เมื่อรู้ว่าซูเฉินเทียนคือเด็กหนุ่มที่มองตนเองฝึกกระบี่ในวันนั้น เซียวเฉินอดรู้สึกดีต่อเขาไม่ได้
“ศิษย์พี่ซู ข้าคิดจะแลกเปลี่ยนความรู้กับท่านสักหน่อย”
ซูเฉินเทียนมองเซียวเฉินแล้วยิ้ม “ศิษย์น้องเซียวเฉินหมายตาอันดับหนึ่งบนผังชางหวงหรือ?”
เซียวเฉินผงกศีรษะ
“ข้ารู้สึกว่าข้าอาจจะมีความสามารถนั้น”
ซูเฉินเทียนมองศิษย์น้องเล็กที่เพิ่งเข้าสถานศึกษาได้ไม่ถึงหนึ่งปีคนนี้ ใบหน้ามีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา “สมดังคำเล่าลือจริงๆ อายุเยาว์เปี่ยมพลัง เหมือนข้าในตอนนั้น”
“แต่หากมอบอันดับหนึ่งนี้ให้ เกรงว่าเ้าคงแบกรับไม่ไหว ตอนนี้ข้าไม่ใส่ใจ แต่คนที่อยู่ตำแหน่งด้านล่างข้าอาจใส่ใจ เขาถูกข้ากดข่มไว้สี่ปีแล้ว และอยากดำรงตำแหน่งนี้มาตลอด”
เซียวเฉินนิ่งอึ้ง
“ลั่วเฉินอวี่หรือ?”
ซูเฉินเทียนพยักหน้า
พวกเขาสองคนได้รับการเรียกขานว่าดาวคนคู่ บุคคลอัจฉริยะไร้เทียมทานแห่งสถานศึกษาชางหวง แต่ลั่วเฉินอวี่กลับถูกซูเฉินเทียนกดศีรษะไว้เสมอมา เื่นี้ทำให้ลั่วเฉินอวี่ที่แข็งแกร่งมาโดยตลอดไม่ยินยอม ทว่าลั่วเฉินอวี่กลับไม่มีทางเหนือกว่าซูเฉินเทียนได้เลย
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเซียวเฉินจะได้อันดับหนึ่งนี้ไปหรือไม่ ไม่ได้ก็ไม่เป็ไร แต่หากได้มา เกรงว่าเขาจะต้องยุ่งยากไม่มีที่สิ้นสุด
จุดนี้ แม้แต่ซูเฉินเทียนก็ยังปวดศีรษะ
เซียวเฉินแย้มยิ้มอย่างไม่นำพา
“หากข้าได้รับการยอมรับจากศิษย์พี่ซู เกรงว่าถึงตอนนั้นศิษย์พี่ลั่วก็น่าจะทำอะไรข้าไม่ได้”
เห็นเซียวเฉินมีความมั่นใจเช่นนี้ ซูเฉินเทียนก็ไม่พูดมากอีก
“หลายวันก่อน เห็นวิชากระบี่ของศิษย์น้องเล็กยอดเยี่ยม ตอนนี้คิดจะขอคำชี้แนะสักครา”
เซียวเฉินดวงตาเปล่งประกาย
“มีความคิดเช่นนี้พอดี”
ชิ้ง!
กระบี่หนักเบิกฟ้าในมือหลุดจากฝัก แผ่อานุภาพกระบี่แข็งกร้าว แม้พยายามจะปิดบัง แต่ยังซ่อนเจตจำนงกระบี่อันไพศาลหนักหน่วงและความแหลมคมไว้ไม่อยู่ ทำให้ซูเฉินเทียนส่งเสียงชมเชย
“กระบี่ดี!”
