“พี่จ้าว! ” หร่านซวี่จือะโเรียกชื่อเขา
เมื่อเห็นจ้าวผิงไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หร่านซวี่จือจึงกระทืบเท้าของจ้าวผิงอย่างเต็มแรงไปหนึ่งที
พอจ้าวผิงร้องเสียงหลง หร่านซวี่จือก็อาศัยจังหวะผลักจ้าวผิงออกและไม่มีแก่ใจจะเก็บถังไม้ของตนเองแล้ว จากนั้นเขาก็หันหลังและรีบวิ่งหนีไป
สมรรถภาพทางร่างกายของไป๋หลิงไม่ได้แข็งแรงมากนัก พอวิ่งได้ไม่นานก็เริ่มหายใจหอบ ขณะที่เดินไปถึงจนสุดทางของป่า เนื่องจากเขาไม่ทันได้มองถนนจึงชนเข้ากับไหล่ของใครบางคนและแว่นตาที่สวมอยู่ก็กระแทกกับไหล่ของคนคนนั้นจนหล่นลงมา
หร่านซวี่จือนั่งย่อตัวแล้วเอามือปิดจมูกของตนเองไว้
จากนั้นก็มีเืไหลออกมาทางง่ามนิ้วหยดลงบนพื้น
เสียงของหวังเฉิงดังขึ้นเหนือศีรษะ “ทำบ้าอะไรเนี่ย? ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย! อยากแกล้งชนเพื่อไถเงินใช่ไหม? ”
คำพูดของหวังเฉิงหยุดลงเมื่อเห็นน้ำตาของหร่านซวี่จือที่กำลังไหลลงมา ท่าทีที่ตื่นในั้นก็เปลี่ยนเป็ดูแคลน “เื่แค่นี้ก็ต้องร้องไห้หรือ? นายนี่มันใช่ผู้ชายหรือเปล่า? ”
น้ำตากับเืของหร่านซวี่จือไหลรวมกันแล้วหยดลงบนพื้นทราย แว่นตาที่กระแทกเข้ากับจมูกนั้นมันทำให้เจ็บจนทนไม่ไหว
ไม่รู้ว่าร่างกายนี้เป็อะไร หร่านซวี่จือร้องไห้ออกมาเองโดยที่กลั้นไว้ไม่อยู่
พอน้ำตาหลั่งรินก็ไหลนานกว่าเืเสียอีก จากนั้นจ้าวผิงก็วิ่งตามมา พอเห็นว่าเป็หวังเฉิง ท่าทีก็เปลี่ยนเป็ตื่นตระหนก หวังเฉิงเห็นจ้าวผิงท่าทีไม่ปกติ จึงหรี่ตามอง “ผิงจื่อ นายทำอะไรน่ะ? ”
จ้าวผิงไม่เป็ตัวของตัวเอง เขาชำเลืองมองหร่านซวี่จือที่นั่งอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง แล้วไม่กล้าพูดความจริง “เอ่อ เ้าเด็กนี่ยกถังไม้ไม่ไหว เมื่อครู่ ฉันเลยอาสาจะช่วยเขา ใครจะไปรู้ว่าเขาก็วิ่งแจ้นหนีมาเลย”
หร่านซวี่จือนั่งอยู่บนพื้นและไม่ได้โต้แย้งใดๆ
จ้าวผิงพูดจบก็หาข้ออ้างจากไป หวังเฉิงก็ก้มศีรษะมอง เมื่อเห็นว่ายังคงเห็นหร่านซวี่จือนั่งอยู่จึงหิ้วคอเสื้อของเขาขึ้นมา “พอได้แล้วน่า มานั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่นี่ไม่อายหรือไง”
