เฉิงจื่อเฝ้าอยู่ข้างเตียง มองถังชิงหรูรักษาให้ท่านย่าซึ่งอายุมากแล้วของตนเอง
ขาของท่านย่ามีเนื้อร้ายมานานมาแล้ว ไร้วี่แววว่าจะดีขึ้น และเพราะก้อนเนื้อนี้ ย่าของเขาจึงลงจากเตียงไม่ได้มาสองสามปีแล้ว เพราะเพียงแค่เท้าััพื้น ขาข้างที่มีเนื้อร้ายก็จะปวดทรมานยิ่ง
ถังชิงหรูหยิบมีดผ่าตัดมากรีดบนเนื้อร้าย มีน้ำเหลืองไหลออกมาเป็จำนวนมาก มิเพียงแต่แลดูน่าสะอิดสะเอียน ยังส่งกลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจ
เฉิงจื่อเห็นถังชิงหรูทำทุกขั้นตอนโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน ก็จดจำความดีงามของนางไว้ในใจ
"ปัญหาแค่เล็กน้อย แต่ปล่อยทิ้งไว้นานไม่ได้รับการรักษา ก็เลยกลายเป็แผลเรื้อรัง" ถังชิงหรูหันไปคุยกับเฉิงจื่อ "ข้าจะไปหาโอสถมาให้ เ้าแค่ใส่ยาให้ท่านย่าของเ้าทุกวันต่อเนื่องเป็เวลาครึ่งเดือน ก็คงจะไม่มีปัญหาแล้ว"
"แค่นี้เองหรือ" เฉิงจื่อนึกประหลาดใจ "คราก่อนท่านหมอบอกว่าไร้ทางเยียวยาแล้ว ให้พวกเราเตรียมตัวให้พร้อม..."
ถังชิงหรูนึกขึ้นได้ว่าการแพทย์สมัยนี้ พวกเขายังไม่ทราบเกี่ยวกับวิธีการผ่าตัด เนื้องอกเล็กๆ เพียงแค่นี้ ก็บอกว่าไร้หนทางรักษา ซ้ำร้ายยังบอกให้ผู้อื่นเตรียมโลงศพ ทว่าพวกเขามีทักษะความรู้เพียงเท่านั้นจริงๆ จะโทษหมอก็ไม่ได้ เพราะหมอเองก็พยายามอย่างสุดกำลังแล้ว และไม่ได้ตั้งใจขู่ให้พวกเขาหวาดกลัว
"เ้าลืมไปแล้วหรือ พี่สาวคนนี้หาใช่หมอธรรมดา อาจารย์ของข้าเป็ผู้สูงส่ง ได้สมญานามว่าฮว่าถัว[1]กลับชาติมาเกิดเชียวนะ เื่ที่หมอคนอื่นทำไม่ได้ ข้าทำได้สบายมาก" ถังชิงลูบศีรษะของเฉิงจื่อ ยิ้มกล่าวอย่างอ่อนโยน "วางใจเถอะน่า... ข้าบอกใช้เวลาครึ่งเดือนย่อมเป็ครึ่งเดือน เ้ารอข่าวดีได้เลย"
เฉิงจื่อจับมือท่านย่าของตนเองพลางกล่าวด้วยความตื่นเต้น "ท่านย่า ท่านได้ยินหรือไม่ พี่สาวบอกว่าอีกแค่ครึ่งเดือน ท่านก็จะสามารถลงจากเตียงได้แล้ว ท่านไม่ได้ลงจากเตียงมานานแล้ว ่แรกอาจยังไม่คุ้นชิน หลานจะประคองท่านย่าเดินเองขอรับ"
ย่าของเฉิงจื่อลูบใบหน้าหลานชาย น้ำตาคนแก่ไหลพรั่งพรู "หลานรักของย่า..."