“ศิษย์พี่ซู ระวัง” เสียงเพิ่งสิ้นสุด เซียวเฉินก็ยกกระบี่หันปลายชี้ใส่เข่นฆ่าไป ทำลายสิ้นทุกสิ่ง ราวกับกระบี่ในมือของเซียวเฉินเป็ราชันแห่งกระบี่ที่ได้เปรียบทุกประตู แม้แต่ซูเฉินเทียนก็มีสีหน้าหนักใจและเริ่มทำตามกฎเกณฑ์
ซูเฉินเทียนมองเซียวเฉิน แสงิญญาในมือวูบวาบ หอกยาวด้ามหนึ่งปรากฏขึ้น ตัวหอกเป็สีทองทั้งชิ้น เมื่อซูเฉินเทียนกุมหอก สภาวะบนร่างก็เปลี่ยนไปทันควัน
หากบอกว่าก่อนหน้านี้ซูเฉินเทียนเหมือนบัณฑิตหล่อเหลาสง่างาม เช่นนั้นเขาในเวลานี้ก็ประดุจราชันผู้ดูแคลนทวยราษฎร์ เทพแห่งาผู้ใช้กลยุทธ์เชื่อมแนวขวางประสานแนวดิ่ง [1]
หอกทองพลันทิ่มแทงอย่างหนักหน่วงคราหนึ่ง แสงเสวียนแต่ละสายกลายเป็ลูกศรยิงออกไปจำนวนมาก เซียวเฉินร่ายรำเบิกฟ้าในมือทำลายแสงเสวียนทั้งหมด จากนั้นสะอึกเข้าหาซูเฉินเทียน
ตูม!
สะเก็ดไฟกระจายรอบด้าน พลังเสวียนสั่นะเื
เซียวเฉินลอยคว้างออกไป ส่วนซูเฉินเทียนก็ถอยหลังหลายก้าว มองเซียวเฉินและกระบี่ในมือเขา ดวงตาฉายแววตกตะลึง
“ศิษย์น้องเซียวเฉินมีเรี่ยวแรงเทพ!”
สมกับเป็ซูเฉินเทียน มองแวบเดียวก็ดูความไม่ธรรมดาของกระบี่ในมือเซียวเฉินออก กระบี่เล่มนี้แม้ไม่แตกต่างจากกระบี่ทั่วไปมากนัก แต่กลับหนักอย่างประหลาด อย่างน้อยมีสี่ห้าพันชั่ง ต้องรู้ก่อนว่า ขั้นตานฟ้ามีเรี่ยวแรงสามพันชั่งก็ถือว่ามีแรงมหาศาลแล้ว ทว่าเซียวเฉินถึงกับร่ายรำกระบี่หนักขนาดนี้ได้ด้วยมือเดียวโดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสี เรียกได้ว่ามีเรี่ยวแรงเทพ!
พละกำลังเช่นนี้บวกกับความดุดันของเซียวเฉิน แม้แต่ซูเฉินเทียนก็ต้านรับไม่อยู่ หากมิใช่ถ่ายเรี่ยวแรงทั้งหมดลงพื้น เกรงว่าพลังมหาศาลห้าพันชั่งก็เพียงพอจะทำให้เขาตกเป็ฝ่ายเสียเปรียบ
ในขณะเดียวกับที่ชื่นชมเรี่ยวแรงของเซียวเฉินอยู่นั้น เขาก็ชื่นชมความสามารถของเซียวเฉินเช่นกัน
เซียวเฉินยังไม่ย่างเข้าสู่เก้าชั้นฟ้าก็มีความสามารถถึงเพียงนี้ หากคนทั้งสองอยู่ในระดับเดียวกัน เกรงว่าเขาคงไม่ได้เปรียบ
“ศิษย์พี่ซูชมเกินไปแล้ว”
เซียวเฉินยิ้ม จากนั้นกระบี่ในมือมีแสงวูบวาบ เซียวเฉินเป็ฝ่ายบุกจู่โจมอีกครั้ง แสงเจิดจรัสวิบวับ ดูเหมือนงดงาม ทว่าความเป็จริงเจตนาสังหารกลับหนาแน่น โจมตีเป็ชุดๆ
กระบวนท่าแรก ใบไม้ร่วงพันสารท ประกายวาบห่านป่าตื่น
เซียวเฉินกุมกระบี่ใช้คัมภีร์กระบี่ทัณฑ์์ทันที เนื่องจากรู้สึกได้รางๆ ว่าซูเฉินเทียนอยู่เหนือขั้นตานฟ้าไปแล้ว ดังนั้น เขาจึงลงมือด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดโดยไม่กล้าออมรั้งยั้งมือ!
