ด่านที่มหาโหดเช่นนี้เขาเชื่อว่าหากเป็ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบคนอื่นๆ เข้ามาละก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว เนื่องจากคนอื่นๆ ไม่ได้มีแหวนทองเหลืองระดับศักดิ์สิทธิ์ที่มีคุณสมบัติในการรักษาเยียวยาเช่นที่เขามี
เขาคิดว่าหากเป็ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิเข้ามาละก็ คงจะพบเจอกับสัตว์ประหลาดที่โหดร้ายและแปลกประหลาดยิ่งกว่าแน่ๆ เพราะเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเาจะปรากฏสัตว์ประหลาดที่เฝ้ารักษาด่านออกมาตามพลังฝีมือของผู้ที่เข้ามา ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิเข้ามาอาจจะพบเจอกับัดำทั้งฝูงก็เป็ได้...
ครั้งนี้ใช้เวลาพักผ่อนไปประมาณสิบวัน ที่เป็เช่นนั้นเพราะทั่วทั้งร่างที่เต็มไปด้วยาแหากไม่รักษาให้หายดีคงทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเป็อย่างมาก หลังจากสิบวันเขาตรวจสอบดูร่างกายของตนเองที่ไม่หลงเหลือาแและรอยแผลเป็แม้แต่น้อย เย่ชิงหานอดไม่ได้ที่จะจูบแหวนที่อยู่บนมือขึ้น ของสิ่งนี้ยอดเยี่ยมเป็อย่างมากต่อให้นำสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ สิบชิ้นมาแลกเขาก็ไม่ยอมแลกด้วยแน่นอน
เริ่มออกเดินทางต่อ เย่รั่วสุ่ยเคยบอกไว้ด่านหนึ่ง ด่านห้า ด่านเก้า และด่านสิบสองล้วนเป็ด่านที่ผ่านได้ยากที่สุด ดังนั้นหลังจากทะลวงผ่านด่านที่เก้ามาได้จิตใจของเขาจึงผ่อนคลายลงเป็อย่างมาก เขาเตรียมที่จะทะลวงผ่านด่านสิบและสิบเอ็ดจากนั้นพักสักครู่แล้วทะลวงด่านที่สิบสองต่อ...
ด่านที่สิบแม้จะเป็ฝูงมารอสูรที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมุดบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับมารอสูรของเขตปกครองเทพาเขาก็ไม่เคยเห็นมาก่อนว่ามีมารอสูรชนิดนี้อยู่ มารอสูรชนิดนี้ขนาดความสูงห้าถึงหกเมตร ขนาดของร่างกายยาวสิบกว่าเมตร หัวคล้ายราชสีห์ ทั่วทั้งร่างมีเท้าเก้าข้างและมีหนามแหลม ลักษณะดุร้ายน่ากลัว
ที่สำคัญที่สุดคือเ้าสัตว์ประหลาดประเภทนี้พลังป้องกันแข็งแกร่งจนน่าใ อย่างมากที่สุดเย่ชิงหานทำได้แค่เพียงโจมตีให้มันได้รับาเ็และถอยกลับไปเพียงเท่านั้นไม่สามารถที่จะสังหารมันได้ ดีที่สัตว์ประหลาดชนิดนี้ระดับความเร็วของมันไม่รวดเร็วมากนัก เขาใช้กระบวนท่าตัดแยกทลายโลกาออกมาทะลวงฝ่าการโอบล้อมของพวกมันออกมาได้และรีบหลบหนีมาอย่างเร็วที่สุด
ด่านที่สิบเอ็ดกลับง่ายดายกว่ามาก แน่นนอนว่าสำหรับเย่ชิงหานนั้นเป็เื่ที่ง่ายดาย แต่ถ้าเป็ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ คงมีแต่ต้องตายเท่านั้น
