จนถึงตอนนี้ ซ่างกวานม่อิไม่สงสัยในสตรีตรงหน้าแล้ว นางคือเยว่เฟิงเกอไม่ผิดแน่
“ข้าขอถามหน่อยเถอะเยว่เฟิงเกอ ข้าสังหารล้างตระกูลเ้า หรือไปแย่งชายของเ้ามา เ้าถึงได้ไล่ตามข้ามาตลอดทางเป็สุนัขกัดไม่ปล่อยเช่นนี้ เ้าไม่เหนื่อยหรือไร? ” ซ่างกวานม่อินับว่าถูกเยว่เฟิงเกอทำให้พ่ายแพ้ราบคาบแล้ว ตอนนี้เขาลุกไม่ขึ้นแล้ว ทำได้แค่นั่งหอบอยู่บนพื้น
แต่เยว่เฟิงเกอไม่ได้เหนื่อยล้าเพียงนั้น นางแค่หอบไปสองทีแล้วก็กลับมาเป็ปกติ
ด้วยเื่นี้ทำให้ซ่างกวานม่อิรู้สึกเหนือความคาดหมายเป็อย่างมาก เยว่เฟิงเกอที่ไม่เป็วรยุทธ์มาโดยตลอด เหตุใด่เวลาสั้นๆ แค่ปีกว่าถึงได้พัฒนาวรยุทธ์ไปได้จนถึงขั้นนี้?
ไหนจะวิชาตัวเบาที่ไวว่องของนางอีก เห็นได้ชัดว่าเหนือชั้นกว่าเขาอย่างแน่นอน
เยว่เฟิงเกอยิ้มบางๆ ให้ซ่างกวานม่อิ แต่แววตากลับเ็า “เ้าไม่ได้แย่งบุรุษของข้าหรอก แต่เ้าคิดจะทำลายชื่อเสียงของบุรุษข้า แค่เื่นี้ ข้าก็ปล่อยเ้าไปไม่ได้แล้ว”
เยว่เฟิงเกอหยิบก้อนหินขึ้นมาจากพื้น บีบไว้ในมือ “ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าเ้าคือใคร แต่ในเมื่อเ้ามาตกมาอยู่ในมือข้า ก็นับว่าเป็โชคดีของเ้าแล้ว เพราะหากเ้าไปตกอยู่ในมือบุรุษของข้า เกรงว่าเ้าคงได้รู้จักว่าอะไรที่เรียกว่านรกบนดินเป็แน่ ว่ามาเถอะ เ้าอยากตายอย่างไร”
ม่อหลิงหานที่เพิ่งไล่ตามมาถึงได้ยินทุกคำพูดของเยว่เฟิงเกอ
ตอนที่ได้ยินเยว่เฟิงเกอเรียกตนว่าเป็บุรุษของนางคำแล้วคำเล่า ในใจม่อหลิงหานเบิกบานแค่ไหนคงไม่ต้องพูดถึง
เขาไม่ได้รีบปรากฏตัวออกไป แต่แอบซ่อนตัวอยู่แถวนั้นด้วยอยากจะดูต่อว่าเยว่เฟิงเกอจะจัดการกับบุรุษผู้นี้อย่างไร
เมื่อซ่างกวานม่อิได้ยินเยว่เฟิงเกอพูดคำว่าบุรุษของข้าคำแล้วคำเล่า ในใจก็ราวกับไฟสุม
ดูท่านางคงมีความสุขอยู่ที่แคว้นเป่ยชวนนี้มากสินะ ขณะที่มู่เหยียนเฉินกลับต้องทุกข์ทนจนป่านนี้แล้วก็ยังถูกขังอยู่ในเมืองหิมะลุ่มหลง ไม่สามารถออกมาได้
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็ความผิดของเยว่เฟิงเกอ หากไม่ใช่เพราะนางตามติดมู่เหยียนเฉินั้แ่แรก มู่เหยียนเฉินก็คงไม่ค่อยๆ หลงรักนาง
สุดท้ายเมื่อถึงตอนที่มู่เหยียนเฉินหลงรักนางเข้าแล้ว นางกลับตัดสินใจไปจากเขา และเข้าสู่อ้อมแขนของจั้นอ๋องแห่งแคว้นเป่ยชวนแทน
สตรีเช่นนี้ช่างไม่คู่ควรกับความรักของมู่เหยียนเฉินแม้แต่น้อย
ในใจเก็บกลั้นความโกรธ ฮึดลุกขึ้นยืน
