ในอาณาจักรบริวารของราชอาณาเซนิท พระราชวังเมืองแซมบอร์ดถือเป็สิ่งก่อสร้างที่งดงามโอ่โถง หากจัดอันดับพระราชวังที่สวยงามที่สุด พระราชวังเมืองแซมบอดร์ดคงได้ลำดับที่สามขึ้นไปแน่ๆ ตัวอาคารทั้งหมดทำด้วยหินแกะสลักสีขาวขนาดใหญ่ ก่อเป็อิฐวางทับซ้อนกัน ตรงกลางเป็ลานหินที่มีขนาดกว้างขวาง และมีเสาหินั์ขนาดใหญ่ที่สูงสามสิบถึงสี่สิบเมตรตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทั้งยังมีรูปปั้นเทพพระเ้านับสิบชิ้นเรียงรายกัน ด้านหลังเสาหินและรูปปั้นจะเป็พระราชวังที่สูงตระหง่าน ประตูทิศเหนือเปิดออกกว้างให้เหล่าทหารและชาวบ้านสามารถเข้าไปยังลานกว้างพระราชวังด้านในได้
งานเลี้ยงฉลองคืนนี้จัดขึ้นที่ลานหินกลางแจ้งขนาดใหญ่
ฝูงชนที่เฉลิมฉลองต่างพากันมารวมตัวอยู่ที่ลานหินกลางแจ้ง กองไฟขนาดใหญ่ทั้งหกกองลุกไหม้ เปลวไฟสีแดงลุกไหม้โชติ่ สีเดียวกับท้องฟ้ายามอัสดง ตรงกลางลานหินสร้างหอไม้ขนาดใหญ่ชั่วคราวไว้สิบแห่ง ทั้งหมดสูงประมาณหกเจ็ดเมตร แต่ละชั้นจะเป็ที่วางศพของชาวบ้านและทหารของเมืองแซมบอร์ดที่เสียชีวิตในาครั้งนี้
ทหารองครักษ์ต่างสวมชุดเกราะสว่าง ในมือถือหอกยาวคอยลาดตระเวนรอบๆ พระราชวังและลานหิน ชาวบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็ชุดสีขาว เหล่าสาวงามก็จะจูงมือกันไปเต้นรอบกองไฟอย่างสนุกสนาน ในมือของทุกคนจะถือกิ่งไม้สีเขียวที่ถือเป็สัญลักษณ์แห่งชีวิตและความหวัง แต่ละคนต่างสนุกสนานกับงานเลี้ยงอย่างเต็มที่
ยามกลางคืน
มีเสียงม้าวิ่งเข้ามา ในที่สุดองค์ชายโตรบินสกี้แห่งราชอาณาจักรเซนิทและองค์รักษ์ก็มาถึงลานหิน เบสท์ก็นำข้ารับใช้เดินไปให้การต้อนรับและนำองค์ชายไปยังโต๊ะแขกพิเศษที่จัดไว้ใต้รูปปั้นหินเทพเ้าขนาดใหญ่ทิศตะวันตก เนื่องจากเป็เชื้อพระวงศ์แห่งราชอาณาจักรเซนิท ดังนั้นชาวเมืองแซมบอร์ดจึงแสดงการต้อนรับต่อองค์ชายที่เสด็จมาถึงอย่างคึกคัก บางคนก็โปรยกลีบดอกไม้หอมไปทางพวกเขา
สำหรับองค์ชายโตรบินสกี้แล้ว ฉากนี้เป็อะไรที่น่าพอใจมาก
คาดไม่ถึงว่าองค์ชายโตรบินสกี้จะแสดงให้เห็นถึงบุคลิกและความองอาจที่องค์ชายราชอาณาจักรควรจะมีออกมาให้เห็น ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ โบกไม้โบกมือให้ชาวบ้านที่อยู่รอบๆ แต่อย่างไรก็ตาม เหล่าอัศวินม้าที่อยู่ด้านหลังองค์ชายกลับไม่ได้มีความรู้สึกดีอะไรต่อชาวเมืองชั้นต่ำในอาณาจักรเล็กๆ แห่งนี้ มองเห็นรอยยิ้มของผู้คนที่อยู่รอบๆ พวกเขารู้สึกว่าตัวเองสูงส่ง แสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่หยิ่งผยอง มองชาวบ้านราวกับกำลังมองเห็นสุนัขที่เลี้ยงไว้ในบ้านกำลังกระดิกหางมาหาตัวเอง
