หลินจือโมราเป็ของล้ำค่าต่อผู้ฝึกตนก็จริงอยู่ แม้จะถึงขั้นแยกเทวะแล้วก็ยังคงเป็ของล้ำค่าที่หาได้ยาก แต่สำหรับเซียนิญญาอย่างหม่าเมี่ยนแล้วมันไม่ได้มีแรงดึงดูดอะไรเลย เพราะเหตุนี้เขาจึงวางใจที่จะเอามันออกมา
“หลอมรวมมันอย่างนั้นหรือ”
หม่าเมี่ยนถามเสิ่นเสวียนด้วยความใ แบบนี้ไม่มีความท้าทายเลยหรือเปล่า!
“หลอมรวมเร็วๆ ด้วย ข้ารีบใช้ หากเรียบร้อยแล้วค่อยเอาไปส่งให้ข้า”
“ขอรับ”
หม่าเมี่ยนเริ่มหลอมรวมหลินจือโมราในทันที
เปลวเพลิงที่เขาใช้ไม่ใช่เพลิงพลังหยาง แต่เป็เพลิงิญญา
ความจริงแล้วเพลิงิญญาคือสิ่งที่หาได้ยากมากในบรรดาเปลวเพลิงทั้งหลาย โดยเฉพาะในโลกมนุษย์ยิ่งเป็ของล้ำค่าที่หาได้ยาก เพลิงิญญามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หลอมรวมสิ่งของแล้วจะผสมผสานธาตุเพลิงิญญาเข้าไปด้วย หากถูกกระตุ้นด้วยไอิญญายิ่งส่งผลให้อานุภาพรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
ที่ให้หม่าเมี่ยนเป็คนหลอมรวมเพราะในตอนนี้เขาสามารถหลอมรวมได้ดีกว่าเสิ่นเสวียนมาก ทำให้ธาตุภายในหลินจือโมราถูกสกัดออกมาได้อย่างสมบูรณ์
หม่าเมี่ยนพ่นเพลิงิญญาสีเขียวเข้มออกมาจากปากปกคลุมหลินจือโมราเอาไว้
เดิมทีหลินจือโมราหลอมรวมได้ยากมาก ทว่าภายใต้การแผดเผาของเพลิงิญญาทำให้มันเริ่มแตกตัวออก
ยาน้ำสกัดแต่ละหยดทำให้สรรพคุณของหลินจือโมราอยู่ในระดับสูงที่สุด ในตอนที่เสิ่นเสวียนเตรียมเอาขวดยาออกมาใส่ เขาก็เห็นว่าคลื่นพลังมิติสั่นะเืขึ้นตรงหน้าของหม่าเมี่ยน จากนั้นขวดสีดำยี่สิบขวดก็ปรากฏขึ้นพร้อมๆ กัน และบรรจุยาน้ำสกัดเ่าั้เข้าไปทั้งหมด
เรียกได้ว่าเสร็จสมบูรณ์ ไม่มีเหลือแม้แต่หยดเดียว
“ท่านเซียนโปรดตรวจสอบ”
หม่าเมี่ยนส่งขวดยี่สิบใบนั้นให้เสิ่นเสวียนด้วยสีหน้าประจบประแจง เสิ่นเสวียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“ไม่เลวเลย ดูเหมือนเ้าจะช่วยข้าได้จริงๆ”
เสิ่นเสวียนดูออก แม้แต่ขวดสีดำเหล่านี้ยังเป็สิ่งของที่ไม่ธรรมดาในยมโลก แม้จะอยู่ในทวีปหลิงโซ่วก็คงเรียกได้ว่าเป็ศาสตราิญญา
เพราะสิ่งของที่เซียนิญญาพกติดตัวไว้ย่อมไม่ใช่ของธรรมดา
“ใช่แล้ว เ้ายังมีศาสตราเซียนอีกหรือไม่ เอามาให้ข้าสักหน่อย”
“เอ๋? ท่านเซียนโปรดอภัย ข้าน้อยไม่มีเลย ครั้งนี้ข้าเป็เพียงร่างอวตารเท่านั้น พกมาได้แค่ขวดเล็กๆ เหล่านี้ ศาสตราเซียนอื่นๆ ต้องรอร่างจริงมาถึงก่อน”
หม่าเมี่ยนรีบอธิบายในทันที