“เยว่เฟิงเกอ เ้าอย่าแกล้งทำเป็ไม่รู้จักข้า อย่าคิดว่าเ้าแต่งให้จั้นอ๋องแล้วข้าจะไม่กล้าแตะต้องเ้า เ้าทำให้สหายข้ามู่เหยียนเฉินต้องติดอยู่ในเมืองหิมะลุ่มหลงถึงสองเดือนกว่า ตอนนี้เป็ตายไม่รู้ชัด เ้านึกว่ามีที่พึ่งอย่างม่อหลิงหานแล้ว ข้าจะไม่กล้าแตะเ้าหรือ? ข้าจะบอกเ้าให้ วันนี้ไม่เ้าก็ข้าต้องตายไปข้างหนึ่ง” ซ่างกวานม่อิสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นพุ่งมาโจมตีเยว่เฟิงเกอ
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าซ่างกวานม่อิกำลังโจมตีตน ก็รีบหันกายหลบเลี่ยงการโจมตีนั้นทันที
ทว่า ตอนที่กำลังหลบ นางก็ได้โยนก้อนหินในมือใส่หน้าของซ่างกวานม่อิไปด้วย
และเพราะซ่างกวานม่อิสนใจแต่จะโจมตีเยว่เฟิงเกอ จึงคิดไม่ถึงว่านางจะรวดเร็วเพียงนี้ เขาหลบไม่ทัน ถูกหินก้อนนั้นกระแทกเข้าใบหน้าเต็มๆ
“อ๊า...” ซ่างกวานม่อิเจ็บจนร้องออกมา เขายกมือกุมหน้าแล้วนั่งลงบนพื้น
เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันมองเยว่เฟิงเกอ “เ้าช่างเป็สตรีชั่วร้าย เ้าถึงกับกล้าทำลายใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติของข้า”
ยามที่พูดประโยคนี้ซ่างกวานม่อิรู้สึกถึงกลิ่นคาวคลุ้งในปาก เขาผินหน้าไปถุยน้ำลาย ก่อนจะกระอักเืออกมาคำใหญ่
เขาเป็คนที่ให้ความสำคัญกับใบหน้าตนเป็อย่างมาก ตอนนี้เขากระอักเืออกมาแล้ว จึงรีบยกมือขึ้นมาดู และพบว่าบนมือตนมีหน้ากากหนังที่ขาดวิ่นอยู่ครึ่งแผ่น
โชคดีที่หน้ากากหนังนี้เองก็เป็หน้ากากหนังมนุษย์ที่เขาเอาไว้ใช้สำหรับวิชาแปลงโฉม เป็อาวุธที่เขาใช้ปกปิดฐานะที่แท้จริงของตน
หินก้อนนั้นเพียงทำลายหน้ากากหนังมนุษย์นี้ ไม่ได้ทำลายโฉมหน้าที่แท้จริงของเขา
เมื่อซ่างกวานม่อิดึงหน้ากากหนังมนุษย์ออก ในที่สุดโฉมหน้าที่แท้จริงของเขาก็ถูกเปิดเผย
ดวงหน้าแสนเ้าเล่ห์ และดวงตาดอกท้อที่ดึงดูดิญญาคน
เยว่เฟิงเกอมองซ่างกวานม่อินิ่ง อดขมวดคิ้วแน่นไม่ได้ด้วยรู้สึกคุ้นตากับใบหน้าที่แท้จริงนี้ยิ่ง
เหมือนว่าจะเคยเจอที่ไหน แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
ซ่างกวานม่อิโยนหน้ากากหนังมนุษย์ในมือทิ้ง เห็นว่าเยว่เฟิงเกอมองตนนิ่ง ถึงได้ยิ้มออกมาอย่างดูถูก หัวเราะเ็า “ทำไมเล่า เ้าถูกใบหน้านี้ของข้าล่อลวงิญญาไปแล้วหรือ? ข้าจะบอกเ้าให้นะ ชั่วชีวิตนี้เ้าอย่าได้คิดมาจับข้า ข้าไม่ใช่มู่เหยียนเฉิน ไม่มีทางถูกเ้าล่อลวงได้ง่ายดายเช่นนั้นหรอก”
