“เ้า้าเงินเท่าไร?” ฉือหางถามไถ่ทันที
ฉือเย่ก้มหน้าลงด้วยความลำบากใจ เม้มริมฝีปากแล้วลดเสียงเบามาก "ข้าจะไปสอบหลังจากที่ข้าออมเงินเพียงพอ"
"เ้าจะออมเงินอะไรหรือ?” ฉือหางหันศีรษะไปมอง เห็นหลินกู๋หยู่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม "ข้าหารือเื่การเรียนของเ้ากับพี่สะใภ้ของเ้าั้แ่ก่อนนี้แล้ว พวกเราได้เตรียมเงินสำหรับเ้าไว้เอาไปสอบแล้ว"
ใบหน้าของฉือเย่เปลี่ยนเป็สีแดงมากขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เสียงของเขาก็เบาลงเล็กน้อย "พี่สาม พี่สะใภ้ ข้าไม่คิดว่านี่จะเหมาะสม"
เมื่อได้ยินคำพูดของฉือเย่ หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอ่ยถามอย่างงงงวย "ทำไมถึงคิดเช่นนั้นล่ะ ครอบครัวของเรามีเงินเพียงพอสำหรับใช้จ่าย"
คนที่รู้เหตุรู้ผลในครอบครัวก็มีเพียงพี่สามและพี่สะใภ้สามเท่านั้น พี่รองขโมยเงินห้าสิบตำลึงของเขาไป ไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะมีเงินไปสอบซิ่วไฉแล้ว
แม้จะได้เงินคืนมาบางส่วน แต่กระนั้นก็ถูกพี่สะใภ้ริบเอาไปทั้งหมด
"แต่เดิมเงินของข้าก็เพียงพออยู่ แต่พี่รอง...” ฉือเย่หยุดชั่วคราว ขมวดคิ้วเล็กน้อย เม้มริมฝีปาก แล้วพูดเสียงต่ำ "ข้าคิดจะขายงานเขียนหารายได้ เมื่อถึงเวลาสอบครั้งต่อไป เงินของข้าก็น่าจะออมพอใช้แล้ว”
หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองฉือเย่ด้วยรอยยิ้ม
หากฉือเย่พูดโดยตรงว่าจะใช้เงินกับการสอบ หลินกู๋หยู่ก็จะไม่คัดค้านแม้แต่น้อย แต่คำพูดของฉือเย่ทำให้หลินกู๋หยู่ประทับใจในตัวเขามากขึ้น
“คนในครอบครัวเดียวกัน อย่าพูดเหมือนไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันเช่นนั้นสิ” หลินกู๋หยู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเป็เช่นนั้น เ้าก็เอาเงินไปสอบได้เลย”
"ใช่” ฉือหางเอ่ยอย่างเห็นด้วย "เ้าเชื่อฟังพี่สะใภ้ของเ้าเถอะ เอาเงินไปสอบ ถ้าเ้าสอบผ่าน พวกเราก็พลอยมีความสุขไปด้วย"
ฉือเย่ยังคง้าโบกมือ ทว่าฉือหางคว้ามือของฉือเย่ไว้ก่อน "ตอนนี้เ้าตามข้าไปรับเงินเถอะ"
ฉือเย่้าพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็ถูกฉือหางดึงออกไป
ฉือเย่หันกลับมามองที่หลินกู๋หยู่ ในขณะที่เขากำลังจะอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง เขาก็เห็นหลินกู๋หยู่โบกมือให้เขา
หลินกู๋หยู่หันหลังกลับเข้าไปในบ้าน พาโต้ซาไปสถานศึกษาโดยตรง
