ทั้งสองซื้อของไปไม่น้อย ทั้งเนื้อ ผัก แถบคำมงคลตรุษจีน ลูกอม เมล็ดทานตะวันและผลไม้
หอบถุงใบใหญ่เดินออกจากตลาดในเมือง เดินผ่านแผงร้านค้าหนึ่งซึ่งขายดอกไม้ประดับของปลอม ใช้ผ้ากำมะหยี่สีแดงกับลวดทำเป็รูปกลีบดอก จากนั้นติดเข้ากับกิ่งไม้แห้งที่ทาสีแล้ว เหมือนดอกเหมยที่หล่นบนหิมะ สวยงามมาก
ข้างๆ แผงมีชายหญิงคู่หนึ่งยืนอยู่ ชายหนุ่มโอบเอวหญิงสาว จากนั้นซื้อดอกไม้มาหนึ่งดอกแล้วเสียบลงตรงหน้าอกให้เธอ หญิงสาวระบายรอยยิ้มหวาน ใบหน้าที่มีเสน่ห์นั้นดูแดงระเรื่อสวยงามยิ่งกว่าดอกไม้เสียอีก
เหลียงหานตัวแข็ง เขายืนอึ้งมองดูใบหน้าหญิงสาว เมื่อเห็นชัดว่าเป็เจี่ยงหยวน ความรู้สึกตื่นใจู่โจมจิตใจเขาทันที
อวี๋มู่ไม่ทันสังเกตเห็นเจี่ยงหยวน เขาเดินอยู่ด้านหน้า เหลียงหานสะกดอารมณ์ตัวเอง แล้วรีบเดินตาม
เขากับเจี่ยงหยวนเดินสวนกันไป หญิงสาวแสร้งทำเหมือนไม่เห็นเขา รอยยิ้มมุมปากหยุดไปเสี้ยววิ จากนั้นเกี่ยวแขนชายหนุ่ม หยอกล้อกันไป
แต่เหลียงหานรู้ดีว่าแม่เห็นเขาแล้ว เห็นชัดเจนด้วย
เพียงแต่หล่อนไม่ยินดีที่จะคุยกับเขา และไม่ยอมให้เขารู้จักชายคนนั้นว่าเป็ใคร
ความสงสัยที่มีจากตอนแรกจนถึงเดี๋ยวนี้ ทุกอย่างกระจ่างแจ้งแล้ว
ทำไมแม่ถึงออกจากบ้านแต่เช้าและกลับดึกทุกคืน มีบางครั้งที่ไม่กลับบ้าน
เธอไปหาใคร? เธอไปค้างคืนที่ไหน? ตลอดมาเธอออกมาทำอะไรกันแน่?
คำพูดของเฉินผิงก้องอยู่ในหูเขา เขาด่าว่าแม่เป็นางแพศยา เขาบอกว่าแม่ชอบไปนอนค้างคืนบ้านผู้ชาย เขาบอกแม่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
แต่ก่อนเขาเกลียดจนแทบอยากฆ่าเฉินผิงให้ตาย โกรธเกลียดอยากทำลายทุกคนที่ต่อว่าแม่ของเขา แต่วันนี้กลับค้นพบความจริง…..
ที่แท้ทั้งหมดนี้คือเื่จริง…...
เหลียงหานกำถุงพลาสติกในมือแน่นจนแทบจิกเข้าเนื้อ ความเ็ปพรั่งพรูออกมา เขายกมุมปากฉีกยิ้มสมน้ำหน้าตัวเอง ดวงตาแดงก่ำอย่างควบคุมไม่ได้
ตลกสิ้นดี ช่างน่าขำเกินไปจริงๆ
*
อวี๋มู่กับเหลียงหานกลับถึงบ้านวางถุงข้าวของลง อวี๋มู่กำลังเหยียดแขนที่รู้สึกชาเพื่อให้เืค่อยๆ ไหลเวียน กลับเห็นเหลียงหานยังคงยืนอยู่ที่ประตู ข้าวของก็ลืมที่จะวางลง เพียงแต่ยืนก้มหัวไม่พูดจา
ท่าทางเช่นนี้มาสักระยะั้แ่ขากลับ ทั้งๆ ที่ตอนอยู่ในเมืองยังดีๆ อยู่ ทำไมมาตอนนี้กลับเปลี่ยนไปล่ะ?
