"แบบแรก คือการกลายเป็ิญญาที่มีสติสัมปชัญญะ" โจเซฟเริ่มอธิบาย "ิญญาเหล่านี้ไม่ใช่ผีธรรมดา แต่เป็ิญญาที่ทรงพลังยังคงมีสติและความสามารถทั้งหมดที่เคยมีตอนมีชีวิต"
ชาร์ลส์กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก นึกภาพิญญาที่ทรงพลังเหนืุ์
"ิญญาเหล่านี้เมื่อปรากฏตัวบนโลก บางครั้งพวกเขาอาจช่วยเหลือผู้คน แต่บ่อยครั้งกว่า พวกเขามักจะเป็ภัยร้าย โดยเฉพาะถ้าพวกเขาตายด้วยความแค้น หรือมีจุดมุ่งหมายที่ยังไม่สำเร็จ"
"มีวิธีกำจัดิญญาพวกนี้ไหม?" ชาร์ลส์ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"มี แต่ยุ่งยาก เนื่องจากไม่มีร่างกาย วิธีทางกายภาพจึงใช้กับพวกนี้ไม่ได้ผล กว่าจะจัดการได้แต่ละตัวถึงได้ ลำบากไม่ใช่น้อยๆ ถึงบอกว่ายุ่งยากไงละ"
โจเซฟหยุดพักหายใจเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ "ส่วนผลลัพธ์แบบที่สอง อันตรายไม่ต่างกัน"
ชาร์ลส์ขมวดคิ้ว รอฟังด้วยใจจดจ่อ
"แบบที่สอง คือการที่ิญญาหรือพลังของผู้ยกระดับตัวตนไปสิงสถิตอยู่ในวัตถุใกล้เคียง วัตถุนั้นอาจเป็อะไรก็ได้ ั้แ่เครื่องประดับ อาวุธ หนังสือ หรือแม้แต่ชิ้นส่วนร่างกายของผู้ตายเอง วัตถุที่ถูกสิงสถิตจะกลายเป็สิ่งที่เราเรียกว่า วัตถุอาถรรพ์"
"วัตถุอาถรรพ์เหล่านี้มีพลังเหนือธรรมชาติสถิตอยู่"
"และมักจะมอบพลังและความสามารถพิเศษให้กับผู้ที่มัน แต่..."
"มันมาพร้อมกับราคาที่ต้องจ่าย"
"ราคาอะไร?" ชาร์ลส์ถามเสียงแ่
"ขึ้นอยู่กับวัตถุแต่ละชิ้น" โจเซฟตอบ "บางชิ้นอาจทำให้ผู้ค่อยๆ สูญเสียสติไป บางชิ้นอาจดูดพลังชีวิต ทำให้แก่เร็วผิดปกติ บางชิ้นอาจสร้างความหิวโหยที่ไม่มีวันสิ้นสุด"
โจเซฟกล่าวต่อ "และวัตถุอาถรรพ์เหล่านี้บางครั้งมักจะดึงดูดผู้คนให้อยากมัน บางคนถึงขั้นฆ่ากันเพื่อแย่งชิง โดยไม่รู้ถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่"
"แล้วเราจัดการกับวัตถุอาถรรพ์พวกนี้ยังไง?" ชาร์ลส์ถาม
"ยาก" โจเซฟตอบสั้นๆ "บางชิ้นเราสามารถทำลายได้ด้วยพิธีกรรมพิเศษ แต่หลายชิ้นไม่สามารถทำลายได้ เราจึงต้องเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัย ห่างไกลจากผู้คน นั่นจึงเป็หนึ่งในหน้าที่ของหน่วยวิทยาการ"
ชาร์ลส์นั่งนิ่ง พยายามประมวลข้อมูลทั้งหมด เขารู้สึกทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัวไปพร้อมๆ กัน
"จำไว้นะ ชาร์ลส์" โจเซฟกล่าวทิ้งท้าย "ถ้าเจอวัตถุที่ดูผิดปกติ หรือให้ความรู้สึกแปลกๆ อย่าแตะต้องเป็อันขาด รีบรายงานให้เราทราบทันที มันอาจเป็วัตถุอาถรรพ์ที่อันตรายก็ได้"
ชาร์ลส์พยักหน้ารับอย่างหนักแน่น เขารู้สึกว่าโลกรอบตัวเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทุกอย่างอาจซ่อนความลับและอันตรายเอาไว้
โจเซฟจบการอธิบายเื่ผู้ยกระดับตัวตนด้วยการถอนหายใจเบาๆ เขามองดูชาร์ลส์ที่นั่งนิ่งด้วยสีหน้าครุ่นคิด
"เป็ยังไงบ้าง? มีอะไรสงสัยอีกไหม?"
