“เ้าเด็กคนนี้นี่!” หลี่ซื่อะโใส่นาง ส่ายหน้าและมองนางด้วยความโกรธแวบหนึ่ง
หลังจากนั้นหมุนกายกลับไปที่ห้องครัว เตรียมอาหารเย็นไปให้เสี่ยวเฮยและเสี่ยวจินที่น่าสงสาร
“ท่านพี่ ท่านกลับมาแล้ว ท่านวิ่งไปหลังเขาทั้งวัน ได้อะไรมาบ้างหรือไม่?”
ผิงอันวิ่งเข้ามาจากนอกประตูด้วยสีหน้ามีความสุข
“เ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไปหลังเขา?” เจินจูนั่งอยู่บนเก้าอี้นอน อุ้มซิ่วจูโยกไปมาเบาๆ
“ฮิๆ ท่านพาเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวจินไปด้วย ไม่ใช่ไปหลังเขาแล้วจะไปไหนได้อีก” ผิงอันมองใต้ชายคาด้วยความอิจฉา เสี่ยวจินรูปร่างใหญ่มหึมา เขารู้ว่านกอินทรีตัวนั้นสามารถให้ผู้เป็พี่สาวของเขาขึ้นขี่แล้วพาบินไปได้
เจินจูสายตาหยุดนิ่ง มีครั้งหนึ่งนางหยอกล้อเล่นกับเสี่ยวจิน นางโผขึ้นไปบนหลังของมัน เสี่ยวจินคิดว่านาง้าจะออกไปที่ไหนจึงบินขึ้นไปในอากาศทันที ผลสุดท้ายถูกผิงอันเห็นเข้า นับจากนั้นมาสายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความอิจฉายิ่ง
“ผิงอัน ข้าเคยบอกเ้าแล้วนี่ ห้ามบอกเื่นี้กับผู้อื่น เข้าใจหรือไม่? ผู้ใดก็ห้ามบอกทั้งสิ้น รวมไปถึงท่านพ่อกับท่านแม่ด้วย เข้าใจไหม?” เจินจูมองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง
หากมีคนรู้เข้าว่าเสี่ยวจินสามารถให้คนขึ้นขี่แล้วเข้าไปในป่าเขาได้ตาม้า เช่นนั้นแผนการของนางคงต้องคว้าน้ำเหลวแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับตนเองและเสี่ยวจินล้วนกลายเป็เป้าดึงดูดความริษยาของผู้คนทั้งสิ้น อันตรายมากเลยทีเดียว
“ท่านพี่ ข้าทราบ ข้าไม่เคยพูดกับใครเลย”
ปีนี้ผิงอันอายุสิบเอ็ดปี เรียนรู้กับซิ่วฉายหยางและอาจารย์ฟางมาแล้วสามปี สติปัญญาและกำลังของร่างกายล้วนได้รับการฝึกฝนมาเต็มที่ รู้จักคิดและสุขุมมากกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน
“อื้ม ทราบแล้วก็ดี เ้าต้องเข้าใจนะว่าหากถูกคนรู้เข้าเสี่ยวจินจะกลายเป็สัตว์ที่ได้รับความนิยมชมชอบเป็พิเศษ และจะมีคนโลภที่เห็นแก่ตัว้าพยายามจับมันไว้ทุกวิถีทาง ขังมันไว้เพื่อฝึกเลี้ยงให้เชื่อง เ้าอยากเห็นเสี่ยวจินถูกคนจับไว้หรือไม่เล่า?” เจินจูบอกกล่าว
“ไม่อยาก เสี่ยวจินเป็สหายของครอบครัวเรา อาศัยอยู่ในูเาลึก เข้ามาเดินเล่นในบ้านเราเป็พักๆ มันไม่ชอบถูกคนขังแล้วฝึกให้เชื่องหรอก” ผิงอันกล่าวอย่างจริงจังและระมัดระวัง
เจินจูพยักหน้าอย่างชื่นใจ
“เสี่ยวจินๆ ท่านพี่ ไปดูเสี่ยวจิน…” เด็กสาวตัวน้อยอยากปีนลงจากร่างกายของนาง