“ช่างเถอะ ส่งข้าออกไปได้แล้ว หากมีเื่อะไรข้าจะเรียกเ้า”
เสิ่นเสวียนเองก็รู้ว่าร่างอวตารไม่อาจพกของติดตัวขนาดใหญ่มากได้ จึงล้มเลิกความคิดนี้ไป
“ขอรับ”
หม่าเมี่ยนตอบรับในทันที แล้วเขาก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างรุนแรง บรรพบุรุษผู้นี้ดูแลไม่ง่ายเลย อีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกกดดันมาก
หม่าเมี่ยนไม่รู้เลยว่าเสิ่นเสวียนสูญเสียพลังในอดีตไปแล้ว เขายังคิดว่านี่คือตัวตนของเสิ่นเสวียนที่ฝึกฝนอีกครั้งในโลกใหม่
เบื้องหน้าฟ้าดินหมุนวน หลังจากทุกอย่างสงบนิ่งลงแล้ว เสิ่นเสวียนจึงกลับมาอยู่ในสถานที่ก่อนหน้านี้อีกครั้ง
เขายังคงอยู่ภายในถ้ำ ข้างกายคือม่านสีฟ้าขนาดใหญ่ หากไม่ใช่เพราะมียาน้ำสกัดยี่สิบขวดอยู่ภายในมิติ เขาคงคิดว่าเมื่อครู่เป็เพียงความฝัน
เสิ่นเสวียนถือแผ่นยันต์เอาไว้ ยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“เซียนิญญา ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
เสิ่นเสวียนกล่าวพึมพำ สำหรับเขาแล้วนี่คือเื่ดี เซียนิญญาเทียบกันแล้วยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเซียนเทพเสียอีก แม้แต่ในโลกนี้ก็ยังอยู่ในระดับสูง
ทว่าเขาในตอนนี้มีโอกาสเรียกเซียนิญญาได้ถึงสามครั้ง แค่คิดก็รู้สึกหวาดกลัวแล้ว
หากเขายินยอม เขาสามารถเรียกหม่าเมี่ยนออกมาท้าสู้กับยอดฝีมือระดับสูงในทวีปนี้ได้และกำจัดทิ้งไปให้หมด วิธีการเช่นนี้เพียงพอที่จะทำให้อำนาจใดๆ หวาดกลัวเขาได้
เสิ่นเสวียนหันมองม่านสีฟ้าด้านหลังเล็กน้อย แล้วเขาก็ออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว เขาได้รับอะไรมากมายจากการเดินทางครั้งนี้ สิ่งที่เขาค่อนข้างประหลาดใจคือไป๋อู๋ฉางยอมที่จะช่วยเหลือเขา
เพราะแต่ก่อนเขาได้สร้างชื่อเสียไว้ในยมโลก
มีความเชื่อมั่นในตนเอง แสวงหาจุดสูงสุด บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ ในขณะเดียวกันยังสร้างศัตรูเอาไว้มากมาย แม้ไป๋อู๋ฉางยินยอมช่วยเหลือตนเอง แต่เขาไม่ได้เชื่อใจอย่างสมบูรณ์ หากไม่จำเป็จริงๆ เขาไม่มีทางเรียกหม่าเมี่ยนออกมาเด็ดขาด
เมื่อออกจากถ้ำ ที่นี่ไม่มีอะไรให้ต้องอยู่ต่อแล้ว รอให้พลังของเขาก้าวหน้าขึ้นไปอีกแล้วค่อยมาใหม่ การเดินทางครั้งนี้นอกจากได้รับความช่วยเหลือจากหม่าเมี่ยนแล้ว เขายังเจอวิธีการเดินทางกลับไปยังโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรอีกด้วย