ชาร์ลส์ส่ายหน้าช้าๆ "ตอนนี้ยังไม่มี แต่ฉันคิดว่าคงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะซึมซับข้อมูลทั้งหมดนี้ได้"
"ไม่เป็ไร" โจเซฟตอบพร้อมรอยยิ้มให้กำลังใจ "มันเป็เื่ใหม่ที่ต้องทำความเข้าใจ ถ้ามีข้อสงสัยอะไรเพิ่มเติม ถามฉันได้ตลอดเวลานะ"
ชาร์ลส์พยักหน้ารับ ก่อนจะถามต่อ "แล้วเื่องค์กรลับล่ะ? มีอะไรที่ฉันควรรู้เพิ่มเติมไหม?"
โจเซฟส่ายหน้าเล็กน้อย "ในส่วนขององค์กรลับผิดกฎหมายนั้น ไม่จำเป็ต้องอธิบายอะไรมากนักในตอนนี้ งานของเราในตอนนี้จะเกี่ยวข้องกับกลุ่มองค์กรแปรอักษรเป็หลัก ส่วนองค์กรลับอื่นๆ เราค่อยเรียนรู้กันไปในภายหลัง"
ชาร์ลส์พยักหน้าเข้าใจ แม้จะยังรู้สึกอยากรู้อยากเห็นอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ซักไซ้ต่อ
"ทีนี้" โจเซฟกล่าวพลางลุกขึ้นยืน "เรามาใช้เวลาที่เหลือฝึกเพิ่มกันดีกว่า ยังมีอีกหลายอย่างที่นายต้องเรียนรู้ อย่างภาษาอาคมสำหรับเรียกใช้เวทมนตร์ และการทำงานของมัน"
โจเซฟได้เริ่มสอนพื้นฐานของภาษาอาคมให้ชาร์ลส์ ทั้งคำศัพท์ วิธีการออกเสียง ตัวอักษร ไวยากรณ์ และข้อห้ามในภาษา พร้อมกับสอนคาถาพื้นฐานง่ายๆ ที่เขาใช้ประจำให้กับชาร์ลส์ด้วย
นักสืบหนุ่มเหมือนได้ย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน ในตอนที่ต้องเรียนรู้ภาษาใหม่ั้แ่เริ่มในคฤหาสน์ของตระกูลคาเว็นดิช แต่ต่างกันตรงที่คราวนี้จะพูดคำศัพท์มั่วๆ ไม่ได้เด็ดขาดไม่งั้นอาจเกิดเื่คาดไม่ถึงขึ้น
และแล้ว การฝึกฝนอันเข้มข้นก็ดำเนินต่อไป ชาร์ลส์ค่อยๆ เรียนรู้ภาษาอาคม ภายใต้การแนะนำอย่างใกล้ชิดของโจเซฟ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยที่ทั้งคู่แทบไม่รู้ตัว
……
แสงอาทิตย์ยามบ่ายสาดส่องผ่านเรือนยอดของต้นไม้ใหญ่ ทอดเงายาวบนถนนที่ตัวคดเคี้ยวไปตามแนวป่า เสียงฝีเท้าม้ากระทบพื้นหญ้าดังเป็จังหวะสม่ำเสมอ กองทัพเคลื่อนพลไปตามเส้นทางดินที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ทหารราบหลายพันนายเรียงแถวเป็ขบวนยาวเหยียด ธงประจำกองทัพปักอยู่บนหลังม้าที่ทหารม้าควบนำขบวน ท่ามกลางแสงแดดจ้าของยามบ่าย รถม้าบรรทุกเสบียงและอาวุธหนักเคลื่อนที่ช้าๆ ตามหลังขบวนทหารราบ เสียงลากล้อดังประสานกับเสียงฝีเท้าม้าและเสียงะโสั่งการของนายทหาร
ณ ใจกลางขบวน สตรีผู้หนึ่งนางนั่งอยู่บนหลังอาชา ในท่วงท่าสง่างาม ดูจากตำแหน่งในขบวนแล้ว เธอน่าจะเป็ผู้มีตำแหน่งสูงในกองทัพ
สตรีควบม้าเข้าไปใกล้ชายร่างสูงใหญ่ในชุดอันวิจิตร เขาคือแม่ทัพใหญ่ผู้นำขบวนในครั้งนี้ เธอเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงนอบน้อมแต่มั่นใจ
"ท่านแม่ทัพ ดิฉันขออนุญาตพูดด้วยสักครู่ได้หรือไม่?" สตรีถาม
แม่ทัพหันมามองเธอด้วยสายตาเคร่งขรึม "ว่ามาเถิด พลตรี"
"ดิฉันขออนุญาตล่วงหน้าไปเยี่ยมครอบครัวก่อนได้หรือไม่? ดิฉันไม่ได้พบพวกเขามาหกปีแล้ว" สตรีกล่าวอย่างระมัดระวัง
แม่ทัพครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า "เอาเถอะ ผมอนุญาต คุณสมควรได้รับรางวัล หลังจากที่ต่อสู้เพื่ออาณาจักรอย่างกล้าหาญ จงไปหาครอบครัวของคุณเถิด"
สตรียิ้มกว้างด้วยความโล่งใจ "ขอบพระคุณท่านแม่ทัพ"
"แต่คุณต้องพาทหารติดตามไปด้วยสองนาย และต้องรีบกลับมาสมทบกับขบวนก่อนถึงเมืองหลวง เราจะเฉลิมฉลองชัยชนะร่วมกัน เข้าใจหรือไม่?"
