“จิงเคอ? ฉินอ๋อง?” มู่ชิงเซียวไม่เข้าใจ “ไฉนข้าจึงไม่เคยได้ยินเื่นี้มาก่อน แคว้นเป่ยเยียนของพวกเราไม่มีผู้กล้าหาญเช่นจิงเคอ หรือเขาเป็ผู้กล้าหาญของแคว้นหนานเยียน”
เฟิ่งเฉี่ยนพลันนึกขึ้นได้ว่า นี่เป็โลกอีกใบหนึ่ง ที่นี่ไม่มีจิงเคอและไม่มีจิ๋นซีฮ่องเต้ นางแสร้งหัวเราะแห้งๆ เพื่อกลบเกลื่อน “แหะๆ เื่นี้ไม่สำคัญ! ที่สำคัญคือแม้จิงเคอจะเตรียมความพร้อมมาอย่างเต็มที่ วางหมากได้อย่างแม่นยำ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังลอบสังหารไม่สำเร็จอยู่ดี!”
“เหตุใดเล่า” มู่ชิงเซียวแปลกใจ
เฟิ่งเฉี่ยนพูด “เหตุผลมีสามข้อ ข้อแรก อาวุธที่เลือกใช้ไม่เหมาะสม อาวุธที่จิงเคอใช้เป็มีดสั้น ส่วนฉินอ๋องใช้กระบี่ยาว จิงเคอตกเป็ฝ่ายเสียเปรียบ...”
“ข้อสองล่ะ” มู่ชิงเซียวถามอีก
เฟิ่งเฉี่ยน “ข้อสอง จิงเคอ ได้รับการไหว้วานจากไท่จื่อตันแห่งแคว้นเยี่ยนให้ไปลอบสังหาร ทว่าจุดประสงค์แรกที่ไท่จื่อตันให้เขาไปทำจริงๆ มิใช่การลอบสังหารฉินอ๋อง แต่ให้เขาไปเจรจาให้ฉินอ๋องรับปากที่จะคืนดินแดนให้กับแคว้นต่างๆ หากฉินอ๋องไม่ยินยอม ค่อยสังหารฉินอ๋อง ดังนั้นระหว่างการเจรจากับลอบสังหารเขากลับลังเลใจในวินาทีสำคัญ จึงทำให้เขาพลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการลงมือไป ในที่สุดจึงเป็ฝ่ายทิ้งชีวิต!”
“เช่นนั้นข้อสามเล่า” มู่ชิงเซียวถามอีก
เฟิ่งเฉี่ยน “ผู้คนมากมายคิดว่าที่จิงเคอลอบสังหารฉินอ๋องไม่สำเร็จ เพราะจิงเคอไม่ได้รับความไว้วางใจจากไท่จื่อตันแห่งแคว้นเยี่ยนอย่างเต็มร้อย ผนวกกับความใจร้อนของไท่จื่อตัน ทำให้เวลาในการวางแผนลอบสังหารฉินอ๋องไม่ได้เตรียมการอย่างเพียงพอ ส่งผลให้การลอบสังหารฉินอ๋องล้มเหลว ต้องเอาชีวิตไปทิ้ง! แต่ข้าคิดว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้จิงเคอล้มเหลวเป็เพราะตัวเขาเองไม่ได้ไปปฏิบัติภารกิจลอบสังหารด้วยความคิดที่เขาพร้อมจะตายไปด้วย เพราะลึกๆ ในจิตใจของเขายังมีความคิดที่จะหนีรอดเอาชีวิต ดังนั้นจึงส่งผลให้เขาลอบสังหารไม่สำเร็จ!”
“การตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องตายหรือ” มู่ชิงเซียวพูด
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้า “ถูกต้อง! หากเขาไปปฏิบัติภารกิจลอบสังหารด้วยการตัดสินใจแน่วแน่ว่าตัวเขาเองพร้อมที่จะตาย เมื่อฉินอ๋องดึงกระบี่ยาวออกมา เขาย่อมไม่หลบเลี่ยง เขาควรจะรับกระบี่ยาวนั้นด้วยความกล้าหาญ ต่อให้กระบี่ยาวเล่มนั้นจะแทงทะลุหน้าอกของเขาไป เขาก็ต้องแทงมีดสั้นเข้าไปที่หัวใจของฉินอ๋องให้ได้!”
มู่ชิงเซียวคิดว่าความคิดของนางทั้งแปลกและใหม่
“เหตุผลอย่างเดียวกัน หากไม่้าถูกจิงเคอลอบสังหาร ฉินอ๋องก็จำเป็ต้องตัดสินใจว่าตนเองต้องตายเช่นกัน เขาดึงกระบี่ออกมาอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว! เพราะ...” ดวงตาหม่นแสงของเฟิ่งเฉี่ยนค่อยๆ เปล่งประกายขึ้น “เผชิญหน้ากับบนทางแคบมีเพียงผู้กล้าหาญเท่านั้นที่จะชนะ!”