หลังจากรักษาให้ท่านย่าของเฉิงจื่อเรียบร้อยแล้ว ถังชิงหรูก็ไปที่บ้านของเด็กคนอื่นๆ ต่อ ยามมาถึงบ้านของเสี่ยวเยว่ เพิ่งเข้ามาข้างในก็ถูกชายคนหนึ่งฉวยไม้กระบองไล่ตี เคราะห์ดีที่หลบทันจึงไม่ถูกหวดได้รับาเ็ นางหน้านิ่วคิ้วขมวดถลึงตาใส่ชายผู้นั้นพลางเอ่ยว่า "นี่มันหมายความว่าอย่างไร"
ชายร่างใหญ่ผู้นี้แท้จริงแล้วคือบิดาของเสี่ยวเยว่ เขามองถังชิงหรูแล้วเอ่ยปากตะคอกใส่อย่างรุนแรง "เ้าอย่านึกว่าข้าไม่รู้จุดประสงค์ของเ้า เ้าหลอกลวงทุกคนได้ แต่หลอกข้าไม่ได้ อยากจะฆ่าคนปิดปากล่ะสิ ข้าขอบอกไว้เลยว่าไม่ง่ายขนาดนั้น อยากจะสังหารข้าก็ต้องดูว่ากระบี่ในมือข้ามันยอมตกลงหรือไม่"
ถังชิงหรูหัวเราะเยาะหยัน "ประสาท"
เสี่ยวเยว่วิ่งออกมาจากด้านใน เข้ามากอดบิดาของตนเองไว้พลางร้องไห้โฮ "ท่านพ่อ ท่านอย่าเพิ่งโวยวาย พี่สาวเป็หมอ ช่วยรักษาโรคให้ท่านได้ พี่สาวเก่งกาจมาก อาการเจ็บป่วยของผู้อื่นต่างดีขึ้นกันทุกคน โรคของท่านก็ต้องรักษาหายได้แน่"
บิดาของเสี่ยวเยว่กำลังเืเข้าตา ไหนเลยจะได้ยินถ้อยคำของบุตรชาย เขาถีบเสี่ยวเยว่กระเด็นออกไป เงื้อท่อนไม้ในมือตั้งท่าจะฟาด พลางตะคอกใส่ "อย่ามาพูดพล่ามไร้สาระ บิดาไม่ป่วย ร่างกายออกจะแข็งแรงดี พวกเ้าคิดทำร้ายบิดา บิดาไม่โง่ขนาดนั้นหรอกโว้ย"
ถังชิงหรูพอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว คนผู้นี้ป่วยจริงๆ แต่เป็อาการป่วยทางประสาท ในบรรดาโรคทั้งหมด โรคชนิดนี้รับมือยากที่สุด
นางถอนหายใจอย่างอ่อนเพลีย เอ่ยว่า "ช่างเถอะ ไม่ถือสากับคนป่วยก็ได้"
กล่าวจบนางก็ะโเข้าไปใช้สันมือฟาดเข้าที่ลำคอ ปั้ก! แล้วชายผู้นั้นก็ถูกนางล้มลงไปกองที่พื้นด้วยประการฉะนี้
"กระบวนท่าที่เฉินิเคยสอนมีประโยชน์ใช้ได้ทีเดียว" ถังชิงหรูยิ้มหัวเราะเบาๆ "ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องเปลืองแต้มจิตพิสัยจรรยาแพทย์ไปกับโหมดป้องกันตนเองแล้วสินะ"
ขณะที่ถังชิงหรูกำลังจับบิดาของเสี่ยวเยว่นอนราบลงเตรียมทำการรักษา ก็มีคนสิบกว่าคนเดินมาจากละแวกนั้น
ตอนแรกนางจำไม่ได้ว่าพวกเขาเป็ใคร ถึงอย่างไรคนในหมู่บ้านก็ไม่ค่อยออกมาจากบ้านกัน นางยังนึกว่ามีคนไข้มาใหม่อีกแล้ว แต่พอพวกเขาเข้ามาใกล้ ถึงพบว่าคนเหล่านี้ก็คือชาวบ้านในหมู่บ้าน แต่ละคนต่างถืออาวุธมากันครบมือ สีหน้าท่าทางดุร้าย
"นางอยู่นี่" หญิงออกเรือนแล้วคนหนึ่งพอเห็นนางก็กระโจนเข้าหา พร้อมกับเอามีดที่ถืออยู่จ้วงใส่ถังชิงหรู
ถังชิงหรูเบี่ยงกายหลบอย่างรวดเร็ว ขมวดคิ้วเอ่ยถาม "เ้าจะทำอันใด"
หญิงคนนั้นตะครุบได้แต่ความว่างเปล่า ก็กระโจนเข้ามาอีกครั้ง สีหน้านางเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ไม่เพียงแต่ตาแดงก่ำยังมีน้ำตาเอ่อคลอ