ซูเฉินเทียนก็ไม่หลบเลี่ยง ใช้หอกยาวในมือโจมตีไป จุดที่ปลายหอกจิ้มแต่ละครั้ง มีบงกชสีทองผุดขึ้น บงกชสีทองค่อยๆ ผลิบาน ดูเหมือนเฉิดฉัน ทว่าความจริงกลับแกร่งกร้าว กระบวนท่านี้แม้แตกต่างแต่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับกระบวนท่าแรกในคัมภีร์กระบี่ทัณฑ์์ของเซียวเฉิน
“หอกศึกบงกชทอง บงกชทองาทวยเทพ!”
ซูเฉินเทียนใช้หอกศึกบงกชสีทองกวาด ยิงบงกชสีทองออกมาเป็สายๆ ทันใดนั้นก็ะเิออกกลางอากาศ เกิดพลังทำลายล้างไร้ผู้ต่อต้าน เงาร่างของเซียวเฉินไหววูบ ร่ายรำเบิกฟ้าทำลายบงกชสีทองทันใดแล้วขยับกายหลบเลี่ยง
แม้ว่าเคล็ดวิชาสองแขนงจะยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน แต่ใบไม้ร่วงพันสารท ประกายวาบห่านป่าตื่นของเซียวเฉินมีประสิทธิภาพจู่โจมสังหารในคราเดียว ส่วนบงกชสีทองรบ์ของซูเฉินเทียนกลับเข่นฆ่าเป็วงกว้าง!
แม้ว่าทั้งสองฝ่ายมีความแตกต่าง แต่พลังทำลายล้างใกล้เคียงกัน ยากแบ่งแยกสูงต่ำ วิชากระบี่ของเซียวเฉินพัฒนามาจากเคล็ดวิชาขั้นศักดิ์สิทธิ์ ส่วนเคล็ดวิชาของซูเฉินเทียนก็ไม่อ่อนด้อยเช่นกัน เป็หนึ่งในเคล็ดวิชาไม่กี่ชุดที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเคล็ดวิชาขั้นนิลระดับสูงสุดของหอเคล็ดวิชาแห่งสถานศึกษาชางหวง
ตูม!
ครืนครัน!
รังสีกระบี่ผ่าทลายบงกชทอง ส่วนบงกชทองก็ทำลายรังสีกระบี่ แต่อานุภาพที่หลงเหลือยังแข็งแกร่งดังเดิม ะเืจนแขนของเซียวเฉินชาหนึบ ต้องถอยหลังติดๆ กัน แต่ไม่ได้รับาเ็ ส่วนซูเฉินเทียนกลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ในที่สุดก็แสดงสีหน้าตกตะลึง
“ศิษย์น้องเซียวเฉินมีความสามารถนัก ข้าในตอนนั้นยังหลีกทางให้แทบไม่ทัน” ซูเฉินเทียนเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ แสงเสวียนบนร่างราวกับมีและไม่มี แผ่ออกทั้งหมด ปกป้องเขาไว้ภายใน ใช้ได้ทั้งรุกและรับ
“เทียบกับศิษย์พี่แล้วยังต้องพัฒนาอีกมาก” ยากนักที่เซียวเฉินจะถ่อมตน ทุกคนที่อยู่ด้านล่างกลับสงบใจไม่ได้
“ไม่ถูกสิ ขนาดผู้าุโสามเ้าบ้าเซียวเฉินยังกล้าเถียง เหตุใดจึงถ่อมตนต่อหน้าซูเฉินเทียน?”
“เซียวเฉินคนนี้ไม่ธรรมดา จู่โจมและตั้งรับกับศิษย์พี่ซูเฉินเทียนหลายครั้งขนาดนี้ ถึงกับยังไม่พ่ายแพ้!”
“เซียวเฉินแข็งแกร่งมาก”
นี่คือศิษย์สตรีคนหนึ่ง รูปโฉมโดดเด่น เป็สาวน้อยจากตระกูลเล็กๆ สายตาที่มองเซียวเฉินเปล่งประกายวิบวับ ใบหน้าเล็กๆ แดงก่ำงามจับใจคน
“ศิษย์พี่เซียวเฉินร้ายกาจนิดหน่อย”
ศิษย์สตรีอีกคนหนึ่งส่งเสียงอีก “ร้ายกาจมาก”
“...”
