“ช้าก่อน... เสี่ยวฮ่าว เ้ารอข้าด้วย”
เหล่าศิษย์สกุลเกาถูกผลักออก เผยให้เห็นหญิงสาววัยสิบหกสิบเจ็ดปี นางสวมชุดพ่อครัวสีฟ้าขาวและผ้ากันเปื้อน ดวงตางดงามกวาดมองไปทั่วฝูงชน สุดท้ายสายตาก็หยุดอยู่ที่เกาฮ่าว
“เสี่ยวฮ่าว!”หญิงสาวยิ้มจนเห็นฟันกระต่าย ลักยิ้มตรงแก้มจมบุ๋ม เดินถือตะกร้าหวายมาข้างๆ เกาฮ่าวอย่างอารมณ์ดี “เ้าลืมเอาอาหารกลางวันไปด้วย”
เหล่าศิษย์สกุลเกาส่วนใหญ่เป็ชายหนุ่มรูปร่างกำยำ ใบหน้าคมคาย ดวงตาเป็ประกาย ผิวสีแทนที่เกิดจากการกร้านแดดเป็เวลานานเผยออกมาจากเสื้อคลุมสีแดงเข้ม
เมื่อเห็นว่าคู่หมั้นของนายน้อยผู้สวยสดน่าเอ็นดูนำอาหารกลางวันมาให้ พวกเขาก็รู้สึกอิจฉา เสียดายที่ตัวเองไม่ได้เกิดมาเช่นนี้ แต่เมื่อเห็นภาพคู่รักหวานชื่นเดินเคียงข้างกัน พวกเขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะจีบหญิงสาวไป
ว่าไปแล้ว เกาฮ่าวก็หล่อเหลาไม่น้อย จมูกโด่งเป็สัน ใบหน้าคมคาย เป็ชายหนุ่มในฝันของหญิงสาวหลายคนในเมืองัทมิฬ
เห็นหญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามตั้งใจนำอาหารกลางวันมาให้ เกาฮ่าวหาได้ซาบซึ้งไม่ กลับรู้สึกอับอายสายตาคนอื่นจนต้องเอ่ยปากต่อว่า “เ้ามาทำอะไร”
“นำอาหารกลางวันมาให้เ้าอย่างไรเล่า!” หญิงสาวยกตะกร้าหวายในมือขึ้นอย่างอารมณ์ดี ภายในมีกลิ่นหอมโชยออกมา
หญิงสาวผู้นี้มีนามว่า กู่เสี่ยวอวี่ เป็ทายาทตำรับอาหารตระกูลกู่ บรรพบุรุษเคยเป็พ่อครัวิญญาระดับจักรพรรดิ โด่งดังไปทั่วหล้า ต่อมาตระกูลตกต่ำ ไม่มีผู้ใดสืบทอดความรุ่งโรจน์ของบรรพบุรุษ หลังจากผลาญทรัพย์สมบัติจนหมดสิ้นก็ต้อยต่ำกลายเป็เพียงพ่อครัวธรรมดา
เกาฮ่าวมองไปรอบๆ เห็นว่าทุกคนกำลังซุบซิบเื่เขากับกู่เสี่ยวอวี่ เขาก็ขมวดคิ้วคิดว่าคนอื่นกำลังนินทาตัวเอง หลังจากที่เขามิอาจปลุกพลังิญญาได้ สกุลเกาก็เริ่มเสื่อมถอย เขาเลยเริ่มสนใจสายตาของผู้อื่นเป็พิเศษ
ความจริงแล้วทุกคนเพียงแค่อิจฉาคู่รักที่เหมาะสมกันคู่นี้เท่านั้น แต่เกาฮ่าวกลับคิดว่ากู่เสี่ยวอวี่ทำให้เขาต้องอับอาย