“…” เจินจูดึงนางไว้อย่างปวดหัว เด็กสาวผู้นี้มีจิตใจและกำลังวังชาเต็มเปี่ยมอย่างมาก นางในตอนนี้ไม่มีแรงจะดูแลเด็กน้อยแล้ว
“ซิ่วจู มา... พี่ชายอุ้มเ้าเอง พวกเราไปเลือกัดินให้ไก่กันดีหรือไม่” ผิงอันยิ้มแล้วยื่นมือออกมาคิดจะช่วยดูแลน้องสาว
ซิ่วจูดวงตาเป็ประกาย เอื้อมมือจ้ำม่ำออกไปทันที
เจินจูมองเด็กสองคนเดินเข้าห้องเก็บของไป จึงเริ่มผ่อนคลายจิตใจลง พลางโยกเก้าอี้นอนไปมา
ทันใดนั้น แววตาของนางก็รวมไปที่จุดหนึ่ง มองไปบนท้องฟ้ากว้าง
ที่ไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา เห็นเป็จุดหนึ่งเล็กๆ สีเทายิ่งบินยิ่งใกล้เข้ามา
ไม่นานเงาร่างของต้าฮุยจึงปรากฏอยู่บนฟ้าเหนือบ้านสกุลหู
“พึ่บพั่บๆๆ” ต้าฮุยร่อนลงบนเพิงนกพิราบตรงมุมลานบ้าน
“ต้าฮุย มานี่” เจินจูลุกขึ้นนั่ง เรียกให้มันเข้ามาหา
ต้าฮุยกระพือปีกบินเข้ามา และหยุดลงบนมือของนาง
เจินจูลูบปีกของมัน “บินมาไกลทั้งวัน ลำบากเ้าแล้ว”
เจินจูล้วงเอาเม็ดข้าวโพดที่คัดดีแล้วหนึ่งกำออกมาจากมิติช่องว่าง ต้าฮุยกินอย่างไม่เกรงใจทันที
ต้าฮุยกับต้าไป๋เป็สัตว์ที่นางฝากหลิวผิงซื้อเมื่อสามปีก่อน
ตอนนั้นหลัวจิ่งบอกนางล่วงหน้าสามวันว่าเขากำลังจะไปจากเอ้อโจว เตรียมตัวจะไปหาพี่ชายของเขาที่ชายแดน
เจินจูคิดไปใคร่มาว่าจะมอบของอะไรที่มีประโยชน์ให้เขาได้ สุดท้ายเลือกนกพิราบที่ได้รับการฝึกให้รับส่งสารหนึ่งคู่
แน่นอนว่านกพิราบส่งสารของยุคสมัยนี้ค่อนข้างหาได้ยากมาก เจินจูฝากให้เ้าของร้านหลิวซื้อกลับมา นกพิราบส่งสารหนึ่งคู่จ่ายเงินไปเกือบหนึ่งร้อยเหลียง
หลังซื้อนกพิราบส่งสารกลับมา นางก็เริ่มใช้ข้าวโพด ถั่วลิสง และถั่วเขียวที่ปลูกในมิติช่องว่างหมุนเวียนกันเลี้ยง นกพิราบส่งสารหนึ่งคู่ที่เดิมทีฉลาดเฉียบแหลมอยู่แล้วก็ยิ่งเกินคำว่าฉลาดเฉียบแหลมขึ้นไปอีก
เจินจูให้หลัวจิ่งพักอยู่อีกหลายวันสักหน่อย รอให้นางฝึกฝนนกพิราบส่งสารดีแล้วจึงให้เขาเอาพวกมันไปด้วย
อาศัยต้าไป๋กับต้าฮุยที่เฉลียวฉลาดปราดเปรียว การนำส่งจดหมายของทั้งสองฝ่ายที่ติดต่อกันไปมาไม่เคยเกิดความผิดพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
รอจนมันกินเสร็จเจินจูถึงดึงกระดาษจดหมายที่ม้วนจนเป็ทรงกลมออกมาจากท่อเล็กบนขาของมัน
ตัวอักษรข่ายซูบนกระดาษปรากฏสู่สายตา ลายมือประณีตเรียบร้อยถูกต้องตามมาตรฐาน
จดหมายไม่ยาวนัก เป็ข้อความกระชับตามปกติของเขา เขาบรรยายสถานการณ์ปัจจุบันของตนเองที่ชายแดนคร่าวๆ หลังจากนั้นฝากทักทายทุกคนในครอบครัวสกุลหู สุดท้ายได้เตือนแนบท้ายไว้ว่าด้านนอกเหตุการณ์ระส่ำระสาย ต้องเตรียมการป้องกันภายในบ้านไว้ให้ดี ขอให้อาจารย์ฟางระมัดระวังความปลอดภัยภายในหมู่บ้านยามค่ำคืนเป็ต้น...
