ฝานเจิ้นชวนยังคงไม่รู้ตัว ทันใดนั้นก็ถูกกดตัวลงกับพื้น
“พวกคุณ!”
“ฝานเจิ้นชวน โปรดให้ความร่วมมือกับพวกเราด้วย”
คนจำนวนหนึ่งบีบบังคับพาฝานเจิ้นชวนออกจากห้องไปราวกับบิดหมาฮัว [1] ั์ตาของฝานเจิ้นชวนเต็มไปด้วยความชิงชัง แม้แต่คนขับรถมากฝีมือเพียงผู้เดียวข้างกายเขาก็โดนควบคุมตัวไว้ มิอาจต่อต้านได้เลย น้าหลี่ขาอ่อนแรงล้มทรุดตัวลงกับพื้น กำไลหยกเขียวเรืองรองบนข้อมือกระแทกกับมุมโต๊ะพอดี และแตกออกเป็หลายชิ้น
“เจิ้นชวน... พวกคุณเป็ใคร... พวกคุณจับผิดคนแล้ว!”
พวกเขาเพิกเฉยต่อเสียงคร่ำครวญหวนไห้ของน้าหลี่
ผู้นำกลุ่มกลับจับมือกับโจวเฉิงแทน “หัวหน้าโจว ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือกับพวกเราในการจับกุม ฝานเจิ้นชวนเป็คนเ้าเล่ห์มาก ถ้าดำเนินการจับกุมในเขตเหอตง อาจก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็”
“นี่คือสิ่งที่ผมควรทำ เมื่อครู่คนขับรถของฝานเจิ้นชวนพยายามจะแย่งอาวุธผม...”
“พวกเราเข้าใจ นั่นเป็สัญญาณของการลงมือ พวกเราตกลงกันเรียบร้อยั้แ่แรกแล้วไม่ใช่หรือ? สหายโจวเฉิง คุณทำเพื่อรักษาความปลอดภัยของประชาชนผู้บริสุทธิ์ คนขับรถของฝานเจิ้นชวนคือคนสนิทของเขา พฤติกรรมละเมิดกฎหมายของฝานเจิ้นชวน คนขับรถย่อมมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย คนขับรถเป็เป้าหมายในการจับกุมของพวกเราด้วยเช่นกัน”
มาอย่างรวดเร็ว จากไปราวกับสายลมกระโชก ส่วนเื่ที่โจวเฉิงยิงคน กลับถือเสียว่าไม่เห็น
กระทั่งมารดาของฝานเจิ้นชวนก็เดินโซซัดโซเซตามออกไป ไม่สนใจความสง่างามและอิริยาบถต่างๆ ฝานเจิ้นชวนถูกพาตัวไปอย่างกะทันหัน ยังจะพูดถึงเื่แต่งงานหรือไม่อะไรอีก สวัสดิภาพของฝานเจิ้นชวนสำคัญกว่าแน่นอน
บ้านเหลียงทั้งสามคนราวกับโดนกดจุด ตะลึงแข็งทื่อเป็หุ่นไก่
หลี่ต้งเหลียงกับเก่อเจี้ยนถอยกลับไปเฝ้าประตู การทำหน้าที่คุ้มกันผู้อื่น ก็คือการทำงานให้ผู้อื่นนี่นา
สิ่งที่นายจ้างไม่สะดวกจะพูด พวกเขาย่อมต้องพูด และขณะนายจ้างกำลังพูด พวกเขาไม่เหมาะจะอยู่ในเหตุการณ์ ดังนั้นต้องมีไหวพริบรู้ดีว่าควรทำอย่างไร
เหลียงปิ่งอันตาลอย ชีวิตคนเราขึ้นลงรวดเร็วเหลือเกิน จากการคาดหวังให้ฝานเจิ้นชวนช่วยเลื่อนขั้นในตอนแรก จนถึงกลัวฝานเจิ้นชวนล้างแค้นในเวลาต่อมา ความคิดภายในจิตใจของเหลียงปิ่งอันมันมากมายก่ายกองยิ่งนัก แต่ใครจะรู้ว่าคุณฝานเจิ้นชวนผู้ทำให้เขาทั้งเคารพและเกรงกลัวจะประสบเคราะห์กรรมเร็วขนาดนี้... เอาเป็ว่าเมื่อถูกพาตัวไปแบบนี้ เหลียงปิ่งอันรู้ดีว่าจะไม่สามารถกลับมาได้อย่างสมบูรณ์ไร้รอยบุบสลาย!