เห็นว่ามีเพียงองค์ชายโตรบินสกี้เสด็จมาร่วมงานเลี้ยงเพียงคนเดียว เบสท์ก็แอบผิดหวังเล็กน้อยที่องค์หญิงที่เป็คนสำคัญในคณะทูตและควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างกลับไม่ปรากฏในงานเลี้ยง สำหรับความคิดของผู้หญิงคนนี้เขาเดาไม่ออกจริงๆ...แต่ในเมื่อมันเป็แบบนี้ เบสท์ก็ไม่ละเลยเลยแม้แต่น้อย เขาสั่งให้คนรับใช้คอยดูแลบรรดาแขกผู้มีเกียรติพวกนี้
ผ่านไปไม่กี่สิบนาที ในที่สุดกลุ่มคนที่กำลังร้องเล่นเต้นรำและดื่มกินก็พากันค่อยๆ หยุดลง ลานหินกว้างก็พลันเงียบสงบ
ตอนนี้เอง ทหารองครักษ์ที่สวมชุดเกราะงดงามเดินเรียงสองแถวเข้ามายังลานหินกว้าง แล้วแยกฝั่งกันอย่างมีระเบียบ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในความสนใจของประชาชน องค์าาอเล็กซานเดอร์จูงมือคู่หมั้นสาวแสนสวยอย่างแองเจล่าเดินขึ้นบันไดสูงตรงหน้าห้องโถงขึ้นมา
ตอนนี้ซุนเฟยได้เปลี่ยนชุดเป็ชุดคลุมาาสีฟ้า ชายชุดคลุมโบกสะบัดไปตามแรงลม ชุดนี้เหมาะสำหรับร่างสูงเพรียวของเขา บนศีรษะสวมมงกุฎใบไม้สีทองไว้ ผมสีดำสนิทดุจสีหมึก ดวงตาเป็ประกาย บุคลิกองอาจกล้าหาญดุจเทพเ้า อำนาจบารมีที่มากล้นล้วนสั่งสมมาจากการสังหารเมื่อไม่กี่วันก่อน ถึงอย่างนั้นบนร่างของเขาก็ยังคงเผยกลิ่นอายที่เป็กันเอง ทุกอย่างที่รวมกันเป็เขาต่างสมบูรณ์แบบ ทุกคนต่างพากันตกตะลึง มองไกลๆ ราวกับเป็พระเ้าที่สูงส่ง ท่วงท่าอันสง่างามนี้สามารถบ่งบอกได้ว่านี่แหละคือาา
ข้างกายของเขา แองเจล่าก็สวมชุดคลุมสีฟ้าเช่นเดียวกันเช่นเดียวกัน ตรงเอวคาดเข็มขัดทองคำเนื้อดี รูปร่างสวยสง่า ผิวขาวเนียนละเอียดยิ่งกว่ายอดูเาหิมะพันปี บนศีรษะของแองเจล่าสวมมงกุฎดอกไม้สดที่ร้อยด้วยดอกไม้หลากสีสัน ผมยาวสลวยพลิ้วไหวไปตามลม ราวกับเทพธิดาตก์ลงมายังโลกมนุษย์ ดูบริสุทธิ์และสง่างามจนทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะกระพริบตา
ทั้งสองคนเดินขึ้นบันไดพร้อมรอยยิ้ม แย่งความโดดเด่นในงานเลี้ยงทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย แม้แต่ดวงดาวบนท้องฟ้าที่สว่างไสวราวกับมีอัญมณีที่ฝังตัวอยู่ในท้องฟ้าสีคราม ก็เหมือนกับสูญเสียความงดงามในชั่วพริบตา
ประชาชนเมืองแซมบอร์ดทุกคนในลานหินต่างพากันคุกเข่าแล้วะโเสียงดังว่า ‘องค์าาอเล็กซานเดอร์ทรงพระเจริญ!’
