บทที่ 28 การประลองเซี่ยหยาง
“การประลองเซี่ยหยาง เ้าต้องพยายามเข้าสู่สามอันดับแรกนะ ถ้าทำไม่ได้จริงๆ...ก็อย่าฝืนตัวเอง พี่ไม่โทษเ้าหรอก”
“หากเ้าปลอดภัยดี มันก็จะเป็วันที่สดใสของพี่”
ตอนแรก ฉู่อวิ๋นตกตะลึงเล็กน้อย และเมื่อเขาได้ยินคำพูดเ่าั้ที่ฟังดูเหมือนคำอำลา ในใจก็รู้สึกเ็ปอย่างบอกไม่ถูก ิญญายุทธ์และความมุ่งมั่นของเขาเพิ่มขึ้นทันที!
เขาจะไม่ยอมให้ฉู่เจิ้นหนานเข้ามารับ่ต่อตระกูลย่อยเป็แน่
เขาไม่มีทางปล่อยให้ฉู่ซินเหยาต้องตกไปอยู่ในมือของคนอื่น
ชะตาของเขา เขาจะลิขิตเอง!
ตอนนี้ ฉู่อวิ๋นอดไม่ได้ที่จะยื่นมือซ้ายออกไปลูบใบหน้างามของฉู่ซินเหยาเบาๆ และพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม "พี่ซินเหยา... วางใจเถอะ ข้าจะเข้าสู่สามอันดับแรกของการประลองเซี่ยหยาง ทวงคืนความยุติธรรมให้คนในตระกูล จากนั้นก็จะกำจัดการควบคุมของตระกูลหลักเสีย”
"ข้าจะเป็วันที่สดใสของท่านเอง"
"เชื่อข้า!"
คำพูดสุดท้ายนี้ทรงพลังนัก ดวงตาของเขาเป็ประกายสดใสและเปี่ยมล้นด้วยจิติญญาแห่งวีรบุรุษที่พุ่งทะยาน
เมื่อได้ยินคำประกาศอันทรงพลังนี้ จู่ๆ หัวใจของฉู่ซินเหยาก็เต้นแรง นางรู้สึกแปลกไปเล็กน้อย
อวิ๋นเอ๋อร์กำลังบอกว่าเขาจะเป็วันที่สดใสของนาง
น่าอายนัก! เหตุใดเขาจึงพูดเก่งเช่นนี้?
“พี่...เชื่อเ้า” ฉู่ซินเหยาเผยรอยยิ้มสุขใจ จับมือของฉู่อวิ๋นไว้แน่น ดวงตาหวานพราวระยับ
ทันใดนั้น หัวใจของนางก็สั่นไหว เข้ามาใกล้ใบหน้าของฉู่อวิ๋นแล้วจูบเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ปล่อยมือทันที และพูดด้วยรอยยิ้มแสนหวาน "พี่ไม่ยอมให้เ้าเอาเปรียบพี่หรอก...ฮิฮิ"
หลังจากพูดจบ หัวใจของฉู่ซินเหยาก็เต้นกระหน่ำ นางหันหลังกลับและรีบออกจากห้องไปทันที
นางประหลาดใจนัก ที่กล้ากระทำเช่นนั้นในคืนนี้
“อ๋า? ไปทั้งอย่างนี้เลย? ไม่รู้จริงๆ ว่าใครเอาเปรียบใครกันแน่ พฤติกรรมของพี่หญิงนี่คาดเดาไม่ได้จริงๆ” ฉู่อวิ๋นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ในที่สุดวันเริ่มการประลองเซี่ยหยางก็มาถึง ฉู่อวิ๋นพาดกระบี่เศวตรรุ้งไว้บนหลัง สวมชุดเกราะไหมเกลียวทอง เต็มไปด้วยพลัง!