ภายในด่านที่สิบเอ็ดมีมารอสูรที่คล้ายกับตัวต่อพิษ พวกมันสามารถยิงเข็มเหล็กในพิษที่อยู่บริเวณหางออกมาโจมตีใส่ผู้ที่เข้ามาในด่าน ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือเหล็กในพิษสามารถแทงทะลุผ่านสนามพลังของเย่ชิงหานเข้ามาได้ และยังสามารถแทงทะลุผ่านเสื้อเกราะป้องกันสมบัติล้ำค่าระดับวิเศษที่เขาสวมใส่อยู่จนเข้าไปถึงผิวเนื้อของเขา พิษที่อยู่ภายในเหล็กในมีคุณสมบัติเพียงอย่างเดียวคือทำให้ผู้ที่ถูกแทงเืไหลไม่หยุด
กล้าพูดได้เลยว่าเป็ด่านที่มหาโหดด่านหนึ่งเลยก็ว่าได้ หากเป็ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบคนอื่นๆ คงไม่สามารถรอดออกมาจากด่านเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน
เย่ชิงหานรู้สึกขอบคุณบิดาของตนเองออกมาภายในใจเป็หมื่นๆ ครั้ง กระแสพลังมหัศจรรย์พวยพุ่งออกมาจากแหวนตรงเข้าไปห้ามเืของเขาที่ไหลออกมาจากการถูกเข็มเหล็กในของตัวต่อพิษแทงเข้าใส่ ทีแรกเย่ชิงหานยังคงใช้มือหยิบเข็มเหล็กในออกอยู่เรื่อยๆ แต่จากนั้นไม่นานจึงไม่ได้สนใจเข็มเหล็กในที่อยู่บนตัวอีก เพราะต่อให้เขาหยิบเข็มเหล็กในออกได้รวดเร็วเพียงใดก็เร็วไม่เท่าฝูงตัวต่อที่มีจำนวนนับไม่ถ้วนที่กำลังระดมยิงเข้ามา ครั้นแล้วเขาจึงฝืนทนต่อความเจ็บคันและด้านชาออกแรงวิ่งเสาะหารูปากทางออกสีดำไปทั่วทั้งสี่ทิศ
สุดท้ายหลังจากผ่านไปสองชั่วโมงจึงได้หารูปากทางออกเจอ ในระหว่างที่ทำการเสาะหานั้นเขาไม่รู้ว่าก่นด่าผู้ที่สร้างูเาสุสานทวยเทพไปกี่ร้อยครั้ง ด่านเช่นนี้ไม่ต่างจากการทรมานผู้ที่เข้ามาให้ค่อยๆ ตายไปอย่างหมดทางสู้ด้วยความคับแค้นเลยก็ว่าได้
ระยะเวลาสองชั่วโมงกว่าจะหาปากทางออกเจอต่อให้เป็ัตัวใหญ่ก็คงเืไหลออกมาไม่หยุดจนตายไปไม่ต่างกัน...
เมื่อเข้ามาถึงภายในหุบเขาเล็กๆ เย่ชิงหานใช้เวลากว่าหนึ่งวันถึงได้ถอนเข็มเหล็กในที่อยู่บนร่างกายทุกตารางนิ้วออกไปจนหมด มองดูทั้งใบหน้า ทั้งแขนขา แม้กระทั่งอวัยวะท่อนล่างก็ล้วนถูกปักเต็มไปด้วยเข็มเหล็กในสีดำแน่นขนัด เย่ชิงหานรู้สึกหัวเสียอยากที่จะซ้อมคนขึ้นมาทันที
เพียงแต่เขาไม่กล้าที่จะไปซ้อมใครหรือไม่กล้าที่จะไปซ้อมสัตว์ประหลาดและมารอสูรเพื่อระบายอารมณ์ เพราะว่าถ้าหากยังคงทำการเดินหน้าทะลวงด่านต่อไปซึ่งเป็ด่านสุดท้ายแล้ว เย่รั่วสุ่ยบอกไว้แล้วว่าด่านสุดท้ายเป็ด่านที่ยากที่สุด ด้วยความจำใจเขาจึงเบนเป้าหมายในการระบายอารมณ์ไม่พอใจออกมาใส่เหล่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่อยู่ภายในหุบเขาแทน ไม่นานภายในหุบเขาปรากฏเสียงร้องแปลกประหลาดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง...
.................................