เขาไม่สนใจความหวังดีของกู่เสี่ยวอวี่ ก้าวเข้าไปปัดตะกร้าหวายในมือของนางจนตกพื้น ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า “บอกกี่ครั้งแล้ว! ยังไม่ได้แต่งงาน เ้าก็เป็แค่แม่ครัวของตระกูลข้าเท่านั้น! ไม่ต้องมายุ่งเื่ของข้า!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของกู่เสี่ยวอวี่พลันแข็งค้างไป และเพื่อไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลง นางจึงเลือกที่จะฝืนยิ้ม คุกเข่าบนพื้นกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
เกาฮ่าวทีไม่สนใจหันหลังพาเหล่าศิษย์สกุลเกาขึ้นเขาเพื่อล่าสัตว์ิญญา ระหว่างทางเกาหร่วนกับเกาอิ้งพี่น้องร่วมตระกูลของเขาเดินเข้ามาใกล้พลางซักถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น เกาหร่วนแสร้งถามอย่างไม่ใส่ใจ “เกิดอะไรขึ้น ทะเลาะกับเสี่ยวอวี่หรือ”
“ข้าเห็นนางแล้วรำคาญ ทำไมพ่อข้าต้องให้ข้าแต่งงานกับนางด้วย เพียงเพราะพ่อของนางกับพ่อของข้ารู้จักกันหรือ” เกาฮ่าวสาวเท้าพลางเอ่ยตอบไม่พอใจ
เกาอิ้งเกาหัวล้านเลี่ยนอย่างสงสัย “ไม่ใช่ว่าพ่อของนางติดหนี้ตระกูลเราไว้มากมาย เลยยกนางให้เราหรือ”
เกาฮ่าวเอ่ยด้วยความรังเกียจทันใด “แบบนั้นยิ่งน่ารำคาญ เป็แค่คนรับใช้แท้ๆ ยังทำตัวกร่างสั่งสอนข้าตลอด น่าเบื่อชะมัด”
พี่น้องสองคนที่อยู่ด้านหลังได้ยินเช่นนั้นต่างก็มองหน้ากัน
เกาหร่วนกับเกาอิ้งขึ้นชื่อว่าเป็คนเ้าชู้ั้แ่อายุสิบสี่ ซ่องและหอนางโลมทั่วทั้งเมืองต่างก็รู้จักชายผู้มั่งคั่งทั้งสองที่ใช้เงินไปกับสตรีราวกับทิ้งขยะ
ทั้งสองคนหลงใหลกู่เสี่ยวอวี่ั้แ่แรกเห็นเมื่อห้าปีก่อน ตอนนั้นนางอายุเพียงสิบเอ็ดปี แต่มีใบหน้าที่สวยสดงดงาม ดวงตางดงาม และผิวขาวราวหิมะ ใครได้ประจักษ์ก็ประทับใจไม่รู้ลืม
เกาเทียนหย่วน ประมุขของสกุลเกาเล็งเห็นจุดนี้ มั่นใจว่านางเติบโตขึ้นต้องงดงามผุดผาดเป็แน่ จึงยอมให้พ่อของกู่เสี่ยวอวี่ใช้นางมาขัดดอกเบี้ย
เห็นได้ชัดว่าเกาฮ่าวไม่พอใจกับการแต่งงานที่ไม่ได้รับความยินยอมจากเขา ั้แ่รู้ข่าวก็ไม่เคยทำสีหน้าดีๆ ให้กู่เสี่ยวอวี่เลยแม้แต่น้อย
เกาหร่วนกับเกาอิ้งเกรงใจความเป็พี่น้องร่วมตระกูล จึงไม่กล้าลงมือกับกู่เสี่ยวอวี่อย่างโจ่งแจ้ง เมื่อเห็นว่าเกาฮ่าวยิ่งไม่ชอบกู่เสี่ยวอวี่ ทั้งสองคนก็รู้สึกว่าตนเองมีความหวังขึ้นมาบ้าง
เกาหร่วนถามลองเชิง “ว่าอย่างไรนะ เ้าไม่ชอบเสี่ยวอวี่งั้นหรือ”
เกาฮ่าวขมวดคิ้วถาม “หึ! ทำไมข้าต้องชอบนางด้วย ถ้าพ่อขืนบังคับให้ข้าแต่งงานกับคนรับใช้นั่นอีก ข้าจะหนีออกจากบ้าน!”