หลังจากส่งโต้ซาแล้ว หลินกู๋หยู่ก็กลับบ้าน ในระหว่างที่นางกำลังจะซักผ้าสกปรก ทันใดนั้นก็เห็นรถม้าหนึ่งคันจอดอยู่ที่ประตู
เมื่อหลินกู๋หยู่เดินไปที่นั่นก็เห็นลู่จื่อยู่ลงจากรถ
อ้อ ใช่แล้ว นางลืมที่จะไปที่โรงหมอเสียสนิท
"คุณชายลู่” หลินกู๋หยู่เดินไปหาลู่จื่อยู่ พร้อมเอ่ยกล่าวคำขอโทษ "ข้าขอโทษจริงๆ วันนี้ข้ามีบางอย่างที่ต้องทำ ดังนั้นข้าจึงไม่มีเวลาไป"
ลู่จื่อยู่มองหลินกู๋หยู่ ความกังวลระหว่างคิ้วและดวงตาของเขานั้นชัดเจนอย่างมาก "ข้าแค่ผ่านมาแถวนี้ นึกขึ้นได้ว่าเ้าไม่ได้ไปที่โรงหมอในวันนี้ ข้าเลยแวะมาดู"
แม้ว่าลู่จื่อยู่จะกล่าวเช่นนั้น แต่อย่างไรก็ตามหลินกู๋หยู่ก็รู้อยู่แก่ใจ
“ขอบคุณ” หลินกู๋หยู่ลดสายตาลงเล็กน้อย
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ลู่จื่อยู่ก็จ้องไปที่ใบหน้าของหลินกู๋หยู่
หลังจากนั้นไม่นาน ลู่จื่อยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองรอบด้าน
เนื่องจากฝนตกกำแพงโคลนจึงอ่อนตัวลงเล็กน้อย บนพื้นก็เต็มไปด้วยดินโคลน เป็เื่ยากสำหรับเขาที่จะก้าวเดิน
ลู่จื่อยู่หันมองกลับไปที่รถม้า สารถีก็นำรถม้าออกไปอย่างรู้เท่าทัน
"ที่นี่" ลู่จื่อยู่เงยหน้าขึ้นมองหลินกู๋หยู่และพูดอย่างวิตกกังวล "เ้าจะอาศัยอยู่ที่นี่ จะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตงั้นหรือ?"
"ที่นี่ก็ดี" ริมฝีปากของหลินกู๋หยู่โค้งขึ้นค่อยๆ จากนั้นก็ว่า "คุณชายลู่ ต่อจากนี้ไปเ้าอย่าได้กังวลเกี่ยวกับเื่ของข้านักเลย"
การแสดงออกบนใบหน้าของลู่จื่อยู่ชะงักชั่วคราว
หลินกู๋หยู่รู้สึกว่าสิ่งที่พูดนั้นหนักหลายส่วน น้ำเสียงของนางก็ค่อนข้างรู้สึกผิดเล็กน้อย "ข้าพอใจกับชีวิตปัจจุบันของข้ามาก คนที่ข้าห่วงใยที่สุดคือสามีของข้า"
"เป็เพราะเขาให้ตำแหน่งภรรยาเอกแก่เ้างั้นหรือ?" ลู่จื่อยู่คิดอยู่พักหนึ่ง "ข้าสามารถปฏิบัติต่อเ้าในฐานะภรรยาเอกของข้า ข้าสามารถให้ชีวิตที่ดีกว่ากับเ้าได้"
“อะไรคือชีวิตที่ดีกว่า?” หลินกู๋หยู่รู้สึกว่าลู่จื่อยู่น่ารำคาญเล็กน้อย พลันพูดเสียงเย็น “เดิมทีข้าประทับใจในตัวท่าน แต่ตอนนี้…”
"หากเ้าตกหลุมรักใครสักคน เ้าก็จะไม่ใช่เ้าคนเดิมอีกต่อไป" ลู่จื่อยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย "อย่างไรก็ตาม ในอนาคตข้าจะไม่รบกวนเ้าอีก"
หลินกู๋หยู่ไม่พูด แต่เพียงก้มหน้าลง
หัวใจของลู่จื่อยู่รู้สึกอึดอัดปวดร้าวสุดจะทน ราวกับว่าหน้าอกของเขาถูกปิดกั้นด้วยบางสิ่ง
