ทันทีที่เปิดใจ ทุกอย่างก็ราบรื่นเกินคาด หมี่หลันเยว่เพิ่งจะคลายปมในใจ ตั้งใจจะเปิดอกคุยกับแม่เจิ้งอย่างจริงจัง ข่าวดีก็ถาโถมเข้ามาจนหมี่หลันเยว่แทบตั้งรับไม่ทัน ซ้ำยังรู้สึกละอายใจกับเล่ห์เหลี่ยมเล็กๆ น้อยๆ ที่ตัวเองเคยคิดไว้
"คุณป้าคะ หนูจะตอบแทนคุณป้ายังไงดีเนี่ย คุณป้าช่วยหนูไว้เยอะมากเลย หนูไม่คุ้นเคยกับปักกิ่งเลยสักนิด ตั้งใจจะทำเื่นี้เอง แต่คุณป้าก็จัดการให้หนูหมดเลย"
หมี่หลันเยว่กอดแม่เจิ้งแน่นไม่ยอมปล่อย ถ้าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็หวังหย่วนฉิง สงสัยหมี่หลันเยว่คงจะเข้าไปจูบเข้าไปหอมแล้ว
"พวกแม่เป็อะไรกัน พูดไปพูดมาก็กอดกันแล้ว มีเื่อะไรดีๆ ก็บอกพวกเราบ้างสิครับ"
เจิ้งซวี่เหยาที่แอบสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ เห็นท่าทีตื่นเต้นของหมี่หลันเยว่ก็รู้สึกใจเต้นอย่างประหลาด
เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ถึงดึงดูดความสนใจของเขาได้เสมอ แต่เขาก็ควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ มองดูแม่กับเด็กผู้หญิงคุยกัน คงมีเื่อะไรที่เขาไม่รู้เกิดขึ้นแน่ๆ เขาเลยอดไม่ได้ที่จะเข้าไปสอดรู้สอดเห็น
"ไปๆ ไปให้พ้น มีเื่อะไรของลูกกัน แม่จะสนิทกับหลันเยว่สักหน่อย มันเกี่ยวอะไรกับลูกด้วย"
แม่เจิ้งโบกมือไล่คน พลางกอดเด็กผู้หญิงในอ้อมกอดไม่ยอมปล่อย เนื้อนุ่มนิ่มนี่นุ่มมือกว่าลูกชายตัวแข็งๆ ของตัวเองเยอะ
"แม่ครับ มีหลันเยว่แล้วก็ไม่เอาลูกชายแล้วเหรอ ผมต่างหากที่เป็ลูกแท้ๆ นะ"
การแสดงท่าทีเกินจริงของเจิ้งซวี่เหยาทำให้หมี่หลันหยางกับเฉียนหย่งจิ้นหัวเราะคิกคักกัน อาจารย์เจิ้งพอแสดงบทตลกก็ไม่เหลือมาดครูบาอาจารย์เลยสักนิด
"ลูกจะไปเทียบอะไรกับหลันเยว่ได้ หลันเยว่น่ะแสนดีจะตาย"
แม่เจิ้งก็เล่นตามบทของลูกชาย กอดหลันเยว่แน่นขึ้นอีกนิด สบายจริงๆ เธอกอดจนติดใจเลย
"หลันเยว่ เธอไปให้ยาเสน่ห์อะไรแม่ฉันเนี่ย แต่ไหนแต่ไรแม่ฉันก็รักฉันที่สุด ทำไมพอเธอมาถึง แม่ก็หลงเธอหัวปักหัวปำ ไม่เอาลูกชายสุดที่รักคนนี้แล้ว?"