ยมโลกไม่ได้เป็ประตูเดินทางไปได้เพียงสามโลกเท่านั้น
หลังออกจากแดนิญญามาแล้ว เขาไม่ได้รอช้า มุ่งหน้าไปทางเมืองอวี่ฮว่าในทันที
การเดินทางครั้งนี้ทำให้เขาผสานพลังได้อย่างราบรื่น พลังก้าวหน้าถึงขั้นแก่นทองคำระดับต้น ขอเพียงทำให้ขั้นแก่นทองคำมั่นคงขึ้นเพื่อหล่อเลี้ยงจิติญญา นั่นคือการผสานก่อกำเนิด
และเมื่อผสานก่อกำเนิดเรียบร้อยแล้ว นั่นคือการหลุดพ้นจากความเป็มนุษย์ แยกเซียนและมนุษย์ออกจากกันอย่างสิ้นเชิง
หลินจือโมราหลอมรวมสำเร็จด้วยความช่วยเหลือของหม่าเมี่ยน หลังจากนี้เขาจะกลับไปช่วยปลุกร่างิญญาเพลิงให้เสิ่นเสี่ยวเม่ย
ทว่าเมืองอวี่ฮว่าในตอนนี้กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น
ณ ตระกูลเสิ่น เมืองอวี่ฮว่า
ภายในหอประชุม เสิ่นล่างนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้าุโใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ที่ด้านข้างเขา ผู้าุโสองและผู้าุโสามต่างก็าเ็หนัก ผู้าุโสองแขนขาดไปหนึ่งข้าง มีผ้าขาวพันอยู่ แต่ยังคงโชกไปด้วยเืดูน่ากลัว
“พี่ใหญ่ ข้าขอเสนอให้เคลื่อนย้ายตระกูลเสิ่นออกไป ตอนนี้อำนาจของพวกเขายิ่งใหญ่ขึ้นมาก พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย” ผู้าุโสองเสียแขนไปหนึ่งข้าง แต่ไม่มีความหดหู่ในแววตาของเขาเลย
ในตระกูลเสิ่น พลังของเขาเป็รองเพียงเสิ่นล่างเท่านั้น จิตใจของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าเสิ่นล่างเลย ครั้งนี้เขาต้องเสียแขนไปหนึ่งข้าง เขารู้ตัวดีว่าชั่วชีวิตนี้เขาไม่มีโอกาสได้ไปถึงขั้นบรรพบุรุษอีกแล้ว
“เคลื่อนย้าย? บรรพบุรุษตระกูลเสิ่นใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาอย่างยาวนาน อีกทั้งศาลบรรพบุรุษยังเชื่อมต่อเป็หนึ่งเดียวกับเมืองอวี่ฮว่าอีกด้วย”
เสิ่นล่างส่ายหัว ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของผู้าุโสอง
เสิ่นล่างเพิ่งกลับมาจากูเาไฟ พบว่าตระกูลเสิ่นกำลังตกที่นั่งลำบาก ในตอนนั้นมียอดฝีมือสามคนบุกเข้ามาล้อมโจมตีพวกของผู้าุโสองไว้ สามคนนั้นได้เปรียบทุกด้าน ทำให้ผู้าุโสองต้องเสียแขนไปหนึ่งข้าง
แต่ก็โชคดีที่เสิ่นล่างกลับมาได้ทันเวลา จึงทำให้อีกฝ่ายล่าถอยไป และรักษาชีวิตของพวกเขาไว้ได้
พลังของผู้าุโสองและผู้าุโสามฝึกฝนถึงกึ่งก้าวบรรพบุรุษแล้ว ในตระกูลเสิ่นนอกจากเสิ่นล่างแล้ว พวกเขาคือผู้แข็งแกร่งที่มีหวังฝึกฝนถึงขั้นบรรพบุรุษมากที่สุด