มีหลายคนที่เพิ่งจะค้นพบเป็ครั้งแรกว่าาาของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยอำนาจบารมีหาใช่คนธรรมดา พวกเขาถึงได้รู้ว่าภาพลักษณ์ของาาที่สมบูรณ์แบบตอนนี้ได้ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว ไม่ส่วนใดเกี่ยวข้องกับอเล็กซานเดอร์ที่ปัญญาอ่อนก่อนหน้านี้อีกแล้ว พวกเขาต่างคุกเข่าลงอย่างอ่อนน้อม
องค์ชายโตรบินสกี้ที่นั่งอยู่บนโต๊ะแขกพิเศษใต้รูปปั้นหินเทพก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืน เมื่อตอนกลางวัน เขาดูถูกเหยียดหยามาาตามข่าวลือที่ว่าเป็ปัญญาอ่อน แม้ตอนนี้จะเข้าร่วมงานเลี้ยงก็ยังคิดจะก่อความวุ่นวายและหาเื่หัวเราะเยาะมันสักที เขาไม่เคยสงสัยความหล่อและความองอาจของตัวเองสักนิดเดียว เขาคิดว่าเมื่อตัวเองเข้ามายังลานกว้างนี้ก็สามารถแย่งความโดดเด่นจากทุกคนได้...แต่ตอนนี้องค์ชายแห่งราชอาณาจักรใหญ่ก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกอับอายขึ้นมาทันที ยามที่มองไปที่ชายหญิงคู่นั้นที่ราวกับ์จงใจปั้นแต่งขึ้นมาให้สวยงามกว่าใครในโลกนี้ องค์ชายน้อยก็อดประหลาดใจไม่ได้ว่าความรู้สึกเหยียดหยามไม่พอใจต่อาาองค์นี้ พระราชวังแห่งนี้และอาณาจักรแห่งนี้มันกลับสูญสลายหายไปในพริบตาอย่างไม่น่าเชื่อ
แต่องค์ชายไม่ได้สังเกตเห็นว่า องครักษ์และอัศวินที่อยู่ด้านหลังตัวเองไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกัน คนที่อยู่ด้านข้างองค์ชาย สวมชุดเสื้อคลุมอัศวินสีแดงและชุดเกราะทั่วร่าง สายตาของเขาจับจ้องไปที่ร่างแองเจล่าที่อยู่ตรงขั้นบันไดไกลๆ ลึกลงไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความโลภ มันแฝงไปด้วยความหื่นกระหายและหยาบโลน และเหล่าอัศวินและองครักษ์อีกสิบคนที่อยู่ข้างกายของอัศวินคงนี้ก็ไม่ซ่อนความหื่นกามในสายตาของพวกเขาเลย
บนลานหินกว้าง
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าในขณะที่ฝูงชนกำลังทำความเคารพาาของตน ตรงมุมมืดที่รูปปั้นหินรูปสุดท้าย มีกลุ่มคนในชุดผ้าคลุมสีดำซ่อนตัวอย่างเงียบๆ อยู่สามคน หลังจากได้เห็นอเล็กซานเดอร์และแองเจล่าปรากฏตัว คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าสุดก็ร้อง “เอ๊ะ” ออกมา เป็เสียงอ่อนแรงราวกับมีอาการเจ็บป่วย น้ำเสียงของนางราวกับแปลกใจมาก การที่แสดงท่าทางเช่นนี้ทำให้คนที่อยู่ด้านหลังทั้งสองคนต่างลอบสบตากัน แต่ไหนแต่ไรมา พวกเขาไม่เคยเห็นคนตรงหน้าแสดงอาการใเช่นนี้มาก่อนเลย
……
หลังจากที่องค์าาและคู่หมั้นปรากฏตัว ความรื่นเริงในลานหินก็ค่อยๆ หยุดชะงักลง
