ซย่านีนับเงินออกมาเป็จำนวนสองร้อยหยวนแล้วมอบให้เซี่ยงเหมย ส่วนเธอก็เก็บไว้เองสามร้อยหยวนจึงเหลือเงินอีกยี่สิบเจ็ดหยวนกับอีกเก้าเหมา
จากนั้นซย่านีก็นำเศษเงินจำนวนเก้าเหมาจากในส่วนที่เหลือมอบให้ซ่งวั่งซู “แม่ให้ลูก นี่เป็ค่าแรงสำหรับวันนี้”
ซ่งวั่งซูคิดไม่ถึงว่าเธอเองก็จะได้เงินค่าแรงด้วย เด็กสาวดีใจเหลือเกิน “จริงหรือคะ? หนูได้เงินด้วยหรือ? ” ในยุคนี้เงินเก้าเหมาถือว่าเป็เงินจำนวนมากเลยทีเดียว ขนาดเนื้อหมูหนึ่งชั่งยังมีราคาแค่เจ็ดเหมาเท่านั้น เธอกล้าพูดเลยว่า เพื่อนร่วมชั้นเรียนของเธอมีตั้งหลายคนแต่คนที่มีเงินมากขนาดนี้ในมือคงมีไม่ถึงห้าคนด้วยซ้ำ!
“ผมล่ะ? แล้วของผมล่ะครับ?” ซ่งตงซวี่เห็นซ่งวั่งซูได้รับเงินจึงยื่นมือขึ้นพลางะโไปมาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากซย่านี
ซย่านีหันไปพูดกับลูกชาย “ของลูกไม่มีหรอก”
ซ่งตงซวี่ได้ยินดังนั้นก็โกรธ “เพราะอะไรกัน!”
ซย่านีมีสีหน้าเคร่งขรึม เธอกล่าวกับลูกชายว่า “เพราะวันนี้ลูกทำงานที่แม่มอบหมายให้ไม่สำเร็จน่ะสิ วันนี้แม่ให้ลูกดูแลน้องชาย ลูกก็แอบทิ้งน้องชายไว้ แล้วไปเล่นกับมด ตอนเที่ยงแม่เตือนลูกแล้วพอตอนบ่ายลูกก็ยังทิ้งน้องไว้อีก แล้วก็ไปเล่นกับลูกของคนขายของแผงข้างๆ แต่พี่สาวของลูกวันนี้พี่เขาไม่เพียงแต่ช่วยแม่รับลูกค้าแต่ยังช่วยแม่คิดบัญชีและเก็บเงินอีก ตอนที่ลูกแอบหนีไปเล่นเมื่อตอนบ่ายพี่เขาก็ยังอุตส่าห์มาช่วยดูแลน้องแทนลูกอีก”
ซ่งตงซวี่ยังคงไม่พอใจอยู่ดี เขาหายใจแรงจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงแต่เด็กชายก็ไม่กล้าพูดอะไร
“ทำไม? แม่พูดไม่ถูกงั้นหรือ?” ซย่านีเอ่ยถาม
“แต่...แต่ว่า...” ซ่งตงซวี่ไม่อาจปฏิเสธได้เลยสักคำเพราะสิ่งที่ซย่านีพูดมานั้นถูกต้องทุกอย่าง เขาหันไปมองซ่งวั่งซูที่กำลังนับเงินเก้าเหมาอย่างมีความสุข เด็กชายก็พลันดวงตาแดงก่ำด้วยความอิจฉา
ทว่าซ่งวั่งซูกลับมองมาที่เขาอย่างลำพองใจ ซ่งตงซวี่เบะปากแล้วเบือนหน้าหนีจากพี่สาว
ซ่งตงซวี่โกรธแต่ซย่านีก็ไม่ได้ปลอบอะไรเขา บรรยากาศจึงเริ่มตึงเครียดขึ้นมา
เซี่ยงเหมยอยากพูดอะไรดีๆ สักสองสามคำเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศลงแต่ก็ถูกซย่านีใช้สายตาห้ามไว้
ซย่านีไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะให้ความรู้แก่ลูกๆ ได้ แต่เธอก็รู้ว่าในฐานะผู้ปกครองนั้นจะต้องรักษากฎพื้นฐานเอาไว้ หากทำดีก็ต้องมีรางวัลหากทำผิดก็ต้องลงโทษ เธอจะทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาดที่ว่าพอลูกร้องไห้หน่อยก็เข้าไปปลอบเข้าไปโอ๋แล้ว
ซ่งวั่งซูดีใจมากที่ได้เงินเก้าเหมาจากซย่านี โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ซ่งตงซวี่กำลังไม่พอใจแบบนี้มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกภูมิใจขึ้นไปอีก
เธอหันไปพูดกับแม่ว่า “แม่คะ หนูช่วยซักผ้าอ้อมของน้องให้ดีไหมคะ?”
