเื่สูติบัตรและใบผลตรวจร่างกายที่หลี่เทียนิเอามาให้ไปรอบหนึ่ง จ้าวอี้ไม่ได้ปิดบัง เขาคิดว่าฉือผิงฮุยน่าเชื่อถือมากพอ แม้ว่าเขาจะใจร้อนไปหน่อย แต่ถ้าจับฆาตกรตัวจริงได้ เขาต้องยินดีมากแน่
“น่าสนใจ คุณบอกว่ากระดาษสองใบนี้ หลี่เทียนิพบในตู้เซฟของพ่อเขาสินะ?”
ฉือผิงฮุยพิจารณากระดาษสองใบนี้ ในกระดาษบางๆ คล้ายมีกลอุบายซ่อนอยู่ ทำให้เขาพลิกไปพลิกมาไม่หยุด
“ใช่แล้ว คุณว่ายังไงล่ะ?”
“คุณดูหนังสือพิมพ์ฉบับนี้สิ” ฉือผิงฮุยเลี่ยงการพูดถึงเื่นี้ทันที หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งในจำนวนหลายฉบับที่เขาขนมาเมื่อครู่ เขากางมันออกมา แม้เนื้อหาข้างต้นจะเกี่ยวข้องกับหลี่ต้าเฮิง แต่กลับวิจารณ์ตำรวจน้อยมาก
่นี้ การเสียชีวิตของหลี่ต้าเฮิงนำไปสู่ความวุ่นวายใหญ่หลวง ตามที่ข่าวในหนังสือพิมพ์บอกไว้ หลี่ต้าเฮิงมีลูกนอกสมรสทั้งหมดหกคน นางสาวหลี่เยว่หรูกล่าวว่า จะทำตามพินัยกรรมของบิดาเธอ และจะส่งเงินให้พวกเขาทุกปีตามส่วนแบ่ง ในวันนี้เอง นางสาวหลิวฉินซึ่งอ้างตัวว่าตนเป็ลูกนอกสมรสของหลี่ต้าเฮิง กล่าวว่าตนควรมีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติด้วยเช่นกัน เธอได้บอกกับทางหนังสือพิมพ์ว่า ได้ส่งผลตรวจเืให้กับทางศาลฮ่องกงแล้ว และอีกไม่นานก็จะได้ข้อสรุป ไม่รู้ว่านางสาวหลี่เยว่หรูจะจ่ายหนี้รักชิ้นโบแดงที่บิดาของเธอเคยสร้างเอาไว้หรือไม่...
รายงานนี้เป็ของเมื่อวาน
“หลี่ต้าเฮิงคนนี้เ้าชู้ไม่เบาเลย”
จ้าวอี้เข้าใจความหมายของฉือผิงฮุยอยู่บ้าง
“คุณพูดถูก เศรษฐีฮ่องกงเสียชีวิต ไม่ใช่เื่แปลกที่ลูกหลานจะต่อสู้เพิ่งแย่งชิงทรัพย์สมบัติกัน ผมคิดว่าข้างในนี้น่าจะมีบทความอยู่นะ? ทรัพย์สินของหลี่ต้าเฮิงไม่ใช่น้อยๆ เลย และลูกนอกสมรสของหลี่ต้าเฮิงก็ไม่ได้รับความสำคัญ จากพินัยกรรมของเขาก็พอจะดูออก คุณคิดว่าถ้าตอนนี้หลี่เยว่หรูถูกเปิดโปงว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆ จะเป็ยังไงล่ะ?”