พูดแล้วนางก็เดินหมากอย่างรวดเร็ว
เมื่อตำแหน่งที่หมากขาวเดิมปรากฏขึ้นบนกระดานหมากใหญ่ ทั้งห้องโถงราวกับมีะเิลง
“ให้ตายสิ! หมากขาวก็ฆ่าตัวตายด้วย”
“ตอนนี้สถานการณ์เป็อย่างไรกันแน่ หมากดำฆ่าตัวตาย หมากขาวก็ฆ่าตัวตายหรือ”
“ตอนนี้กำลังแข่งขันกันว่าการฆ่าตัวตายของฝ่ายใดแม่นยำและเฉียบคมกว่ากันหรือ”
“กลยุทธ์แยบยลเกินไป ข้าจะกลับบ้านละ!”
สาวใช้ออกแรงกระตุกแขนเสื้อมู่ชิงหว่าน “คุณหนู ตอนนี้ฝ่ายใดเป็ฝ่ายได้เปรียบเ้าคะ”
มู่ชิงหว่านเหลือกตาขาว “ใครจะไปรู้เล่า!”
ในวังหลวง เฟิ่งชังส่ายหน้าเป็พักๆ ยิ่งดูยิ่งงง “ฝ่าา กระหม่อมมองสถานการณ์บนกระดานหมากไม่ออกแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระองค์มองออกหรือไม่”
เซวียนหยวนเช่อมองหมากบนกระดาน นิ้วมือยาวเรียวนั้นลูบขอบถ้วยน้ำชาเบาๆ เขาพูดด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด “การฟาดฟันกันจริงๆ เพิ่งจะเริ่มขึ้นตอนนี้...”
เฟิ่งชังสับสน
ริมสระบุปผา ซือคงเซิ่งเจี๋ยหยิบหมากขาวที่เพิ่งวางลงไปบนกระดานขึ้นมาลูบคลึงในมือ “สตรีนางนี้...ทำให้คนประหลาดใจเหลือเกิน!”
“การเดินหมากของนางผิดสามัญมากหรือ” ซือคงจวินเย่ถาม
“เพียงแค่พิเศษที่ไหนกัน” ริมฝีปากบางของซือคงเซิ่งเจี๋ยคลี่ยิ้มบางๆ “เป็วิธีการเดินหมากที่ไม่เอาชีวิต!”
ซือคงจวินเย่พูดอีกว่า “หากเปรียบเทียบกับวิธีการเดินหมากของเ้าเล่า”
“แตกต่างกันเพียงลักษณะการเดินหมากเท่านั้นเอง!” ซือคงเซิ่งเจี๋ยยกยิ้ม “แต่วิธีการเดินหมากของนาง ค่อนข้างตรงไปตรงมา ข้าเดาว่านางเป็ผู้หญิงที่มักจะไปไหนมาไหนเพียงลำพัง และเป็คนไม่ทำอะไรตามกฎเกณฑ์...”
ซือคงจวินเย่จับได้ในแววตาของน้องชายมีประกายระยิบระยับพาดผ่าน เขารู้ว่าน้องชายรู้สึกสนใจสตรีที่กำลังเดินหมากขาวผู้นี้มากขึ้น
ในห้องพิเศษ เสวียน ดวงตาทั้งคู่ของฟางเสียจับจ้องกระดานหมาก สีหน้าของเขากระตือรือร้นอย่างที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นมาก่อน
ใช่แล้ว ไม่ใช่ตื่นเต้น และไม่ใช่หวาดกลัว แต่เป็ความรู้สึกกระตือรือร้น!
เป็ความกระตือรือร้นเนื่องจากได้พบคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ!
สายตาของผู้ที่เข้ามาชมการเดินหมากถูกหมากบนกระดานดึงดูดเอาไว้ ไม่อาจละเลื่อนไปที่ใดอีก
“พี่ฟางถอยเพื่อรุก ยอมสละพื้นที่ส่วนใหญ่เพื่อสร้างค่ายกล เดิมทีคิดว่าคู่ต่อสู้จะติดกับ คิดไม่ถึงว่านางจะใช้วิธีการตายแล้วเกิดใหม่!”
“ค่ายกลแร่ดมองจันทร์เป็ค่ายกลไม้ตายของพี่ฟาง อีกฝ่ายถึงกับยังสามารถตอบโต้ได้อีก...ร้ายกาจ! ร้ายกาจจริงๆ!”
“สุดยอด! สุดยอดขึ้นเรื่อยๆ!”
“ละครดีๆ เพิ่งจะเริ่มขึ้นตอนนี้!”
“พี่ฟาง ท่านจะต้องยันให้อยู่นะ!”
หานไท่ฟู่กำหมัดแน่น “ฟางเสีย จะต้องเอานางให้อยู่! เพื่อชื่อเสียงของชุมนุมเดินหมาก!”
