เมิ่งหลิงวางมือจากเอกสาร ประสานนิ้วมือทั้งสิบเข้าหากัน ดวงตาเยียบเย็นจดจ้องมาที่เฟิ่งหยาง
"ตอนนั้นหน้าตาเ้าดูไม่เลว แต่ตอนนี้... ขี้ริ้วยิ่งนัก" เมิ่งหลิงถากถางเฟิ่งหยางประโยคหนึ่ง
หน้าตาของเฟิ่งหยางยามนี้ไม่ถึงขั้นอัปลักษณ์ แม้ว่าเขาจะจงใจทำให้ตนเองเป็เช่นนั้น แต่คนโดดเด่นเช่นเขาก็ยังห่างจากคำว่าอัปลักษณ์อีกไกล จึงไม่รู้สึกหงุดหงิดกับคำพูดของเมิ่งหลิง
"ใต้เท้าเมิ่งกลับดูดีกว่าเมื่อก่อนมาก ตอนนั้นท่านดูเหมือนลิงน้อย...." เฟิ่งหยางหัวเราะฮ่าๆ ก่อนเอ่ยต่อไปว่า "ส่วนตอนนี้... ก็เป็ลิงใหญ่ตัวหนึ่ง"
ถังชิงหรูยกมือขึ้นปาดเหงื่อ นางมองไปที่ประตูฝั่งตรงข้าม คิดในใจว่าจะขอออกไปหลบภัยก่อนได้หรือไม่
เมิ่งหลิงหันมามองถังชิงหรูพลางเอ่ยถามเรียบๆ "เ้ามีนามว่าอันใด"
ถังชิงหรูอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนให้คำตอบ "ถัง... หรู"
"ถัง?" เมิ่งหลิงเลิกคิ้ว "เ้ากับคนผู้นี้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างไร"
ถังชิงหรูเกือบพลั้งบอกนามของตนเองไป นางเพิ่งนึกได้ว่าเมิ่งหลิงรู้จักชื่อแซ่ของตน หากถูกจับได้เพราะชื่อก็เท่ากับส่งตัวเองมาตาย
"สาวใช้" เฟิ่งหยางชิงตอบก่อน "ไฉนใต้เท้าต้องใส่ใจสาวใช้ของข้านัก มิใช่ว่าต้องตานางเข้าหรอกนะ แต่จะว่าไปพวกท่านสองคนก็เหมาะสมกันอยู่"
"ข้าว่าคุณชายคงจะลืมเป้าหมายของการมาครานี้ไปแล้ว" ถังชิงหรูแค่นเสียงลอดไรฟัน "ได้โปรดอย่ารนหาที่ตายได้หรือไม่"
เมิ่งหลิงยกมุมปาก ดวงตาที่มองถังชิงหรูผุดแววยิ้มเบาบาง
ถังชิงหรูขยี้ตามองไปใหม่อีกครั้ง บุรุษที่อยู่ตรงข้ามยังคงอยู่ในท่าทางเ็า นางลอบเอ่ยในใจ ที่แท้ก็ตาฝาด มารร้ายผู้นี้จะยิ้มเป็ได้อย่างไร
เฟิ่งหยางท่าทางไม่เต็มใจนัก เขานั่งหยัดหลังตรงไปที่เมิ่งหลิงก่อนเอ่ยว่า "ท่าน้าเงินเท่าไรถึงจะปล่อยร้านค้าเล็กๆ ของข้าไป"
"ร้านหัวใจสตรีน่ะหรือเป็ร้านค้าเล็กๆ เท่าที่ข้าได้ยินมา รายได้สุทธิแต่ละเดือนมีสองหมื่นตำลึงขึ้นไป" เมิ่งหลิงประสานมือ "อีกอย่าง ร้านค้าเล็กๆ ของเ้าเกิดปัญหาเพราะผู้อื่นหาได้เกี่ยวข้องกับข้า ไม่อาจกล่าวได้ว่าให้ข้าปล่อยเ้าไป"
"ตอนนี้ท่านเป็นางของราชสำนัก นึกไม่ถึงว่าจะหมายตาเงินเล็กน้อยส่วนนี้ของผู้อื่น" เฟิ่งหยางแค่นเสียงเยาะ "พวกเราคนจริงไม่พูดจาอ้อมค้อม ท่าน้าเท่าไร"