ก่อนออกจากลานตะวันออก เขามองย้อนกลับไปและเห็นฉู่ซินเหยาสวมชุดสีชมพูธรรมดา ผมยาวดำสลวยปลิวตามสายลม ราวกับเซียนหญิงร่วงหล่นลงมาบนโลกมนุษย์ งดงามและมีเสน่ห์ พร้อมดวงตาคู่หนึ่งมองมาที่เขาอย่างกังวล
ยามนี้ฉู่ซินเหยาทำให้ทั้งโลกไร้ซึ่งสีสัน นางคล้ายอุทิศวัยเยาว์ทั้งหมดเพื่อทิ้งความทรงจำที่ลบไม่ออกและไม่มีใครเทียบได้ให้แก่ฉู่อวิ๋น
ฉู่อวิ๋นมองดูฉู่ซินเหยาอย่างลึกซึ้ง จากนั้นกัดฟันแล้วหันหลังจากไป
เขาจะต้องชนะการประลองครั้งนี้
เพราะฉู่อวิ๋นรู้ดี ว่ามีคนกำลังรอเขาอยู่
ในเขตชานเมืองด้านตะวันออกของเมืองไป่หยาง คือสถานที่จัดงานประลองเซี่ยหยาง
ตอนนี้ ผู้มีอำนาจและผู้แข็งแกร่งจากตระกูลหลักทั้งหมดในเมือง หรือแม้แต่นักรบและคนธรรมดาต่างหลั่งไหลมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการประลองประจำปีที่เมืองไป๋หยาง
ตระกูลที่มีชื่อเสียงทั้งหมดต่างตั้งค่ายตระกูลไว้บริเวณใจกลางงานประลอง
ในบรรดาพวกเขา ตระกูลฉู่เป็ตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุด ค่ายตระกูลเต็มไปด้วยนักรบรุ่นเยาว์ แต่ละคนมีพลังยุทธ์สูง ทั้งยังโอ้อวดและเย่อหยิ่งเกินใคร
และผู้นำในนั้น ย่อมเป็หนึ่งใน "คู่งามแห่งไป๋หยาง" และเป็ว่าที่ผู้นำคนต่อไปของตระกูลหลัก ฉู่เฟย
นางมีใบหน้าสะสวย สวมชุดคลุมสีฟ้า เปล่งประกายรังสีที่สง่างามและเย็นสบาย มีมีดรูปโค้งยาวแขวนอยู่ข้างเอว ดูสง่าผ่าเผยและงดงามราวกับพระจันทร์ที่สว่างไสวและดวงดาราที่ระยิบระยับละลานตา ดึงดูดความสนใจของนักรบชายทุกคนในสถานที่จัดงาน
“นี่ เ้าเห็นหรือไม่? นั่นคือเทพธิดาแห่งไป๋หยาง ฉู่เฟย! ได้ยินชื่อเสียงไม่สู้ได้พบหน้า นางงดงามมากจริงๆ!”
“เ้านี่โง่หรือเปล่า ฉู่เฟยไม่เพียงแต่สวยงามดังเทพธิดาเท่านั้น แต่พลังยุทธ์ของนางก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน!”
“ใช่แล้ว นางเป็ผู้ชนะการประลองเซี่ยหยางครั้งที่แล้ว! ปีที่แล้วนางอายุเพียงสิบห้าปีเท่านั้น ไม่รู้ว่าข้าจะมีโอกาสประมือกับคนงามหรือไม่”
“ฝันไปเถอะ! หากเ้าอยากประมือกับนาง อย่างน้อยก็ต้องผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ!”