สตรีโค้งคำนับด้วยความซาบซึ้ง เมื่อได้รับอนุญาต เธอรีบเรียกทหารติดตามสองนาย และสั่งการให้พวกเขาเตรียมตัวออกเดินทางทันที ไม่นานนักกลุ่มของเธอก็แยกตัวออกจากขบวนใหญ่ มุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ว
……
เวลาล่วงเลยไปจนถึง่บ่าย แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านหน้าต่างของอาคารกรมปราบปรามและป้องกันภัยเหนือธรรมชาติ ชาร์ลส์และโจเซฟเพิ่งกลับมาจากการรับประทานอาหารกลางวัน พวกเขาเดินเคียงข้างกันไปตามทางเดินที่นำไปสู่ห้องประชุมของหน่วยสืบสวน ในตอนนี้าแที่ขาของนักสืบหนุ่มนั้นดีขึ้นอย่างมากแล้ว จนไม่จำเป็จะต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันอีก
"เข้าใจภาษาอาคมได้บ้างหรือยัง?" โจเซฟถามพลางเหลือบมองชาร์ลส์
"ฉันเพิ่งเริ่มเรียนเองนะ แต่คาถาพื้นฐานสามอย่างจำได้หมดแล้วละ" ชาร์ลส์ตอบ
เมื่อทั้งคู่เดินเข้าสู่ห้องประชุม ชาร์ลส์กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง โต๊ะไม้ทรงยาวตั้งอยู่กลางห้อง ล้อมรอบด้วยเก้าอี้ที่มีสมาชิกนั่งอยู่เกือบเต็ม บางคนมองมาที่เขาด้วยสายตาที่ผสมผสานระหว่างความสนใจและประเมิน บ้างก็กระซิบกระซาบกันเบาๆ
เอ็ดเวิร์ด หัวหน้าหน่วย นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ สีหน้าเคร่งเครียดแต่มีประกายในดวงตาเมื่อเห็นชาร์ลส์และโจเซฟเดินเข้ามา เขาพยักหน้าทักทายทั้งคู่
ชาร์ลส์นั่งลงข้างๆ โจเซฟ สายตากวาดมองไปยังสมาชิกคนอื่นๆ ในห้อง เขาสังเกตเห็นใบหน้าที่หลากหลาย แต่ละคนดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชายร่างสูงใหญ่ผิวสีเข้มคนหนึ่งดึงดูดความสนใจจากเขาเป็พิเศษ เขามีผิวสีถ่าน แต่เมื่อสังเกตดีๆ แล้ว ชาร์ลส์พบว่าเขามีเค้าโครงใบหน้าแบบชาวไฮเดลิน ผิวสีถ่านของเขาดูเหมือนจะเป็ลักษณะของลูกครึ่งมากกว่า
'ลูกครึ่งแอฟนิกเรอร์' ชาร์ลส์คิดในใจ
เสียงกระแอมเบาๆ ดึงความสนใจของทุกคนกลับมา เอ็ดเวิร์ดลุกขึ้นยืน "ก่อนอื่น ฉันขอแนะนำสมาชิกใหม่ของเราก่อน ชาร์ลส์ เรเวนส์ครอฟต์" เขากล่าวพลางผายมือไปทางชาร์ลส์ เอ็ดเวิร์ดหยุดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ "นักสืบที่บางคนคงคุ้นชื่อกันดี"
เสียงพึมพำเบาๆ ดังขึ้นในห้อง ชาร์ลส์สังเกตเห็นว่าบางคนพยักหน้ารับ ราวกับเคยได้ยินชื่อเสียงของเขามาก่อน
"เขาเป็คนที่... ทำให้แผนบุกองค์กรแปรอักษรต้องล่มไปเมื่อไม่นานมานี้"