"เดือนละหมื่นตำลึง" เมิ่งหลิงบอกตัวเลขกับเฟิ่งหยางตามตรง
ควรต้องรู้ว่าชาวบ้านทั่วไปของที่นี่ใช้เงินเดือนละไม่ถึงหนึ่งตำลึง แต่เมิ่งหลิงกลับ้าให้เฟิ่งหยางจ่ายให้เดือนละหมื่น แค่เพียงเงินก้อนนี้ก็เลี้ยงกองทัพได้เลยกระมัง
เฟิ่งหยางมองเมิ่งหลิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม นิ่งงันไปชั่วขณะก่อนเอ่ยว่า "เ้านี่มันเป็สิงโตจอมเขมือบชัดๆ "
"เงินแค่หมื่นตำลึงก็สามารถซื้อความสงบสุขของเ้าได้ นี่เป็ข้อเสนอทางการค้าที่ดียิ่ง มีข้าคอยคุ้มหลัง เ้าก็สามารถเดินกร่างในเมืองชิ่งได้สบาย"
"ใต้เท้าเมิ่งอยากได้เงินหมื่นตำลึงก็ย่อมได้ ข้ารู้ว่าตลาดฝั่งประจิมมีที่ดินไร้เ้าของอยู่ผืนหนึ่ง ท่านยกที่ดินผืนนั้นให้ข้า แล้วข้าจะปันผลให้ท่านหมื่นตำลึงทุกเดือน" เฟิ่งหยางกล่าว "ที่ดินส่วนนั้นไม่นับว่าล้ำค่า มูลค่าไม่ถึงหมื่นตำลึงอยู่แล้ว ถึงเอามันมาแลกกับค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน ท่านก็ไม่ขาดทุนหรอกน่า"
"เ้าคิดจะใช้ที่ดินผืนนั้นทำอันใด" เมิ่งหลิงมองเฟิ่งหยางด้วยสายตาเคลือบแคลงแกมหยั่งเชิง
"ตอนนี้ยังไม่ได้คิด รอข้าคิดเรียบร้อยแล้วค่อยบอกท่าน" เฟิ่งหยางกล่าวจบก็ลุกขึ้น "หากไม่มีเื่อื่นแล้ว ข้าขอตัวก่อน"
"ยังมีอีกเื่" เมิ่งหลิงหันไปมองถังชิงหรู "สาวใช้คนนี้... ขายให้ข้า"
เฟิ่งหยาง "..."
ถังชิงหรูตะลึงพรึงเพริด ความขุ่นเคืองก่อตัวขึ้นในหัวใจ
คนผู้นี้เห็นนางเป็อะไร เป็ของเล่นรึ? เชอะ! ไม่กลัวว่ายามค่ำมืดดึกดื่นจะถูกนางปาดคอเอาหรือไร แต่อย่างว่า ผู้ไม่รู้ย่อมปราศจากความหวาดกลัว แม้กระทั่งสตรีเช่นนางยังกล้าขอ
"ข้ายังสนุกไม่พอ ตอนนี้มิคิดจะขาย รอข้าเล่นจนเบื่อเมื่อไร หากใต้เท้าเมิ่งอยากจะเก็บของที่ข้าไม่ใช้แล้ว ค่อยส่งต่อให้ท่าน" เฟิ่งหยางยิ้มร้ายหลังจากนั้นก็รั้งเอวบางของนางเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน เขามองถังชิงหรู สายตากวาดผ่านริมฝีปากงดงามของนาง "แต่รสนิยมของใต้เท้าเมิ่งช่างประหลาดยิ่ง รูปโฉมแบบนี้ยังต้องตา ในจวนของเรานางเป็แค่คนขนอุจจาระเท่านั้นเอง"
นิ้วมือของถังชิงหรูเอื้อมไปหยิกเนื้อเอวของเฟิ่งหยาง ค่อยๆ บิดทีละน้อย แต่จิกแน่นไม่ยอมปล่อยมือ