หร่านซวี่จือเงยหน้าขึ้นมา เขาร้องไห้อยู่นานมากทำให้น้ำตาชะล้างเืออกไปพอสมควร ใบหน้าที่ไม่ได้สวมแว่นตานั้นขาวเนียนดุจหยกขาว ดวงตาที่ชี้ขึ้นเปียกชุ่มไปหมด ทำให้คนรู้สึกอยากแกล้งอย่างน่าแปลกประหลาด
หวังเฉิงมือไม้สั่นทันใดราวกับเห็นผีจึงรีบปล่อยคอเสื้อเขาออก
หร่านซวี่จือควานหาแว่นตาของตนเองบนพื้นแล้วใช้เสื้อผ้าเช็ด จากนั้นก็สวมไว้ “พี่หวัง ขอบคุณพี่มากครับ”
พูดจบ หร่านซวี่จือก็เดินกลับทางเดิมไปหาถังไม้ของตนเอง หวังเฉิงแปลกใจกับคำขอบคุณของหร่านซวี่จือ เขายืนงงอยู่ที่เดิมชั่วครู่แล้วถึงนึกได้ว่าตนเองมีธุระที่ต้องทำ
หร่านซวี่จือหิ้วถังไม้กลับไปถึงบ้าน ไป๋เหมยยืนเรียกเขาอยู่ตรงหน้าประตู “เสี่ยวหลิง แกไปไหนมาน่ะ? หลิงฮัวบอกว่าไปหาแก แต่ไม่เจอ”
หร่านซวี่จือใช้เสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อบนหน้า “ผมไปทางป่าเล็กๆ ฝั่งนั้นครับ”
“เสี่ยวหลิง” ไป๋หลิงฮัวเดินออกมาแล้วเอ่ย “หลายวันมานี้นายไม่ได้โดนใครรังแกใช่ไหม? ”
หร่านซวี่จือชะงักกับเสียงนี้ คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร?
ไป๋หลิงฮัวสวมเสื้อสายเดี่ยวลูกไม้สีขาวหิมะ ด้านนอกมีเพียงเสื้อแขนสามส่วนตัวโปร่งบางจึงเผยให้เห็นผิวพรรณขาวดุจหิมะ “ในหมู่บ้านมีแต่พวกผู้ชายหื่นกาม พวกมันไม่เคยเจอหญิงสาวจากในเมือง ไม่แน่ว่าจะมีเื่อะไร แต่อย่างไรก็ระวังตัวไว้หน่อยดีกว่า”
หร่านซวี่จือมองต่ำแล้วเก็บข้าวของ เห็นทีเื่ที่จ้าวผิงทำกับเขา อาจจะถูกไป๋หลิงฮัวเห็นเข้า
ผู้ชายหน้าตาแบบนี้ การที่อยู่ในชนบทย่อมมีสายตาผิดปกติเ่าั้จับจ้องอยู่บ้าง หร่านซวี่จือจึงรู้สึกว่าเป็เื่ปกติธรรมดา
พอตกกลางคืน หร่านซวี่จือไปที่บ้านหวังเฉิงเหมือนเช่นเคย
เมื่อเปิดสมุดของหวังหลงออกมา จากสิบข้อทำผิดไปแปดข้อ แล้วยังมีอีกหนึ่งข้อที่ไม่ได้ทำ หร่านซวี่จือจึงเอากล่องดินสอเคาะกะโหลกหวังหลงเต็มแรงหนึ่งที
“นี่เธอทำอะไรกันเนี่ย? ” หร่านซวี่จือเอ่ยด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
หวังหลงร้องเสียงหลง ลูบศีรษะตนเองแล้วเอ่ยอย่างน่าเวทนา “ก็ผมทำไม่เป็”
“ปกติเวลาเรียนนายไม่ฟังเลยหรือไง? เื่พวกนี้เป็เื่พื้นฐานที่สุดแล้ว ปีนี้ก็มัธยมปลายปีที่ห้าแล้ว ปีหน้าจะขึ้นชั้นมัธยมปีที่หกอย่างไร? ”