ครั้งนี้ทำการทะลวงผ่านด่านเป็จำนวนหกด่านในคราเดียว เย่ชิงหานใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึงเดือน ดังนั้นเขาเตรียมที่จะพักผ่อนและฝึกฝนสักพักเพื่อทำให้ร่างกายและจิตใจกลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมอย่างที่สุด รวมทั้งคาดหวังว่าในขณะที่ทำการฝึกฝนจะสามารถเข้าสู่สภาวะความสงบแห่งิญญาได้อีกครั้งเพื่อพลังฝีมือจะได้เลื่อนขึ้นสูงอีกสักหน่อย
เขาไม่ได้คาดหวังที่จะฝึกฝนจนบรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิ เพราะระดับนั้นจำเป็จะต้องเข้าใจถึงกฎเกณฑ์พลังฟ้าดินอย่างใดอย่างหนึ่งถึงจะเหยียบย่างเข้าไปได้ เขาหวังเพียงแค่ว่าจะสามารถเข้าสู่สภาวะความสงบแห่งิญญาเพื่อทำการฝึกฝนสักเดือนสองเดือนจนระดับพลังปราณรบเลื่อนขึ้นสู่ระดับขั้นสูงสุดขอบเขตจ้าวนักรบแค่นั้นก็เพียงพอ
เพียงแต่สภาวะเช่นนี้คล้ายกับสายลมที่จับต้องไม่ได้ฉันนั้น ตั้งใจที่จะหาทางเข้าไปกลับไม่สามารถที่จะเข้าไปได้ เย่ชิงหานใช้สมองครุ่นคิดหาหนทางต่างๆ นานาอยู่ตลอดครึ่งเดือนก็ไม่สามารถที่จะเข้าสู่สภาวะความสงบแห่งิญญาได้เลยสักครั้งเดียว สุดท้ายจึงต้องหันกลับมาทำการฝึกฝนแบบธรรมดาเช่นเดิม
เมื่อเขาเริ่มไม่ได้ตั้งใจที่จะครุ่นคิดหาหนทางเข้าสู่สภาวะนั้น หลังจากที่เริ่มทำการฝึกฝนผ่านมาได้หนึ่งเดือนกลับเข้าสู่สภาวะนั้นขึ้นเองในฉับพลัน
การเข้าสู่ภาวะความสงบแห่งิญญาในครั้งนี้เข้าในตอนที่เย่ชิงหานกำลังทำการฝึกฝนอยู่ ในตอนนั้นเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังฟ้าดินที่อยู่โดยรอบทั้งสี่ทิศล้วนไหลเข้ามาหาเขาเป็จุดเดียว อีกทั้งร่างกายของตนเองทำการดูดซับพลังฟ้าดินขึ้นเองโดยอัตโนมัติ นำพลังฟ้าดินมาเปลี่ยนเป็พลังปราณรบเก็บไว้ในจุดชีพจรแล้วไหลเวียนไปยังตันเถียน จากนั้นเปลี่ยนเป็พลังปราณรบสภาพของเหลวแล้วเปลี่ยนเป็สภาพของแข็ง สุดท้ายจึงผสานรวมเข้ากับแก่นแท้พลังตันเถียนโดยอัตโนมัติ
ความรู้สึกเช่นนี้มหัศจรรย์เป็อย่างมาก เย่ชิงหานคล้ายกับว่าตนเองได้กลายเป็ผู้ที่ยืนมองดูอยู่ข้างๆ ฉันนั้น ร่างกายของตนเองราวกับเครื่องจักรชนิดหนึ่งที่ทำงานขึ้นเองโดยอัตโนมัติเปลี่ยนพลังฟ้าดินให้กลายเป็พลังปราณรบจนสุดท้ายผสานรวมเข้าเป็ส่วนหนึ่งของแก่นแท้พลังตันเถียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขารู้สึกว่ามหาสมุทริญญาของเขาพลุ่งพล่านขึ้นมาด้วยความลิงโลด มันเริ่มขยายกว้างออกและเริ่มขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
เพียงแต่เขารู้สึกว่าสภาวะเช่นนี้คงอยู่เพียงไม่นานเท่านั้น ชั่วครู่เขาก็ตื่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ พลังฟ้าดินปริมาณหนาแน่นที่อยู่เหนือศีรษะพลันสลายหายไป พลังปราณรบภายในกายหยุดการโคจรลง
“เป็เื่ที่แปลกและมหัศจรรย์น่าเหลือเชื่อเป็อย่างมาก!”
