เพราะว่าได้รับความะเืใจจากเมื่อคืนทำให้ผู้เป็แม่นั้นนอนหลับใหลจนกระทั่งเวลาแปดโมงของวันถัดมาถึงได้ตื่นขึ้นและมันก็ผิดแปลกไปจากเวลากิจวัตรตามปกติของเธออย่างเห็นได้ชัด เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเธอก็นึกไปถึงความฝันเมื่อคืนของเธอ มันช่างดูน่าเหลือเชื่อทำไมถึงมีคนถือปืนเข้ามาทำร้ายพวกเธอได้?
แต่ว่าเมื่อนึกไปถึงตอนสุดท้ายของความฝันหยาดน้ำตาก็เอ่อขึ้นที่ขอบตาของผู้เป็แม่ลูกสาวของเธออยู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นจากฟ้า หากจะถูกคนปล้นหรือทำร้ายแล้วจะเป็อะไรไปถ้าหากว่าเธอจะได้พบกับลูกสาวที่หายไปกว่าสามปีของเธอ แม้ว่าจะเป็ฝันร้ายเธอก็จะยอมรับมัน!
ผู้เป็แม่ถอนหายใจออกมา เธอดูเวลาก่อนที่จะหันไปมองผู้เป็พ่อที่นอนหลับสบายอยู่ข้างกายพร้อมกับรีบลุกขึ้นมาเตรียมออกไปทำอาหารเช้า แต่เมื่อเธอเปิดประตูออกกลับมีกลิ่นหอมของอาหารล่องลอยไปทั่ว เธอไม่ได้ใส่ใจอะไรนักอาจจะเป็เป่าเจียที่ลุกขึ้นมาทำก็ได้!
แต่ว่าเมื่อเดินผ่านห้องของเป่าเจียประตูห้องของเธอนั้นถูกแง้มเอาไว้ทำให้สามารถเห็นตัวของเป่าเจียที่กำลังนอนขดอยู่ใต้ผ้านวมเป็ก้อนกลมๆได้อย่างชัดเจน
แล้วถ้าแบบนั้น ใครกันที่เป็คนทำอาหารเช้า? หรือว่าจะเป็หลีซีเอ๋อร์ที่หายตัวออกไปั้แ่เมื่อวาน...ผู้เป็แม่ตัดความเป็ไปได้นี้ทิ้งไปทันทีเด็กอย่างหลีซีเอ๋อร์นั้น เป็คนที่เรียนรู้อะไรได้ว่องไวมากแต่ว่าเวลาทำอาหารทีไร เธอไม่ได้มีพร์ทางนี้เลยแม้แต่น้อยรสชาตินั้นเกินจะบรรยาย ไม่มีทางที่จะมีกลิ่นหอมแบบนี้ได้แน่
ผู้เป็แม่จับราวบันไดเอาไว้ ก่อนที่จะนึกถึงความฝันเมื่อคืนขึ้นมา
หรือว่า...