หน็อย... กล้าบอกว่านางเป็คนขนอุจจาระ งั้นก็ชิมกรงเล็บพญามารสักหน่อยแล้วกัน ให้เขาได้เห็นความร้ายกาจของข้าเสียบ้าง
แม้ว่าเขาจะพูดแบบนี้เพื่อปฏิเสธเมิ่งหลิงแต่นางก็ไม่ให้อภัยเป็อันขาด เขาไม่เคยปล่อยโอกาสที่จะทับถมนางเลยสักครั้ง
ความเคลื่อนไหวของนางย่อมไม่คลาดสายตาของเมิ่งหลิง ทั้งยังเห็นใบหน้าเหยเกของเฟิ่งหยางอีกด้วย เขานึกใคร่ครวญถึงประโยชน์ของสตรีคนนี้อยู่ในใจ
เดิมทีแค่คิดจะหยั่งเชิงของเฟิ่งหยาง ทว่าดูจากตอนนี้คงจะจุดไต้ตำตอเข้าพอดี สตรีผู้นี้มีความสำคัญในใจของเฟิ่งหยาง
ที่จริงเมิ่งหลิงไม่รู้ที่มาและสถานะของเฟิ่งหยาง พวกเขาเคยเจอกันครั้งหนึ่งเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นทั้งสองยังอายุไม่มาก ตอนนี้เขาเพิ่งตก... ไปอยู่ในมือคนผู้นั้น ส่วนอีกฝ่ายก็เป็จอมยุทธ์น้อยพเนจรที่มีนิสัยคึกคะนอง ติดตามอาจารย์ท่องไปทั่วสารทิศ มีครั้งหนึ่งขณะกำลังล่าสัตว์ เขายิงธนูไปโดนเมิ่งหลิงซึ่งกำลังหลบหนีจากคนผู้นั้น ครั้นแล้วปมความบาดหมางของพวกเขาสองคนก็ผูกขึ้นนับแต่นั้น ต่อมาเมิ่งหลิงถูกจับได้ หลังจากนั้นก็ไม่เคยเจอเฟิ่งหยางอีกเลย แต่เขาก็ยังจำคนได้แม่น
เมิ่งหลิงเป็คนเ้าคิดเ้าแค้นมาั้แ่เด็ก คนที่เคยทำร้าย ทำให้เขาต้องบ้านแตกสาแหรกขาด แม้กระทั่งคนที่ทำให้การหลบหนีของเขาล้มเหลว ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ จะต้องถูกเอาคืนอย่างสาสม
"ถังหรู" เมิ่งหลิงเรียกชื่อปลอมตามที่ถังชิงหรูบอก "เป็ชื่อที่คุ้นหูยิ่ง"
พอพ้นออกมาจากจวนเ้าเมือง ถังชิงหรูก็ผละออกจากอ้อมแขนของเฟิ่งหยาง ปีนขึ้นไปบนรถ ก่อนยกเท้าเตะใส่เฟิ่งหยางที่เพิ่งขึ้นมา
เฟิ่งหยางระวังไว้อยู่ก่อนแล้ว จึงคว้าข้อเท้าของนางไว้ทัน ก่อนดึงเข้ามาสู่อ้อมแขน แล้วใช้มือรัดไว้ให้นางนั่งบนตักของตนเอง
"เมื่อครู่หากข้าไม่ระวังตัวคงถูกเ้าเตะแก่นกำเนิดลูกหลานพอดี ครั้งก่อนเ้าััไปแล้ว ตรงนั้นเตะไม่ได้" เฟิ่งหยางยิ้มร้าย
"คนไร้ยางอาย" ถังชิงหรูผลักเฟิ่งหยาง "หากกลัวว่าจะไร้ทายาทสืบสกุล ก็อยู่ให้ห่างข้าหน่อย"
"จะโมโหโทโสไปทำไม ข้าเพิ่งช่วยเ้าเองนะ หากเมื่อครู่ข้าตกปากรับคำ เ้าจะมีชีวิตรอดกลับออกมารึ" เฟิ่งหยางเอนกาย เอ่ยวาจาอย่างเอ้อระเหย "ข้าต้องต้านแรงกดดันมหาศาลเพื่อพาเ้าออกมา เ้ายังไม่รู้จักความหวังดี"