อวี๋มู่เดินมาหน้าเหลียงหาน เรียกเขาสองหน
“วางของลงก่อนค่อยเข้าห้องทำมือให้อุ่น”
เหลียงหานได้สติ ตอบเขาแล้ววางของเข้าห้องครัว หลังจากวางเสร็จ ถึงจะสังเกตเห็นว่าฝ่ามือแดงทั้งสองข้าง ทั้งยังหลงเหลือรอยเล็บจิกลึก
เขาเม้มปาก เดินออกไปทางประตู “ครูฮะ วันนี้ผมไม่ค่อยสบาย ขอกลับก่อนนะฮะ”
เขาไม่อยากให้อวี๋มู่มองเห็นเขาในสภาพตอนนี้ สภาพที่บ้าคลั่ง เ็ป ไม่อยากยอมรับในตัวเอง ไม่อยากยอมรับในตัวแม่ ทั้งหมดทั้งมวลนี้เขาไม่อยากยอมรับอะไรอีกแล้ว
เขารู้สึกละอายใจถึงขั้นอับอาย
เขาอยากสงบสติแล้วพูดคุยกับแม่
อวี๋มู่ขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ขัดเขา เขารู้ว่าเหลียงหานไม่อยากพูด ถามไปก็ไม่เกิดประโยชน์
กลางคืนเขานอนอยู่บนเตียง อวี๋มู่เอ่ยถามระบบ : ระบบ นายว่าเหลียงหานไม่ได้ยังโกรธเื่ที่ฉันมองเขาเป็เงาซ้อนของคนอื่นใช่ไหม? ไม่น่าสิ ตอนที่เดินเล่น ฉันก็เห็นเขามีความสุขดีนี่นา……
ระบบ : [ที่ตลาดผมเองก็ไม่ทันได้สังเกต]
อวี๋มู่ : เอ๋ เอาอย่างนี้ นายช่วยฉันดูหน่อยว่าเหลียงหานตอนนี้ทำอะไรอยู่
ระบบตอบรับ ครู่นึงผ่านไป ก็เอ่ย : [เหลียงหานกำลังคุยกับแม่เขาอยู่…….]
*
บ้านเหลียง ณ ตอนนี้ เหลียงหานใบหน้านิ่งขรึมดุจน้ำ แววตาที่ซ่อนงำความเ็ป เพื่อให้ตัวเองสามารถไต่ถามเจี่ยงหยวนอย่างสงบนิ่ง
“แม่ฮะ แม่บอกผมได้ไหม แม่เริ่มอยู่กับชายคนนั้นั้แ่เมื่อไหร่?”
หญิงสาวนั่งอยู่บนโซฟา สวมเสื้อขนปุยรัดรูป ผมยาวม้วนเล็กน้อยปล่อยสยายกลางหลัง ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง นี่คือสภาพที่เธอแต่งตัวเวลาออกไปข้างนอก ตอนนี้เธอเพิ่งกลับมายังไม่ทันได้ล้างเครื่องสำอางออก ก็ถูกเหลียงหานตั้งคำถามบีบให้เธอตอบ ใบหน้าแสดงท่าทีไม่ค่อยพอใจ
“นี่มันเื่ของฉัน แกไม่ต้องยุ่ง” เธอยกน้ำบนโต๊ะขึ้นมาดื่ม จะลุกขึ้นเพื่อกลับเข้าห้อง
เหลียงหานคว้าข้อมือเธอไว้ เงยหน้ามอง “แม่ รู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่? แม่กำลังมีชู้นะ! แม่ไม่กลัวคนอื่นเขาด่าว่าแม่เสียๆ หายๆ หรือไง!”
“ด่าก็ด่าไปสิ หลายปีมานี้พวกเขายังด่าฉันลับหลังไม่พออีกหรือไง? บอกว่าฉันเป็คนบ้าบ้างล่ะ หญิงเฮงซวยขี้ขลาดบ้างล่ะ” เจี่ยงหยวนสะบัดมือเขาออก ะโต่อ “ฉันกับไอ้คนแซ่เหลียงไม่ได้รักกัน หากไม่ใช่เพราะถูกมันข่มขืน…….”