ผู้เป็แม่รู้สึกว่าแต่ละย่างก้าวของเธอเต็มไปด้วยความสั่นสะท้านเมื่อคิดว่าความฝันนั้นอาจจะเป็เื่จริง ยิ่งเธอคาดหวังมากเท่าไรก็ยิ่งกลัวว่าจะผิดหวังมากเท่านั้น เธอจับราวบันไดเอาไว้ ก่อนที่จะค่อยๆ เดินลงมากลางห้องอาหารมีเสี่ยวหลงเปาจานหนึ่งวางอยู่ ข้าวต้มหมูใส่ไข่อีกหลายถ้วยทั้งยังมีกับข้าวอีกหลายอย่าง กลิ่นหอมของอาหารนั้นถูกส่งออกมาจากบนโต๊ะอาหาร
ในห้องครัวยังคงมีเสียงแสดงการเคลื่อนไหวให้ได้ยินอยู่เมื่อผ่านไปสักพัก หลินลั่วหรานก็ถือจานใส่แตงกวาลูกเล็กเดินออกมาก่อนจะส่งเสียงเรียก “แม่” ขึ้นจากนั้นเธอก็รู้สึกว่าน้ำเสียงของเธอเริ่มจะสะอื้นขึ้นมา
เธอหยิกเข้าที่มือของตัวเองมันไม่ใช่ความฝัน...เธอขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะโอบกอดเข้าที่ตัวของหลินลั่วหรานพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาหลินลั่วหรานปลอบประโลมผู้เป็แม่ด้วยความยากลำบากผู้เป็พ่อและเป่าเจียต่างก็ตื่นแล้ว และก็ตามมาด้วยลั่วตงกว่าที่ทุกคนจะสงบสติอารมณ์ แล้วมานั่งที่โต๊ะทานอาหารได้ก็ใช้เวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว
เมื่อเห็นว่าอาหารต่างก็เย็นหมดแล้วผู้เป็แม่จึงเช็ดน้ำตาของตัวเองออก “เดี๋ยวแม่เอาเข้าไปอุ่นในครัวให้นะ”
หลินลั่วหรานจับแม่ของเธอเอาไว้เธอนั้นเป็ักฝึกศาสตาร์ระดับพื้นฐานแล้ว เื่เล็กๆ แค่นี้ ช่างแสนจะง่ายดายหลินลั่วหรานยื่นมือออกมา ก่อนที่แสงสีแดงอ่อนๆจะปกคลุมเข้าที่ข้าวต้มและเสี่ยวหลงเปา อาหารนั้นอุ่นแต่ไม่ได้ร้อนเกินไปเป็อุณหภูมิที่ช่างพอดิบพอดี
บ้านหลินนั้นไม่ได้มีกฎที่ว่าเวลาทานอาหารแล้วห้ามพูดคุยดังนั้นตอนทานข้าวทุกคนต่างก็เหล่าเื่ที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาขึ้นเพราะว่าลั่วตงอยู่ที่นี่ ทุกคนจึงไม่ได้พูดถึงเื่ราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนและไม่ได้ถามไปถึงพวกของโจวเหย้าเวย
ผู้บังคับบัญชาฉิน “ลาออกด้วยปัญหาด้านสุขภาพ” แล้ว?
พี่หวังคลอดลูกสาวแถมตอนนี้ส่วนมากก็ยังมาอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์หมายเลข 17 ใกล้ๆ นี่อีก?
ซูอี้เหรินกลับสำนักไปแล้วแต่หลีซีเอ๋อร์อยู่ที่นี่มาโดยตลอด ก่อนที่เมื่อคืนจะหายตัวไป...เื่นี้หลินลั่วหรานทั้งดีใจและก็กังวลหลินลั่วหรานนั้นััได้ว่า ในสามปีที่ผ่านมาตอนที่เธอไม่อยู่นั้นคนในบ้านของเธอใช้ชีวิตผ่านมันมาอย่างระมัดระวังเท่าไร
หลังจากนี้จะต้องไม่ให้มีเื่แบบนี้เกิดขึ้นอีก! หลินลั่วหรานตัดสินใจในทันที
