“ฮ่าๆ แม้เ้าจะอยากอยู่ต่อ แต่เปิ่นกงไม่อนุญาตหรอกนะ” ฮองเฮาอวี่เหวินดูเหมือนกล่าวหยอกเย้า “หากเ้าอยู่ในวัง และเกิดเื่พลั้งพลาดอันใดขึ้นมาจริง หากเปิ่นกงส่งคนกลับไปไม่ได้อีก เกรงว่าตระกูลหนานกงคงจะเข้ามารื้อตำหนักชีอู๋ของเปิ่นกงแน่ ดังนั้นเ้าตามฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงกลับไปเถิด จะได้ไม่เพิ่มปัญหาให้เปิ่นกง”
ฮองเฮาอวี่เหวินมิปิดบังถ้อยคำถากถางแม้แต่น้อย ระหว่างที่กล่าว นางปล่อยมือเหนียนอีหลาน เหนียนอีหลานกลับไป วันเวลาก็ไม่มีทางดีขึ้นแน่
“ฮองเฮาตรัสล้อเล่นแล้วนะเพคะ ฮองเฮาทรงดูแลอีหลานอย่างดี ทุกอย่างเป็หม่อมฉันที่ผิดเองเพคะ” ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงยอมรับผิดอย่างกระดากอาย วันนี้นางเสียหน้าอย่างที่สุด ในใจจึงยิ่งรู้สึกคับแค้น ทว่ากลับมิอาจระบายออกไปได้ ส่วนเื่สัญญาที่นางเจรจากับจ้าวเยี่ยน...
“ช่างเถิด ช่างเถิด อย่าทำลายสิ่งน่าสนใจในวันนี้เพราะเื่ที่ไม่สลักสำคัญเลย เสด็จพี่สะใภ้ หรือจะกลับไปที่สวนยวี่ฮวากัน งานเลี้ยงส่งวันนี้จะมาขลุกอยู่ในตำหนักชีอู๋ของข้าดูจะมิเหมาะสมนัก”
ระหว่างที่ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงกำลังครุ่นคิด ฮองเฮาอวี่เหวินตรัสอย่างสดใส
ทุกคนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า ตัวเอกของวันนี้คือฉางไทเฮา
ท่ามกลางสายตาของทุกคน ฉางไทเฮาลืมตาขึ้น ยังคงสงบนิ่งไร้อารมณ์ เฉยเมยและนิ่งเฉยอย่างเสมอต้นเสมอปลาย “ทุกอย่างตามที่ฮองเฮาจัดให้”
ไร้ปรารถนาไร้แก่งแย่ง พอใจในสิ่งที่ตนเองมี อิสระเหนือฝูงชน
“ดียิ่ง เช่นนั้นก็ตามที่เปิ่นกงจัดการ" ฮองเฮาอวี่เหวินตรัสอย่างเสียงดัง พลางชำเลืองมองฮ่องเต้หยวนเต๋อหยวน “ฝ่าา เชิญเพคะ”
ั้แ่ต้นจนจบ ฮ่องเต้หยวนเต๋อเฝ้ามองทุกสิ่งทุกอย่าง สำหรับงานเลี้ยงส่งในวันนี้ ความกังวลของเขา มิใช่แค่การจัดงานเลี้ยงเท่านั้น วันนี้นอกจากฮองเฮาอวี่เหวินจะเชิญเหล่าประยูรญาติสตรีมาแล้ว ขุนนางบางส่วนในราชสำนักเองก็มาร่วมด้วยเช่นกัน จิ้นอ๋อง หนานกงเลี่ย ฉู่เพ่ย รวมถึงอัครเสนาบดีเซี่ยยวิ่นชิน
วันนี้พวกเขามาเพื่อสิ่งใด ในใจเขาย่อมชัดเจนอย่างยิ่ง
ฮ่องเต้หยวนเต๋อไร้คำจะเอ่ย เขาลุกขึ้นออกจากโถงพระตำหนัก ขบวนข้าหลวงก้าวติดตามไปทันที ตำหนักชีอู๋อยู่ไม่ไกลจากสวนยวี่ฮวา ทว่าระยะทางตรงนี้ก็เพียงพอให้ใครหลายคนวางแผนระหว่างทางได้มากมาย
ภายในสวนยวี่ฮวา
ยามที่ทุกคนมาถึง จ้าวอิ้งเสวี่ยนั่งอยู่บนที่นั่งตามลำพัง โดยมีสาวใช้ผิงเอ๋อร์คอยอยู่ข้างกายเป็เพื่อน
กลุ่มคนเข้าไปนั่งอีกครั้ง ระหว่างงานเลี้ยง เหล่าข้าหลวงยกอาหาร ยกสุราเข้ามา เหนียนอีหลานกับหนานกงฉี่แยกกันนั่งด้านข้างฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงกับฮองเฮาอวี่เหวินพูดคุยกันหลายคำอย่างกระตือรือร้นและเข้าคู่กันดี ราวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในตำหนักชีอู๋เมื่อครู่นี้มิเคยเกิดขึ้นก็ไม่ปาน
ทว่าภายในใจของผู้คนล้วนรู้ดีว่า ภายใต้บรรยากาศที่ดูเหมือนจะเข้ากันดี ความคิดที่ติดอยู่ในใจของแต่ละคนกลับมิได้บริสุทธิ์เยี่ยงนั้น
แม่ทัพหลวง...