เดิมทีวันนี้หลินกู๋หยู่ควรจะไปที่โรงหมอ แต่เขารอแล้วรอเล่า ปรากฏว่านางไม่มาเสียที เขาเป็ห่วงนางอย่างมาก เขาจึงมาที่นี่
เพียงแต่
เขาไม่รู้ว่าเขากลายเป็คนเช่นนี้ั้แ่เมื่อไร ทุกๆ ครั้งที่เขาเห็นนาง เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา
เขาสามารถให้สิ่งที่ดีกว่ากับนาง
ลู่จื่อยู่สามารถบอกได้ว่าหลินกู๋หยู่และฉือหางไม่ใช่คนระดับเดียวกัน พวกเขาสองคนไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยกันโดยสิ้นเชิง
หลังจากส่งลู่จื่อยู่ไปแล้ว หลินกู๋หยู่ก็ทอดถอนหายใจเบาๆ ขมวดคิ้ว ก่อนที่จะถอนหายใจอย่างจนปัญญา
ระหว่างรอหลินกู๋หยู่เตรียมอาหารกลางวัน ฉือหางและฉือเย่ก็กลับมา
ฉือหางถอนเงินหนึ่งร้อยตำลึงให้ฉือเย่โดยบอกว่าเงินนี้ให้ไว้สำหรับเขาเพื่อเตรียมตัวสอบ
หากศูนย์สอบอยู่ไกล ฉือเย่จะต้องเริ่มเดินทางล่วงหน้าสองหรือสามเดือน
ฉือเย่ตั้งใจที่จะเก็บข้าวของของเขาในวันนี้และติดต่อกับเพื่อนร่วมชั้น เพื่อดูว่าในบรรดาพวกเขามีใครที่จะสามารถเช่ารถม้าไปด้วยกันได้
หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว ฉือเย่ก็ไปหาเพื่อนร่วมชั้นในหมู่บ้าน
พอฉือเย่กลับมาถึงบ้าน เขาก็บอกว่าเขาได้หารือกับเพื่อนคนนั้นแล้ว พวกเขาจะเดินทางด้วยกันในเช้าวันพรุ่งนี้
เสื้อผ้าที่แช่อยู่ในอ่าง ตอนนี้ถูกฉือหางนำเอาไปซัก
หลินกู๋หยู่ช่วยฉือเย่ซ่อมแซมเสื้อผ้าเล็กน้อย
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามฉือเย่ควรเตรียมเสื้อผ้าไปให้มาก หลังจากนี้ไม่นานอากาศก็จะเริ่มร้อนขึ้น ดังนั้น เขาไม่สามารถสวมเสื้อผ้าหนาๆ ได้แล้ว
การสอบในฤดูใบไม้ร่วง
ยังมี่ที่ร้อนที่สุดใน่กลางวัน ในเวลานั้นเขาจะต้องสวมเสื้อผ้าที่ไม่มีซับใน
หลินกู๋หยู่ซ่อมแซมเสื้อผ้าทั้งหมดของฉือเย่ ตอนนี้นางเย็บเสื้อผ้าได้เร็วกว่าเมื่อก่อนมาก
ภายในเสื้อผ้าแต่ละตัวหลินกู๋หยู่แอบเย็บกระเป๋าเล็กๆ ยัดเงินไว้ข้างในบางส่วน ดังคำกล่าวที่ว่า ไข่ต้องไม่ใส่ในตะกร้าใบเดียว
ฉือเย่เก็บหนังสือทั้งหมดเรียบร้อย เมื่อเขามาทานอาหารเย็นในตอนเย็น เขาเห็นเสื้อผ้าที่หลินกู๋หยู่เย็บให้เขา หัวใจของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้ง
"พี่สะใภ้สาม” ฉือเย่มองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างตื่นเต้นเล็กน้อย "ลำบากพี่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะพี่..."