แต่ว่าเธอเองก็ไม่สามารถจะคอยปกป้องอยู่ที่บ้านได้ทุกวันทางที่ดี เธอควรจะรีบพัฒนาความสามารถของพ่อและเป่าเจียให้เร็วที่สุดเื่ที่เธอจะทำยาออกมาขายให้กับพวกนักปราชญ์เ่าั้ ไม่ใช่เื่ที่อยู่ๆหลินลั่วหรานก็คิดขึ้นมา ตอนที่เธอนอนอยู่ในสระเืปลายปีที่สองเธอก็กลายเป็ระดับพื้นฐานโดยสมบูรณ์แล้วแต่ว่าในตอนนั้นพลังในกายของเธอยังไม่ปรับสภาพไม่เสร็จสมบูรณ์สถานการณ์ยังไม่มั่นคงนัก เธอนั้นยังไม่อาจจะขยับตัวได้ดังนั้นจึงอย่าได้พูดถึงให้ออกมาเลย
แล้วตอนที่นอนอยู่ปีหนึ่งนั่นทำอะไร? นอกจากศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฝึกศาสตร์ต่างๆในสมองแล้วแต่แน่นอนว่าเธอก็ได้คิดเื่ปัญหาการฝึกศาสตร์ของผู้เป็พ่อและเป่าเจียขึ้นมาแล้วแต่ว่านี่คือโลกแห่งการฝึกศาสตร์ที่แท้จริง ไม่ใช่ในนิยายหรือในเกมถึงแม้ว่าจะสามารถใช้ยาเร่งให้เพิ่มระดับเร็วขึ้นได้ แต่ว่าหากไม่ได้มีพื้นฐานที่ดีแล้วหลังจากนี้ก็อาจจะทำให้ยากลำบากขึ้นอีกดังนั้นหลินลั่วหรานจึงยินดีที่จะใช้ยาที่ระดับไม่ได้สูงมากพวกนี้ในการแลกเป็ของพ่อและเป่าเจีย หรือแม้แต่ตัวเธอเองสามารถได้ใช้
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้วหลินลั่วหรานก็ตรวจสอบอาการาเ็ของผู้เป็พ่อ รอยแผลนั้นเริ่มสมานกันแล้วพลังในร่างกายก็เริ่มฟื้นฟูกลับมาเป็ปกติ เธอจึงสบายใจขึ้นมาหลินลั่วหรานไม่รู้ว่าั้แ่เมื่อไรที่เธอกลายเป็เสาหลักของครอบครัวเมื่อมีเธออยู่ที่บ้าน ทุกคนต่างก็รู้สึกสงบและสบายใจ
เมื่อมีลูกสาวอยู่ ผู้เป็แม่ก็สบายใจเื่เดียวที่เธอเป็กังวลก็คือหลีซีเอ๋อร์ที่หายตัวไปั้แ่เมื่อวาน
เมื่อนึกไปถึงพวกนักปราชญ์ที่มากันเมื่อคืนหลินลั่วหรานก็ค่อนข้างมั่นใจว่าหลีซีเอ๋อร์น่าจะถูกอาจารย์ของเธอพาตัวกลับไปแล้วเธอจึงไม่ได้เป็ห่วงเื่ความปลอดภัยของหลีซีเอ๋อร์นัก
เมื่อปลอบประโลมแม่ไปแล้วหลินลั่วหรานก็ต้องถอนหายใจออกมา เวลานั้นช่างเป็เครื่องมือในการทดสอบสิ่งต่างๆได้ดีที่สุดจริงๆ ในระหว่างที่พวกเขาคิดว่าเธอตายไปแล้วนั้นคนที่ยังคอยช่วยเหลือตระกูลหลินอยู่นอกจากเป่าเจียที่เป็เหมือนกับคนในครอบครัวมาั้แ่แรกคู่สามีภรรยาที่ได้รู้จักกันมาหลายเดือนและหลีซีเอ๋อร์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันในสถานที่ลึกลับแล้วคนที่สามารถช่วยครอบครัวของเธอมาได้จนถึงขนาดนี้ก็ทำให้หลินลั่วหรานมีความคิดจะรักษาความสัมพันธ์กับพวกเขาไปตลอดชีวิตขึ้นมาแล้ว
คนที่หวังดีกับครอบครัวหลินจริงๆ เหล่านี้หลังจากนี้จะไม่ให้ใครมารังแกพวกเขาได้!
