เช้าวันถัดมาตลอดสองข้างทางของถนน มีชาวบ้านมายืนรอดูขบวนนักโทษฏ ที่ถูกเ้าหน้าที่จากเมืองหลวงตามมาจับถึงเมืองผู่เถียน ไหนจะทรัพย์สมบัติอีกไม่น้อย ซึ่งได้มาจากการกระทำความผิดของขุนนางท้องถิ่น
เ้าเมืองปิงชุนได้ส่งทหารจำนวนห้าร้อยนาย ช่วยคุ้มกันขบวนนักโทษกลับเมืองหลวง แต่ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทาง ซูอันและเยี่ยนหลิงได้นำของตอบแทน ซึ่งได้ตกลงกับหยางไท่ิและฟงเฉิงฮ่าวไว้ก่อนหน้านี้ นำใส่รถม้ามามอบให้ยังด้านหน้าศาลาว่าการ
ซูอันที่วันนี้สวมชุดสีฟ้าจางปักลายเมฆสีเงิน ดวงตาของนางดูเรียบนิ่งทำให้คนมอง ไม่สามารถคาดเดาความคิดของนางในยามนี้ได้ ส่วนพี่สาวอย่างเยี่ยนหลิงกลับแสดงให้เห็นถึงความซาบซึ้ง ที่ได้รับความช่วยเหลือจากบุรุษทั้งสอง
“คุณชายหยาง/ คุณชายฟง บนรถม้าคันนี้คือของตอบแทน ที่ท่านกับข้าได้พูดคุยกันเอาไว้ หวังว่าข้าจะได้รับข่าวดีจากพวกท่านในเร็ววัน” ซูอันเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ แต่มั่นคง
หยางไท่ิได้แต่ยกยิ้มมุมปาก ให้กับความจำของซูอันที่ยังย้ำเตือนกับตนเอง “หึ ๆ ๆ วางใจเถิดคุณหนูรองจิน ข่าวดีที่ท่าน้าย่อมมาถึงในอีกไม่ช้าอย่างแน่นอน”
ทั้งสองพยักหน้าให้กันหลังจากหยางไท่ิพูดจบ ตามมาด้วยเยี่ยหลิงที่เอ่ยเรียกฟงเฉิงฮ่าว ด้วยน้ำเสียงอันอ่อนหวานของนาง ไม่ว่าผู้ใดได้ฟังก็รู้สึกเอ็นดูนางทั้งสิ้น
“คุณชายฟงขอบคุณท่านมาก ที่คอยดูแลความปลอดภัยของพวกข้าในวันงานประมูล ขอให้พวกท่านเดินทางถึงเมืองหลวงโดยไร้ซึ่งอุปสรรค หากมีโอกาสได้พบกันอีกครอบครัวของข้า ขอเลี้ยงอาหารพวกท่านสักมื้อนะเ้าคะ” นอกจากน้ำเสียงที่ฟังลื่นหูแล้ว รอยยิ้มของเยี่ยนหลิงแทบจะทำให้ฟงเฉิงฮ่าวตกจากหลังม้า
ฟงเฉิงฮ่าวเกือบจะเคลิ้มกับเสียงหวาน ๆ ของเยี่ยนหลิง ยังดีที่เรียกสติของตนกลับมาได้เสียก่อน “ฮื้อออ อะฮึ่ม คุณหนูใหญ่จินเกรงใจเกินไปแล้ว ข้ากับอาิเพียงทำตามหน้าที่ของตนเท่านั้น ข้าจะถือว่าคุณหนูใหญ่จินคือตัวแทนทุกคน ที่มากล่าวขอบคุณเ้าหน้าที่ของทางการก็แล้วกันนะ หากข้ากับอาิมีโอกาสเดินทางผ่านมาทางนี้ จะแวะเยี่ยมเยียนพวกท่านแน่นอน”
หลังจากรับของตอบแทนและพูดคุยเล็กน้อย ขบวนเดินทางก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากเมืองผู่เถียน ด้านหลังของหยางไท่ิกับฟงเฉิงฮ่าว มีเสียงนักโทษที่ร้องโอดโอยอย่างต่อเนื่อง เมื่อถูกชาวบ้านขว้างปาสิ่งต่าง ๆ ที่มากที่สุด คงเป็ก้อนกรวดบนถนนตามใบหน้าจึงมีาแ นอกจากนี้ยังมีเสียงะโด่าทอสาปแช่งอีกต่าง ๆ นานา เหตุการณ์นี้ยุติลงได้ภายหลังขบวนเดินทางพ้นเขตประตูเมืองไปแล้ว
