เหนียนยวี่หันมองอวี่เหวินหรูเยียนสตรีที่คลุมผ้าคลุมหน้าสีขาว นางยังคงแสดงความรู้สึกสงบนิ่งและบรรเลงฉินออกมา แตกต่างจากความสง่างามของเหนียนอีหลานและยังแตกต่างจากบรรยากาศของมู่อ๋องจ้าวอี้ มีเสน่ห์โดดเด่นแบบตงหลี
ในสถานการณ์เช่นนี้ ดูเหมือนจะกะทันหัน แต่ท่วงทำนองที่นางบรรเลงออกมานั้นกลับผสมผสานกับบรรยากาศของมู่อ๋องจ้าวอี้ได้อย่างลึกลับ ฟังดูเป็ธรรมชาติมาก
ผู้ที่ฟังอยู่รอบๆ ก็แปลกใจเช่นกัน ทว่าการร่ายรำนี้ทำนองเพลงนี้ มันช่างทำให้รู้สึกสนุกสนานเสียจริง
อย่างไรก็ตามเหนียนอีหลานช้ากว่าอย่างเห็นได้ชัดนางตระหนักได้ถึงจุดนี้ดีและพยายามอย่างหนักที่จะประสานเสียงบรรเลงให้เข้ากับทำนองของมู่อ๋องจ้าวอี้ ทว่าเสียงฉินของอวี่เหวินหรูเยียน มักจะนำหน้านางไปหนึ่งก้าวเสมอ นางไม่สามารถแทรกเข้าไปในตำแหน่งนั้นได้เลย
ชั่วขณะหนึ่งในใจเหนียนอีหลานรู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย ความฟุ้งซ่านแทรกซึมเข้าไปในเสียงฉินคนที่รู้จังหวะ ล้วนสังเกตถึงจุดนี้ได้
มุมปากฮองเฮาอวี่เหวินค่อยๆ ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยทว่าฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง รวมถึงหนานกงเยวี่ยกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย หากเป็แบบนี้ต่อไปคนแรกที่ออกไปเกรงว่าคงจะเป็อีหลาน
ทว่ายามนี้ จะพลิกกลับมาได้อย่างไร?
เหนียนยวี่...ใช่แล้ว เหนียนยวี่!
ไม่เพียงแต่ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงและหนานกงเยวี่ยเท่านั้นแม้แต่เหนียนอีหลานก็ยังนึกถึงเหนียนยวี่เช่นกัน
เหนียนยวี่แม้แต่เื่จังหวะดนตรีก็ยังไม่เข้าใจเพียงแค่นางแตะสาย ก็คงได้แค่ทำให้เกิดเสียงแปลกๆ ไม่เข้าทำนองเท่านั้นก่อนหน้านี้ที่เหนียนอีหลานวางแผนทำให้เหนียนยวี่อับอายขายหน้า ก็เพื่อขับให้ตัวเองโดดเด่นทว่ายามนี้ ความหวังของตนทั้งหมดกลับตกไปอยู่ที่เหนียนยวี่แล้ว
"ยวี่เอ๋อร์..."เหนียนอีหลานบรรเลงฉินไปพลาง เอ่ยกระซิบเสียงเบาไปพลาง แม้เสียงจะเบาบาง ทว่าเหนียนยวี่อยู่ใกล้นางมากจึงได้ยินเสียงนางอย่างชัดเจน
เหนียนยวี่มองไปและเห็นว่าเหนียนอีหลานกำลังขยิบตาให้กับนางราวกับว่าจะบอกให้นางเริ่มเล่นเร็วๆ
เริ่มเร็วๆ งั้นหรือ?