ไม่ได้กล่าวเกี่ยวกับสถานการณ์โดยละเอียดของการสู้รบที่ชายแดน
เจินจูเลิกคิ้วขึ้น เ้าหนุ่มนี่รูปแบบความคิดเป็บุรุษโตไปหน่อยแล้ว ในจดหมายมักส่งมาแต่ข่าวดีไม่แจ้งข่าวร้ายเลย
เชอะ เขาคิดว่าถ้าเขาไม่พูดแล้วสกุลหูจะไม่รู้เหตุการณ์สู้รบที่เกิดขึ้นทางชายแดนหรือ
เจินจูถลึงตาใส่กระดาษจดหมายด้วยความขุ่นเคือง
นางม้วนจดหมายเก็บอย่างระมัดระวัง เสร็จแล้วใส่เข้าในหน้าอกเสื้อหลังจากนั้นก็เอนกายนอนลงอีกครั้ง
การประชวรของฮ่องเต้ นางคิดหาวิธีถวายโสมคนขึ้นไปได้ แต่าการสู้รบทางชายแดนนางกลับไม่มีกำลังพอที่จะช่วยเหลืออะไรได้เลย
เฮ้อ... ยุคอาวุธเย็นเช่นนี้ าเป็การต่อสู้ด้วยมีดดาบหอกปืนจริงทั้งสิ้น
แม้หลัวจิ่งจะเรียนรู้การต่อสู้กับอาจารย์ฟางไปครึ่งค่อนปี แต่อย่างไรเสียเวลาก็สั้นกระชั้นเกินไป
ช่างทำให้ร้อนใจจริงๆ
เจินจูขมวดคิ้ว ในสมองกำลังคิดว่าพอจะมีอุบายอะไรบ้างที่มีประโยชน์ช่วยเหลือการต่อสู้า
“มา... เสี่ยวจิน นี่เป็อาหารเย็นของเ้า เสี่ยวเฮย นี่เป็ของเ้า” เสียงอ่อนโยนของหลี่ซื่อแว่วมาจากใต้ชายคาของระเบียง หลังจากนั้นเดินมาหาเจินจู “เจินจู เหมือนแม่เห็นต้าฮุยกลับมาแวบๆ ใช่หรือไม่?”
“อื้ม มันอยู่นี่เ้าค่ะ” เจินจูชี้ต้าฮุยที่ยืนอยู่บนเก้าอี้
“ยู่เซิงส่งจดหมายมาแล้วหรือ?”