มือเรียวยาวของเธอชี้มาทางเหลียงหานจนแทบจิ้มจมูก น้ำเสียงแหลมปรี้ด “หากไม่ใช่เพราะท้องเด็กเหลือขออย่างแก แล้วฉันจะถูกบังคับแต่งงานกับมันได้ยังไง! แกเป็คนทำลายชีวิตฉัน! ตอนนี้แกมีสิทธิ์อะไรมาถามเื่พวกนี้!”
คำพูดของเจี่ยงหยวนเหมือนมีดแหลมคมที่ทิ่มแทงหัวใจของเหลียงหานซ้ำๆ
ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดและเคียดแค้นต่อเขา ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความรักของแม่ที่มีต่อลูกชายแม้แต่นิดเดียว
เขาปล่อยมือที่คว้าเสื้อของเจี่ยงหยวนลง เหลียงหานกัดฟันแน่น สะกดความเ็ปใจในแววตา เขามองดูเจี่ยงหยวน เสียงที่ส่งออกมาทั้งแหบและพร่า “แม่ฮะ ผมแค่กลัวว่าคนอื่นจะมองแม่ไม่ดี ผมไม่ได้โทษอะไรแม่เลย แม่อย่าโกรธเลยนะ…...”
เขาพูดออกมาอย่างยากลำบาก “ผมรู้ว่าแม่กับพ่อไม่ได้รักกัน เป็เขาเองที่ไม่ยอมปล่อยแม่ แม่ลองดูแบบนี้ดีไหม รอจนกว่าเขาจะออกมา พอผมมีความสามารถมีกำลังแล้ว จะต้องบีบเขาทำเื่หย่ากับแม่ให้ได้ จากนั้นแม่ค่อยไปตามหาความสุขของตัวเอง”
“แต่ว่าแม่ฮะ ตอนนี้ยังไม่ได้ ทางกฎหมายพ่อกับแม่ยังเป็สามีภรรยากันอยู่ อีกอย่างสถานะของชายคนนั้นเป็ยังไงแม่ยังไม่รู้ชัดเลยไม่ใช่เหรอ? แม่จะถูกใครหลอกอีกไม่ได้แล้วนะ…...”
“แกจะไปเข้าใจอะไร!” เจี่ยงหยวนชักมือออกมา สีหน้าดุร้าย กล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเกลียด “แกมาพูดถึงกฎหมายอะไรกัน? ถ้ากฎหมายใช้ได้จริง ตอนนั้นทำไมถึงไม่จับไอ้เลวที่ข่มขืนฉันเข้าคุกไปซะ!”
“อีกอย่าง ฉันจะบอกอะไรให้ เหลียงหาน ฉันไม่ยอมให้แกกล่าวหาว่าพี่เฉินเป็คนหลอกลวง!”
เมื่อเอ่ยถึงพี่เฉิน สีหน้าเหวี่ยงวีนของเจี่ยงหยวนก็ผ่อนคลายลง เปิดเผยความคลั่งไคล้ออกมาแทน
“ฉันกับพี่เฉินเราคบกันมาห้าปีแล้ว เขาบอกว่ารักฉัน เขาจะดูแลฉันชั่วชีวิต! เขาดีกว่าไอ้เลวแซ่เหลียงนั่นพันเท่าหมื่นเท่า! เขาไม่มีทางหลอกฉัน!”
“ห้าปี…...”
เมื่อได้ยินคำให้การของเจี่ยงหยวนที่บ้าคลั่ง ริมฝีปากล่างของเหลียงหานถูกกัดจนเป็แผล เืไหลซิบ มือข้างลำตัวกำหมัดแน่น เล็กจิกเข้าเนื้อ แต่ก็ยังไม่อาจข่มความสั่นเทาของเขาได้
ที่แท้ข่าวลือพวกนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีมูลเหตุ……
แม่ของเขา แม่ที่เขาเทิดทูน ปกป้องกลับแอบคบหากับชายคนนั้นลับหลังมาถึงห้าปี……
กลิ่นเหม็นสาบโชยไปทั่วบ้าน กำลังกัดกร่อนหัวใจของเหลียงหานอยู่อย่างนั้น เหมือนพยายามจะย้อมสีเศษเสี้ยวความขาวบริสุทธิ์สุดท้ายในดวงใจเขาให้กลายเป็สีดำ
-----------------------------------------------------------------------------------------