หมี่หลันเยว่แค่ยิ้มคิกคักดูเจิ้งซวี่เหยาเล่นตลก ไม่ได้ตอบอะไร
เฉินชิ่งเยี่ยนมองเด็กผู้หญิงที่ถูกคุณป้ากอดไว้ในอ้อมกอด ไม่รู้ทำไม เขาถึงรู้สึกว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างมาก แต่เขาก็มั่นใจว่าเขาไม่เคยเจอเธอมาก่อน แล้วความรู้สึกนี้มันมาจากไหนกัน? ทำให้เขาสงสัยเหลือเกิน
แถมเด็กผู้หญิงคนนี้ยังเป็มิตรกับทุกคน เป็คนตรงไปตรงมา แต่กับเขาเป็ข้อยกเว้น ไม่รู้ทำไมถึงเว้นระยะห่าง ราวกับไม่อยากจะสบตาด้วยซ้ำ เฉินชิ่งเยี่ยนมีความรู้สึกแปลกประหลาดว่าเด็กผู้หญิงที่ชื่อหมี่หลันเยว่ตั้งใจเว้นระยะห่างจากเขา
"บอกมาเถอะครับ มีเื่อะไรกัน บอกให้พวกเราได้สนุกไปด้วยสิ"
เล่นตลกกันจบแล้ว เจิ้งซวี่เหยาก็ยังอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างหมี่หลันเยว่กับแม่ของเขา แถมจากที่เขารู้จักหมี่หลันเยว่ เื่นี้ไม่น่าจะเป็ความลับ ไม่น่าจะพูดไม่ได้
เพราะหมี่หลันเยว่มีหลักการในการใช้ชีวิต ไม่ใช่คนที่แลกเปลี่ยนความลับกับคนที่เพิ่งรู้จักกัน เจิ้งซวี่เหยาถึงได้ถามออกมาอย่างไม่เกรงใจ
"เมื่อกี้คุณป้ากำลังคุยกับฉันเื่ซื้อบ้านสี่ประสานกับเช่าร้านค้าค่ะ"
โอ้? เจิ้งซวี่เหยามองแม่แวบนึง ดูเหมือนว่าเื่จะจบลงแล้ว? เร็วจริงๆ บ่ายนี้เองที่เขาเพิ่งจะพูดกับแม่ ให้แม่ช่วยหลันเยว่ แล้วทำไมพอหลังอาหารเย็น เื่ถึงได้เห็นแสงสว่างแล้ว?
"แม่ครับ เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?"
พอเห็นลูกชายสงสัยในความสามารถของตัวเอง แม่เจิ้งก็เบะปาก
"ทำไม แม่จะมีฝีมือแค่นี้ได้ยังไง?"
เจิ้งซวี่เหยารีบส่ายมือ ขอร้องแม่
"ไม่ใช่ซะหน่อย แม่ผมเนี่ยสุดยอดนักรบหนึ่งเดียวในใต้หล้า เื่อะไรก็ตามที่อยู่ในมือแม่ ก็เหมือนปอกกล้วยเข้าปาก"
พอถูกลูกชายประจบประแจง แม่เจิ้งก็ยอมปล่อยเขาไป แต่ก็ยังยิ้มๆ จิ้มจมูกลูกชาย
"มีใครเค้าชมแม่แบบลูกบ้าง นักรบเนี่ยนะ อยากให้หลันเยว่เขาคิดว่า แม่เป็คนไม่มีเหตุผลใช่ไหมถึงจะพอใจ?"
รู้ว่าแม่แค่ล้อเล่น ไม่ได้โกรธจริง เจิ้งซวี่เหยาก็ไม่ได้ยุ่งกับแม่ต่อ แต่ไปนั่งบนที่เท้าแขนโซฟาอีกด้านของหมี่หลันเยว่ ก้มหน้าลงก็เห็นศีรษะของหมี่หลันเยว่ ระยะห่างนี้ทำให้เขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเด็กสาวจนทำให้เขาใจเต้น
เฉินชิ่งเยี่ยนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ไม่รู้ทำไม พอพี่เหยาไปนั่งที่เท้าแขนข้างเด็กผู้หญิง เขาก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่มีเหตุผล สายตามองไปที่ทั้งสองคนอย่างพิจารณา แม้แต่ตัวเขายังแปลกใจกับความรู้สึกนี้ พวกเขาจะอยู่ใกล้หรือไกล มันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?
แต่ความรู้สึกแปลกประหลาดในใจมันคืออะไรกันแน่? ดูเหมือนว่าทุกอย่างที่เป็ของเด็กผู้หญิงคนนี้จะสามารถกระตุกเส้นประสาทบางเส้นของเขาได้ในทันที ทำให้เขาให้ความสนใจกับเธอโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าระหว่างพวกเขาสองคนมีอะไรบางอย่างที่บอกไม่ถูกเกี่ยวข้องกัน แต่เขาและเธอไม่รู้จักกันนี่นา
เจิ้งซวี่เหยาที่นั่งอยู่ข้างหมี่หลันเยว่รวบรวมสมาธิ คนที่มาจีบเขาก็ไม่น้อย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ คนที่มีคุณสมบัติดีกว่าก็ไม่รู้เท่าไหร่ แต่เขาไม่เคยสนใจใครเลย ดังนั้นความรู้สึกใจเต้นที่หมี่หลันเยว่มอบให้เขาทำให้เขารู้สึกประหม่าเป็พิเศษ
นี่มันเป็แค่เด็กผู้หญิงอายุสิบกว่าปี แต่เวลาที่เขาคุยกับเธอ เขากลับรู้สึกเหมือนคุยกับคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน บทสนทนาแบบนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกถึงช่องว่างของอายุเลย นี่เป็สัญญาณอันตรายจริงๆ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเด็กผู้หญิงอายุสิบกว่าปี เจิ้งซวี่เหยาจะไม่ยอมรับว่าตัวเองรู้สึกใจเต้น
"หลันเยว่ ว่ามาสิ สรุปแล้วมันยังไงกันแน่ หาบ้านที่เหมาะสมเจอแล้วเหรอ?"