เหนียนยวี่เข้าใจความคิดของเหนียนอีหลานออกอย่างรวดเร็วสถานการณ์ตอนนี้ นาง้าให้ตนช่วยนางออกจากสถานการณ์ที่มีแนวโน้มจะตกต่ำลงตราบใดที่เสียงบรรเลงฉินมั่วๆ ของตนดังขึ้น นางก็จะสามารถพ้นจากสถานการณ์นี้ได้อย่างง่ายดายเช่นนั้นเื่ราวต่างๆ ก็จะสามารถล้างกระดานเล่นใหม่ได้อีกรอบ
เหนียนยวี่ถอนสายตากลับมาในที่สุดก็วางมือลงบนสายฉิน หากความหวังของเหนียนอีหลานอยู่ที่นางเช่นนั้นก็เกรงว่าความหวังของนางจะถูกลิขิตให้ล้มเหลว
มุมปากของเหนียนยวี่ยกยิ้มเล็กน้อยท่าทีของเหนียนอีหลานที่เฝ้ามองมือของเหนียนยวี่ที่วางอยู่บนสายฉินแอบคาดหวังตั้งตารอ ราวกับตั้งใจจะอาศัย่เวลาที่เสียงบรรเลงฉินของเหนียนยวี่ดังขึ้นกลับมากอบกู้สถานการณ์
นางกำลังรอ...รอให้ทำนองเสียงที่ไม่เข้าจังหวะของเหนียนยวี่ทำลายความเข้ากันที่รู้กันเพียงสองคนของอวี่เหวินหรูเยียนและท่านอ๋องมู่และนางก็จะควบคุมมันทั้งหมด!
เสียง "ติ๊ง" ดังขึ้นกลางตำหนักเสียงนั้นไม่ดัง ทว่าก็ฟังออกว่ามีเสียงบรรเลงฉินที่แทรกประสานเข้ามาเพิ่มเหนียนอีหลานกำลังจะเริ่มด้วยเสียงนี้ ทว่าท่วงทำนองต่อจากนี้กลับทำให้ร่างกายนางชะงักงัน หัวใจราวหยุดเต้นกะทันหัน
หลังจากเสียง "ติ๊ง" นั่นคาดไม่ถึงว่าท่วงทำนองจะราบเรียบไหลลื่นราวกับสายลมพัดเบาๆ ที่พัดผ่านเข้ามาในหัวใจของผู้คนและยังผสานเข้ากับบทเพลงของอวี่เหวินหรูเยียนและมู่อ๋องจ้าวอี้ได้อย่างรวดเร็ว
นี่...
เหนียนอีหลานในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อเป็ไปได้อย่างไร?
เหนียนยวี่บรรเลงฉินได้อย่างไร?
เห็นได้ชัดว่านางไม่เข้าใจแม้แต่จังหวะดนตรีสักนิดทว่าท่วงทำนองที่นางร่วมประสานกลับมีความกลมกลืนและราบรื่นอย่างสมบูรณ์แบบและไร้ที่ติ
เหนียนอีหลานมองไปที่เหนียนยวี่ เห็นได้ชัดว่านางกำลังบรรเลงฉินยามนี้นิ้วมือของนางขยับรวดเร็วและกระฉับกระเฉงดีดข้ามไปมาระหว่างสายอย่างคล่องแคล่ว
นี่...มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ในใจเหนียนอีหลานมีความคิดว่อกแว่กมากขึ้นเรื่อยๆ และแม้แต่ท่วงทำนองก็เริ่มไม่มั่นคง
คนที่กำลังตกตะลึงไม่ได้มีเพียงแค่เหนียนอีหลานเท่านั้นแม้แต่ผู้คนมากมายที่นี่ก็ยังคาดไม่ถึง เสียงบรรเลงฉินที่มาจากฝีมือของเหนียนยวี่ ไม่เพียงแค่ได้ยินเท่านั้นแต่ยังรู้สึกสบายอย่างอธิบายไม่ถูก
ฮองเฮาอวี่เหวินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่แล้วเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางตื่นตระหนกของเหนียนอีหลาน มุมปากนางก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มสองพี่น้องเข่นฆ่ากันเอง เช่นนั้นก็ถือว่าเป็หรูเยียนที่ได้ประโยชน์มิใช่หรือ?