ในใจของผู้คนล้วนรู้ดีว่า ถ้อยคำสามคำนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ยังวนเวียนไม่ไปไหน
เหนียนยวี่ปลอมตัวเป็นางกำนัลน้อย เฝ้ารอปรนนิบัติอยู่ด้านข้าง จ้องมองทุกสิ่งทุกอย่างอย่างสงบนิ่ง รอให้พวกเขาสักคนเอ่ยปากขึ้นมาก่อน
“ฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ ค่ายของเสินเช่อถูกเผามาหลายวันแล้ว ตำแหน่งแม่ทัพหลวงปล่อยว่างมานานเกินไปแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรเสียคงไม่ดีนัก สุดท้ายเหล่าทหารราชองครักษ์จะไร้การควบคุม นอกจากนี้ยังเป็ภัยอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อกำแพงเมือง และความปลอดภัยของวังหลวงนะพ่ะย่ะค่ะ”
ในที่สุด มีใครบางคนเอ่ยปากขึ้นมา ทันใดนั้น ผู้คนในเหตุการณ์ แม้เบื้องหน้ายังคงปกติสุข ทว่าความรู้สึกภายในใจกลับตึงเครียดขึ้นทันใด
ครั้นหันไปมองบุคคลที่เอ่ยปากอย่างสงบเสงี่ยม คาดมิถึงว่าจะเป็จิ้นอ๋อง!
ฉางไทเฮากับฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงทำเพียงชำเลืองมองเขา แล้วจึงถอนสายตากลับ เขาเอ่ยปากเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไร?
เขาอยากเสนอให้คนของจวนจิ้นอ๋องมารับ่ตำแหน่งนี้หรือ?
จิ้นอ๋องไร้บุตรสืบสกุล เขามีจ้าวอิ้งเสวี่ยเป็บุตรีเพียงคนเดียว แม้จิ้นอ๋องจะขยายอำนาจ เขาก็ไม่มีทายาทสืบทอดต่อได้มิใช่หรือ?
“พ่ะย่ะค่ะ จิ้นอ๋องกล่าวถูกต้อง ตำแหน่งแม่ทัพหลวงมิสามารถปล่อยว่างต่อไปได้แล้ว ขอฝ่าาโปรดตัดสินพระทัยโดยเร็วด้วยพ่ะย่ะค่ะ” หนานกงเลี่ยกล่าวคล้อยตาม อิทธิพลสองฝักฝ่าย ั้แ่เกิดเื่ระหว่างเหนียนเฉิงกับจ้าวอิ้งเสวี่ยก็ตั้งตนเป็ปฏิปักษ์มาโดยตลอด ถึงขั้นที่สถานการณ์ตึงเครียด ทว่าไม่นานมานี้ทั้งสองกลับมีความเห็นตรงกันเื่การตัดสินใจเลือกคนมารับ่ต่อตำแหน่งแม่ทัพหลวง
“ตัดสินใจโดยเร็ว...” ฮ่องเต้หยวนเต๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย เหลือบมองคนเ่าั้ หลายวันมานี้ พวกเขาถวายสาส์นกราบทูลมาทุกวันอย่างไม่หยุดหย่อน และทุกๆ ครั้งเขาไม่เคยตอบรับ วันนี้เขาเตรียมใจมาพร้อมแล้ว เป็อย่างที่เขาคาดการณ์ไว้จริงๆ ในที่สุดก็ไม่พ้นเหตุการณ์ฉากนี้ ดวงพระเนตรดำมืด “เช่นนั้นพวกเ้าลองกล่าวมาสิว่า ผู้ใดเหมาะกับรับ่ต่อตำแหน่งของฉู่ชิง?”
คำถามของฮ่องเต้หยวนเต๋อหยวนเต๋อ ทำให้จิตใจของผู้คนหลายส่วนในเหตุการณ์ต่างตึงเครียดขึ้นทันที
ผู้ใดเหมาะที่สุดงั้นหรือ?