ฝานเจิ้นชวนจบสิ้นแล้ว
มือของเหลียงปิ่งอันกำลังสั่นเทา
คนรักของเซี่ยเสี่ยวหลานมีตำแหน่งหน้าที่การงานไม่ใช่ย่อย อันที่จริงเขากับโจวเฉิงอยู่คนละภาคส่วน เหลียงปิ่งอันไม่กลัวโจวเฉิงเลยสักนิดเดียว ทว่าโจวเฉิงยังหนุ่มแน่นน่ะสิ แถมจับฝานเจิ้นชวนไปแล้วด้วย ดังนั้นรองหัวหน้าประจำหน่วยงานที่ไม่สลักสำคัญอย่างเขานี้ก็เสี่ยงอันตรายมากเหมือนกันไม่ใช่หรือ? ฐานะบ้านเหลียงดีเสียขนาดนั้น ทั้งที่หลิวฟางเป็เพียงแม่บ้าน และเหลียงปิ่งอันรับเงินเดือนแค่เท่าไร เขารับการตรวจสอบโดยละเอียดไม่ไหวหรอกนะ!
เขาไม่ได้เลื่อนตำแหน่งมาหลายปี จึงคิดว่าเส้นสายของตนเองไม่แข็งแกร่งพอ
เหลียงปิ่งอันไม่รู้ว่าโจวเฉิงเป็คนประเภทใด ทำได้เพียงคาดเดาว่าโจวเฉิงมีภูมิหลังที่สุดยอดมาก
คนหนุ่มเช่นนี้ เป็คนรักของเซี่ยเสี่ยวหลาน!
ถ้าตอนนี้เหลียงปิ่งอันผ่าท้องออกมาดูข้างในได้ ไส้ของเขาคงเขียว [2] หมดแล้ว
ไม่จำเป็ต้องทำอะไรเยอะแยะขนาดนี้ เพียงให้ญาติพี่น้องกลับมาติดต่อกันอีกครั้งตอนหลิวเฟินหย่า เขาคือ ‘น้าเขย’ ของเซี่ยเสี่ยวหลาน เมื่อเป็ถึงครอบครัวเดียวกัน เซี่ยเสี่ยวหลานพบคู่ครองที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ จะไม่เกื้อกูลน้าเขยได้หรือ? ดันดิ้นรนเหนื่อยยากทำทุกสิ่ง เขานี่ช่างเข้าวัดไม่ไหว้พระ [3] ทิ้งแตงโมเพียงเพื่อเก็บเมล็ดงา [4] จริงๆ
“เสี่ยวหลาน หลานดูนี่สิ... มันเป็การเข้าใจผิดทั้งนั้น เป็การเข้าใจผิด”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเหลียงปิ่งอันนั้นเสแสร้งมาก หนังหน้าหนาซึ่งได้รับการฝึกฝนมาหลายปีเริ่มแสดงบทบาทแล้ว
เขาไม่กล้าวางท่าทีของผู้าุโกว่า ทว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาถือมันจนเคยชินแล้ว นิสัยนี้แก้ไม่หายในทันทีทันใด สิ่งที่ใจคิดกับสิ่งที่แสดงออกมาไม่เข้าพวกกัน ทั้งแข็งทื่อและตลกขบขัน
เซี่ยเสี่ยวหลานยิ้มแย้มขณะกำลังควงแขนของโจวเฉิง
“ไม่มีเื่เข้าใจผิดเข้าใจถูกอะไรหรอก ฉันแค่คบหากับคนต่างถิ่นยากจน ไม่ได้แต่งงานกับฝานเจิ้นชวน ทำให้น้าเขยต้องผิดหวังแล้ว”
อารมณ์ของเหลียงฮวนขึ้นๆ ลงๆ ราวกับรถไฟเหาะเช่นเดียวกัน จากแรกเริ่มเดิมทีเธอดูแคลนเซี่ยเสี่ยวหลาน ต่อมาตกตะลึงในความงามของโจวเฉิงเมื่อแรกเจอ และโน้มน้าวตนเองว่าจะมองแค่ใบหน้าไม่ได้ จวบจนตอนนี้... นอกจากอีกฝ่ายหล่อเหลาแล้ว ยังมีความสามารถด้วย หัวใจของเหลียงฮวนเต้นแรงมากจริงๆ
หลิวฟางเืขึ้นหน้า แถมสมองก็เหมือนจะมีเืคั่งด้วย ส่งเสียงหึ่งๆ ราวกับใกล้ะเิ!