"นังฆาตกร" ชาวบ้านที่อยู่ด้านข้างะโด่าทออย่างดุเดือด "เสี่ยวหรูเอ๋อร์เป็แค่เด็กคนหนึ่ง เ้ายังลงมือได้ลงคอ ปากทำเป็บอกว่าหวังดีจะมาช่วยรักษาโรคให้พวกเรา แท้จริงแล้วเป็คนร้ายฆ่าคน"
"เสี่ยวหรูเอ๋อร์?" ถังชิงหรูนึกถึงชื่อนี้ในสมอง หากจำไม่ผิด เสี่ยวหรูเอ๋อร์คงจะเป็แม่หนูน้อยที่นางเพิ่งเจอเมื่อครู่นี้ เด็กคนนั้นแค่ขาดสารอาหาร ภูมิต้านทานโรคจึงต่ำ เลยไม่สบายอยู่เป็ประจำเท่านั้นเองแท้จริงแล้วหาได้ป่วยไข้ใหญ่โต แค่ต่อไปกินอาหารให้มากขึ้นหน่อย นางก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเอง ดังนั้นจึงมิได้ออกยาให้ และมิได้ฝังเข็มด้วย เพียงแค่ดูอาการนิดหน่อยแล้วก็ไป จู่ๆ นางจะตายปุบปับได้อย่างไร
"มารดาหรูเอ๋อร์ เมื่อครู่ข้าไปตรวจอาการให้นาง ท่านก็อยู่ด้วย ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย ตอนที่ข้าไป นางก็ยังปรกติดี ตอนนี้มากล่าวหาว่าข้าสังหารนาง ท่านมีหลักฐานอันใดบ้างเล่า" ถังชิงหรูมองมารดาของหรูเอ๋อร์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย สายตาเต็มไปด้วยความคลางแคลง มารดาหรูเอ๋อร์สายตาหลุกหลิก ท่าทางร้อนตัวกลัวความผิด เพียงเท่านี้ถังชิงหรูก็พอคาดเดาได้แล้วว่าเื่นี้ต้องมีเงื่อนงำบางอย่าง
ชายฉกรรจ์วัยกลางคนซึ่งเป็บิดาของหรูเอ๋อร์กล่าวเสียงเย็น "อย่ามาหลอกพวกเราเสียให้ยาก อย่านึกว่าคนบ้านนอกอย่างพวกเราไม่เคยเห็นโลกภายนอกแล้วจะโง่งมหลงเชื่อคำเ้าง่ายๆ บุตรสาวข้ายังดีอยู่แท้ๆ จะตายได้อย่างไร จะตายช้าตายเร็วกว่านี้ก็ไม่เพียรแต่ต้องมาตายหลังจากที่เ้าเข้ามาดูได้มินาน แล้วยังจะบอกว่าตนเองไม่ใช่ฆาตกรอีกรึ"
ชาวบ้านทุกคนต่างใช้สายตาโกรธแค้นจ้องมองนาง
อาจเป็เพราะคนในหมู่บ้านนี้ทุกคนล้วนเป็คนป่วย แต่ละคนถึงเอาใจเขามาใส่ใจเรา มีความเห็นอกเห็นใจพวกพ้องเดียวกัน ดังนั้นจึงกลมเกลียวกันมากเป็พิเศษ ยามนี้มีเด็กหญิงตายไปคนหนึ่ง พวกเขาก็รู้สึกเหมือนกับสูญเสียญาติของตนเอง อีกอย่าง ทุกคนต่างล้มป่วยกันมานาน สิ่งที่ปรารถนาที่สุดคือการมีสุขภาพแข็งแรง ถังชิงหรูทั้งให้ความหวัง และทำให้พวกเขาสิ้นหวัง พวกเขาย่อมคิดแค้นอยากจะสังหารนาง นี่คือเหตุผลที่สามารถเข้าใจได้
แต่ถังชิงหรูไม่เข้าใจว่าตนเองมีเจตนาดีคิดช่วยเหลือคน ตอนนี้มิเพียงแต่ถูกตำหนิ ยังกล่าวหาว่านางเป็ฆาตกรสังหารคน ความคิดเช่นนี้ช่างย่ำแย่ยิ่งนัก
"ศพของแม่หนูคนนั้นเล่า?" ถังชิงหรูกล่าวเสียงเรียบ "พวกท่านบอกว่าข้าสังหารนาง ก็เอาหลักฐานมาแสดงสิ แม้ว่าคนจะตายแล้ว แต่ศพยังสามารถพูดได้ พวกเ้าไปหาศพของนางมาให้ข้า ข้าจะตรวจสอบเอง หากรู้ว่าใครจงใจใส่ร้ายข้าล่ะก็ ข้าอาจจะทำเื่ที่ทุกคนไม่ชอบใจนักก็ได้"