หลี่ซื่อเดินเข้ามาอย่างว่องไว สำหรับเื่ของหลัวจิ่ง นางกระตือรือร้นมาโดยตลอด
“อื้ม มาแล้วเ้าค่ะ ท่านดูเอาเองเถิด” ในจดหมายของหลัวจิ่งแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีข่าวอะไรที่ไม่ดีจนคนในสกุลหูอ่านไม่ได้ เขาเป็คนที่ละเอียดรอบคอบเสมอมา
“เฮ้อ!” หลี่ซื่อรับจดหมายมาและอ่านอย่างละเอียด
“ทำไมเด็กคนนี้ถึงไม่เอ่ยเื่การสู้รบทางชายแดนเลยนะ ในข่าวที่แพร่สะพัดมาไม่ใช่ว่าตาตาร์กับหว่าชื่อร่วมมือกันโจมตีเมืองชายแดนหรอกหรือ? ทำไมเขาไม่เอ่ยถึงสถานการณ์สักหน่อยล่ะ? ช่างทำให้คนเป็กังวลใจจริงๆ” หลี่ซื่อตำหนิหลัวจิ่ง
เจินจูยิ้ม ดูสิแม้แต่หลี่ซื่อยังรู้เื่าการสู้รบเลย เขายังคิดจะอุดหูตนเองเพื่อขโมยกระดิ่งอีก [1] ปกปิดไป อำพรางมาอยู่ได้ ช่างเป็เด็กหนุ่มที่ไม่น่าสบอารมณ์เลยจริงๆ
ยามค่ำหลังจากเจินจูล้างหน้าแปรงฟันแล้วจึงมานั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ
นางคิดอยู่ตลอด่เย็น พยายามค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการปกป้องเมืองในสมองอยู่หนึ่งรอบ จากในความทรงจำพบว่ามีวิธีที่ใช้ในการปกป้องบ้านเมืองแปลกๆ มากมาย คล้ายว่าเป็โครงเื่ที่ปรากฏอยู่ในนวนิยายบางเล่มที่นางเคยอ่าน
เช่น ปล่อยพริกป่นหรือผงคัน [2] ในตอนที่มีกระแสลมพัด หรือตอนหน้าหนาวที่อุณหภูมิลดต่ำลงจนเกาะตัวเป็น้ำแข็ง ให้เทน้ำใส่ศัตรูเพื่อจะได้หนาวสั่นจนตัวแข็ง หรืออุบายจำพวกสาดน้ำมันจุดไฟ...
ชิ นี่นางอ่านนิยายอะไรกันนี่ ถึงได้จำแต่อุบายที่ไม่เข้าท่าเหล่านี้ได้
เช่นนั้นวิธีที่เข้าท่าคืออะไรกันนะ นางกุมศีรษะคิดพิจารณาไตร่ตรอง
กลยุทธ์แผนซ้อนแผน? กลยุทธ์สาวงาม? กลยุทธ์อำพรางกองกำลังตบตาศัตรู? กลยุทธ์คบไกลตีใกล้ [3]? กลยุทธ์จับโจรเอาหัวโจก [4]? อ้อมไปแนวหลังแล้วเผาเสบียงทหารกับหญ้าเลี้ยงม้า?