"เ้าจะพูดถ้อยคำสุภาพอะไรกัน?” หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองฉือเย่ด้วยรอยยิ้มจางๆ จากมุมสายตา "ในเสื้อผ้าทุกตัวจะมีเงินบางส่วน หากเงินไม่พอ เ้าก็แค่ฉีกมันออกก็ได้แล้ว"
"พี่สะใภ้สาม ที่จริงพี่ไม่จำเป็ต้องใส่เงินมากมายเช่นนี้” ฉือเย่พูดตะกุกตะกัก คิดไม่ถึงว่าเขาไม่รู้จะพูดอะไรดี
ฉือหางเพิ่งจะซักผ้าเสร็จ เมื่อได้ยินเสียงคนเดินมาที่ประตู เขาก็ทอดมองไปตามแหล่งเสียงนั้น เห็นเด็กสาวตัวเล็กๆ ยืนอยู่ที่ประตู
“พี่สาม” หวังเสี่ยวเชี่ยนหรี่ตายิ้มมองไปที่ฉือหาง เดินเข้ามาช้าๆ จากด้านนอก
เมื่อมองไปรอบด้าน หวังเสี่ยวเชี่ยนไม่เห็นอะไรเลย นางเม้มริมฝีปากและพูดอย่างเคอะเขิน "พี่สาม พี่รู้หรือไม่ว่าฉือเย่อยู่ที่ไหน?"
"เ้าสี่!” ฉือหางะโเสียงดังไปทางห้อง
เพียงครู่เดียวฉือเย่ก็เดินออกมา
“ฉือเย่" หวังเสี่ยวเชี่ยนมองไปที่ฉือเย่ด้วยรอยยิ้ม ชำเลืองไปที่ฉือหางซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมุมหางตาของนาง วิ่งไปจับมือของฉือเย่และออกไป
ฉือเย่มองไปที่มือของหวังเสี่ยวเชี่ยนและขมวดคิ้ว
"บุรุษและสตรีต้องรักษาระยะห่าง จะชิดใกล้สนิทสนมกันไม่ได้” ฉือเย่อดไม่ได้ที่จะพูด
พลันใบหน้าของหวังเสี่ยวเชี่ยนก็เปลี่ยนไป แต่ภายในพริบตาเดียว นางก็คลี่ยิ้ม เอ่ยพูดว่า "เราสองคนคุ้นเคยกันดี เ้าจะกลัวอะไร?"
เมื่อรู้ว่าไม่สามารถสื่อสารกับหวังเสี่ยวเชี่ยนได้ ฉือเย่จึงพูดว่า "เ้าหาข้า มีอะไรหรือ?"
"เื่มันเป็เช่นนี้" หวังเสี่ยวเชี่ยนเอามือไพล่หลัง ก้มศีรษะลงด้วยความลำบากใจ ร่างกายโคลงเคลงเล็กน้อย ลดเสียงเบาลง "ข้าเดาว่าเ้ากำลังจะไปสอบ ดังนั้นข้าจึงเตรียมบางอย่างสำหรับเ้า"
เมื่อได้ยินสิ่งที่หวังเสี่ยวเชี่ยนพูด ฉือเย่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย "ใช่ ข้ายังต้องกลับไปเก็บข้าวของ"
"อย่าเพิ่งไปสิ" หวังเสี่ยวเชี่ยนรีบขวางด้านหน้า "ข้ายังพูดไม่ทันจบ ข้าเตรียมบางอย่างให้เ้า"
ในขณะที่ฉือเย่กำลังจะพูด ทันใดนั้นเองเขาก็เห็นหวังเสี่ยวเชี่ยนถือรองเท้าคู่หนึ่งไว้ในมือ
รองเท้าเป็ของใหม่เอี่ยม มีลายปักที่เรียบง่าย ซึ่งสวยงามมาก
"สำหรับเ้า" หวังเสี่ยวเชี่ยนมองไปที่ฉือเย่อย่างคาดหวัง ยื่นรองเท้าต่อหน้าฉือเย่ ใบหน้าของนางแดงก่ำอย่างควบคุมไม่ได้ "เ้าเอาไปสิ!"