ทุกคนต่างมองหน้ากัน หนึ่งในนั้นพูดกับบิดาของหรูเอ๋อร์ว่า "เมื่อนาง้าหลักฐาน ก็ไปเอาศพของหรูเอ๋อร์มาให้นางพิสูจน์ อย่าให้หรูเอ๋อร์ต้องตายอย่างมีเงื่อนงำ"
"ใช่แล้ว ขาของพวกเราล้วนเหยียบเข้าโลงไปแล้วข้างหนึ่ง หากต้องแลกด้วยชีวิต พวกเราก็พร้อมเสมอทุกเวลา" ชายฉกรรจ์คนหนึ่งกล่าวพลางกุมหมัดหักข้อนิ้วดังเป๊าะ
ทุกคนต่างเข้ามาล้อมรอบถังชิงหรูไว้ตรงกลาง ประหนึ่งกลัวว่านางจะเผ่นหนี
คนเหล่านี้ล้วนเป็คนป่วย แต่เพื่อทวงความเป็ธรรมให้กับเด็กหญิงคนหนึ่งถึงขนาดยอมออกมาจากบ้าน หากมองจากมุมนี้ ถังชิงหรูยังรู้สึกเลื่อมใส เพียงแต่แม้ว่าพวกเขา้าความยุติธรรม ก็ไม่อาจใส่ร้ายผู้อื่นตามอำเภอใจ หากนางตรวจพบต้นสายปลายเหตุของเื่เมื่อไร จะไม่ปล่อยเลยตามเลยเป็อันขาด
ไม่นานนัก บิดาของเด็กหญิงที่ชื่อหรูเอ๋อร์ก็นำร่างของบุตรสาวเข้ามา เขามองลูกน้อยในอ้อมแขนด้วยความโศกเศร้าและอาลัยอาวรณ์ยิ่ง หยาดน้ำใสเอ่อล้นเต็มดวงตา
นางเอามือไปทดสอบลมหายใจ หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน
เด็กหญิงตัวน้อยสิ้นลมหายใจแล้ว ดูจากสภาพความแข็งของศพคงเพิ่งเสียชีวิตหลังจากที่ตนเองจากไปได้ไม่นาน
นางตรวจสอบร่างกายดูแล้ว ไม่พบาแภายนอก ดังนั้นสาเหตุการตายย่อมไม่ใช่การถูกทำร้ายร่างกาย
ที่คอไม่พบร่องรอยย่อมไม่ถูกรัดคอตาย
สาเหตุการตายที่เป็ไปได้ทั้งหมดล้วนถูกยกออกมาพิจารณา ทว่าแต่ละอย่างล้วนไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ มิน่าเล่าคนเหล่านี้ถึงมาหานาง ภายใต้สถานการณ์ที่ยังมองสาเหตุการตายไม่ออก คนนอกเช่นนางย่อมตกเป็ผู้ต้องสงสัยมากที่สุด เพียงแต่นางสังเกตเห็นสีหน้าผิดปรกติของมารดาหรูเอ๋อร์เมื่อครู่นี้ และมั่นใจว่าต้องมีเบื้องลึกซ่อนเร้นอยู่ หญิงผู้นั้นไม่พูดพร่ำทำเพลงก็พาคนมาป้ายความผิดใส่นาง เช่นนั้นก็มีความเป็ไปได้สองประการ
หนึ่ง การตายของเด็กหญิงคนนี้เกี่ยวข้องกับนาง เมื่อพวกชาวบ้านคิดว่าตนเองเป็คนร้าย นางก็แค่ผลักเรือตามน้ำโยนความผิดไปให้พ้นตัว สอง การตายของเด็กหญิงมีความผิดประหลาด ซึ่งนางก็ไม่อาจอธิบายได้
ไม่ว่าจะเป็เพราะสาเหตุใด มารดาของหรูเอ๋อร์จะต้องรู้ตื้นลึกหนาบาง นางจะต้องหาวิธีทำให้อีกฝ่ายพูดออกมาเองให้ได้ มีแต่วิธีนี้ พวกชาวบ้านถึงจะเชื่อว่าตนเองบริสุทธิ์
"ว่าอย่างไร ไม่มีอะไรจะพูดแล้วสิ" บิดาของหรูเอ๋อร์ขึงตาใส่นางอย่างคับแค้น "ร่างของหรูเอ๋อร์ไร้าแ เ้าเป็หมอ ย่อมมีวิธีสังหารคนโดยไม่เห็นเืได้ นอกจากเ้าแล้วยังจะมีผู้ใดเป็คนร้ายได้อีก"
