ฉินหล่างเดินออกมาจากห้องทำงานของคณบดีด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เป็ไปตามที่เขาคาดไว้ไม่ผิด ท่านคณบดีสอบถามอย่างละเอียดถึงเื่ที่เกิดขึ้นทางตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้เขาได้รับคำชื่นชมยกย่องว่าสามารถรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น ณ จุดเกิดเหตุ
เอ่ยชื่นชมเสร็จ คณบดีจึงถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เมืองผิง
“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณ เจอเื่พวกนี้ก็ไม่จำเป็ต้องสนใจ คนเ่าั้แค่ขี้ขลาดตาขาว แต่เสี่ยวฉิน คุณก็รู้ว่าสถานะหน่วยงานของเราไม่ได้เป็จุดสนใจเท่าไร ตอนนี้เบื้องบนมีคนคอยกัดไม่ปล่อย ซึ่งผมทำอะไรไม่ได้ หน้าที่รับผิดชอบครั้งนี้อันตรายนัก เวลาผ่านมานานแบบนี้คุณคงเหนื่อย ่นี้เป็โอกาสดีที่จะได้พักผ่อน เื่ต่อจากนี้ส่งต่อให้เป็หน้าที่คนอื่นๆ ในทีมก็แล้วกัน”
น้ำเสียงที่จนใจของคณบดีดังก้องอยู่ในหูของฉินหล่าง แววตาของเขาฉายความเศร้าใจ
การที่เขาเปลี่ยนมาทำงานด้านสำรวจ เพราะมีความสนใจเป็พิเศษ เขาตั้งใจทำงานเพื่อประเทศและประชาชนด้วยใจจริง แต่ในหัวของคนบางกลุ่มกลับเต็มไปด้วยอำนาจและผลประโยชน์ คอยจับผิดเื่เล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน พยายามหาประเด็นต่างๆ เพื่อดึงเขาลงจากตำแหน่ง
แค่อยากทำหน้าที่สักอย่างด้วยความตั้งใจ ทำไมยากเย็นแสนเข็ญนัก
แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อถึงเวลาเผชิญกับเื่นี้จริงๆ ฉินหล่างก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็ทุกข์
เมื่อกลับถึงห้องพัก เขาถอดเสื้อคลุมแล้วแขวนไว้ที่ราวแขวนเสื้อถอนหายใจยาวๆ อย่างไม่สามารถอดกลั้นได้ ในเวลาเดียวกันเสียงข้อความเข้าก็ดังขึ้น
เขายื่นมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือจากบนโต๊ะ เห็นว่าข้อความส่งมาจากเด็กสาวคนนั้น
หากไม่คืนเงินที่ยืมมาจะรู้สึกไม่สบายใจหรือ
เป็เด็กสาวที่มีจิตใจบริสุทธิ์จริงๆ
เงินห้าพันหยวนนี้จะนำไปบริจาคให้เด็กนักเรียนยากจนหรือ
เป็ความคิดที่ดี!
“ตกลง”
นิ้วชี้ััแป้นพิมพ์และกดตอบตกลง ก่อนที่เขาจะกดปุ่มส่ง
ความรู้สึกหดหู่ใจในตอนแรกหายไป กลับมาสดใสขึ้นทันทีหลังจากเหตุการณ์นี้
อาณาเขตของประเทศจีนกว้างใหญ่มาก ทรัพยากรต่างๆ มากมาย เช่น ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และโลหะหายากล้วนถูกเก็บไว้ใต้ดิน ลำพังความสามารถของเขาคนเดียวคงไม่สามารถสำรวจได้จนเสร็จสมบูรณ์แน่นอน
ด้วยเหตุนี้จึงต้องฝึกฝนคนใหม่ๆ เพิ่มดีกว่า
เขามองผ่านหน้าต่างเห็นเด็กฝึกงานเดินผ่านมา ฉินหล่างเรียกสติตนเองให้กระปรี้กระเปร่า เมื่อมีเวลาว่างการได้มีส่วนช่วยในการสื่อสารกับบรรดาเด็กฝึกงานที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นถือเป็สิ่งที่ดี
หมู่บ้านตงผิง ซูอินที่นอนเล่นอยู่บนเตียงหลังจากส่งข้อความก็ได้รับข้อความตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ตกลง”
นี่เขาตอบตกลงแล้วหรือ
ในหัวของเธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพเ้าหนี่ว์วาที่บรรจงแกะสลักขึ้นเองกับมือ ไม่เพียงแค่ความหล่อ แม้แต่จิตใจของเขาก็มีเมตตามาก ราวกับเทพบุตร
การได้รู้จักคนแบบนี้ถือว่าเป็เื่ดี
ซูอินที่รับประทานมื้อเที่ยงอย่างมีความสุขและ “กล่อม” เด็กชายตัวน้อยนอนกลางวัน ยิ่งรู้สึกมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม
เธอนอนอยู่บนผ้าห่มผืนใหม่ที่ทำจากผ้าฝ้ายเนื้อนุ่ม ทั้งสี่ทิศทางที่ถูกแสงแดดส่องเข้ามามีกลิ่นอายอ่อนๆ หว่างคิ้วมีท่าทีผ่อนคลายพร้อมรอยยิ้มก่อนที่เธอจะนอนหลับไปอย่างรวดเร็ว
การได้กลับมาใช้ชีวิตใหม่ที่ชนบทของซูอินเปิดฉากด้วยคำว่า “ดี”
ในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานระหว่างชนบทและในเมืองยังมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก เช่น ศูนย์การค้า ร้านอาหาร หรือส่วนเล็กๆ อย่างห้องสุขาและห้องอาบน้ำ เป็สิ่งที่ในชนบทไม่มี แม้แต่น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติที่เพิ่งขุดเจาะเมื่อไม่กี่ปีก่อนก็ยังมีการกำหนดการใช้ในแต่ละวัน
คนที่เคยชินเื่ความสะอาด ใช้ชีวิตสุขสบายในเมืองหลวง หากมาที่นี่เป็ครั้งแรกก็คงไม่ชิน
แต่สิ่งเ่าั้ไม่ได้สร้างความลำบากให้กับซูอินเลย
เธอถูกสองสามีภรรยาตระกูลหลิงส่งไปใช้ชีวิตอยู่กับสองผู้เฒ่าตระกูลหลิงในชนบทั้แ่เล็ก ชนบทเมื่อสิบกว่าปีก่อนไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีเท่าตอนนี้ แม้ว่าภายหลังเธอจะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองมาตลอด แต่ความทรงจำในวัยเด็กยังคงอยู่ ความคุ้นเคยบางอย่างยังคงฝังอยู่ลึกๆ ในใจ
ตัดเื่ความไม่คุ้นเคยในตอนแรกออกไป เธอนำความคุ้นชินในสมัยเด็กขึ้นมาใช้อีกครั้ง
ไม่ถึงสองวันเธอก็คุ้นเคยกับห้องน้ำที่ไม่มีสุขอนามัยมากนัก คุ้นเคยกับการต้องนำน้ำมาเช็ดตัวทุกวันก่อนนอน
แน่นอนว่าไม่ใช่จะไม่มีเื่ดีๆ บ้านของคนชนบทล้วนแต่มีลานกว้าง ซึ่งหากเป็ในเมืองก็คงมีเพียงคฤหาสน์ของคนรวยที่สามารถมีพื้นที่กว้างขนาดนี้ อีกทั้งสวนในคฤหาสน์ของคนรวยก็ไม่น่าจะใหญ่ขนาดนี้
นอกจากนั้น สิ่งที่ทำให้ซูอินมีความสุขที่สุดคือคนในตระกูลซู
คนในรุ่นของซูเจี้ยนจวินมีชายสาม หญิงสอง เป็พี่น้องพ่อแม่เดียวกันรวมห้าคน เขาเป็บุตรคนที่สามซึ่งเป็คนกลางพอดี มีพี่ชายพี่สาว น้องชาย น้องสาว
พวกเขาทั้งห้าคนแต่งงานมีคู่สมรสกันหมดแล้ว ซูอินเพิ่งกลับมาไม่นานจึงยังไม่ได้เจอคนอื่นๆ พบแค่ครอบครัวของคุณลุงที่อยู่บ้านใกล้ๆ
ในชาติก่อน “ญาติ” ที่เธอจดจำได้มีเพียงคนจากตระกูลหลิงและตระกูลอู๋ หากให้พูดตรงๆ คนจากสองครอบครัวนี้ค่อนข้างเลือกปฏิบัติ
หลิงจื้อเฉิงและอู๋อู๋ถือเป็คนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในตระกูลของตนเอง ก่อนอายุสิบหกปีที่เธอยังเป็บุตรสาวคนเดียว เมื่อเห็นเธอญาติจากทั้งสองฝ่ายก็สนิทสนมและเป็มิตรมาก เมื่อถึงวันปีใหม่ก็จะให้เงินเธอมากกว่าเด็กคนอื่นๆ
แต่หลังจากเื่อุ้มลูกผิดคนเผยแพร่ออกไป ญาติพี่น้องจากสองตระกูลก็เปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืน ปฏิบัติต่อเธอด้วยท่าทีเ็า ดูแคลน เหยียบย่ำเธอเพื่อเชิดชูหลิงเมิ่ง