เอ่อ!
ฉือเย่มองไปที่หวังเสี่ยวเชี่ยนด้วยความลำบากใจหลายส่วน หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เอ่ยอย่างช้าๆ ว่า "ข้าขอโทษจริงๆ ข้ารับไว้ไม่ได้"
การแสดงออกบนใบหน้าของหวังเสี่ยวเชี่ยนหยุดชะงักชั่วคราว และนางมองไปที่ฉือเย่อย่างสงสัย "อะไรนะ?"
"ขอโทษ ข้ารับไว้ไม่ได้" ฉือเย่ก้มศีรษะลงและพูดเบาๆ ก่อนที่จะหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน
เม็ดฝนเริ่มตกลงมา
หวังเสี่ยวเชี่ยนมองไปที่ด้านหลังของฉือเย่ที่วิ่งเข้าไปด้านใน ริมฝีปากของนางเม้มแน่น ใบหน้าของนางเปียกชุ่มไปหมด นางไม่สามารถบอกได้ว่านั่นเป็น้ำตาหรือเป็หยาดฝน
พอฉือเย่เข้ามา เขาก็เห็นฉือหางและหลินกู๋หยู่สองคนกำลังเก็บเสื้อผ้าของเขา และเขาก็เข้าไปช่วยพวกเขาเก็บเสื้อผ้าด้วย
หลังจากเก็บของเสร็จแล้ว หลินกู๋หยู่ก็หยุดและมองไปที่ฉือเย่ด้วยรอยยิ้ม "เสี่ยวเชี่ยนมาหาหรือ นางพูดอะไรกับเ้า?"
หลินกู๋หยู่พินิจมองใบหน้าของฉือเย่ แต่อย่างไรเสียนางมองไม่เห็นว่าฉือเย่กำลังคิดอะไรอยู่
การแสดงออกบนใบหน้าของฉือเย่หยุดชะงักชั่วคราว เผยรอยยิ้มที่น่าอึดอัดใจ "ไม่ได้พูดอะไร"
"เสี่ยวเชี่ยนเป็คนดีทีเดียว” หลินกู๋หยู่ไม่มั่นใจเล็กน้อยว่าฉือเย่หมายถึงอะไร
ทันใดนั้นเองใบหน้าของฉือเย่ก็แปรเปลี่ยนเป็สีแดงอย่างควบคุมไม่ได้ เขาก็โคลงศีรษะโดยไม่พูดอะไร
ฉือหางเดินไปรับโต้ซาพร้อมกับร่มน้ำมัน เมื่อพ่อลูกกลับมา คนทั้งครอบครัวก็ทานอาหารเย็นพร้อมหน้ากัน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินกู๋หยู่และฉือหางตื่นแต่เช้า
แม้ว่าท้องฟ้าจะมีเมฆมาก แต่โชคดีที่ฝนไม่ตก
พวกเขาช่วยฉือเย่จัดของอย่างเป็ระเบียบแล้วนำขึ้นไปบนรถม้าที่เพื่อนร่วมห้องหาให้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาสองคนไปในที่เดียวกัน การเดินทางไปด้วยกันย่อมสามารถประหยัดเงินค่าโดยสารได้
โจวซื่อดวงตาแดงก่ำ เฝ้ามองฉือเย่คุยพึมพำกับหลินกู๋หยู่และฉือหางสักพัก นางอดไม่ได้ที่จะเรียกลูกคนสุดท้องของนาง
ฉือเย่เป็ลูกคนสุดท้องของโจวซื่อ และเป็ลูกที่นางรักมากที่สุด