หลินลั่วหรานมองไปยังดอกไม้ที่เบ่งบานอยู่เต็มสวนต้นท้อที่เต็มไปด้วยผล กำแพงที่ล้อมไปด้วยเถาของต้นหนามเหล็กมันมอบความรู้สึกอบอุ่นและสบายใจออกมาให้
หลินลั่วหรานนอนลงใต้เถาวัลย์ดอกไม้เธอมองไปยังลั่วตงที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ยอมห่างไปไหน
เสี่ยวลั่วตงหรือว่าจะต้องบอกว่าเป็หลินลั่วตงในวัยสิบสองปีเพราะว่าตอนนี้ตัวของเขาเริ่มสูงขึ้น ใบหน้ากลมๆ ของเขาก็เริ่มเห็นเค้าโครงชัดขึ้นทำให้ใบหน้ากลมเหมือนซาลาเปาของเด็กน้อยนั้น เริ่มเปลี่ยนไปเป็ใบหน้าของเด็กวัยรุ่นขึ้นมาแล้ว
เมื่อเด็กในบ้านเริ่มมีการเติบโตขึ้นก็ทำให้คิดถึง่เวลาที่สามารถหยิกใบหน้ากลมๆ เ่าั้ขึ้นมา
ด้วยความอบอุ่นของดินทำให้แม้ว่าภายนอกของหลินลั่วตงจะเปลี่ยนไปมากแต่เขาก็ยังคงเป็เด็กชายแสนขี้อายคนนั้นอยู่ดีเมื่อได้ยินแม่บอกว่าผลการเรียนของเขาดีมาก เมื่อเปิดเทอมก็จะข้ามขึ้นไปเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่หกแล้ว ซึ่งก็ถือว่าสามารถไล่ตามคนที่อายุ่เดียวกันได้ทันแล้ว
“ที่โรงเรียนเป็ยังไงบ้างชินแล้วหรือยัง?” หลินลั่วหรานถอนหายใจให้กับความรับผิดชอบที่เธอมีต่อเด็กที่ตัวเองรับมาเลี้ยงก่อนที่จะถามความรู้สึกของเขาขึ้น
เด็กชายลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยตอบรับคำถามของหลินลั่วหราน “อ่า...ก็ดีนะครับ” ดีมากเลยนะตอนนี้ได้กินอาหารอิ่มท้องทุกวัน ไม่ถูกตี ไม่ต้องทนหนาวอีกทั้งยังได้ไปเรียนในห้องเรียนใหญ่ๆ ด้วยกันกับเพื่อนที่อายุเท่าๆ กันและที่สำคัญก็คือ ตอนนี้เขามีครอบครัวเป็ของตัวเองแล้ว
เพียงแค่ทั้งหมดนี้ เื่ที่ไม่มีความสุขเล็กๆน้อยๆ ในโรงเรียน จะไปมีปัญหาอะไร?
หลินลั่วหรานมองเห็นความลังเลของเขาเธอจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ น่าจะเป็เพราะผ่านเื่ลำบากๆ มามากทำให้แม้ว่าลั่วตงจะขี้อาย แต่ก็รู้เื่กว่าพวกเด็กในวัยเดียวกันมากถ้าไม่ใช่เพราะว่าอายุของเขายังน้อย เกรงว่าตัวเธอเองก็คงจะถูกคำว่า ก็ดีของเขาหลอกเอาก็ได้? ดูเหมือนว่าจะต้องหาเวลาแอบไปที่โรงเรียนสักหน่อย อีกทั้งยังติดสัญญาเื่ไปเที่ยวกับลั่วตงเมื่อสามปีก่อนเอาไว้ด้วยเมื่อกลับมาบ้านแล้ว เื่ที่หมักหมมเอาไว้ ก็ดูเหมือนว่าจะมีไม่น้อยเลยทีเดียว
“พี่สาว ผมจะเรียนเวทแปลกๆพวกนั้นบ้างได้ไหมครับ?”
แม้ว่าพวกผู้ใหญ่จะไม่พูดถึงแต่ก็ไม่ได้แปลว่าหลินลั่วตงจะลืมเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อวานไปเขาคงก็เป็เด็กผู้ชายคนหนึ่ง แต่ทำไมทุกครั้งถึงจะต้องรอคอยให้พี่เป่าเจียหรือว่าพี่หลินมาช่วยอยู่เรื่อย?