อืม... ช่างทำให้นางคิดกลยุทธ์ปกป้องเมืองได้ไม่น้อยเลยจริงๆ
แต่ไม่รู้ว่าเวลาเช่นนี้ทางนั้นจะมีสามสิบหกกลยุทธ์ [5] หรือยัง
ไม่สนแล้ว อย่างไรเสียก็เป็เพียงจดหมายจากทางบ้าน เอากลยุทธ์ที่คิดได้เขียนลงไปก็พอ จะมีประโยชน์หรือไม่ก็ให้เขาเลือกเองแล้วกัน
ตะเกียงน้ำมันในห้องของนางจุดอยู่ตลอดจนถึงยามจื่อ [6]
...รุ่งเช้าวันต่อมา
เจินจูลุกขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟันด้วยท่าทีง่วงเหงาหาวนอน
ต้าฮุยบินเล่นในหมู่บ้านหลายรอบั้แ่เช้าตรู่แล้ว
มันชอบพักอยู่หมู่บ้านวั้งหลิน เพราะพืชผลในที่แห่งนี้มีไอเหนือธรรมชาติอยู่มากมาย เมล็ดข้าวในนา ข้าวโพด ถั่วลิสง ถั่วเขียว ถั่วดำบนเนินลาดเอียง... ล้วนเป็อาหารที่มันชื่นชอบทั้งสิ้น
ที่สำคัญที่สุดคือ ผู้เป็นายสาวคนนี้มักล้วงเอาธัญพืชชนิดต่างๆ ออกมาจากหน้าอกอีกด้วย
กลิ่นหอมรสชาติอร่อย เต็มไปด้วยพลังจิติญญาที่เหนือธรรมชาติ หลังกินเสร็จแล้วต้าฮุยรู้สึกว่าตนเองสามารถบินได้ไกลอีกหลายพันลี้
เอ้อโจวอยู่ห่างไกลจากชายแดนอย่างมาก ต้าฮุยเดินทางมาอย่างเดียวต้องเสียเวลาไปตลอดทั้งฟ้าสว่าง
ดังนั้นเจินจูจึงหยิบเอาข้าวโพดออกมาจากมิติช่องว่างแล้วเลี้ยงมันให้อิ่ม
ขณะนี้นำจดหมายยัดใส่ในท่อเล็กและโบกมือให้ต้าฮุยบินจากไป
นกพิราบส่งสารสองตัวนี้บินได้สูงกว่านกพิราบส่งสารทั่วไปนัก กอปรกับพวกมันมีไหวพริบเฉลียวฉลาด ดังนั้นการเดินทางจึงผิดพลาดน้อยมาก
กระทั่งต้าฮุยบินมาถึงเมืองถงหลิน สีท้องฟ้าก็เพิ่งจะมืดลง
กองทัพใหญ่ขององค์ชายสี่เข้าไปประจำการอยู่บริเวณประตูทางเหนือ ชาวตาตาร์กับหว่าชื่อได้เริ่มโจมตีเมืองรอบที่สามแล้ว
...อากาศในเดือนสิบเอ็ดของทิศตะวันตกเฉียงเหนือเริ่มมีหิมะโปรยปรายและอากาศเย็นจนจับตัวกันเป็น้ำแข็ง ก่อนที่หิมะจะตกจนกลายเป็น้ำแข็งปิดกั้นเส้นทางในเดือนสิบสองที่จะมาถึง หากโจมตีเมืองถงหลินลงไม่ได้ กองกำลังพันธมิตรก็ทำได้เพียงยุติการโจมตี และกลับคืนสู่ทุ่งหญ้าเพียงเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ เวลาของพวกเขาจึงมีจำกัด
การโจมตีเมืองรอบที่สาม ล้วนไม่สามารถทะลวงแนวต้านของเมืองถงหลินได้ สถานการณ์ภายในของหว่าชื่อและตาตาร์ก็เริ่มมีความคิดเห็นแตกต่างกันขึ้น
กองกำลังพันธมิตรค่ายใหญ่พักอยู่นอกเมืองด้วยบรรยากาศตึงเครียด