องค์ไท่จื่อน้อยนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเตี้ย เขายืดคอออกมาดูหมากบนกระดาน แม้จะดูแล้วไม่กระจ่างแจ้งนัก แต่ฟังจากคำพูดของจ้าวฉีและคนอื่นๆ แล้ว เขาพอจะจับพิรุธบางอย่างได้ สถานการณ์ในตอนนี้กำลังเข้าสู่่เวลาที่สำคัญที่สุด!
มือเล็กๆ ของเขาประสานกัน ใบหน้าแดงระเรื่อ
ต่อมาเป็การปะทะกันหลายก้าว แทบจะได้ยินเสียงกระบี่และดาบเสียดสีกัน เสียงชักกระบี่เสียงง้างธนูล้วนมีทั้งสิ้น!
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือดเพื่อยึดครองพื้นที่!
เ้ารุกข้ารับ
การต่อสู้ไปเป็อย่างดุดัน!
ผู้ชมการเดินหมากที่เริ่มแรกยังไม่กระจ่างแจ้งนัก ต่อมาเมื่อสถานการณ์ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ การต่อสู้ชัดเจนขึ้น มีคนไม่น้อยที่ตกตะลึงจนหลั่งเหงื่อเย็นท่วมกาย!
“ให้ตายสิ หมากกระดานนี้เหนือคาดเกินไป! หากไม่รบรากันแบบคาดเดาไม่ออกให้คนจับทางไม่ได้ ก็ต่อสู้กันชนิดเ้าไม่ตายข้าก็ม้วย าเ็ทั้งสองฝ่าย! ะเืใจเกินไปแล้ว!”
“ยอดฝีมือประลองกัน ต้องใช้สมองมากเกินไป! สมองของข้าคิดไม่ทัน!”
“หากสถานการณ์ยังเป็เช่นนี้ต่อไป ทั้งสองฝ่ายต้องต่อสู้กันจนไม่เหลือหมากแม้แต่ตัวเดียว!”
“ตอนนี้มาถึงเวลาที่สำคัญที่สุด เป็ด่านที่พิสูจน์ความคิดและจิตใจของแต่ละฝ่าย ความคิดและจิตใจของฝ่ายไหนแข็งแกร่งกว่า ฝ่ายนั้นก็จะเป็ผู้ชนะ!”
“ความคิดและจิตใจของสตรีไหนเลยจะสู้บุรุษได้”
“นั่นไม่แน่! ข้าเห็นแม่นางเฟิงหาใช่สตรีธรรมดาสามัญไม่!”
“ฮ่าๆ คำพูดนี้หมายความอย่างไร! หากสตรีธรรมดามีวิธีการเดินหมากที่สุดโต่งเช่นนี้ พวกเราที่เป็บุรุษก็ไม่ต้องมีชีวิตต่อไปแล้ว!”
“ฮ่าๆๆ...”
มู่ชิงหว่านพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของพวกเขา “เฟิงเฉี่ยนเป็คนผิดปกติ! ผิดปกติไปหมดทุกด้าน!”
ภายในห้องพิเศษ หวง เฟิ่งเฉี่ยนยิ่งสังหารยิ่งสนุกสนาน แก้มนวลผ่องประดุจหิมะนั้นแดงก่ำ สีเืฝาดบนแก้มนวลนั้นเย้ายวนยิ่งนัก!
“คิดจะท้าประลองจิตใจของข้าหรือ อย่างอื่นข้าน่ะไม่มี มีก็คือจิตใจที่เข้มแข็งยิ่งยวด!”
“แหะๆ าเ็ทั้งสองฝ่ายหรือ ต่อให้ต้องาเ็ล้มตายทั้งสองฝ่าย ข้าก็จะแทงเ้าให้ตายก่อนที่ข้าจะขาดใจตาย!”
“ฮ่าๆ ถอยแล้วสิ ข้าชอบที่สุดก็คือฟาดฟันพวกเต่าหดหัวอยู่ในกระดอง!”
“นี่มันค่ายกลอะไรกัน แร่ดมองจันทร์หรือ ข้าตัดหัวแร่ดออกก่อนก็แล้วกัน แล้วค่อยตัดหางแร่ด เอาไปแช่สุราดื่ม!”
“หึ! กินหมากของข้า ข้าจะให้เ้าคายออกมา!”
“แทงเ้า!”
“ข้าจะให้เ้าลิ้มลอง งมเข็มในมหาสมุทร!”
“แทงเ้าอีกครั้งหนึ่ง!”
“...”
คำพูดร้อยพันประการที่ออกมาจากปากนาง ทำให้มู่ชิงเซียวถึงกับอ้าปากค้าง ราวกับเขาเพิ่งจะรู้จักนางเป็ครั้งแรก หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
หรือที่จริงแล้วนี่จะจึงเป็นิสัยรักอิสระเสรีของนาง
แต่นี่มัน...มันจะ...จะน่ารักเกินไปมุ้ย!