ซูอันกับเยี่ยนหลิงยืนมองขบวนนักโทษไปจนสุดสายตา จากนั้นจึงกลับไปทำงานเฉกเช่นทุกวัน โดยวันนี้สองพี่น้องต้องเตรียมสินค้า เพื่อนำส่งให้กับนายท่านวั่น ซึ่งอยู่ในเมืองเส้ากวนเกือบถึงชายแดนแคว้นเป่ยชาง
ภายในห้องทำงานของซูอันนางให้พี่สาวทำบัญชีไปก่อน ส่วนนางจะสั่งงานกับพวกอี้เหลียนเล็กน้อย
“รายงานความคืนหน้าเื่หน่วยคุ้มกัน รวมถึงการสร้างที่พักบนที่ดินในหมู่บ้านซานอี๋มาให้ข้าฟังที”
อี้เหลียนผู้ทำหน้าที่เป็มือขวาให้ซูอัน เตรียมความพร้อมกับการรายงานมาสักพักแล้ว “เรียนคุณหนูรอง เื่ที่พักของหน่วยคุ้มกันที่รับมาเพิ่ม ยามนี้นายช่างโจวซุ่นได้เริ่มสร้างไปบางส่วนแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสองเดือนขอรับ
ส่วนหน่วยคุ้มกันที่คุณหนูรอง้า มีบุตรหลานชาวบ้านในหมู่บ้านใกล้เคียง สนใจมาเขียนใบสมัครได้ห้าสิบคนแล้ว และหยิ่งเจาได้เริ่มฝึกขั้นพื้นฐานไปเมื่อวานนี้ขอรับ”
ซูอันพยักหน้าอย่างพึงพอใจ แต่นางยังบอกเื่คนที่จะคุ้มกันสินค้า สำหรับนำไปส่งให้นายท่านวั่นกับอี้เหลียน “ดีมาก เนื่องจากพวกเรายังมีจำนวนคนไม่มากพอ การนำสินค้าไปส่งให้นายท่านวั่น จึงจำเป็ต้องจ้างสำนักคุ้มภัยของเมืองผู่เถียนไปก่อนก็แล้วกัน”
“ทราบแล้วขอรับคุณหนูรอง”
“หมดเื่แล้วเ้าลงไปตรวจดูสินค้าด้านล่างอีกที การค้าครั้งแรกนี้จะเกิดความผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด ข้าจะไปช่วยพี่หญิงทำบัญชีแล้ว”
“ขอรับ”
ั้แ่ครอบครัวเล็ก ๆ ย้ายมาตั้งรกรากที่นี่ ได้ตั้งตระกูลขึ้นมาใหม่จนเริ่มเปิดร้านทำการค้า แค่เพียงไม่นานชื่อเสียงความงดงามของผ้าปัก จากร้านหงส์ทอเมฆาก็เป็ที่พูดถึงตามเมืองต่าง ๆ ยิ่งผ่านเหตุการณ์แย่งชิงผ้าไหมทองคำ ยิ่งดึงดูดความสนในของพ่อค้าแม่ค้า เ้าของกิจการร้านผ้าที่เริ่มมีความคิด้าเป็คู่ค้ากับตระกูลจิน
อย่างไรเสียเพราะความโลภหรือความเห็นแก่ตัว ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ของคนในตระกูลหลิว เมื่อนายท่านฮ่วนเ้าหนี้ของตระกูลหลิว นำเื่ที่มู่ถงบุตรชายคนที่สามของหลิวเฟย ได้เปิดร้านผ้าไหมชั้นยอดที่เมืองผู่เถียน มาเล่าให้ทุกคนในตระกูลหลิวฟัง อีกทั้งยังข่มขู่เื่การชดใช้ค่าเสียหายจากการผิดสัญญา
หลิวเฟยที่รู้จากปากของบ่าวไพร่ว่า นายท่านฮ่วนมาเยือนถึงจวนก็รีบออกไปต้อนรับ นอกจากคนในครอบครัวล้วนมาเสนอหน้า เพื่อเรียกความสงสารเห็นใจจากนายท่านฮ่วนด้วยเช่นกัน
“คารวะนายท่านฮ่วน เชิญนั่ง ๆ ไม่ทราบว่าวันนี้ท่านมาหาข้าด้วยเื่อันใดหรือขอรับ เท่าที่จำได้นี่ยังไม่ถึงกำหนดจ่ายเงินกระมัง”
นายท่านฮ่วนยกถ้วยน้ำชาขึ้นดื่ม มิได้ตอบคำถามของหลิวเฟย จนมือหนาวางถ้วยน้ำชาลงจึงเริ่มพูดอย่างช้า ๆ “ข้าย่อมรู้ดีว่ายังไม่ถึงกำหนดการจ่ายเงินของท่าน เพียงแต่ว่า...”