ดวงตาเฉียบแหลมคู่นั้นของหนานกงฉี่ เงยหน้าและหรี่ตามองอย่างอดไม่ได้เช่นเดียวกับหลีอ๋องจ้าวเยี่ยน สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ร่างของเหนียนยวี่ั้แ่ต้นจนจบราวกับว่ากำลังค้นหาบางสิ่ง
ในขณะเดียวกันคนที่กำลังสำรวจเหนียนยวี่ก็มีจ้าวอี้และฉู่ชิงด้วย ทว่าหลังการพิจารณาและความแปลกใจผ่านไปชั่วขณะหนึ่งแล้วจ้าวอี้ก็กลับมาก็รู้สึกตื่นเต้นในทันที
ฮ่า เขาไม่นึกเลยว่าเสี่ยวเปี่ยวเม่ยของเขาคนนี้จะมีเื่ให้เขาประหลาดใจขนาดนี้!
ถ้านางสามารถไต่เต้าขึ้นไปอันดับที่หนึ่งได้ไม่รู้ว่านางจะขออะไรจากเสด็จพ่อ
เมื่อนึกถึงเื่นี้ จ้าวอี้ก็ยิ่งตั้งตารอเปี่ยวเม่ยคนนี้มากขึ้นไปอีก
ส่วนแม่ทัพหลวงฉู่ชิงยกยิ้มมุมปากใต้หน้ากากเล็กน้อยราวกับการที่เหนียนยวี่บรรเลงฉินได้นั้นจะไม่ใช่เื่ที่ทำให้เขาไม่เชื่อถือ เพราะในเมื่อั้แ่ที่ตนรู้จักนางเหนียนยวี่ผู้นี้ยังมีความลับอีกมากที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกไม่อยากเชื่อ
ดวงตาฉู่ชิงหรี่ลงเล็กน้อย ยกมือขึ้นและลงมือบรรเลงฉินเสียงบรรเลงฉินดังขึ้นในหูคาดไม่ถึงเสียงนั้นทำให้แววตาของผู้คนส่องประกายอย่างอดไม่ได้ ได้ยินว่าท่านอ๋องหลีเป็บุรุษที่เชี่ยวชาญการบรรเลงฉินที่สุดในแคว้นเป่ยฉีทว่ายามนี้ เมื่อได้ยินเสียงบรรเลงฉินของแม่ทัพหลวงราวกับเพ้อฝันกลางวันท่วงทำนองไพเราะอ่อนหวานชวนให้คล้อยตาม ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่อาจถอนตัวออกจากเสียงนี้ได้
ไม่สามารถบอกได้จริงๆว่าเขาหรือท่านอ๋องหลีผู้ใดที่ควรได้ที่หนึ่ง
ไม่เพียงเท่านั้น คนที่เชี่ยวชาญด้านจังหวะดนตรีเฉกเช่นหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนและหนานกงฉี่ พวกเขาฟังออกว่าฉู่ชิงคุมเสียงไว้ราวกับ้าให้ประสานท่วงทำนองกับเหนียนยวี่ การค้นพบนี้ทำให้พวกเขาทั้งสองขมวดคิ้ว
พวกเขาต่างรู้จักนิสัยไม่แยแสของฉู่ชิงดียิ่งในท้องพระโรง น้อยครั้งมากที่จะชื่นชมจุดแข็งคู่ต่อสู้ ได้ควบคุมกรมทหาร ท่วงท่ากระทำนั้นแข็งแกร่งและแน่วแน่ยิ่งกว่าเดิมแต่ไหนแต่ไรมามีเพียงเขาที่ออกคำสั่งชี้นำทิศทางราวกับว่าเขาเป็าามาั้แ่เกิด ทว่าเขา...