แม้พวกเขาร่วมมือกันยังมิอาจโจมตีอีกฝ่ายได้เลย
ก่อนที่อีกฝ่ายจะโดนเสิ่นล่างโจมตีจนล่าถอยออกไป พวกเขาได้กล่าวท้าทายออกมาด้วย
“เรียกเสิ่นเสวียนออกมา ไม่เช่นนั้นตระกูลเสิ่นจะต้องพินาศ”
เสิ่นล่างปฏิเสธข้อเสนอของผู้าุโสอง ใช่ว่าพวกเขาเคลื่อนย้ายตระกูลออกไปแล้วจะสงบสุขและปลอดภัย พลังยุทธ์ของสามคนนั้นอยู่ในขั้นบรรพบุรุษระดับกลางเท่านั้น เขาไม่จำเป็ต้องกลัว
สิ่งที่เขากลัวก็คือ เื้ัของพวกเขามีขั้นราชันอยู่
อีกทั้งเคล็ดวิชาของอีกฝ่ายเขายังไม่เคยพบเจอมาก่อน ไม่ใช่อำนาจใกล้เคียงกับเมืองอวี่ฮว่าอย่างแน่นอน
“ผู้นำตระกูลมีพร์สูงส่ง พวกเราไม่มีทางส่งตัวผู้นำตระกูลให้พวกเขาเด็ดขาด”
ผู้าุโสามกล่าว แม้เขาจะไม่ได้เสียแขนไปแต่อวัยวะภายในกลับบิดเบี้ยว ตอนนี้เขาต้องใช้พลังร่างกายที่แข็งแกร่งจึงจะฝืนยืนหยัดอยู่ได้
“ยังมีอีกวิธีหนึ่ง”
เสิ่นล่างครุ่นคิดก่อนจะกล่าว
“อะไรหรือ”
“รอผู้นำกลับมาก่อน”
เสิ่นล่างกล่าวอย่างสบายๆ
“ผู้นำกลับมาไม่ใช่เป็การเดินเข้าหากับดักด้วยตนเองหรือ ผู้าุโใหญ่ก็ได้เห็นความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายแล้ว”
เมื่อได้ยินคำของผู้าุโใหญ่ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างมองหน้ากันไปมา แม้เสิ่นเสวียนจะแข็งแกร่ง แต่สู้กับหานเฟิงคนเดียวยังาเ็หนักขนาดนั้น ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังเป็คู่มือที่อยู่ในระดับนี้อีกด้วย
“ผู้นำต้องทำให้พวกเ้าประหลาดใจ”
เสิ่นล่างคิดไปถึงสิ่งที่เสิ่นเสวียนแสดงให้เห็นที่ปากปล่องูเาไฟ เขาต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งจากสำนักไท่อียังสามารถรอดชีวิตออกมาได้ ทำให้เขาวางใจ
“คนตระกูลเสิ่นจงรับคำสั่งจากข้า พยายามป้องกันตัวอย่างสุดความสามารถ รอผู้นำตระกูลกลับมา”
เสิ่นล่างลุกขึ้นยืน กล่าวกับทุกคนในหอประชุม
“ขอรับ”
แม้คนอื่นยังรู้สึกสงสัย แต่ก็พยักหน้ากล่าวรับคำโดยพร้อมเพรียงกัน
ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านนอก ทุกคนในตระกูลเสิ่นได้ยินชัดเจนทุกคำ
“วะฮะฮ่า! คนตระกูลเสิ่นจงฟัง ข้าจะให้เวลาพวกเ้าอีกหนึ่งชั่วยาม หากในหนึ่งชั่วยามนี้พวกเ้าไม่ส่งตัวเสิ่นเสวียนออกมา ข้าจะฆ่าให้สิ้น!”
ทีู่เาด้านหลังตระกูลเสิ่น เสิ่นเหวินเทาไพล่มือสองข้างไว้ด้านหลัง มองไปทางคลื่นเสียงนั้นพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก
“เริ่มแล้วอย่างนั้นหรือ”