"เพราะว่าข้ารู้วิธีสังหารคนโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้บนศพ ก็บอกว่าข้าเป็คนร้ายเสียแล้ว ไม่เป็การปรักปรำกันไปหน่อยหรือ" ถังชิงหรูมองมารดาของหรูเอ๋อร์พลางกล่าวว่า "พี่สะใภ้ท่านนี้ ข้าไปดูอาการให้บุตรสาวของท่าน ท่านก็อยู่ข้างกายข้าตลอด ข้าทำสิ่งใด ท่านย่อมรู้อยู่แก่ใจ ตอนนี้มาใส่ร้ายว่าข้าเป็ฆาตกร หากบุตรสาวของท่านได้ยิน เกรงว่าคงกลายเป็ผีร้ายมาหาท่านแน่ หมู่บ้านสกุลหลี่มีพลังด้านมืดรุนแรงนัก พวกท่านยัดข้อหาให้ผู้อื่นเช่นนี้ ไม่กลัวผีร้ายจะตามรังควานบ้างหรือไร"
คนโบราณเชื่อเื่งมงายพรรค์นี้เป็ที่สุด ถ้อยคำเหล่านี้นางไม่เชื่อ แต่คนโบราณเหล่านี้ต่างเชื่อกันทุกคน ปากของพวกเขาพร่ำพูดกันถึงแต่ภูตผีเทวดา และหวาดกลัวต่อสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้เหล่านี้เป็พิเศษ นางรู้ความคิดของพวกเขา จึงจงใจยืมมาขู่ให้พวกเขาเกิดความหวาดกลัว
แล้วก็ไม่ผิดดังคาดหมาย สีหน้าของมารดาหรูเอ๋อร์ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้น ใบหน้านางขาวซีด โต้เถียงปากคอสั่น "เ้าพูดเหลวไหลอันใด ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเ้าทำสิ่งใดกับบุตรสาวข้าบ้าง เสียแรงที่ข้าเชื่อถือเ้ามอบบุตรสาวให้เ้ารักษา แต่เ้ากลับส่งนางไปถึงประตูเมืองผี ฮือๆ "
ถังชิงหรูมุ่นคิ้วขมวด ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ นางคงประเมินความสามารถในการทนรับสิ่งบีบคั้นจิตใจของคนโบราณเหล่านี้ต่ำเกินไป เห็นชัดอยู่ว่าหวาดกลัวยังพูดส่งเดชอย่างหน้าตาเฉย
ไม่ได้! นางต้องตรวจสอบสาเหตุการตายที่แท้จริงออกมาให้ได้ แค่แสดงหลักฐานทั้งหมดออกมาให้เห็น พวกเขาคิดจะใส่ร้ายนางอีกก็ไร้ประโยชน์ เมื่อหลักฐานเป็ที่ประจักษ์ ฆาตกรก็ไร้หนทางซ่อนเร้น
นางหันไปมองบิดาของหรูเอ๋อร์ ถามว่า "เมื่อครู่ตอนที่ข้าไปตรวจอาการให้หรูเอ๋อร์ ท่านไม่อยู่บ้าน ่ระหว่างนั้นท่านไปอยู่ที่ไหน"
--------------------------------------------------------------------------------
[1] ฮว่าถัว(ฮูโต๋) ได้ชื่อว่าเป็บิดาแห่งศัลยแพทย์จีน เป็หมอเทวดาผู้โด่งดังในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ฮว่าถัวได้คิดค้นยาชา และทำการผ่าตัดไส้ติ่งให้กับผู้ป่วยโดยใช้ยาชานี้ นอกจากนี้เขายังเชี่ยวชาญด้านการฝังเข็ม กล่าวกันว่าเขาฝังเข็มรักษาอาการปวดศีรษะให้เฉาเชา(โจโฉ) แต่ภายหลังเขาก็ถูกเฉาเชาสังหาร เนื่องจากอาการปวดหัวรักษาไม่หายขาดแล้วฮว่าถัวเสนอให้ผ่าสมอง เฉาเชานึกว่าเขาคิดสังหารตนเอง จึงสั่งฆ่าเขาเสีย