ซย่านีไหนเลยจะยอมให้ลูกสาวทำงานอีก พอเธอกำลังจะเอ่ยปฏิเสธ เธอก็ชะงักไปก่อนจะเอ่ยถามลูกแทน “ลูกจะช่วยซักผ้าอ้อมงั้นหรือจ๊ะ?” สิ่งที่เธอคิดก็คือลูกสาวเอ่ยปากเสนอตัวช่วยทำงานเอง หากเธอปฏิเสธก็คงไม่ค่อยดีหรอกมั้ง?
“ใช่แล้วค่ะ” ซ่งวั่งซูมองซย่านีด้วยความสับสนเล็กน้อย “แต่ก่อนก็เป็หนูที่ช่วยซักผ้าอ้อมให้น้องไม่ใช่หรือคะ?”
ซ่งวั่งซูอายุเจ็ดขวบแล้ว ก่อนหน้านี้่ที่ซย่านียุ่งๆ เธอก็จะให้ลูกสาวคนโตอย่างซ่งวั่งซูช่วยทำงานบ้านนิดหน่อย เพราะตอนที่ซย่านียังเป็เด็กเธอเองก็เริ่มช่วยครอบครัวทำงานบ้านบ้างแล้ว
หลังจากที่ซย่านีกลับมาเกิดใหม่ก็ลืมเื่นี้ไปเลย เธอใอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “โอ้ ใช่แล้ว แม่ยุ่งๆ จนลืมไปเลยเดี๋ยวแม่ต้มน้ำร้อนให้นะ แล้วลูกค่อยซักในน้ำร้อนแล้วกัน น้ำค่อนข้างเย็นอย่าแช่จนมือแข็งล่ะ”
ซ่งวั่งซูรับคำอย่างเชื่อฟัง “ได้ค่ะ!”
ซ่งวั่งซูมองแม่ของเธอที่ยุ่งมือเป็ระวิงด้วยดวงตาเป็ประกาย แต่ก่อนตอนที่แม่ใช้ให้เธอซักผ้าอ้อมให้น้องก็ไม่เคยเห็นแม่จะเป็ห่วงว่ามือของเธอจะเย็นหรือเปล่า ทำเอาเธอเกลียดน้ำเย็นไปเลย!
แต่ใน่วันสองวันมานี้แม่ใจดีกับเธอจริงๆ!
“ซ่งตงซวี่ ลูกทำการบ้านเสร็จแล้วหรือยัง?” ซย่านีที่กำลังต้มน้ำร้อนอยู่เหลือบมองไปทางซ่งตงซวี่ ครั้นเห็นว่าเขากำลังยืนเตะกำแพงอยู่ตรงผนังด้านหนึ่งเธอก็ขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “แม่จำได้ว่าลูกยังมีการบ้านที่ยังทำไม่เสร็จอีกหน้าหนึ่งไม่ใช่หรือ ก่อนแม่จะพาลูกไปตั้งแผงขายของก็เห็นลูกสัญญาดิบดีว่ากลับมาจะทำการบ้านให้เสร็จ ทำไมฮึลูกอยากเป็คนไม่รักษาคำพูดใช่ไหม?”