ถึงจะควบคุมความคิดฟุ้งซ่านในใจได้ แต่เจิ้งซวี่เหยาไม่ได้ควบคุมความรู้สึกอยากใกล้ชิดกับหมี่หลันเยว่ ใช้มือขยี้ผมเด็กผู้หญิงอย่างสบายๆ ัันุ่มนิ่มทำให้เขายิ้มออกมา
เขามีสมาธิจดจ่ออยู่กับเด็กผู้หญิงตรงหน้ามากเกินไป จนไม่ได้สังเกตว่ามีสายตาถึงสี่คู่ที่หม่นแสงลงพร้อมกันเพราะการกระทำของเขา แม่เจิ้งรู้สึกแปลกใจกับการกระทำของลูกชาย ลูกชายของเธอั้แ่เด็กจนโตเป็คนรักษาระยะห่างจากผู้หญิง ถึงแม้ว่าภายนอกจะดูเป็คนอ่อนโยน แต่ก็รู้วิธีรักษาระยะห่างที่เหมาะสมกับคนอื่น
สายตาของหมี่หลันหยางไม่ปกติ เพราะในใจเขามีจิตใต้สำนึกที่อยากปกป้องน้องสาว ไม่ว่ายังไงเจิ้งซวี่เหยาก็เป็ผู้ชาย การที่เขาใกล้ชิดกับน้องสาวมากเกินไปมันไม่ใช่เื่ดี ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้คิดถึงผลลัพธ์ที่เลวร้ายกว่านั้น แค่ไม่พอใจเล็กน้อยกับการกระทำของเจิ้งซวี่เหยาเท่านั้น
เฉียนหย่งจิ้นรู้สึกไม่สบายใจ เขาไม่รู้ตัวว่าตัวเองคิดอะไรกับหมี่หลันเยว่ ในใจของเด็กผู้ชายวัยรุ่นที่เพิ่งจะเริ่มมีความรัก เด็กผู้หญิงคนนั้นบริสุทธิ์จนทำให้เขาต้องแหงนมอง พอเห็นผู้ชายอีกคนแสดงท่าทีสนิทสนมขนาดนี้ ในใจเขาก็เกิดความปั่นป่วนทันที
ส่วนคนสุดท้ายที่มีสายตาไม่ชัดเจนคือเฉินชิ่งเยี่ยน เขาเพิ่งจะตัดสินใจกับตัวเองว่าจะไม่สนใจเด็กผู้หญิงคนนี้มากเกินไป เขาและเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันั้แ่แรก ไม่จำเป็ต้องเป็ห่วงเธอ แต่ตอนที่พี่ชายแตะศีรษะเด็กผู้หญิง เขาก็รู้สึกเหมือนเส้นด้ายบางเส้นในใจขาดสะบั้นลง ทำให้หัวใจบีบรัดอย่างเ็ป
หมี่หลันเยว่ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก ผู้ชายที่อายุมากกว่าเธอสิบกว่าปี ในใจของเธอคือพี่ชายที่ดีคนหนึ่ง เพราะความที่เป็ผู้ใหญ่ เขาทำให้หมี่หลันเยว่รู้สึกปลอดภัยมากกว่าหมี่หลันหยาง เธอเลยไม่ได้ระแวงอะไรคนคนนี้มากนัก
"คืออย่างนี้ค่ะ อาจารย์เจิ้ง ฉันบอกว่าจะหาโรงงานแถวชานเมืองใช่ไหมคะ แต่คุณป้าเขาแนะนำว่าฉันซื้อบ้านสี่ประสานหลังใหญ่ๆ ไปเลย แล้วเอาโรงงานไว้ในบ้านสี่ประสานเลย มันก็ง่ายดีนี่คะ โรงงานอยู่ในเมืองก็สะดวก แถมยังมีคนช่วยดูแลบ้านด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัวเลยค่ะ"
เจิ้งซวี่เหยาพอได้ยินความคิดนี้ก็พยักหน้าแรงๆ