ญาติพี่น้องจากสองตระกูลนี้ ทำให้เธอได้รู้ถึงความอบอุ่นและความหนาวเหน็บบนโลกใบนี้
เมื่อได้ติดต่อกันหลังจากสอบขึ้นมัธยมปลาย เมิ่งเถียนเฟินเคยบอกว่าพวกเธอเป็เพื่อนบ้านกับคุณลุง เมื่อกลับมาที่นี่เธอจึงใส่ใจครอบครัวของคุณลุงเป็พิเศษ เห็นได้ชัดเจนว่าทั้งสองครอบครัวมีความแตกต่างกันมากเพียงใด
บ้านของสองสามีภรรยาตระกูลซูเป็บ้านดินหลังคาเตี้ย กำแพงบ้านเป็เพียงรั้วธรรมดา แต่บ้านของคุณลุงซึ่งกำแพงติดกันเป็บ้านอิฐที่กว้างขวางและสว่างไสว กำแพงสูงถูกฉาบด้วยปูน ประตูของลานบ้านตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบและกระเบื้องเซรามิก บนประตูเหล็กทั้งสองด้านมีสลักกลมที่ส่องประกายแวววาว
หากมองแค่ตัวบ้านก็เห็นแล้วว่าติดอันดับในหมู่บ้านตงผิงอย่างแน่นอน
ฐานะที่ค่อนข้างแตกต่างกันมากจะทำให้คุณลุงดูแคลนพวกเธอไหมนะ
ถึงแม้ในบัญชีของเธอจะมีเงินที่สามารถสร้างบ้านหลังใหญ่ แต่ประสบการณ์จากญาติพี่น้องตระกูลหลิงและตระกูลอู๋ทำให้เธอไม่อยากรับมือกับญาติพี่น้องแบบนั้นอีก
แต่ความกังวลของซูอินก็อยู่เพียงไม่นาน
คืนนั้นที่ซูอินเดินทางกลับมา หลิวจินเซียงได้ยกหัวหมูอย่างดีมาให้ เมื่อเดินเข้ามาเห็นเธอก็เผยรอยยิ้มขึ้นทันที
“แบบนี้สิถึงจะเรียกว่ากลับมาแล้ว”
หลิวจินเซียงเป็คนอบอุ่นมาก หล่อนที่พูดจาคล่องแคล่วรีบแนะนำตัวกับซูอิน “ฉันเป็ภรรยาของคุณลุงของหนู อยู่บ้านข้างๆ ครั้งก่อนที่ไปยืนยันตัวบุตรสาวที่คฤหาสน์ตระกูลหลิง ฉันก็ไปด้วย ตอนนั้นฉันนั่งอยู่ข้างๆ แม่ของหนู จำได้ไหม”
ในวันนั้นเธอเพิ่งจะกลับชาติมาเกิด มีเื่วุ่นวายมากมาย ทำให้ซูอินจำเื่ราวหลายๆ อย่างไม่ได้
แต่ว่านั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สิ่งสำคัญคือท่าทีของอีกฝ่ายต่างหาก
เมื่อคุ้นชินกับการแสดงสีหน้าที่ไม่ค่อยดีจากตระกูลหลิงและตระกูลอู๋ ทำให้ซูอินสามารถแยกแยะการกระทำที่เสแสร้งหรือจริงใจได้อย่างง่ายดาย เห็นชัดเจนว่าคุณป้าคนนี้แสดงออกถึงการกระทำในแบบหลัง
เมื่อรู้เช่นนั้นทำให้ซูอินมีความสุขมาก จนใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้มอย่างอดไม่ได้
“คุณป้าคะ วันนั้นมีเื่มากมายทำให้จำไม่ค่อยได้ แต่หลังจากที่พ่อแม่ของหนูเข้าเมืองได้เล่าเื่ของพวกคุณให้หนูฟัง กลับมาครั้งนี้หนูเตรียมของขวัญมาให้คุณด้วยค่ะ”
เธอส่งของขวัญให้ป้า ซึ่งไม่ใช่ของแพงเท่ากับของที่ซื้อให้สองสามีภรรยาและเ้าตัวน้อย แต่ก็เป็ของที่เธอตั้งใจคัดสรรมาอย่างดี คุณภาพดี และเป็ของที่น่าจะได้ใช้
“เด็กคนนี้จริงๆ เลย ซื้อของพวกนี้มาทำไม เปลืองเงินโดยไม่จำเป็”
ซูอินยิ้ม “นี่เป็น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ ไม่ได้ใช้เงินเยอะ ขอแค่พวกคุณได้ใช้มันอย่างมีความสุขก็พอ”
หลานสาวคนนี้มีมารยาทจริงๆ!
หลิวจินเซียงมีความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับซูอินอยู่แล้ว ในวันนี้เมื่อได้รับของขวัญ ความรู้สึกนั้นก็เพิ่มมากกว่าเดิม
ในใจมีความสุขจนทำให้เธอตัดสินใจออกมาอย่างรวดเร็ว “พรุ่งนี้ฉันจะเชือดไก่ ครอบครัวของเราจะรับประทานอาหารร่วมกัน!”