ในใจหลิวเฟยเริ่มกระวนกระวาย เกรงว่านายท่านฮ่วนจะเปลี่ยนใจ “เพียงแต่ว่าอันใดหรือขอรับ”
“เพียงแต่ว่าข้าคิดวิธีหนึ่งขึ้นมาได้ นอกจากพวกท่านจะหาเงินมาจ่ายคืนให้ข้าได้แล้ว พวกท่านเองก็จะกลับมาร่ำรวยเช่นเมื่อก่อนอีกครั้ง เป็อย่างไรนายท่านหลิวสนใจวิธีของข้าหรือไม่” นายท่านฮ่วนยังไม่ยอมพูดให้กระจ่าง เขาเพียงหยั่งเชิงคนตระกูลหลิวเท่านั้น
ยามนี้ตระกูลของตนเริ่มตกต่ำลง มีหรือที่หลิวเฟยจะปล่อยโอกาสดี ๆ ให้หลุดมือไปง่าย ๆ “ข้าย่อมสนใจหากวิธีของท่าน สามารถช่วยให้พวกข้าหาเงินมาจ่ายคืนให้ท่านได้ เชิญพูดมาเถิดว่าท่านมีวิธีการอันใด”
นายท่านฮ่วนซ่อนรอยยิ้มร้าย ก่อนจะพูดถึงมู่ถงกับครอบครัว “ข้าจำได้ว่านายท่านหลิวมีบุตรชายอยู่สามคน แต่ยามนี้เท่าที่เห็นมีเพียงสองคนเท่านั้น”
“เอ่อ ไม่ขอปิดบังนายท่านฮ่วน บุตรชายคนที่สามของข้าทำตัวแข็งข้อ ไม่เชื่อฟังถูกคนรอบข้างพูดจายุยง จนตัดสัมพันธ์กับตระกูลไปเมื่อหลายเดือนก่อนขอรับ ไม่ทราบว่าท่านพูดถึงบุตรชายคนนี้ของข้าด้วยเหตุใดหรือ?” หลิวเฟยเริ่มสงสัยเมื่อนายท่านฮ่วนพูดถึงมู่ถง
หลิวฉางฮุ่ยก็เกิดความสงสัยเช่นบิดาของตนเช่นกัน “นั่นสิขอรับนายท่านฮ่วน น้องชายของข้าคนนี้ออกจากตระกูล ก็ไม่เคยติดต่อกลับมาอีกเลยพวกเราผิดใจกันเพราะปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ แท้ ๆ”
“หลายวันที่ข้ามิได้อยู่ในเมืองถู่หลาน เพราะเดินทางไปหาร้านค้าที่มีช่างปักผ้าฝีมือดี แต่ช่างเป็ความบังเอิญที่พอดีเสียเหลือเกิน ข้าเห็นบุตรชายคนนี้ของนายท่านหลิวในเมืองผู่เถียน ที่สำคัญตอนนี้ยังเปิดร้านผ้าไหม มีลูกค้าฐานะร่ำรวยมากมายเข้าไปซื้อผ้าไหม มิเพียงเท่านั้นก่อนข้าจะเดินทางกลับ พวกเขายังนำผ้าไหมทองคำออกมาประมูลอีกด้วย” นายท่านฮ่วนจงใจพูดถึงผ้าไหมทองคำ เพราะเขา้าให้คนตระกูลหลิวนำมันมามอบให้ตน
“อะไรนะผ้าไหมทองคำรึ! เป็ไปได้ยังไง!”