บนผืนดินเป่ยฉีแห่งนี้ ไม่ว่าผู้ใดที่มารับ่ต่อตำแหน่งนี้ เกรงว่าก็มิอาจอยู่เหนือฉู่ชิงได้
ทว่าผู้คนต่างปรารถนาให้คนที่ครองตำแหน่งสำคัญเช่นนี้เป็คนของตัวเอง
“ฝ่าา กระหม่อมคิดว่ารองแม่ทัพหลวงยวี๋จิ้นเป็ตัวเลือกที่ไม่เลวเลยพ่ะย่ะค่ะ เขาควบคุมกรมการทหารมาหลายปี จัดการดูแลทหารราชองครักษ์ ย่อมมีประสบการณ์อยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” จิ้นอ๋องเอ่ยปากด้วยสีหน้าจริงจัง ถ้อยคำที่ออกมา แม้ไม่ต้องมอง เขาก็คาดเดาถึงปฏิกิริยาของทุกคนได้
ยวี๋จิ้นเคยได้รับการเลื่อนขั้นเป็รองแม่ทัพหลวง เขาเอ่ยแนะนำยวี๋จิ้น ผู้คนรอบข้างจะต้องเชื่อว่าเขาอยากดันคนของตัวเองขึ้นไป ทว่าสถานการณ์ยามนี้ ในใจของผู้คนล้วนแจ่มชัดว่า คนที่ถูกเอ่ยออกมาจากปากพวกเขาจะต้องเป็คนของตัวเองแน่!
ในเมื่อเป็เช่นนี้ เขายังจะปิดบังอันใดอีก?
ส่วนตระกูลหนานกง...
“หึ จิ้นอ๋อง ข้าเห็นว่ารองแม่ทัพหลวงยวี๋จิ้นยังไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง” หนานกงเลี่ยกล่าวเสียงดังชัดเจน ทันทีที่เอ่ยตอบ เสียงของฮ่องเต้หยวนเต๋อดังขึ้นตามทันที
“เช่นนั้น ขุนนางหนานกงคิดว่าผู้ใดเหมาะสมเล่า?”
ฮ่องเต้หยวนเต๋อเอ่ยถามออกไปอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ แม้แต่หนานกงเลี่ยยังตกตะลึงไปเล็กน้อย
ทว่าไม่นานก็กลับมาปกติเช่นเดิม เขาลุกขึ้นและเดินไปยังจุดใจกลางงานเลี้ยง น้อมคารวะฮ่องเต้หยวนเต๋อ “กระหม่อมคิดว่า รองแม่ทัพหลวงยวี๋จิ้นอายุอานามมากเกินไปสักหน่อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ คนมากความสามารถในแคว้นเป่ยฉีของพวกเรามีปรากฏขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย อีกอย่างตำแหน่งแม่ทัพหลวงไม่ควรเปลี่ยนแปลงบ่อยนัก ดังนั้นควรจะเลือกคนอายุน้อยที่มากความสามารถ กระหม่อมคิดว่า หนานกง...”
“แค่กๆ...”
ครั้นหนานกงเลี่ยเอ่ยถึงตรงนี้ เสียงกระแอมไอดังขึ้น โดยที่แทบไม่รู้ตัว ถ้อยคำหนานกงเลี่ยพลันหยุดชะงัก เมื่อเขาหยุด ทุกคนจึงหันไปมองบุคคลที่กระแอมไอ ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง...
และยังมีผู้คนบางส่วนมิได้มองข้ามคำว่า ‘หนานกง’ สองคำสุดท้ายหนานกงเลี่ยกล่าวออกมา
หนานกง?
หนานกงเลี่ยอยากจะเสนอคนของตระกูลหนานกงงั้นหรือ?
‘คนของตัวเอง’ ที่เขาเสนอ ดูจะหาญกล้าไม่ละอายใจเสียยิ่งกว่าจิ้นอ๋องเสียอีก
ทว่าฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงกลับกระแอมไอขัดจังหวะ นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
เหนียนยวี่กวาดสายตามองฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง เห็นเพียงนางปิดริมฝีปาก กระแอมไอติดต่อกัน แม้แต่สีหน้ายังแดงก่ำ
“ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง ท่านเป็อะไรไป?” ฮองเฮาอวี่เหวินถาม ดวงเนตรทอประกายแสงลึกลับ
เหนียนอีหลานลูบหลังฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงอยู่ด้านข้าง สักพักใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงจึงหยุดไอ และลุกขึ้นรับผิดอย่างเร่งรีบ “ฝ่าาโปรดทรงอภัยด้วยเพคะ ฮองเฮาโปรดทรงอภัยด้วยนะเพคะ สุขภาพของหม่อมฉันไม่ดี จึงรบกวนพระองค์ ช่างน่าสมควรตายเสียจริง!”
"สุขภาพไม่ดี?" ฮองเฮาอวี่เหวินขมวดคิ้ว “เช่นนั้นฮูหยินผู้เฒ่าควรจะรักษาสุขภาพให้ดีๆ”
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงพยักหน้าตอบรับ จนกระทั่งสายตาของผู้คนเบนออกมาจากนาง นางจึงค่อยเหลือบมองหนานกงเลี่ย การสบตาเพียงครู่เดียวได้แลกเปลี่ยนหลายสิ่งหลายอย่างผ่านดวงตาสองคู่นั้น
ตระกูลหนานกงมิอาจแย่งตำแหน่งแม่ทัพหลวงอันน่าหมายปองนั่นได้แล้ว!