ยามนี้...นึกไม่ถึงเลยว่าจะกำลังช่วยเหลือเหนียนยวี่!
นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
สายตาของทั้งสอง จ้องมองเหนียนยวี่และฉู่ชิงสลับไปมาอย่างมิได้นัดหมายพวกเขาทั้งคู่ คนหนึ่งคือบุตรชายของท่านแม่ทัพ ดำรงตำแหน่งแม่ทัพหลวง มีอำนาจล้นฟ้าอีกคนหนึ่งคือบุตรีอนุจวนเหนียนที่ไม่ค่อยมีผู้ใดรู้จักพวกเขาเคยเจอกันั้แ่เมื่อใด?
หลีอ๋องจ้าวเยี่ยนจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้วันนั้นที่ไปดื่มสุราที่เกาะใจกลางทะเลสาบในจวนมู่อ๋อง วันนั้นเหนียนยวี่อยู่ที่นั่นฉู่ชิงเองก็อยู่ที่นั่น ทว่า...เขาพยายามนึกทว่านึกอย่างไรก็นึกไม่ออกถึงความผิดปกติของระหว่างสองคนนี้
ความช่วยเหลือของฉู่ชิง เหนียนยวี่เองก็รับรู้ได้ั้แ่แรกนางแอบเหลือบมองเขา ในใจรู้สึกขอบคุณอยู่บ้าง
ในตำหนัก ห้าคนร่วมบรรเลงฉิน หนึ่งคนร่ายรำทว่ากลับเห็นได้ชัดว่าเสียงบรรเลงฉินของหนึ่งคนในนั้น สะเปะสะปะไปเสียแล้ว
บนใบหน้าของเหนียนอีหลาน มีเหงื่อเม็ดผุดขึ้นบางๆ
นางรู้ว่าตัวเองแพ้แล้ว ทว่าในใจนางอย่างไรก็ไม่ยอมรับเหนียนยวี่...นางสารเลว ท้ายที่สุดแล้วมีเื่ปกปิดนางมากแค่ไหนกันแน่
นึกถึงสิ่งที่ฮ่องเต้หยวนเต๋อตรัสไว้ก่อนหน้านี้หากนางไม่สามารถขึ้นเป็ที่หนึ่งได้ เช่นนั้นตำแหน่งมู่อ๋องเฟย...
เหนียนอีหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ นางไม่เต็มใจยังคิดจะกอบกู้สถานการณ์ ทว่านางกลับไม่รู้ว่ายิ่งนางอยากเอาชนะมากเท่าไหร่ความเร่งรีบในใจนั้นก็ยิ่งส่งผลให้เสียงบรรเลงฉินของนางเบนออกจากทำนองมากเท่านั้น
เหนียนยวี่ที่ฟังอยู่ รู้สึกได้ถึงใจที่คิดอยากจะเอาชนะของเหนียนอีหลานในใจก็ผุดร่องรอยความรู้สึกเย้ยหยันสายหนึ่ง
ชาติก่อน เหนียนอีหลานมีชื่อเสียงในงานเลี้ยงฉีเฉี่ยวนี้เพราะความสามารถของนางเอง หากมาอย่างเป็ระเบียบ การแสดงของนางจะไม่หยาบคายเช่นนี้อย่างแน่นอนน่าเสียดายที่วันนี้เหนียนอีหลานลากนางมาร่วมด้วย ยิ่งคิดไม่ถึงว่าเื่ราวจะกลับกลายเป็วุ่นวายขนาดนี้ ดังนั้น ผลลัพธ์ของนาง...
เหนียนยวี่แอบเหลือบมองเหนียนอีหลานยังแน่วแน่อยู่อีกงั้นหรือ?
หึ หากนางไม่ยอมรับความจริงเช่นนั้นน้องสาวคนนี้ของนางจะเข้ามาช่วยนางเอง!