"พวกท่านเคยรู้จักกันมาก่อนหรือ" ถังชิงหรูถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"จะว่ารู้จักก็ใช่ ไม่รู้จักก็ใช่ เขารู้จักข้าแค่เพียงผิวเผิน แต่ไม่รู้ว่าข้าเป็ใคร" เฟิ่งหยางยิ้มบางๆ "ส่วนข้ากลับรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา"
ถังชิงหรูไม่อยากฟังปริศนาคำทายจากเขา จึงเบือนหน้าหนีอย่างไม่พอใจ และไม่นำพาบุรุษข้างกายอีก
ทว่านางก็ยังนึกแปลกใจ ั้แ่ต้นจนจบล้วนเป็พวกเขาสนทนากัน แล้วจะตามนางมาด้วยทำไม นางมาที่นี่มีผลต่อการตัดสินใจของพวกเขากระนั้นหรือ
สิ่งที่ถังชิงหรูไม่ทราบก็คือ นางคือตัวชี้ขาดของพวกเขาจริงๆ พวกเขาใช้นางเป็เครื่องมือในการหยั่งเชิง เมิ่งหลิงใช้นางทดสอบเฟิ่งหยาง ส่วนเฟิ่งหยางก็ใช้นางทดสอบเมิ่งหลิง
เฟิ่งหยางได้ข่าวมาว่าเมิ่งหลิงส่งคนมาสอบถามเกี่ยวกับถังชิงหรูไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้ง กระทั่งลอบมาสังเกตนางด้วยตนเอง วันนี้ที่พานางมาด้วย ก็เพื่อดูปฏิกิริยาตอบสนองของอีกฝ่าย
การเจรจาเมื่อครู่เป็ไปอย่างราบรื่น เมิ่งหลิง้าเงิน เฟิ่งหยางหาใช่คนขาดแคลนเงินทอง ใช้เงินแลกกับความเงียบสงบเป็การค้าที่คุ้มค่า แต่เขายังมองไม่ออกว่าเมิ่งหลิงคิดกับถังชิงหรูอย่างไร หากจะบอกว่าต้องตานาง สาวใช้คนนี้นอกจากมีวิชาแพทย์ติดกายกับฝีมือด้านการทำอาหาร ยังมีส่วนไหนที่ควรค่าให้คนอย่างเมิ่งหลิงจดจำ จะดีจะชั่วอย่างไรเขาก็เป็คุณชายผู้งามสง่า เปี่ยมไปด้วยพร์ความสามารถ แตงดำอย่างถังชิงหรูไปยืนคู่กับเขา ช่างเป็ภาพที่ไม่สอดคล้องกันเสียเลย
ถังชิงหรูไม่รู้ว่าเฟิ่งหยางกำลังวิจารณ์รูปโฉมของนางอยู่ในใจ มิเช่นนั้นก็คงต้องให้เขาได้เห็นผลลัพธ์ของการใช้ดวงตาสุนัขดูถูกคนอย่างแน่นอน
เ้าของร่างเดิมอัปลักษณ์หรือ? อืม... ก็นับว่าธรรมดาหากเทียบกับร่างจริงของตนเองเมื่อก่อน แต่หลังผ่านการปรับสภาพแล้ว ร่างนี้ก็ไม่ขี้ริ้วอีกต่อไป เพียงแต่นางแปลงโฉมอยู่เท่านั้น
"เมื่อครู่การเจรจาของพวกท่าน... นับว่าสำเร็จลุล่วงกระมัง พวกเราคงไม่ต้องเดือดร้อนอีกแล้วใช่หรือไม่" ถังชิงหรูหันมามองเฟิ่งหยางที่อยู่ด้านข้าง