ริมฝีปากบางคนเม้มเข้าหากัน สีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที ชาร์ลส์รู้สึกได้ถึงความไม่พอใจที่แผ่ซ่านในอากาศ
"แต่" เอ็ดเวิร์ดพูดต่อ เสียงดังขึ้นเพื่อดึงความสนใจ "การทำงานของเขาก็นำไปสู่การเปิดโปงพวกกลุ่มค้าเด็กที่แฝงตัวอยู่ในบ้านเด็กกำพร้า"
คำพูดนั้นราวกับสลายความตึงเครียด บรรยากาศในห้องผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
จากนั้นเอ็ดเวิร์ดเริ่มแนะนำสมาชิกคนอื่นๆ ให้ชาร์ลส์รู้จัก "ไวโอลา โฮลบรุก นักวิเคราะห์และแพทย์นิติเวชของเรา" หญิงผมบลอนด์สั้นประบ่า สวมแว่นตาขาเดียวกรอบสีเงิน พยักหน้าทักทายชาร์ลส์ด้วยสีหน้าจริงจัง
"เซบาสเตียน มอร์โรว์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์คาถาและพิธีกรรม" ชายผมดำยาวถึงไหล่ มีหนวดเคราเล็กน้อย ยกมือขึ้นทักทายอย่างเป็มิตร
"อบิเกล ฮันทิงตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาและตำนานโบราณของเรา" หญิงสาวผมดำยาว ดวงตาสีฟ้าสดใสยิ้มให้ชาร์ลส์อย่างอบอุ่น
"เอมีเลีย ฮาร์ทลีย์ ผู้ประสานงานและเลขานุการประจำหน่วยของเรา" หญิงสาวผมน้ำตาลอ่อน รูปร่างเพรียวบาง โบกมือทักทายอย่างร่าเริง
"และสุดท้าย แอนดรูว์ โฮป นักต่อสู้และผู้ชำนาญการด้านอาวุธของเรา" ชายร่างสูงใหญ่ผิวสีเข้มที่ชาร์ลส์สังเกตเห็นก่อนหน้านี้พยักหน้าให้เขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เอ็ดเวิร์ดหยุดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ "ส่วนที่เหลือกำลังปฏิบัติภารกิจอื่นอยู่ รวมถึงสองคนที่คอยสะกดรอยตามเธอเมื่อวานด้วย พวกเขากำลังเฝ้าติดตามครอบครัวของไมเคิล เบิร์ก อยู่"
"ตอนนี้" เอ็ดเวิร์ดกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง "เรามาเริ่มการประชุม เราต้องวางแผนการใหม่หลังจากที่แผนเดิมของเราล่มไป..."
บรรยากาศในห้องเริ่มตึงเครียดขึ้นอีกครั้งทันที ทุกคนนั่งตัวตรง พร้อมรับฟังข้อมูลสำคัญที่กำลังจะมาถึง ชาร์ลส์รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นเร็วขึ้น เขารู้ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของภารกิจที่แท้จริง และเขาต้องพร้อมสำหรับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้น รวมถึงการแก้ไขความผิดพลาดที่เขาได้ก่อไว้โดยมิได้ตั้งใจ
เมื่อการแนะนำตัวเสร็จสิ้น เอ็ดเวิร์ดเริ่มเข้าสู่เนื้อหาของการประชุม เขาหันไปทางเอมีเลีย "เอมีเลีย มีความคืบหน้าเกี่ยวกับที่ซ่อนขององค์กรแปรอักษรบ้างไหม?"