เย่ชิงหานเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ หวนคิดถึงรสชาติความรู้สึกเมื่อสักครู่ที่ทั้งน่าอัศจรรย์และวิเศษยอดเยี่ยม
“ลูกพี่! ท่านนี่สุดยอดจริงๆ เลย เมื่อเริ่มฝึกฝนขึ้นก็ฝึกฝนรวดเดียวเป็เวลาถึงสามเดือน!”
เย่ชิงหานยังคงดื่มด่ำกับความรู้สึกนั้นอยู่แต่กระแสเสียงที่เสี่ยวเฮยส่งมากลับทำให้เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาในทันที โดยเฉพาะเนื้อความที่ส่งมานั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกตกตะลึงพรึงเพริดขึ้นไปอีก!
“เป็ไปได้อย่างไร? เสี่ยวเฮย ข้ารู้สึกว่าข้าฝึกฝนเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นเอง แล้วมันจะผ่านไปถึงสามเดือนได้อย่างไรกัน?” เย่ชิงหานเอ่ยถามขึ้นด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
“แหะๆ ลูกพี่ สภาวะเช่นนี้มหัศจรรย์เป็อย่างมาก จี๊ดๆ น่าอิจฉาจริงๆ ท่านลองตรวจสอบดูระดับขั้นพลังฝีมือของตนเองในตอนนี้ดู!” เสี่ยวเฮยกล่าวชมเชยออกมาอยู่เนืองๆ
หืม? เย่ชิงหานเมื่อได้ฟังรีบทำการตรวจสอบขึ้นในทันที และไม่คาดคิดว่าจะพบกับแก่นแท้พลังตันเถียนที่ขยายใหญ่จนเกือบจะเต็มพื้นที่ภายในตันเถียนทั้งหมด ทำเอาเขาเบิกตากว้างอ้าปากค้างขึ้นมาในทันที
“ลูกพี่ พลังฝีมือของท่านในตอนนี้คือระดับขั้นสูงสุดขอบเขตจ้าวนักรบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับพลังิญญาน่าจะแข็งแกร่งพอๆ กับผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นแรกขอบเขตาาจักรพรรดิเสียด้วยซ้ำ ถ้าหากพวกเราออกไปจากูเาสุสานทวยเทพน่าจะทำให้พวกตาแก่ตระกูลเย่ตกตะลึงจนลูกตาถลนออกมาจากเบ้ากันอย่างแน่นอน! ตอนนี้ถ้าพวกเรารวมร่างสัตว์อสูรพร้อมกับทำการลอบสังหารละก็ คาดว่าผู้มีพลังฝีมือในระดับขอบเขตาาจักรพรรดิทั้งหมดพวกเราล้วนสังหารได้ในพริบตา!” เสี่ยวเฮยหัวเราะแหะๆ ออกมา แน่นอนว่าเขายินดีกับพร์ของเย่ชิงหานและคิดว่าการติดตามเย่ชิงหานเป็การเลือกติดตามที่ถูกคนแล้ว
ระดับขั้นสูงสุดขอบเขตจ้าวนักรบ? ระดับพลังิญญาระดับขั้นแรกขอบเขตาาจักรพรรดิ? สามารถลอบสังหารผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิได้เกือบทั้งหมด?
เย่ชิงหานกลืนน้ำลายลงคออยู่หลายครา จิตใจไม่สามารถทำให้สงบลงได้อีก ก่อนทำการฝึกฝนเขาคิดเพียงแค่ว่าไม่ต้องไปสนใจการเข้าสู่สภาวะนั้นอีกทำการฝึกฝนไปเรื่อยๆ ก็พอ จะเข้าก็ดีไม่เข้าก็แล้วไป แต่ใครจะไปคาดคิดว่าจะเข้าสู่สภาวะความสงบแห่งิญญาจริงๆ แถมไม่ใช่แค่ระยะเวลา่สั้นๆ ดูท่าดวงชะตาชีวิตของตนเองจะดีมากจนน่าใเกินไปแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้