เทียนในค่ายกองกำลังจุดสว่างไสว แม่ทัพนายพลสองฝ่ายของตาตาร์และหว่าชื่อกำล้งพูดคุยกันอย่างดุเดือดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
แม่ทัพของหว่าชื่อย่อมเป็องค์ชายสามจากานปาลา ซึ่งเป็ที่รู้จักในชื่อของเสือดุร้ายแห่งทุ่งหญ้า
ในยามนี้ใบหน้าอึมครึมจ้องชายรูปร่างสูงใหญ่ที่ร่างกายกำยำล่ำสันฝั่งตรงข้าม
เขาเป็อามู่เอ่อร์ผู้นำชนเผ่าตาตาร์
“อามู่เอ่อร์ เ้าเป็บุรุษบนทุ่งหญ้าของพวกเราใช่หรือไม่ เพิ่งปล้นสะดมหญ้าเลี้ยงสัตว์จากสองเมืองและตำบลเล็กๆ ได้ก็เริ่มจะถอนตัวกลางคันเสียแล้ว เ้าเป็ผู้นำของตาตาร์ได้อย่างไร ไม่มีความเข้มแข็งกล้าหาญและการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยวของชายแห่งทุ่งหญ้าเลยสักนิดเดียว” จากานปาลากล่าวอย่าโเี้
ใบหน้าอามู่เอ่อร์เต็มไปด้วยหนวดเคราโค้งงอ ร่างหนาดูป่าเถื่อน แต่การแสดงออกสีหน้าของเขาสงบมากกว่าจากานปาลานัก “โจมตีเมืองสามครั้ง เหล่าทหารกล้าชาวตาตาร์ของข้าเคลื่อนทัพไปแล้วสองครั้ง สูญเสียกองกำลังทหารไปเกือบสามพันนาย อีกทั้งหว่าชื่อของเ้าก็เคลื่อนไหวไปครั้งเดียว โจมตีไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็ถอยทัพออกมาแล้ว กองกำลังทหารสูญเสียไปไม่ถึงหนึ่งพัน เหอะ... เ้าว่ามาสิ เป็ผู้ใดที่ไม่มีความเข้มแข็งกล้าหาญกันแน่?”
ในดวงตาของจากานปาลาปรากฏความไม่สบายใจขึ้นเล็กน้อย “การตีเมืองวันนั้น ไม่ใช่ว่าฝนตกลงมาหรอกหรือ เราไม่สามารถให้เหล่าทหารโจมตีเมืองท่ามกลางสายฝนได้ใช่หรือไม่ล่ะ”
ฝนตกปรอยๆ ไม่กี่หยดก็หยิบขึ้นมาเป็ข้ออ้างได้ ั์ตาอามู่เอ่อร์เอ่อล้นไปด้วยการเสียดสี
“แค่ก” จากานปาลาไอแห้งหนึ่งที “พรุ่งนี้ถึงคร่าวของฝั่งข้าจู่โจมเมือง อามู่เอ่อร์ เ้าห้ามถ่วงรั้งความก้าวหน้าสิ พวกเราไม่ใช่คุยกันดีแล้วหรือ อาการประชวรของฮ่องเต้ต้าสยารุนแรงนัก ฉวยโอกาสที่ฝ่ายราชสำนักภายในของพวกเขากำลังวุ่นวาย ถือโอกาสจับปลาในน้ำขุ่น บางทีเราอาจสามารถยึดครองเมืองทั้งหมดในตะวันตกเฉียงเหนือได้ ถึงตอนนั้นพวกเราสองฝ่ายต่างแบ่งกันอย่างยุติธรรม ปิดดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ภายในและเสพสุขกับของพื้นเมืองที่มีมากมายหลากหลาย แต่นี่เพิ่งจะนานเท่าไรเอง เ้าก็คิดเปลี่ยนใจเสียแล้ว?”