เกาอิ้งแกล้งตำหนิ “อย่างไรเสี่ยวอวี่ก็เป็ภรรยาของเ้าในอนาคต เ้าพูดแบบนี้ ระวังนางได้ยินแล้วจะคิดสั้นเอาได้”
“ตายๆ ไปก็ดี” เกาฮ่าวพูดอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็เดินนำหน้าไปเป็หัวขบวน หากบนเขามีสัตว์ิญญาอยู่จริง เกาฮ่าวต้องได้เป็คนแรกที่จัดการมัน
เมื่อพี่น้องสองคนแน่ใจว่าเกาฮ่าวไม่สนใจไยดีกู่เสี่ยวอวี่แล้ว ก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย ในใจคิดแผนการเอากู่เสี่ยวอวี่มาเป็ของตน
ใบหน้างามจิ้มลิ้ม ผิวกายเนียนนุ่มราวกับหยกขาว เอวคอดกิ่ว เรียวขายาวสวย ทั้งสองหลงจนโงหัวไม่ขึ้น
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ พวกเราก็รับ่ต่อก็แล้วกัน” เกาหร่วนกล่าวด้วยรอยยิ้มเ้าเล่ห์ “ลงมือก่อน เ้าคอยช่วยเหลือข้าก็แล้วกัน”
เกาอิ้งบ่นทันที “ทำไมทุกครั้งต้องเป็เ้าก่อนด้วย นานๆ ที ปล่อยให้น้องชายคนนี้ได้บ้างสิ!”
คนกลุ่มหนึ่งเดินตรงไปยังสถานที่ที่พบเห็นสัตว์ิญญา ส่วนเกาหร่วนก็ถือโอกาสตอนพักแอบหนีไป
***
จนกระทั่งไม่มีใครอยู่รอบๆ กู่เสี่ยวอวี่ก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป นางไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงใจร้ายทิ้งนางไป ยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมเกาฮ่าวถึงจงเกลียดจงชังนางนัก
อาหารกลางวันมื้อนี้นางตื่นแต่เช้ามืดมาตระเตรียม เพื่อไม่ให้เกาฮ่าวหิวระหว่างออกไปล่าสัตว์ นางนั่งลงเปิดตะกร้าหวายดู เห็นอาหารในนั้นหกเลอะเทอะไปหมดแล้ว หัวใจก็พลันเจ็บแปลบ ไม่ใช่เพราะเสียใจที่เสียแรงเปล่า แต่เป็เพราะผิดหวังที่เกาฮ่าวไม่เคารพอาหาร
ขณะที่นางกำลังก้มหน้าเก็บตะกร้าหวาย ก็มีเสียงดังขึ้นจากพุ่มหญ้าด้านหลังจนนางสะดุ้งใ
ตอนนี้ไม่มีใครอยู่รอบๆ กลุ่มคนออกไปล่าสัตว์บนเขากันหมดแล้ว ส่วนค่ายพักก็อยู่ไกลจากที่นี่
“ผะ...ผู้ใด!” กู่เสี่ยวอวี่เอ่ยถามพุ่มหญ้าด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
อีกฝ่ายไม่ตอบ ผ่านไปครู่หนึ่ง พุ่มหญ้าก็สั่นไหว กู่เสี่ยวอวี่หยิบตะกร้าหวายขึ้นมาบังหน้าอก แล้วเอ่ยเสียงดังอีกครั้ง “ขะ...ข้าไม่กลัวเ้าหรอกนะ!”