ฉู่เฟยดูเย่อหยิ่ง คางของนางเชิดขึ้นและไม่คิดสนใจสายตารอบตัว นางคุ้นเคยกับสิ่งนี้มานานแล้ว
ยามนี้ นักรบหนุ่มพูดขึ้นอีกครั้งว่า "หืม? พวกเ้าดูสิ! ค่ายตระกูลฉู่ย่อยเหลือเพียงคนเดียวแล้ว"
ทุกคนมองไปที่นั่นพร้อมกัน และเห็นว่าในค่ายตระกูลฉู่ย่อยซึ่งไม่เคยเงียบงันมาก่อน กลับดูหดหู่และเ็าเป็พิเศษ
มีเพียงชายหนุ่มที่มีกระบี่หยกสีขาวบนหลังเท่านั้นที่ยืนตระหง่านและโดดเด่นด้วยสีหน้าไม่เฉยชา
“นั่นไม่ใช่ดาวหายนะของเมืองไป๋หยางของเราหรอกหรือ? ทำไมเขาถึงมาที่นี่?”
“เ้าไม่รู้หรือ? ได้ยินมาว่าเขา้าเข้าร่วมการประลองเซี่ยหยางครั้งนี้ด้วย ช่างประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไปจริงๆ”
“แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ข้าได้ยินข่าวลือบางอย่าง มีคนบอกว่าดาวหายนะนั่นฆ่าฝูงหมาป่าเงาตายได้ด้วยกระบวนท่าเดียว”
“พูดเกินจริงขนาดนั้นต้องเป็เื่เท็จแน่ๆ คนที่ิญญายุทธ์พิการจะแข็งแกร่งได้ขนาดไหนกันเชียว?”
ในค่ายตระกูลฉู่ย่อย ฉู่อวิ๋นหลับตาทำสมาธิ รอให้การประลองเริ่ม
ผู้าุโหกจ้องมองฉู่อวิ๋นจากไกลๆ ความเยือกเย็นในดวงตาของเขาวาววาบ จากนั้นก็เดินไปหาฉู่เจี้ยนเหรินและถามว่า "เหรินเอ๋อร์ การประลองเซี่ยหยางในครั้งนี้ เ้ามั่นใจหรือไม่?"
ฉู่เจี้ยนเหรินยกยิ้มที่มุมปากแล้วเอ่ย "ท่านพ่อโปรดวางใจ ข้าอยู่ที่ระดับสี่ของขอบเขตควบแน่นพลังปราณมานานแล้ว เพิ่งทะลุถึงระดับห้าเมื่อไม่นานมานี้ การจะผ่านเข้าสู่รอบสองไม่ใช่เื่ยากอันใดขอรับ"
ผู้าุโหกพยักหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม "อืม...ในรอบแรกของการประลอง เ้าต้องเก็บกวาดให้สะอาดหมดจด"
“ข้าเข้าใจขอรับ! ข้าปรึกษาแผนกับนายน้อยตระกูลหลินมาก่อนแล้ว เมื่อถึงตอนนั้น...มันตัวนั้นจะกลายเป็ศพออกไปจากที่นี่แน่นอนขอรับ” ฉู่เจี้ยนเหรินมองดูน่ากลัว เขาหัวเราะเยาะ และเหลือบมองไปที่ฉู่อวิ๋นที่อยู่ไม่ไกล
เดิมทีฉู่เจี้ยนเหรินค่อนข้างมีชื่อเสียงในตระกูล แต่เพราะครั้งนั้นพ่ายแพ้ให้กับฉู่อวิ๋น ชื่อเสียงจึงค่อยๆ ซาลง
สำหรับฉู่อวิ๋น เขาต้องจัดการมันให้ได้
จากนั้น ผู้าุโหกก็เดินไปหาชายหนุ่มร่างกำยำด้วยแววตาพึงพอใจ และถามว่า "แล้วเ้าเล่า ป้าเอ๋อร์ ออกไปฝึกฝนที่อื่นแล้ว เ้ามีความมั่นใจในการประลองครั้งนี้หรือไม่ ?”
ชายหนุ่มยกกล้ามเนื้อบนแขนขึ้นแล้วตอบอย่างเคร่งขรึม "ขอรับ!"