“ครูไม่ได้สอนนี่นา แค่บอกให้เราอ่านเอง ฉันจะไปเข้าใจได้อย่างไร”
หร่านซวี่จือ “…”
“น้าเซวีย! ” ด้านนอกสวนมีเสียงของหญิงสาวดังขึ้น หร่านซวี่จือดูหวังหลงทำการบ้านอยู่ในบ้านซึ่งพอจะมี่เวลาว่างจึงมองกวาดตาออกไปข้างนอก
คนที่มาคือเซียวหง คนคนนี้แม้อายุจะยังน้อย เดาว่าคงน่าจะประมาณยี่สิบต้นๆ แต่ก็เป็หญิงหม้าย ไม่มีลูก ใบหน้านั้นก็ถือว่าใช้ได้ เธอสวมเสื้อแขนสั้นรัดติ้ว ทำให้ทรวงอกที่เอิบอิ่มนั้นถูกรัดไว้อย่างแน่น
เซียวหงนั้นมีใจให้หวังเฉิงอย่างเห็นได้ชัด หร่านซวี่จือเองก็ดูออก หญิงสาวทั้งคนออกตัวมาบ้านผู้อื่นวันละหลายหนเพื่อสื่อให้รู้ถึงความปรารถนา น่าเสียดายที่หวังเฉิงไม่ได้รู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนนี้
เซียวหงเอาของว่างมาฝาก เมื่อเข้ามาในสวนหย่อมไม่เห็นหวังเฉิง เธอก็เดินเข้าบ้านแล้วเจอกับหร่านซวี่จือและหวังหลง
“หืม นี่หลงจื่อไม่ใช่หรือ? ” เซียวหงยิ้ม
หวังหลงเห็นเซียวหงยิ้ม เขาก็พลันขนลุกตัวสั่น
เซียวหงเดินวนอยู่ในบ้านหนึ่งรอบแล้วก็จากไป หวังหลงคลานฟุบอยู่บนโต๊ะ เกาศีรษะพร้อมกับบ่น “ผู้หญิงคนนี้แปลกประหลาดที่สุดเลย ชอบมาบ้านเรา แล้วยังยิ้มให้ผม”
หร่านซวี่จือมองดูหลังของเซียวหงและได้กลิ่นอายความสำราญจากตัวของเธอ
ผู้หญิงคนเดียวอยู่เดียวดายมานานหลายปีเช่นนี้ การที่จะรู้สึกเหงาบ้างก็เป็เื่ธรรมดา
กลางดึก่สามทุ่ม ด้านนอกเริ่มฝนตกหนัก หวังเฉิงกลับมาเวลานี้ ตัวเปียกชุ่ม พอถอดเสื้อก็ใช้ผ้าขนหนูเช็ด เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่รูปร่างและสีนั้นสวยงามหาใดเทียบไม่ได้ เมื่อหวังเฉิงหันศีรษะมาก็สบตากับหร่านซวี่จือ
“ทำไมนายยังอยู่ที่นี่อีก! ” หวังเฉิงสะดุ้งโหยง
“ฝนตกครับ” หร่านซวี่จือชี้ไปด้านนอก
“บ้านนายอยู่ห่างจากบ้านฉันไม่กี่นาที ก็วิ่งกลับไปสิ” หวังเฉิงขมวดคิ้ว
น้าเซวียพูดแทรกอยู่ด้านข้าง “เ้าเด็กคนนี้นี่มันอย่างไรกัน! ให้เสี่ยวหลิงพักค้างคืนที่นี่สักคืนจะเป็ไรไป? ฝนตกเป็หวัดขึ้นมาจะทำอย่างไร? ”
“เขาเป็ผู้ชาย แค่ตากฝน จะขนาดนั้นเลยหรือ แม่? ” หวังเฉิงทำสีหน้าบูดบึ้ง
น้าเซวียเดินมา ทำหน้าเข้ม “แกดูสิ เวลาเสี่ยวหลิงอยู่ที่นี่! เ้าเด็กหลงตั้งใจแค่ไหน! ”