สิ้นเสียง เด็กหนุ่มชุดดำก็ล้มออกมาจากพุ่มหญ้า
กู่เสี่ยวอวี่รีบเข้าไปดูอาการด้วยความเป็ห่วง “เ้า...เ้าเป็อะไรหรือเปล่า”
เด็กหนุ่มร้องเรียกแ่เบาจนแทบไม่ได้ยิน กู่เสี่ยวอวี่ไม่มีทางเลือก จึงต้องแนบหูไปที่ริมฝีปากของเขา เพื่อฟังว่าเขา้าอะไร แต่ลมหายใจอุ่นๆ ที่รดผ่านใบหู กลับทำให้นางรู้สึกเขินอายจนใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ
“หิว...หิว...” เด็กหนุ่มพูดอย่างยากลำบาก
ที่แท้ก็แค่หิวจนเป็ลม กู่เสี่ยวอวี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ไม่นานนางก็กังวลใจ ที่นี่อยู่ห่างไกลจากค่ายพัก นางไม่อาจแบกเด็กหนุ่มตรงหน้ากลับไปได้ แต่ก็ไม่วางใจที่จะทิ้งเขาไว้ที่นี่ตามลำพัง
จมูกของเด็กหนุ่มขยับเล็กน้อย ราวกับได้กลิ่นหอมบางอย่าง ทั้งร่างพลันมีชีวิตชีวา ดวงตาที่ไร้แววเหมือนปลาตายก็กลับมามีชีวิตอีกครา
“หอมจัง...” เด็กหนุ่มสูดกลิ่นหอมในอากาศ สุดท้ายสายตาก็ไปหยุดที่ตะกร้าหวาย
เขามองตะกร้านั่นด้วยตาที่เป็ประกายราวกับหมาป่าผู้หิวโหย เขาพุ่งไปเปิดตะกร้าออก ไม่สนมารยาทคว้าอาหารเข้าปากอย่างตะกละตะกลาม ยังไม่ทันกลืนคำแรก ก็ยัดคำต่อไปเข้าปากทันที
ทันใดนั้นเขาก็เหมือนกับสำลัก มือตบหน้าอกตัวเองไม่หยุด เมื่อเห็นสีหน้าทรมานของเขา กู่เสี่ยวอวี่จึงรู้สึกตัว นางหยิบนํ้าที่เตรียมมาให้เด็กหนุ่ม “ค่อยๆ กิน ไม่ต้องรีบ ไม่มีใครแย่งเ้าหรอก”
ระหว่างป้อนนํ้า นางก็ลูบหลังเขาเบาๆ หวังจะช่วยให้เขากลืนอาหารลงไปได้
หลังจากกินมูมมามจนหมด เด็กหนุ่มก็แลบลิ้นเลียชามข้าวที่ว่างเปล่า ใช้นิ้วปาดจนเกลี้ยง ไม่เหลือแม้แต่นํ้ามัน
เมื่อเห็นพฤติกรรมเกินจริงของเด็กหนุ่ม กู่เสี่ยวอวี่ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เสียงหัวเราะนั้นไพเราะราวกับกระดิ่งเงิน เด็กหนุ่มเพิ่งรู้สึกตัวว่าตนเองทำเสียมารยาทไป จึงวางชามกระเบื้องในมือลง ใบหน้าแดงก่ำนั้นเอ่ยถามอย่างขัดเขิน “ยังมีอีกหรือไม่”
แม้กู่เสี่ยวอวี่จะไม่รู้จักเด็กหนุ่มตรงหน้า แต่เมื่อเห็นว่าเขากินอาหารที่นางตั้งใจทำอย่างเอร็ดอร่อย ในใจก็อดรู้สึกดีกับเขาไม่ได้ นางยิ้มก่อนเอ่ยด้วยนํ้าเสียงอ่อนโยน “ตามข้ามา”