ชายหนุ่มที่แข็งแกร่งคนนี้เป็ลูกชายคนโตของผู้าุโหกชื่อ ฉู่ป้า
ปีที่แล้วฉู่ป้าเป็รองชนะเลิศการประลองเซี่ยหยาง เขาแพ้ให้กับฉู่เฟย ซึ่งนั่นทำให้เขาหงุดหงิดมาก
ใน่ปีนี้ เขาได้ออกไปฝึกฝนนอกเมือง การฝึกฝนของเขาก็ดีขึ้นอย่างก้าวะโ เขากลับมาเพียงเพื่อเอาชนะฉู่เฟยและล้างความอัปยศ
เมื่อััได้ถึงความโกรธในดวงตาของฉู่ป้า ผู้าุโหกขมวดคิ้ว โน้มตัวเข้าไปข้างหูของเขาและพูดอย่างจริงจัง "ป้าเอ๋อร์ ไม่ว่าเ้าจะคว้าชัยได้หรือไม่ อย่าลืมภารกิจที่พ่อมอบให้เ้าทำ...”
“ถ้าทำสำเร็จ เ้าย่อมได้เป็ผู้นำตระกูลที่อายุน้อยที่สุด พ่อเ้ารอโอกาสนี้มานานแล้ว เ้าแก่พวกนั้นคอยจับตาดูพ่ออยู่ มีเพียงเ้าเท่านั้นที่ทำได้ "
ฉู่ป้ายิ้มอย่างมั่นใจและกล่าวว่า "ป้าเอ๋อร์เชื่อว่าท่านพ่อเตรียมการไว้หมดแล้ว ข้าจะทำสำเร็จอย่างแน่นอน ทั้งยังจะเข้าสู่ด่านสุดท้ายเพื่อเอาชนะนางคนนั้นด้วยขอรับ!"
หลังจากพูดจบ ฉู่ป้าก็แสดงสายตาเ็าและจ้องมองฉู่เฟยที่อยู่หน้าค่าย
ในสถานที่จัดงาน ยังมีค่ายอีกตระกูลที่ค่อนข้างทรงพลัง ชายวัยกลางคนร่างสูงนั่งอย่างอาจหาญบนเก้าอี้ไม้แกะสลักลายเสือ ชายคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเ้าเมืองไป๋หยาง มู่หรงเจี๋ย
มู่หรงเจี๋ยกวาดตามองผู้ชม ยิ้มอย่างพึงพอใจ และพูดกับมู่หรงซินที่อยู่ข้างๆ ว่า "ซินเอ๋อร์! ดูการประลองเซี่ยหยางครั้งนี้สิ มีนักรบที่มีพร์มากมายนัก เมืองไป๋หยางของเราไม่ช้าก็เร็วจะกลายเป็เมืองเอกราชวงศ์เซี่ยตะวันออกอย่างแน่นอน! ฮ่าๆๆ!"
มู่หรงซินกลอกตามาที่เขาและยิ้ม "รอให้ลูกสาวท่านชนะการประลองเซี่ยหยางเสียก่อน ตอนนั้นต้องเป็เมืองเอกชั้นยอดแน่นอน!"
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่หรงเจี๋ยก็ล้อเล่นอีกครั้ง "โอ้ ลูกสาวคนดีของข้ามั่นใจขนาดนี้ั้แ่เมื่อไหร่? เ้าจะเอาชนะนางหนูจากตระกูลฉู่คนนั้นได้หรือ?"