หวังหลงยังคงถือหนังสือแล้วแข็งใจท่องด้วยใบหน้าขมขื่น เมื่อได้ยินเสียงแม่ของตนเอง เขาจึงกลอกตามองบน
เนื่องจากห้องนอนไม่พอ หร่านซวี่จือจึงต้องนอนกับหวังหลง
หร่านซวี่จือไปเทน้ำล้างเท้าข้างนอก ท่ามกลางเม็ดฝนที่โปรยปรายเหมือนเห็นเงาใครบางคนยืนอยู่ใต้ต้นไม้ด้านนอกสวน แต่แล้วก็มองไม่เห็น น่าแปลกพิกล
“น้าเซวีย จะปิดประตูไหมครับ? ” หร่านซวี่จือพูดขึ้น
“ปิดได้เลย”
หลังจากวางกะละมังไว้ด้านนอก หร่านซวี่จือก็ปิดประตู จากนั้นก็มองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง ก็ยังคงไม่มีอะไร เขาคงคิดไปเอง
่กลางดึก
หวังหลงตื่นขึ้นเพราะอาการปวดฉี่ เขาจึงคลำความมืดลงจากเตียง จากนั้นก็เปิดประตูแล้วไปเข้าห้องน้ำข้างนอกเอง
ฝนหยุดไปนานแล้ว รอบข้างนั้นเงียบสงัด หวังหลงฉี่ไปด้วยพร้อมกับสัปหงกไปด้วย จู่ๆ ก็มีเสียงบางอย่างลอยเข้าหู
เสียงหลอนๆ ราวกับสะอื้น แต่ก็เหมือนเสียงคราง ท่ามกลางค่ำคืนที่เงียบสงัดค่อนข้างน่าผวา
หวังหลงตื่นขึ้น
หันศีรษะกวาดตามองรอบทิศ หวังหลงมองหาต้นเสียง แล้วเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นก็ต้องเบิกตาโต
โพรงหญ้าด้านหน้ามีคนอยู่ เป็ร่างขาวผุดผ่องแต่กลับไม่สวมใส่อะไรเลย เมื่ออาศัยแสงจันทร์ส่องดูอย่างละเอียดก็เห็นว่าเป็เซียวหงที่เคยมาตอนกลางคืน
ไม่รู้ว่าเซียวหงทำอะไรอยู่ในโพรงหญ้า นิ้วมือสอดอยู่ด้านในแล้วตัวสั่นราวกับถูกไฟช็อต น่าจะเป็เพราะเห็นหวังหลง เธอจึงเผยรอยยิ้มราวกับิญญาพิศวาสก็ไม่ปาน “หลงจื่อ มาช่วยพี่หงหน่อยสิ”
หวังหลงตัวแข็งทื่อแล้วถอยหลังไปหลายก้าวเพราะความหวาดกลัว กระทั่งล้มลุกคลุกคลานวิ่งหนีออกจากโพรงหญ้าไป
หวังหลงมุดกลับเข้าห้องของตนเองแล้วใช้ผ้าห่มคลุมโปงศีรษะ ตัวสั่นอยู่ข้างใน ฟันบนกับฟันล่างตีกันไม่หยุด หัวใจของเขาเต้นราวกับตีกลอง
หร่านซวี่จือตื่นขึ้นเพราะความเคลื่อนไหวนี้จึงเอ่ยด้วยความสะลึมสะลือ “เป็อะไร...”
“พี่เสี่ยวหลิง...” หวังหลงพลิกตัวไปมานอนไม่หลับจึงยันศีรษะขึ้นถาม “หลังจากที่ผู้ชายทำศัลยกรรมแล้ว ด้านล่างจะมีอวัยวะเพศเหมือนผู้หญิงไหม? ”
“ฉันจะไปรู้ได้อย่างไร” หร่านซวี่จือง่วงสุดขีด “ฉันไม่ใช่กะเทยสักหน่อย”