ตอนนี้คนตระกูลหลิวหูผึ่งกับคำว่าผ้าไหมทองคำ พวกเขาเริ่มวาดภาพในหัวหากได้ผ้าไหมผืน “ที่ข้าบอกนายท่านหลิวเื่นี้ เพราะเห็นว่าเป็ทางออกที่ง่าย หากพ่อลูกได้พูดคุยทำความเข้าใจกันเสียใหม่ เมื่อนายท่านหลิวขายผ้าไหมชั้นยอดได้ ย่อมจ่ายหนี้คืนข้าได้เร็วขึ้น และความเป็อยู่ในจวนก็จะกลับมาเป็เหมือนเดิมมิใช่หรือ
พวกท่านลองปรึกษาหารือเป็การภายในเถิด ข้าเพียงนำเื่ดี ๆ มาบอกแกพวกท่านเท่านั้น ยังมีธุระอื่น ๆ รอข้าอยู่อีกมากคงต้องขอตัวก่อน”
หลิวเฟยได้สติจึงตามไปส่งนายท่านฮ่วนถึงหน้าจวน เมื่อกลับเข้ามาในห้องโถงอีกครั้ง หลิวฉางฮุ่ยจึงรีบพูดกระตุ้นผู้เป็บิดาทันที
“ท่านพ่อหากพวกเราให้มู่ถงส่งมอบร้านค้ามาเป็ของตระกูลหลิว ต่อไปเื่แต่งงานของหลานชายหลานสาว ย่อมไม่มีปัญหาเื่สินเดิมหรือสินสอดสู่ขอเ้าสาวอีกนะขอรับ”
หลิวชางหรงเห็นด้วยกับพี่ชายของตนในครั้งนี้ “ใช่ขอรับท่านพ่อ ถึงพวกมันมีหนังสือตัดขาดแล้วอย่างไร แต่ความจริงที่ท่านเป็บิดาผู้ให้กำเนิน ยังคงเป็เื่จริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้นี่ขอรับ”
หลิวเซี่ยหลินหลานสาวที่ถึงวัยออกเรือน ก็เรียกร้องความ้ากับผู้เป็ปู่เช่นกัน “ท่านปู่เ้าขา หลินเอ๋อร์อยากได้เสื้อผ้ากับเครื่องประดับชุดใหม่แล้วเ้าค่ะ ใส่แต่ชุดเก่า ๆ ไปพบปะสหายพวกเขาใช้สายตาดูถูกหลินเอ๋อร์ด้วยนะเ้าคะ ท่านปู่ท่านต้องช่วยหลินเอ๋อร์นะเ้าคะ”
หลิวเฟยเมื่อถูกบุตรหลานกดดัน บวกกับความโลภในใจลึก ๆ ของตนเอง ก็ตอบตกลงโดยให้บุตรชายทั้งสองคน เดินทางไปเมืองผู่เถียนเพื่อนำร้านผ้าไหม มาเป็ของตระกูลหลิวให้จงได้
“อืม ในเมื่อพวกเ้าคิดเห็นเหมือนกัน เช่นนั้นอาฮุ่ยกับอาหรงพวกเ้าสองคน เร่งออกเดินทางไปเมืองผู่เถียนให้เร็วที่สุด ทำยังไงก็ได้ให้เ้าลูกอกตัญญูมู่ถง ส่งมอบร้านผ้าไหมมาเป็ของข้าให้จงได้”
“ขอรับท่านพ่อ/ขอรับท่านพ่อ”
เพราะคำว่าผ้าไหมทองคำที่ได้ยิน กระตุ้นความเห็นแก่ตัวของคนตระกูลหลิวให้ตื่นขึ้น จนลืมไปว่าก่อนจะออกจากจวนแห่งนี้ ซูอันได้ทิ้งคำข่มขู่อันใดไว้กับพวกเขา แต่คำพูดก็เหมือนกับสายลม ที่จดจำใน่เวลาของความหวาดกลัว เมื่อวันเวลาผ่านไปก็หลงลืมอย่างง่ายดาย คล้ายกับว่าไม่เคยได้ยินคำข่มขู่นั้น
แต่คนอย่างจินซูอันพูดคำไหนย่อมเป็คำนั้น เมื่อคนตระกูลหลิวไปปรากฏอยู่ต่อหน้านางกับครอบครัว นางย่อมเรียกความทรงจำเมื่อครั้งก่อนกลับมา ถ้าต่างคนต่างอยู่มันทำให้คนตระกูลหลิว ไม่ยอมเลิกจองล้างจองผลาญบิดาของนาง เช่นนั้นคำขู่ที่ว่าจะกลับไปฆ่าล้างตระกูลหลิว ย่อมเกิดขึ้นจริงตามที่จินซูอันเคยบอกไว้