บรรยากาศเริ่มดูเคร่งขรึม ฝูงชนเริ่มรู้สึกตัวก่อนจะแยกตัวกันเปิดทางให้ ซุนเฟยและแองเจล่าเดินเดินขึ้นบันไดมาแล้วเดินไปที่หอไม้ที่สร้างขึ้นไว้ชั่วคราวทั้งสิบแห่งตรงกลางลานหินอย่างช้าๆ
บรรยากาศก็ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้น
ั้แ่สมัยโบราณแล้ว บนแผ่นดินอาเซรอทไม่เคยขาดา ทุกวันทุกเวลาทุกนาทีต่างมีคนาเ็ล้มตายในาจำนวนมาก การฝังทหารที่ตายในาเหล่านี้กลายเป็ขั้นตอนที่สิ้นเปลืองอย่างมาก นอกจากนี้ยังเสียที่ดินจำนวนมากเพื่อฝังอีก เพื่อหลีกเลี่ยงความสิ้นเปลืองที่เกิดขึ้นนี้ จึงเกิดประเพณีการเผาร่างทหารที่ตายในามาเป็เวลาช้านานแล้ว ไม่ว่าจะเป็าา ขุนนาง ชาวบ้านหรือทาส หลังถูกสังหารแล้วพวกเขาจะถูกส่งไปยังหอไม้เพื่อเผา ทุกคนเชื่อว่าวิธีนี้จะทำให้ดวงิญญาของคนตายได้รับการปลดปล่อย พวกเขาจะขึ้นไปอยู่กับพระเ้าในอาณาจักรแห่งพระเ้า
ภายใต้การช่วยเหลือของแองเจล่าที่ยัดเหยียดความรู้พิธีการดั้งเดิม ซุนเฟยเดินขึ้นไปยังบันไดหอไม้ ก่อนจะหันมาหยิบเหรียญทองจากมือของแองเจล่ามาวางไว้บนตาที่ปิดสนิททั้งสองข้างของทหารที่ตายในา นี่เป็ประเพณีของแผ่นดินอาเซรอท พวกเขาคิดว่าเหรียญที่ปิดบนดวงตาของเหล่าทหารจะสามารถช่วยให้พวกเขาลืมตาขึ้นอีกครั้งท่ามกลางกองไฟที่ลุกโชนเพื่อค้นหาเส้นทางไปสู่สรวง์ได้อย่างถูกต้อง
นี่เป็งานที่น่าเบื่อ
ในาปกป้องเมืองแซมบอร์ดครั้งนี้ มีทหารผู้กล้าหาญได้เสียชีวิตทั้งหมดหนึ่งร้อยสามสิบเอ็ดนาย ที่จริงแล้วจะมีสัปเหร่อขึ้นมาเอาเหรียญปิดตาเหล่าทหารที่เสียชีวิตเหล่านี้ แต่ซุนเฟยกลับยืนยันว่าจะทำด้วยตัวเองทุกอย่าง ตามประเพณี มีเพียงขุนนางชั้นสูงหรือเหล่าวีรบุรุษที่สร้างคุณูปการต่ออาณาจักรเท่านั้นถึงจะได้รับสิทธิ์ให้าาเป็ผู้นำเหรียญขึ้นมาปิดตาให้ การกระทำของซุนเฟยเช่นนี้เพื่อเป็เกียรติแก่เหล่าทหารธรรมดาเป็ครั้งสุดท้าย
เห็นได้ชัดว่า
การกระทำนี้ได้เอาชนะใจประชาชนทั่วไปได้อีกครั้ง
บนลานกว้างเงียบสงบไม่มีใครพูดสิ่งใด แม้แต่สายลมก็ราวกับจะหยุดพัด มีเพียงผู้หญิงที่สวมชุดสีดำไม่กี่คนที่เป็นักบวชยืนอยู่ห่างออกไปกำลังร้องเพลง เพลงนี้ไม่มีเนื้อหา แต่กลับเป็ที่นิยมในแผ่นดิน เป็เพลงสวดส่งิญญาของคนที่เรารัก
ความสนใจของทุกคนมุ่งไปยังซุนเฟย เขายังคนอดทนวางเหรียญบนดวงตาของเหล่าทหารที่เสียชีวิตทุกคน จากนั้นก็จุดไฟก่อนจะปล่อยไฟไปยังหญ้าหอมที่สุมอยู่ใต้หอไม้ เปลวไฟขนาดใหญ่ลุกพรึ่บ เปลวไฟค่อยๆ เผาไหม้กลืนกินร่างพวกเขา ครอบครัวของคนที่เสียชีวิตเริ่มร้องไห้ออกมา...