เอมีเลียส่ายหน้า สีหน้าผิดหวัง "ขออภัยค่ะ หัวหน้า ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ที่เราสามารถติดตามได้เลยค่ะ ั้แ่ที่กลุ่มทหารพิทักษ์เมืองไปปรากฏตัวในพื้นที่นั้น"
พูดจบทันใดนั้น สายตาของทุกคนก็หันไปมองสมาชิกใหม่ของหน่วย
ชาร์ลส์รู้สึกถึงสายตาเสียดแทง แต่เขากลับยืดหลังนั่งตรง ปั้นหน้าหนาไม่สะทกสะท้าน ยอมรับการจ้องมองนั้นด้วยท่าทีมั่นคง
เอ็ดเวิร์ดสังเกตเห็นปฏิกิริยาของทุกคน จึงกล่าวขึ้น "ไม่จำเป็ต้องรู้สึกผิดขนาดนั้น เธอไม่ได้ทำอะไรผิด กลับกัน เธอทำถูกต้องแล้ว ไม่มีใครคาดคิดว่าบ้านเด็กกำพร้านั้นจะมีเื้ัเป็การแอบขายเด็ก มันเป็เพียงความบังเอิญที่ส่งผลกระทบต่อแผนการของเราเท่านั้น"
ชาร์ลส์รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง เขามองเอ็ดเวิร์ดด้วยสายตาขอบคุณ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงติดตลก "หัวหน้าครับ ช่วยกรุณาอย่าอ่านใจผมได้ไหมครับ"
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นในห้อง บรรยากาศผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เอ็ดเวิร์ดพยักหน้า "ได้ ทีนี้ฉันอยากให้ทุกคนช่วยกันระดมความคิด" เอ็ดเวิร์ดกล่าว "เราจะทำอย่างไรต่อ? ใครมีความคิดเห็นอะไรบ้าง?"
เซบาสเตียนยกมือขึ้น "ผมคิดว่า… จากที่พวกเราเคยทำ พวกเขามีวิธีในการปกปิดร่องรอยเก่งมาก แต่ยังไงพวกเขาก็ต้องกินต้องใช้ เราอาจจะลองตามรอยเสบียงของพวกเขาดูอีกครั้ง"
"แต่ว่า..." ไวโอลาขัดขึ้นเล็กน้อย "ครั้งนี้พวกเขาอาจจะระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิมก็ได้นะคะ จำได้ไหมคะ ครั้งที่แล้วกว่าจะเจอก็ลำบากมากทีเดียว"
"แต่ก็นั่นแหละ" เอมีเลียพูดขึ้น "ยังไงวิธีนี้ก็เคยได้ผลมาแล้ว ลองอีกครั้งก็ไม่เสียหายอะไร แถมเราก็มีประสบการณ์จากครั้งก่อนแล้วด้วย น่าจะทำได้เร็วขึ้น"
"ผมคิดว่าเราควรตรวจสอบเส้นทางการเงินของพวกเขาด้วย" แอนดรูว์เสนอ "พวกเขาต้องจ่ายเงินซื้อเสบียงพวกนั้น การติดตามเส้นทางการเงินอาจนำเราไปสู่เบาะแสบางอย่างได้"
การอภิปรายดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น แต่ละคนเสนอความคิดเห็นของตน
ในที่สุด เอ็ดเวิร์ดยกมือขึ้นเพื่อสรุป "ฉันเห็นด้วยกับทุกความคิดเห็น เราจะผสมผสานทุกวิธีเข้าด้วยกัน" เขาหันไปทางชาร์ลส์และโจเซฟ "ชาร์ลส์และโจเซฟ ฉันอยากให้ทั้งสองรับหน้าที่ตามหาไมเคิล ส่วนที่เหลือจะทุ่มกำลังตามหาที่ซ่อนใหม่ของกลุ่มแปรอักษร"
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
ก่อนจบการประชุม เอ็ดเวิร์ดหันมาทางชาร์ลส์อีกครั้ง "และชาร์ลส์ ระหว่างที่ทำภารกิจ ฉันอยากให้เธอเป็เหยื่อล่อด้วย เผื่อพวกนั้นจะลงมือเคลื่อนไหวกับเธอที่เป็เป้าหมายบ้าง แต่เธอไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ทำตัวให้เห็นชัดๆ ในระหว่างการสืบหาคนก็พอ"
ชาร์ลส์พยักหน้ารับ เข้าใจถึงความสำคัญของบทบาทนี้ ถ้าคนที่แอบตามพวกเขาในตอนนั้นลงมือ ทุกการกระทำอาจจะหลงเหลือร่องรอยเอาไว้ให้สืบหา
หลังจากการประชุม ชาร์ลส์และโจเซฟเตรียมตัวออกเดินทางไปยังเขตเมืองเก่าเพื่อเริ่มภารกิจตามหาไมเคิล พวกเขาขึ้นรถม้าและมุ่งหน้าสู่จุดหมาย ระหว่างทาง ฝนเริ่มโปรยปรายลงมา ทำให้พื้นถนนขรุขระชื้นแฉะไปด้วยดินโคลน ชาร์ลส์จมอยู่กับความคิด พลางทบทวนคดีในหัว เบาะแสที่มีอยู่ค่อนข้างน้อยนิด ทำให้เขาต้องตั้งสมมติฐานหลายแง่มุม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้