ซ่งตงซวี่เงียบ
“โอ้ นี่ยังโกรธอยู่สินะ?” ซย่านีส่งรอยยิ้มแล้วเดินเข้ามาพูดกับเซี่ยงเหมย “พี่ดูลูกชายคนรองของฉันสินิสัยขี้โมโหจริงๆ ผ่านไปนานขนาดนี้แล้วก็ยังโกรธฉัน เพราะเื่เงินเก้าเหมาอยู่นั่นแหละ”
เซี่ยงเหมยอมยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นเธอก็ให้เงินเก้าเหมากับเขาบ้างสิ”
ซย่านีเลิกคิ้วพลางกล่าวว่า “ไม่ได้หรอก วันนี้เขาไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ ทำไมฉันต้องให้เงินเขาด้วยเล่า? แต่ถ้าคราวหน้าเขาทำตัวดีล่ะก็...” เธอเงียบไปชั่วขณะแล้วเหลือบมองซ่งตงซวี่จากหางตา ก็เห็นว่าเด็กน้อยกำลังเงี่ยหูฟังอยู่ เธอหลุดยิ้มออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ก่อนจะกล่าวต่อว่า “หากเขาทำตัวดี ฉันจะต้องให้รางวัลเขาอย่างแน่นอน ฉันไม่ใช่แม่ลำเอียงสักหน่อย เสี่ยวเยวี่ยเอ๋อร์ได้ หยางหยางก็ต้องได้เหมือนกันสิ”
“อีกอย่างนะพี่สะใภ้ พี่ก็รู้ว่าฉันคนนี้ไม่รู้หนังสือ ส่วนสามีของฉันนั้นก็ยุ่งมาก ฉันเองก็อายที่จะไปรบกวนเวลาของนักศึกษามหาวิทยาลัยอย่างเขาที่เขาต้องสละเวลามาสอนหนังสือให้ฉัน ดังนั้นฉันจึงวางแผนว่าจะให้เสี่ยวเยวี่ยเอ๋อร์กับหยางหยางมาช่วยกันเป็ครูให้น่ะ แล้วฉันก็ไม่ปล่อยให้พวกเขาสอนฉันเปล่าๆ หรอกนะ ฉันคิดไว้แล้วว่าทุกเดือนจะให้เงินเดือนพวกเขาเดือนละหนึ่งหยวน!”
เซี่ยงเหมยเป็ผู้สนับสนุนชั้นยอดเธอพูดเสริมซย่านีอีกแรง “การเรียนรู้เป็เื่ที่ดีๆ แต่ว่าเธอจะให้เงินลูกๆ ด้วยหรือ? หนึ่งหยวนนี่ไม่เยอะไปหน่อยหรือ?”
“ไม่เยอะหรอกค่ะๆ เด็กทั้งสองคนก็ลงแรงกันด้วยนี่น่าแต่ว่า...” น้ำเสียงของซย่านีดูลังเลเล็กน้อย “หยางหยางยังทำการบ้านไม่เสร็จเลย ฉันล่ะกลัวจริงๆ ว่าเขาจะสอนฉันแบบผิดๆ ดังนั้นฉันจึงคิดว่าจากนี้ไปจะให้แค่เสี่ยวเยวี่ยเอ๋อร์สอนฉันคนเดียวค่ะ อย่างไรเสี่ยวเยวี่ยเอ๋อร์ลูกฉันก็เรียนเก่งอยู่แล้ว”
ซ่งตงซวี่ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาวิ่งเข้ามาหาซย่านีพร้อมกับร้องะโเสียงดัง “ผมสอนได้นะ! ผมเองก็เรียนเก่งเหมือนกัน!”
ซย่านีเลิกคิ้วพลางเอ่ยถาม “จริงหรือ?”
ซ่งตงซวี่ตอบทันควัน “จริงแท้แน่นอน!”
“แต่ทำไมแม่ถึงได้ยินคุณครูของลูกบอกว่า...”
“อันนั้นผมยังไม่ได้ตั้งใจเรียนแบบจริงจังต่างหาก!” ซ่งตงซวี่พูดตัดบทซย่านี ทั้งยังเอ่ยย้ำด้วยน้ำเสียงที่ดังหนักแน่น “ขอแค่ผมตั้งใจเรียนผมเองก็เรียนเก่งได้เหมือนกันแหละ!”
“แล้วการบ้านของลูกล่ะ...”
“ผมจะไปทำเดี๋ยวนี้!” ซ่งตงซวี่พูดจบก็วิ่งพรวดออกไปราวกับลูกะุ การบ้านของเขาอยู่ที่บ้าน ดังนั้นเขาจึงต้องกลับไปทำที่บ้าน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้