อามู่เอ่อร์พ่นเสียงในลำคอหนึ่งที “เ้าเห็นว่าองค์ชายหานสี่ของอาณาจักรต้าสยาตั้งมั่นปกป้องชายแดนเป็การจัดฉากหรือ? เขาป้องกันชายแดนมาเกือบสิบปี พวกเราเสียเปรียบอยู่บนมือเขาตั้งเท่าไรแล้ว? อยากสยบเมืองทั้งหมดในตะวันตกเฉียงเหนือไม่ได้ง่ายอย่างที่กล่าวหรอกนะ”
“เพ้ย หานสี่เ้าไก่อ่อนผู้นั้น นอกจากใช้กลอุบายวางแผนใช้เล่ห์เหลี่ยมลับๆ แล้ว เขาจะกล้าต่อสู้กับพวกเราอย่างตาต่อตาฟันต่อฟันเสียที่ไหน” คำพูดของจากานปาลาแฝงไว้ด้วยความโมโห
วางแผนใช้เล่ห์เหลี่ยมลับๆ มีชั้นเชิงสูงและลึกล้ำ มากกว่าการพุ่งเข้าไปตามอำเภอใจไร้การคิดหน้าคิดหลังยิ่งนัก อามู่เอ่อร์ชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง
ความสัมพันธ์ของตาตาร์กับหว่าชื่อไม่กี่ปีมานี้ไม่ได้เป็มิตรที่ดีต่อกันสักเท่าไร กล่าวกันตามตรงแล้วก็เป็เพราะการวางแผนใช้เล่ห์เหลี่ยมของต้าสยา เมื่อแปดปีก่อนหานสี่เพิ่งรับ่ต่อที่เขตชายแดน เขาส่งคนมาโดยใช้อุบายควบคุมและซื้อตัวคนไปอย่างลับๆ ปาอินผู้เป็บุตรชายคนเล็กและได้รับการไว้วางใจที่สุดจากผู้นำตาตาร์ในตอนนั้น เขาได้ทำลายมิตรภาพระหว่างสองเผ่าจนเกิดความเสียหายอย่างมาก จนกระทั่งสามปีก่อนถูกอามู่เอ่อร์ที่ไม่ใช่ผู้นำในขณะนั้นอ่านแผนการออก สองชนเผ่าจึงฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกลับมาอีกครั้งอย่างช้าๆ
เมื่อคิดถึงตรงนี้แววตาของอามู่เอ่อร์ก็เย็นเยียบประดุจก้อนน้ำแข็ง บิดาของเขาก็ถูกปาอินใช้กลอุบายกระทำการเลวทรามต่ำช้าจนต้องตายจากไปเช่นกัน
และตัวการเื้ัก็เป็องค์ชายสี่นามว่าหานสี่ของต้าสยาผู้นั้น
เชิงอรรถ
[1] คิดจะอุดหูตนเองเพื่อขโมยกระดิ่ง หมายถึง การพยายามหลอกตัวเอง หรือพยายามปกปิดในเื่ที่ทราบดีว่าไม่มีทางปกปิดได้สำเร็จ
[2] ผงคัน คือ แร่ใยหินที่ใช้สำหรับเก็บรักษาอุณหภูมิความร้อนในอุตสาหกรรม ผงคันประกอบด้วยเส้นขนเล็กๆ จำนวนมาก ซึ่งกระจายไปในอากาศได้ง่าย เมื่อตกลงสู่ร่างกายของมนุษย์จะทะลุเข้าไปในรูขุมขนทำให้คันมาก และทำให้เกิดตุ่มแดงเล็กๆ อีกทั้งเมื่อเข้าสู่ทางเดินหายใจจะเป็อันตรายต่อระบบทางเดินหายใจด้วย
[3] กลยุทธ์คบไกลตีใกล้ คือ กลยุทธ์ที่ผูกมิตรกับแคว้นไกลเพื่อเอาชัยชนะต่อแคว้นใกล้ เป็กลยุทธ์ในเื่สามก๊ก
[4] กลยุทธ์จับโจรเอาหัวโจก คือ บุกเข้าโจมตีศัตรูในจุดที่เป็จุดยุทธศาสตร์ของกองทัพ เพื่อสลายกำลังของศัตรูให้แตกกระจาย หรือก็คือการเอาชนะแม่ทัพฝีมือดีของฝ่ายตรงข้าม เพราะแม่ทัพเป็ขวัญกำลังใจของเหล่าทหาร
[5] สามสิบหกกลยุทธ์ คือ เป็ตำรารวบรวมกลยุทธ์ของจีนที่ใช้ในการเมือง การา และการปกครอง มีเนื้อหามุ่งเน้นเื่การใช้ไหวพริบและเล่ห์เพทุบายทั้งในสมรภูมิและวงราชการ มีความสำคัญเทียบเท่ากับพิชัยาซุนจื่อ ในที่นี้หมายถึง มีแผนการสู้รบแล้วหรือยัง
[6] ยามจื่อ หรือ 子时 คือ ่เวลา 23:00 - 24:59 น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้