เยว่เฟิงเกอเองก็เอาอย่างซ่างกวานม่อิ นางหัวเราะเ็าอย่างดูถูก “หึหึ ช่างน่าขำยิ่งนัก ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเ้าคือใคร แล้วจะไปถูกเ้าล่อลวงิญญาเข้าได้อย่างไร เพียงแต่ ข้าขอเตือนเ้าไว้อย่าง วาจาโอ้อวดโอหังนั้นอย่าได้กล่าวออกมาเร็วนัก สตรีที่งดงามราวบุปผาราวจันทราเช่นข้าไม่รู้มีบุรุษมากหน้าหลายตาแค่ไหนที่เข้ามาชมชอบ ไม่แน่ว่าวันหน้าตัวเ้าเองก็อาจจะหลงรักข้า ถึงตอนนั้น คนที่จะถูกตบหน้าอย่างแรงก็คือเ้าเอง”
ซ่างกวานม่อิคิดไม่ถึงว่าเยว่เฟิงเกอจะปากคอเราะร้ายเช่นนี้ ทั้งยังกล้าพูดออกมาด้วยว่ามีบุรุษมากมายหลงรักนาง
นางช่างหน้าไม่อายที่พูดออกมาเช่นนั้น
ซ่างกวานม่อิเห็นว่าใบหน้าตนไม่เป็ไรแล้ว ก็บุกเข้าไปโจมตีเยว่เฟิงเกอต่อ
เขาสวมหน้ากากหนังมนุษย์ใบนั้นแปลงกายเป็ชายหล่อเหลาสูงศักดิ์ดังเทพเซียนมานานแล้ว จึงชินกับสภาพนั้นของตนไปแล้ว
แต่ตอนนี้เป็เพราะเยว่เฟิงเกอที่ทำให้เขาต้องเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของตนออกมา ทว่าท่าทางของนางกลับราวกับไม่รู้จักเขาก็ไม่ปาน
สิ่งนี้ทำให้ใจเขายิ่งรู้สึกราวกับไฟสุม
“เยว่เฟิงเกอ เ้าแต่งให้ชายอื่นไปแล้วก็หลงลืมข้ากับมู่เหยียนเฉินไปจนหมดสิ้น หึ เ้าช่างชั่วร้ายยิ่งนัก เ้ามู่เหยียนเฉินนั่นตาถั่วเสียจริงที่ไปหลงรักสตรีชั่วร้ายเช่นเ้า”
ซ่างกวานม่อิพูดพลางโจมตีเข้าใส่เยว่เฟิงเกอ
ส่วนเยว่เฟิงเกอนั้นไม่ได้ถูกการโจมตีของซ่างกวานม่อิทำให้หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรเสีย เมื่อครู่ที่นางประมือกับเขาก็พอจะรู้ระดับที่แท้จริงของเขาแล้ว ถึงแม้วรยุทธ์จะไม่ได้ด้อยไปกว่านาง แต่เนื่องจากถูกนางวิ่งไล่อยู่นาน ร่างกายยามนี้จึงเหนื่อยอ่อนจนแข้งขาอ่อนแรง บวกกับเมื่อครู่โดนก้อนหินกระแทกจนเจ็บแสบ
เห็นได้ชัดเลยว่าซ่างกวานม่อิในยามนี้เคลื่อนไหวช้าลงไปครึ่งจังหวะ
เยว่เฟิงเกออมยิ้ม การประมือกับซ่างกวานม่อิไม่ต่างจากการเล่นสนุก
ม่อหลิงหานที่แอบซ่อนอยู่เห็นเยว่เฟิงเกอประมืออย่างคล่องแคล่วเช่นนี้ ก็อดประหลาดใจไม่ได้
เขาเคยประมือกับนางมาก่อนตอนที่อยู่ที่บ่อน้ำร้อน
ตอนนั้นนางไม่ได้แสดงฝีมือด้านที่แข็งแกร่งออกมา ทำเอาเขาทึกทักอยู่ฝ่ายเดียวมาตลอดว่าเยว่เฟิงเกอเป็แค่วรยุทธ์แมวสามขาทั่วๆ ไป ไม่ได้เห็นนางอยู่ในสายตาเลย
แต่วันนี้ดูเหมือนว่าความสามารถที่แท้จริงของเยว่เฟิงเกอจะไม่ได้ด้อยไปกว่าชายคนนั้นเลย
กลับกันเหมือนนางจะร้ายกาจกว่าอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