ที่แท้ที่คอยตามเธออยู่ตลอดทั้งวันก็เพราะว่าเื่นี้สินะ! หลินลั่วหรานไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดีเธอยังคิดว่าเป็เพราะตัวเองนั้นมีเสน่ห์มากมายเสียอีกลั่วตงนั้นรู้สึกประหลาดใจกับการฝึกศาสตร์มาั้แ่เด็กแล้วอีกทั้งยังมีพื้นฐานพลังธาตุดินเดี่ยวอีก ถ้าหากว่าไม่สอนเขาเกี่ยวกับการฝึกศาสตร์ก็คือจะเป็การขัดขวางกฎ์
แต่ว่าในตอนนี้เมื่อได้พบกับความคาดหวังของหลินลั่วตง หลินลั่วหรานกลับส่ายหน้าไปมาเบาๆ
หลินลั่วตงผิดหวังขึ้นมาในทันที ที่แท้พลังเวทแบบนั้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่เด็กที่ถูกเก็บมาแบบเขาจะสามารถเรียนได้
เมื่อเห็นสีหน้าของเขาหลินลั่วหรานก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กที่เป็คนไวต่อความรู้สึกคนนี้ กำลังคิดมาก เธอจึงอธิบายขึ้น “ตอนนี้ยังเรียนไม่ได้เอาไว้อายุครบสิบแปดก่อน แล้วค่อยมาตัดสินใจอีกที”
แววตาของหลินลั่วตงเปล่งประกายออกมาหลินลั่วหรานจึงอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
เธอไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งอะไรเขาหรอกแต่ว่าเส้นทางการฝึกศาสตร์นั้นเต็มไปด้วยความลำบากแม้แต่ตัวเธอเองก็ยังต้องหาทางต่อไป และยังไม่รู้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะเป็อย่างไร เส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามความพยายามมากมาย การตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่ และโชคชะตาจำนวนมหาศาล จะทำให้เขาเดินไปได้ไกลเท่าไร?
ลั่วตงนั้นถูกบ้านหลินรับมาเลี้ยงมันจะต้องเป็โชคชะตาของเขาแน่ๆ แต่ว่าหลินลั่วหรานก็อยากจะให้เขาโตขึ้นสักนิดและในตอนที่เขาสามารถเลือกเส้นทางชีวิตให้แก่ตนเองได้ก็ให้เขาเลือกด้วยตัวเองว่าอยากจะฝึกศาสตร์หรือไม่
แม้ว่าอาจจะทำให้เริ่มฝึกช้าไปเสียหน่อยแต่ว่าเมื่อเทียบกันแล้วหลินลั่วหรานก็ไม่อยากจะให้คนที่เธอมองเป็เหมือนน้องชายแท้ๆ อย่างหลินลั่วตงต้องรู้สึกเสียใจกับการเลือกของตัวเองในตอนที่ยังไม่รู้เื่รู้ราวนัก เมื่อได้พบกับความยากลำบากของเส้นทางแห่งการฝึกศาสตร์
ความจริงแล้ว ชีวิตของคนเรานั้นช่างแสนสั้นหากว่าในวันนั้นหลินลั่วตงเลือกที่จะไม่ฝึกศาสตร์ ด้วยตัวของหลินลั่วหรานก็สามารถทำให้เขาสุขสบายไปได้ทั้งชีวิต มีอาหารการกินไม่ขาดแล้วมันจะไม่ใช่ชีวิตที่ดีได้อย่างไร?