เฟิ่งหยางไม่ได้นอนมาสองวันแล้ว ยามนี้ง่วงมากจริงๆ รถม้าส่ายไปมา ตัวก็อ่อนยวบลงมา เขาพิงมาบนไหล่ของนาง พลางเอ่ยว่า "ตัวเ้ามีกลิ่นอันใด หอมดี"
ถังชิงหรูลูบใบหน้าของตนเอง "แต่ไรมาข้าไม่เคยใช้แป้งชาดประทินผิว"
เ้าของร่างเดิมไม่มีจุดเด่นเป็พิเศษนอกจากมีกลิ่นกายหอม วันนั้นหรูเยียนเข้ามาใกล้ ก็มาดมๆ ที่ตัวนาง แล้วบอกว่านางหอมยิ่งกว่ากลิ่นบุปผา
"นี่... พิษกู่นั่นน่ะ ไม่มีทางแก้" เฟิ่งหยางลืมตามองไปด้านหน้า "แต่ทว่าไร้พิษสง ตราบใดที่เ้าอยู่ใกล้ข้า ก็จะไม่มีผลกระทบอันใด"
"..." ถังชิงหรูเผยสีหน้ายิ้มเหี้ยมเกรียมชนิดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แบบนี้ยังเรียกไร้พิษสง? นางแทบจะกลายเป็นักโทษของเขาอยู่แล้ว "ท่านเคยบอกว่าจะถอนพิษให้ข้า"
"ถึงอย่างไรก็ไม่มีภัยถึงชีวิต ไฉนต้องแก้ให้ได้ด้วยเล่า เ้าประสงค์สิ่งใด ข้าให้เ้าได้ทุกอย่าง" เฟิ่งหยางเอ่ยเสียงเรียบ "เฉินิคือชิ่งอ๋อง เป็สมาชิกของราชวงศ์ ฮ่องเต้พระองค์ปัจจุบันเป็พระเชษฐาของเขา ทว่าฮ่องเต้ต้องพิษมานานแล้ว ฮ่องเต้พระองค์ต่อไปจะเป็ผู้ใด เ้าคงเดาได้ถึงสาเหตุที่เมิ่งหลิงไม่ละเว้นเฉินิ"
"เฉินรุ่ยต้องพิษ?" ถังชิงหรูตื่นตระหนก "ไฉนถึงเป็เช่นนี้ คราก่อนตอนพบเขา เขาก็ยังดีๆ อยู่เลย"
"ยังมีสรรพสิ่งมากมายในโลกนี้ที่เ้าไม่มีทางดูออก เ้ามั่นใจในวิชาแพทย์ของตนเองว่าสูงส่ง แต่กลับไม่รู้ว่าเหนือฟ้าย่อมมีฟ้า วิชาแพทย์ของเ้าล้ำเลิศ แต่ก็มีผู้มีวิชาพิษขั้นสุดยอดเช่นเดียวกัน" เฟิ่งหยางกล่าวเรียบๆ "เ้าเป็คนปราดเปรื่อง คงมองออกว่าข้าไม่ใช่คนแคว้นนี้ ต่อไปในอีกไม่ช้า จะเกิดศึกใหญ่ระหว่างแว่นแคว้น"
"แล้วเกี่ยวอันใดกับข้า ข้าเป็เพียงสามัญชนธรรมดา ปรารถนาชีวิตเรียบง่าย สิ่งที่ข้า้ามีไม่มาก เพียงแค่ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขก็พอแล้ว" ถังชิงหรูเล่นนิ้วมือของตนเองพลางเอ่ยว่า "ข้างนอกมีแต่การแก่งแย่งชิงดี ข้าก็จะไปในที่ที่ห่างไกลความวุ่นวายเหล่านี้ อย่าเอาข้าไปข้องเกี่ยวกับบุญคุณความแค้น อำนาจหรือแรงผลักดันใดๆ ระหว่างพวกท่าน"
เฟิ่งหยางไม่พูดอะไรอีก แต่ถังชิงหรูรู้ว่าเขาฟังคำพูดของนางอยู่ หวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะเห็นความดีความชอบที่นางช่วยเขาไว้มากมาย ปล่อยนางให้เป็อิสระ