“เชอะ! กับคนที่ชูคออยู่ตลอดเช่นนั้น ข้าไม่เสวนาด้วยหรอกเ้าค่ะ!” ขณะที่พูด มู่หรงซินก็มองไปยังค่ายตระกูลฉู่ย่อย ก็บังเอิญเห็นฉู่อวิ๋น แต่เมื่อมองดูอย่างผ่านๆ ฉู่อวิ๋นดูเหมือนจะโดดเดี่ยวและค่อนข้างเงียบเหงา
“เ้าชั่วนั่นไม่มีใครสนับสนุนเลยหรืออย่างไร?” มู่หรงซินรู้สึกทนไม่ไหว นักรบทุกคนที่เข้าร่วมการประลองล้วนมาพร้อมกับคนติดตามไม่มากก็น้อย แต่ฉู่อวิ๋นกลับนั่งโดดเดี่ยวคนเดียวในที่โล่งพร้อมกระบี่เล่มยาวที่พาดอยู่บนหลัง
หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง มู่หรงซินคิดจะเดินไปทักทายฉู่อวิ๋น แต่ทันทีที่ก้าวเท้า มู่หรงเจี๋ยก็พูดรั้งเอาไว้
“การประลองกำลังจะเริ่มแล้ว เ้าจะไปไหนอีก? อยู่ตรงนี้เถอะ”
มู่หรงซินถอนหายใจและยอมแพ้ คิดในใจ "หวังว่าเ้าจะผ่านเข้าสู่รอบสองได้"
อาชาหลากทาง มนุษย์หลากใจ[1] การประลองเซี่ยหยางครั้งนี้ดูเหมือนจะก่อให้เกิดลมพายุที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ยามนี้ ชายชราเคราขาวเดินไปที่ใจกลางลานและเริ่มประกาศกฎการแข่งขัน
การประลองเซี่ยหยาง แบ่งออกเป็สองรอบ
รอบแรกเป็การแข่งขันตามล่าแต้ม นักรบทุกคนที่เข้าร่วมจะต้องเข้าไปในเทือกเขาไป่หลิงที่เขตชานเมืองด้านตะวันออกของเมืองไป๋หยางเพื่อล่าสัตว์ปีศาจเป็เวลาหนึ่งวัน
สัตว์ปีศาจที่ใช้ในการแข่งขันล้วนมีแต้มศิลาหยก ยิ่งสัตว์ปีศาจมีระดับขั้นสูง แต้มก็จะยิ่งสูงขึ้น
เหล่านักรบจะต้องค้นหาแต้มสัตว์ปีศาจ รวบรวมแต้มศิลาแล้วกลับไปที่ลานประลองยุทธ์ในอีกหนึ่งวันต่อมาเพื่อพักผ่อน
นักรบสามสิบสองคนที่มีคะแนนสูงสุด นอกเหนือจากการผ่านเข้ารอบสองแล้ว ยังได้รับรางวัลตามลำดับอีกด้วย
แน่นอนว่าเหล่านักรบสามารถประลองกันเพื่อแย่งชิงแต้มศิลาจากกันและกันได้
ในการประลองเซี่ยหยางครั้งก่อน ผู้เข้าประลองหลายคนได้รับาเ็หรือกระทั่งเสียชีวิต
ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างตระกูล มู่หรงเจี๋ยจึงได้จัดผู้คุมไว้บนูเาเป็พิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้นักรบฆ่ากันเอง
เมื่อถึงตอนเที่ยง การประลองก็เริ่มต้นอย่างเป็ทางการ!
"ตึง--"
เมื่อเสียงกลองดังขึ้น เหล่านักรบที่เข้าร่วมทั้งหมดต่างก้าวเท้าและรีบวิ่งเข้าไปในูเาโดยเร็ว
อย่างไรเสีย จำนวนสัตว์แต้มศิลาหยกที่มีอยู่บนูเานั้นมีจำกัด ใครที่คว้าโอกาสนี้ไว้ได้ก็ย่อมมีแต้มศิลามากขึ้น รวมทั้งอาจชิงความได้เปรียบมาได้
"ในที่สุดก็เริ่มแล้ว ข้าต้องหาแต้มศิลาหยกให้ได้เร็วที่สุด!"
ฉู่อวิ๋นหายใจเข้าลึกๆ และยืนขึ้น ก่อนจะเดินเข้าไปในเขาไป่หลิง
---------------------
[1] ทุกคนย่อมมีความคิดเป็ของตัวเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้