"ความคิดดีจริงๆ ไม่ใช่แค่หลันเยว่จะดีใจแล้ว แบบนี้มันยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัวจริงๆ แก้ปัญหาเื่เวลาหาโรงงาน แถมยังไม่ต้องวิ่งวุ่นระหว่างในเมืองกับชานเมือง ที่สำคัญคือเธอตั้งใจจะซื้อบ้านสี่ประสานอยู่แล้วนี่นา แม่ สุดยอดไปเลยครับ"
เขายกนิ้วโป้งให้แม่
"พวกเราตั้งหลายคน ยังคิดไม่ถึงเื่นี้เลย แม่คิดออกง่ายๆ แบบนี้ เก่งจริงๆ"
แม่เจิ้งพอถูกลูกชายชมก็ยิ้มจนแก้มปริ
เจิ้งซวี่เหยาหันไปมองหมี่หลันเยว่อีกครั้ง
"หลันเยว่ ถ้าเธอซื้อโรงงานที่ชานเมือง ก็คงต้องใช้เงินเยอะ แต่ตอนนี้แค่เอาเงินพวกนั้นมาโปะเงินซื้อบ้านสี่ประสานก็จบเื่แล้ว แถมยังสะดวกให้พวกเธอดูแลกันด้วย ไม่งั้นพวกเธอวิ่งวุ่นระหว่างชานเมืองกับในเมือง แถมยังต้องไปเรียน คงจะวุ่นวายน่าดู"
หมี่หลันเยว่พยักหน้า
"นั่นสิคะ ความคิดของคุณป้าดีจริงๆ ฉันถึงได้ดีใจขนาดนี้ แต่เื่ที่ทำให้ฉันดีใจไม่ได้มีแค่นี้นะคะ คุณป้าบอกว่ามีเพื่อนคนหนึ่งมีร้านค้าในใจกลางเมืองค่ะ เื่นี้ต่างหากที่ทำให้ฉันใจเต้นที่สุด"
ทำเลในใจกลางเมืองน่ะ ต่อไปมีเงินก็ซื้อไม่ได้แล้ว ถึงจะไม่รู้ว่าเขาอยากจะเช่าหรืออยากจะขาย แต่ถึงจะให้เช่า หมี่หลันเยว่ก็ไม่อยากพลาด โอกาสที่จะได้อยู่ในใจกลางเมืองเป็การเปิดหัวการเริ่มต้นธุรกิจที่ดี ถ้ามัวแต่อยู่ในซอกหลืบ ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีถึงจะประสบความสำเร็จ
"อย่างนี้นี่เอง..."
ข่าวนี้ไม่ได้ทำให้เจิ้งซวี่เหยาดีใจตามไปด้วยทันที
"ถึงทำเลที่เธอว่ามันจะดี แต่ราคาบ้านในใจกลางเมืองมันก็ไม่ถูกนะ แถมยังเป็ร้านค้าด้วย เธอต้องเตรียมใจไว้บ้าง อย่าเพิ่งดีใจอย่างเดียว ต้องคิดถึงความสามารถในการรับภาระของตัวเองด้วย"
พอพูดถึงเื่นี้ คนในบ้านก็เงียบลง ใช่แล้ว นี่มันต้องใช้เงินเท่าไหร่กัน? เจิ้งซวี่เหยารู้ว่าหมี่หลันเยว่จะไม่รับความช่วยเหลือจากเขา เขาถึงได้สาดน้ำเย็นใส่เธอตอนนี้ ให้เธอเตรียมใจไว้บ้าง จะได้ไม่ผิดหวังมากเกินไปหลังจากที่หวังไว้สูง
"คุณป้าคะ พวกเราไปดูร้านค้าก่อนดีไหมคะ พรุ่งนี้ไปดูกันเลยดีไหมคะ?"
จริงๆ แล้วเื่เงิน หมี่หลันเยว่รู้ดีที่สุดแล้ว ปักกิ่งในยุคนี้ถึงแม้ว่าราคาบ้านจะสูงกว่าเมืองอื่นนิดหน่อย แต่เทียบกับราคาบ้านแพงหูฉี่ในยุคหลังๆ แล้ว ก็ยังถือว่าเป็เื่เล็กน้อย ยิ่งแพงก็ยังอยู่ในขอบเขตที่หมี่หลันเยว่รับได้ เธอเลยตัดสินใจไปดูบ้านก่อนแล้วค่อยว่ากัน