ดวงตาของฉือผิงฮุยยิ่งเป็ประกาย เขาพอจะเดาได้คร่าวๆ ว่าผลของเื่นี้จะเป็อย่างไร ยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นเต้น
“ตามกฎหมายการสืบทอด แม้ว่าหลี่เยว่หรูจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่พินัยกรรมยังคงมีผลอยู่ อย่างไรเสียพินัยกรรมฉบับนี้ก็ผ่านการรับรองแล้ว ซึ่งเหมือนจะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับหลี่เยว่หรูเลย อย่างมากก็ส่งผลแค่ชื่อเสียงของเธอเท่านั้น”
จ้าวอี้คิดว่าเื่นี้ส่งผลต่อหลี่เยว่หรูอย่างมาก และคงจะเกิดข่าวลืออีกมากตามตลาด
“ไม่ๆ คุณไม่เข้าใจ ตระกูลหลี่เป็ธุรกิจครอบครัวและไม่อยู่ในรายชื่อ หุ้นที่หลี่ต้าเฮิงถืออยู่มีจำนวนมากที่สุด แต่ไม่เกินครึ่ง พวกคนแก่ๆ ที่ต่อสู้มาด้วยกันกับเขาต่างถือหุ้นจำนวนมากเช่นกัน เมื่อนำหุ้นเหล่านี้มารวมกัน บวกกับหุ้นของน้องชายเขาแล้วก็ลูกนอกสมรสพวกนั้นเข้าไป มันก็มากพอที่จะสั่นคลอนตำแหน่งประธานของหลี่เยว่หรูแล้ว”
ยิ่งพูด เขาก็ยิ่งตื่นเต้น ยิ่งรู้สึกว่าการคาดการณ์ของตนถูกต้อง
“เร็วเข้า ผมอยากเห็นคำให้การของหลี่เยว่หรูกับคนอื่น ดูสิว่ามีอะไรน่าสงสัยหรือเปล่า”
ความคิดพรั่งพรู สมองของฉือผิงฮุยประมวลอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นจ้าวอี้ก็บอกว่าตนพบข้อแตกต่างในคำให้การของพวกเขา ฉือผิงฮุยใช้ฝ่ามือตบลงบนแฟ้มคำให้การอย่างแรง เขาเหมือนกำลังพูดกับตัวเอง แล้วก็เหมือนจะพูดให้จ้าวอี้ฟัง “ต้องเป็แบบนี้แน่ๆ คุณดูสิ ่เวลานี้หลี่เยว่หรูจะมีเวลาในการก่อเหตุฆาตกรรมพ่อของเธอ ขณะเดียวกันก็สั่งให้บอดี้การ์ดของเธอลงมือกับอาตัวเองด้วย เธอต้องได้ยินเื่อะไรบางอย่างจากอาเธอแน่ๆ และรู้ว่าจะทำให้เกิดความสงสัยในตัวตนของเธอ ดังนั้นจึงลงมือวางยาพิษไงล่ะ! ช่างเป็ผู้หญิงที่โเี้จริงๆ! ต้องเป็แบบนี้แน่!”
ฉือผิงฮุยสรุปจากเบาะแสอย่างมีเหตุผล ทำให้จ้าวอี้ค่อนข้างเชื่อ เพียงแต่ ถ้าเป็อย่างที่ฉือผิงฮุยพูดจริงๆ มันก็แค่ละครครอบครัวเศรษฐีแย่งชิงสมบัติกันไม่ใช่เหรอ?
จ้าวอี้ไม่แน่ใจ
“ดูนี่ก่อน ข้อมูลของหลี่ต้าเฮิง เขามีหมู่เืเอ! เสี่ยวหวัง เสี่ยวหวัง! รีบไปห้องเก็บเอกสารแล้วเอาแฟ้มคดีแม่ของหลี่เยว่หรูมาให้หน่อย ฉัน้าใช้ตอนนี้เลย” ฉือผิงฮุยเรียกผู้ช่วยที่อยู่ด้านนอกเสียงดัง เขาเดินไปเดินมาอยู่ที่เดิมอย่างตื่นเต้น
จ้าวอี้นั่งอยู่ตรงนั้น พิจารณาอย่างเงียบๆ
“ทำไมช้าขนาดนี้เนี่ย!” ฉือผิงฮุยพูด รอจนเสี่ยวหวังมา เขาก็เปิดแฟ้มคดีแม่ของหลี่เยว่หรูทันที
แม่ของหลี่เยว่หรูเสียชีวิตไปนานแล้ว เสียชีวิตจากการคลอดบุตรยาก ดังนั้นจึงไม่มีแฟ้มคดีอิเล็กทรอนิกส์ แฟ้มคดียังเป็แฟ้มกระดาษอยู่ เลยค้นหาได้อย่างรวดเร็ว หรือไม่ก็เพราะให้ความสำคัญกับคดีนี้ ในสำนักงานเลยเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับตระกูลหลี่ไว้อย่างไม่รู้ตัว
“ฮ่า! แม่ของเธอหมู่เืบี! หลี่เยว่หรูหมู่เืโอ! เธอต้องไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของหลี่ต้าเฮิงแน่!” ฉือผิงฮุยร้องออกมาเสียงดังอย่างตื่นเต้น เอ่ยอย่างมั่นใจ
“ผิดแล้ว! แม้พ่อของเธอจะหมู่เืเอ แม่หมู่เืบี แล้วหมู่เืของหลี่เยว่หรูเป็โอ เื่แบบนี้ยังพอเป็ไปได้อยู่นะครับ”
จ้าวอี้ปฏิเสธ
แต่มันเป็แบบนั้นจริงเหรอ? แน่นอน แม้หมู่เืเออาจจะมียีนของหมู่เืโออยู่ จึงเป็ไปได้ที่ลูกจะมีหมู่เืโอ ความเป็ไปได้เช่นนี้ต้องมีอยู่แน่!