ขั้นตอนนี้ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง
หลังจากที่เปลวไฟลุกไหม้เผาหอไม้และศพเหล่าทหารจนกลายเป็ขี้เถ้า บรรยากาศลานหินก็ค่อยๆ ผ่อนคลาย คนที่กำลังร้องไห้ก็ค่อนๆหยุดร้อง เถ้าที่เหลือจากการเผาจะถูกทหารและหมอเก็บขึ้นมาใส่ในโลงศพสีดำขนาดใหญ่ หลังจากนั้นอีกสิบสองวัน โลงศพหลังนี้ก็จะถูกนำขึ้นไปที่ยอดูเาสูงเทียมเมฆฝั่งตะวันออกของเมืองแซมบอร์ดและฝั่งไว้ที่นั่น เพื่อให้ดวงิญญานักรบผู้กล้าหาญเหล่านี้สามารถมองเห็นแสงแรกของพระอาทิตย์ที่สวยงามยามขึ้นในทุกๆ วัน
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น บรรยากาศในลานกว้างก็กลายเป็คึกคักขึ้นมา
ผู้คนเริ่มร้องรำทำเพลงเฉลิมฉลองกับชัยชนะ บรรยากาศเริ่มคึกครื้น กองไฟที่ลุกไหม้กลางลานหินค่อยๆ ลุกโชติ่กว่าเดิม แม้แต่ทหารที่คอยเฝ้ายามอยู่รอบๆ ลานหินก็ร่วมสนุกเฮฮากับฝูงชน ซุนเฟยและแองเจล่าก็ถูกสาวๆ ที่กำลังคึกคักดึงเข้ามาร่วมวงด้วย ใน่เวลาที่กำลังเฉลิมฉลองไม่มีใครสนใจฐานะสูงต่ำ แม้แต่องค์ชายโตรบินสกี้และอัศวินผู้ติดตามด้านหลังที่นั่งอยู่ที่โต๊ะแขกพิเศษก็ยังถูกเชิญเข้ามาร่วมวงด้วย
เหล่าสาวๆ ต่างยิ้มรื่นเริง ในขณะที่ถือแผ่นไม้ที่เต็มไปด้วยน้ำผลไม้และเนื้อย่างคอยเสิร์ฟอยู่กลางฝูงชน
องค์ชายโตรบินสกี้ถูกบรรยากาศรื่นเริงแบบนี้ละลายมาดเคร่งขรึมและหยิ่งยโสก่อนหน้านี้ไปจนหมด ตอนนี้เขาทำตัวได้สมกับเด็กวัยสิบเจ็ดปี จับมือกับกับเหล่าวัยรุ่นหนุ่มสาวเต้นรอบกองไฟ ราวกับนกน้อยในกรงได้ถูกปล่อยให้บินออกมา และโบยบินออกไปอย่างมีความสุข
แต่โตรบินสกี้และทุกคนต่างไม่ทันสังเกตว่า อัศวินที่สวมชุดเกราะสีแดงและเหล่าอัศวินที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาก่อนหน้านี้กลับพากันหัวเราะและเดินไปยังตรงกลางลานหิน ริมฝีปากของพวกเขาเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มชั่วร้าย ดวงตาเป็ประกายเต็มไปด้วยความหยาบโลน
และพวกเขาก็เดินไปตรงกลางลานหินกว้างที่มีแองเจล่า สาวงามที่สวยประหนึ่งเทพธิดาบริสุทธิ์ที่กำลังเต้นอย่างสนุกสนานกับเหล่าสาวๆ และสาวน้อยเจ็มม่า กลุ่มสาวๆ กำลังยิ้มหัวเราะอย่างมีความสุข ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุขราวกับเทพธิดากำลังจะเปลี่ยนไป
----------------------------