หากไม่ใช่เพราะนางตั้งใจลงมือให้ช้าลง เกรงว่าชายคนนั้นคงถูกซัดจนหมอบกับพื้นไปนานแล้ว
เดิมม่อหลิงหานคิดจะยื่นมือเข้าช่วย แต่ตอนนี้เขาลังเลแล้ว เขาอยากจะดูต่อไปว่า นางยังมีพลังด้านใดที่ยังไม่แสดงออกมาอีกหรือไม่
เยว่เฟิงเกอที่กำลังต่อกรกับซ่างกวานม่อิไม่ได้รู้เลยว่ายามนี้ม่อหลิงหานได้ไล่ตามมาถึงแล้ว ทั้งยังแอบสังเกตนางอยู่
หากนางรู้คงจะเก็บซ่อนความสามารถที่แท้จริงของตนไว้แน่
ซ่างกวานม่อิเองก็คิดไม่ถึงว่าเยว่เฟิงเกอจะมีวรยุทธ์ร้ายกาจถึงขั้นนี้ ก่อนหน้านี้ที่เขาประมือกับนางที่ตลาด เกรงว่าคงยังไม่ได้สำแดงพลังที่แท้จริงออกมา
เดิมเขายังนึกว่า หนึ่งปีกว่ามานี้เยว่เฟิงเกอคงจะได้จั้นอ๋องคอยสอนวิชาป้องกันตัวขั้นพื้นฐาน แต่ยามนี้เขาไม่อาจไม่สั่นสะท้านเพราะความสามารถที่แท้จริงของนางได้
เมื่อเห็นว่าเยว่เฟิงเกอลงมือทั้งเด็ดขาดทั้งว่องไว และมีอยู่หลายครั้งที่เขาถูกเยว่เฟิงเกอฟาดเต็มแรงจนเกือบกระอักเืออกมา ซ่างกวานม่อิก็ให้รู้สึกยิ่งสู้ยิ่งเหนื่อย
ถึงแม้เขาจะโจมตีโดนเยว่เฟิงเกอบ้าง แต่จะอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็สตรี แน่นอนว่าในฐานะบุรุษคนหนึ่ง เขาไม่กล้าลงแรงนัก
แต่เยว่เฟิงเกอไม่เหมือนกัน นางไม่สนใจอะไรมากมาย ลงมือเหี้ยมโหดทุกครั้ง
ซ่างกวานม่อิเหนื่อยจนแทบยกแขนไม่ขึ้นแล้ว เมื่อเห็นหมัดเยว่เฟิงเกอกำลังจะปะทะใบหน้าตน ก็รีบยกมือทั้งสองขึ้นปิดหน้าไว้ ะโออกมา “เ้าหยุดมือเดี๋ยวนี้ อย่าทำลายใบหน้าข้า”
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าซ่างกวานม่อิอยู่ในสภาพน่าอนาถเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายช่างน่าขำนัก
“เมื่อครู่เ้าไม่ได้วางท่าว่าไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้หรอกหรือ เหตุใดตอนนี้ถึงได้มาขอร้องข้าแล้ว? ” เยว่เฟิงเกอไม่ซัดใบหน้าเขา แต่เข้าทักทายที่ท้องของเขาแทน
“อ๊า...” หมัดนี้ไม่เบาเลย ซ่างกวานม่อิรู้สึกราวกับกระเพาะเขาหกคะเมนตีลังกา
เขากุมท้องไว้ ลุกไม่ขึ้นอีก ก่อนจะยื่นมือออกไปข้างหนึ่งทำสัญลักษณ์บอกให้หยุด
“สงบศึก ข้าไม่สู้กับเ้าแล้ว บุรุษดีไม่ตีหญิง วันนี้ข้ายอมรับความพ่ายแพ้แล้ว”
เยว่เฟิงเกอหยุดมือที่จะตีเขา นางยืนอยู่ตรงหน้าซ่างกวานม่อิ ยิ้มเ็ามองเขา
“บอกมาเถอะ เ้าเป็ใครกันแน่ เหตุใดต้องหาเื่ข้าอยู่เรื่อย? ” ใบหน้าเยว่เฟิงเกอปรากฏรอยยิ้มเ็า สายตาเองก็มีแววเ็าวาบผ่าน