ซูเฉินเทียนได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้านล่างเวทีก็มองเซียวเฉิน เลิกคิ้วอมยิ้มกล่าว “ฮ่าฮ่า ศิษย์น้องเซียวเฉินได้รับความนิยมมากกว่า”
เซียวเฉินลูบคาง
“ยังใช้ไม่ได้ก็มีแฟนคลับที่จงรักภักดีหลายคนแล้ว?”
ว่าแล้วก็เคลื่อนไหวหลอกล่อ จ่อคมกระบี่ปานเบิกภูผาทลายศิลา
กระบวนท่าที่สอง ัตระหนกพิโรธ เก้าชั้นฟ้าเปี่ยมวายุคลั่งและอสนีบาต!
ทันใดนั้น พลังสายฟ้าแผ่ขยายจากคมกระบี่ แสงวูบวาบดับลง อสุนีบาตไหลเวียนไม่ขาดตอนดั่งอสรพิษสายฟ้า บ้าคลั่งสุดขีด เซียวเฉินฟันลงกลางอากาศ ยิงวิชชุควบคู่กับรังสีกระบี่เข่นฆ่าไป อสรพิษสายฟ้าพัวพัน ไร้จุดอ่อนให้จู่โจม
“มาได้ดี”
ซูเฉินเทียนตวาดลั่น หอกศึกบงกชทองสะบัด แสงเสวียนกลายเป็แสงทองเป็สายๆ แสงทองกลายเป็หอขนาดเล็กทะยานฝ่าอากาศไป แต่ทุกคนที่อยู่ด้านล่างต่างรู้สึกได้ถึงพลังกำราบอันแข็งแกร่งขุมหนึ่ง
“หอกทองหอทองสยบแผ่นดิน!”
ตูม!
เสียงดังสนั่น แสงรัศมีกลืนกินคนทั้งสอง ทุกคนกลั้นหายใจ จะจบแล้วหรือ ใครเป็ผู้ชนะกันแน่
แสงรัศมีเลือนหาย เงาร่างของคนทั้งสองปรากฏขึ้น
ทุกคนเห็นฉากนั้นก็เบิกตาโตมองคนทั้งสองบนเวทีประลอง
เห็นหอกจ่อตรงลำคอของเซียวเฉิน อีกนิดเดียวก็จะแทงทะลุคอหอย ส่วนกระบี่หนักเบิกฟ้าของเซียวเฉินก็จ่ออยู่ตรงส่วนท้องของซูเฉินเทียน หากไม่ระวังเพียงนิดเดียวก็อาจเืตกยางออกได้
คนทั้งสองสบตากันแล้วยิ้ม
“ข้าแพ้แล้ว”
ซูเฉินเทียนเอ่ยปาก เซียวเฉินนิ่งอึ้ง หากจะแยกแพ้ชนะกันจริงๆ คนอื่นไม่รู้ แต่เซียวเฉินต้องรู้แน่นอน ซูเฉินเทียนไวกว่าตนเองหนึ่งก้าว
ตนเองสมควรแพ้ถึงถูกต้อง!
แต่คำพูดต่อมาของซูเฉินเทียนกลับทำให้ทุกคนสูดลมหายใจหนาวเหน็บ
“ศิษย์น้องเซียวเฉิน ข้าแพ้แล้วจริงๆ เพราะข้าอยู่ขั้นเสวียนฟ้า!”
ไม่เพียงเซียวเฉิน แม้แต่ทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวทีก็ใสุดขีด
ซูเฉินเทียนถึงกับอยู่ขั้นเสวียนฟ้าแล้ว ส่วนเซียวเฉินอยู่ขั้นตานฟ้าแปดชั้นฟ้าระดับสูงสุด ถึงเป็การศึกษาชี้แนะ แต่ประสบความสำเร็จได้ภายใต้ระยะห่างขนาดนี้ ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความสามารถของเซียวเฉินได้แล้ว
“เ้าแบกรับตำแหน่งอันดับหนึ่งของสถานศึกษาชางหวงได้”
---
[1] กลยุทธ์เชื่อมแนวขวางประสานแนวดิ่ง เป็กลยุทธ์ทางการเมืองในสมัยจั้นกั๋ว