ส่วนเื่ปัญหาพื้นฐานพลังของแม่เมื่อคิดขึ้นมา หลินลั่วหรานก็อดที่จะกังวลไม่ได้
ตอนที่เธอมาไกลเกินกว่าจะย้อนกลับแล้วเธอไม่เหมือนกับหลินลั่วตงที่ยังสามารถเลือกเองได้ พ่อฝึกศาสตร์แล้วลูกสาวเองก็ฝึกศาสตร์แล้ว ทั้งครอบครัวก็ขาดเพียงแค่เธอคนเดียวอย่าว่าแต่พ่อของหลินลั่วหรานเลย แม้แต่ตัวหลินลั่วหรานเองก็ยังไม่อาจจะทนรับได้
ในตอนที่หลินลั่วหรานยังคงจมอยู่กับความคิดของตัวเองเธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะใสราวกับเสียงกระดิ่งดังกังวานขึ้น
เธอกำลังตั้งใจคิดมากเกินไปจึงไม่ทันได้รู้สึกว่ามีคนยืนอยู่ที่ประตูบ้านแล้ว
เด็กตัวน้อยสวมชุดทางตะวันตกสีชมพูคนหนึ่งหัวเราะคิกคักขึ้นมาก่อนที่จะพุ่งเข้ามาหาเธออย่างไม่กลัวใคร ผิดแล้ว ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือพุ่งเข้าไปยังอ้อมกอดของหลินลั่วตงที่อยู่ข้างๆ เธอต่างหากเด็กชายลอบมองมาทางเธอเล็กน้อย ก่อนที่จะหยิกลงที่แก้มของหนูน้อยคนนั้น
ที่ประตูยังมีคนอีกสองคนยืนอยู่พวกเขามองมาหลินลั่วหรานด้วยสายตาเหลือเชื่อและพวกเขาก็คือคนที่ตั้งใจมาทานข้าวตามคำเชิญของผู้เป็แม่โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าเธอตั้งใจเตรียมเซอร์ไพรส์เอาไว้ให้พวกเขาอย่างคู่สามีภรรยา
เสี่ยซุยขยี้ตาของตัวเอง “ที่รัก นี่ฉันละเมออยู่หรือเปล่า?”
ดวงตาของหวังเมี่ยวเอ๋อแดงก่ำเธอหยิกเสี่ยซุยไปหนึ่งที ก่อนที่จะขยับเข้ามาใกล้โดยที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีลังเลอยู่นานก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “กลับมาก็ดีแล้ว”
ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนนั้นมันต่างก็กลายมาเป็ประโยคทักทายอันแสนจะธรรมดาแบบนี้แหละ
เด็กสาวตัวน้อยมองไปยังคุณน้าแสนสวยที่เพิ่งเคยเห็นหน้าด้วยความประหลาดใจก่อนที่จะหันไปหาเสี่ยซุยด้วยความสงสัย ใบหน้าของเสี่ยซุยเต็มไปด้วยความภูมิใจก่อนที่จะรีบคว้าตัวของลูกสาวที่แม้ว่าจะมีอายุเพียงสองขวบ ก็เริ่มที่จะออกอาการ “เด็กสาวที่จะย้ายออกไปอยู่กับคนรัก”ออกมา จากอ้อมอกของหลินลั่วตง เ้าเด็กนี่เป็คนที่ใช้ความน่ารักมาหลอกลูกสาวอันแสนบริสุทธิ์ของเขาที่สุดแล้ว!
“เด็กดีถวนจึ นี่คือ...น้าหลิน”เมื่อต้องสอนให้ลูกสาวเรียกหลินลั่วหรานว่าน้าเสียซุยก็รู้สึกกดดันขึ้นมา น้องหลินดูเด็กลงทุกวันๆมองดูแล้วเหมือนคนที่เพิ่งจะอายุยี่สิบต้นๆ เองไม่ใช่เหรอ
หลินลั่วหรานมองไปยังท่าทางกังวลของเสี่ยซุยก่อนที่จะยกมือขึ้นมาปิดปากหัวเราะ “พี่ซุย กล่องหยกที่ฉันสั่งไปเมื่อสามปีก่อนน่าจะได้ของแล้วใช่ไหม?”
ของที่กองเอาไว้ตลอดสามปีที่ผ่านมาทำให้หวังเมี่ยวเอ๋อหัวเราะออกมาจนน้ำตาไหล ในหัวของเสี่ยซุยเต็มไปด้วยความสับสนก่อนที่จะรีบพูดรับประกันออกมาว่าเครื่องหยกจากตระกูลซุยนั้นต่างก็มีการการันตีที่ดีทั้งนั้น!
ถวนจึตัวน้อยมองไปยังพวกผู้ใหญ่แม้แต่คนที่ไม่ค่อยยิ้มหรือหัวเราะอย่างหลินลั่วตงยังยิ้มออกมาทำให้เธอเองก็หัวเราะคิกคักตามออกมาด้วย