เซี่ยเสี่ยวหลานดีเด่นมาจากไหนกัน แค่หญิงสาวชนบทคนหนึ่ง ชื่อเสียงฟอนเฟะแบบนั้น ได้สมรสกับฝานเจิ้นชวนก็นับว่าเป็เกียรติขนาดไหนแล้ว ไม่มีน้าอย่างเธอคนนี้เชื่อมสัมพันธ์จะสำเร็จหรือ? ต่อให้ฝานเจิ้นชวนอายุมาก ผ่านการแต่งงานและมีลูกชาย หรือต่อให้เขาสำส่อนเื่ผู้หญิง ก็ดีเกินพอสำหรับเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่หรือ?
แต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ให้ค่าฝานเจิ้นชวน เธอคบกับคนที่สุดยอดทั้งหน้าตาและอายุก็เหมาะสมกัน!
คำพูดมากมายติดอยู่ในคอของหลิวฟาง เื่ราวเลวร้ายพวกนั้นในหมู่บ้านต้าเหอของเซี่ยเสี่ยวหลาน นึกว่าย้ายเข้าเมืองมาก็ไม่มีใครรู้แล้วสินะ?
สมองของหลิวฟางถูกความริษยาและความโกรธแผดเผาจนมืดมัวหมดแล้ว
“เธอเป็คนแบบไหนกันล่ะ ตอนทำเื่ลับๆ ล่อๆ กับคนอื่นที่หมู่บ้าน—”
“แม่!”
เหลียงฮวนกระวนกระวายแทบแย่ มารดาเธอพูดเหลวไหลในเวลานี้ได้อย่างไร?
เหลียงฮวนไม่ได้คำนึงถึงเซี่ยเสี่ยวหลานแต่อย่างใด เธอแค่กลัวว่าพอเซี่ยเสี่ยวหลานกับโจวเฉิงไม่คบหากันแล้ว เธอเองจะไม่ได้พบเขาอีกเช่นกัน บางครั้งสมองของเหลียงฮวนก็ประมวลผลอย่างรวดเร็ว วันนี้ครอบครัวเธอทำเอาพี่สาวขุ่นเคืองยิ่งนัก ภาพจำของชายคนนี้ต่อครอบครัวเธอต้องย่ำแย่ไม่มีชิ้นดีแน่ จะทำให้ทุกอย่างเลวร้ายไปกว่านี้ไม่ได้
หลิวฟางรู้สึกสับสนงงงวย
โจวเฉิงเข้าใจว่าหลิวฟางจะพูดอะไร โจวเฉิงทั้งโมโหและขบขัน
“ล่าสุดไอ้สารเลวที่พูดถึงเสี่ยวหลานซี้ซั้วแบบนี้ ทุกวันนี้มันยังอยู่ในคุกอยู่เลยนะ ผมแนะนำให้คุณระวังคำพูดคำจาเสียหน่อย ความซวยมันจะออกมาจากปากได้ ผมไม่ชอบที่มีคนว่าร้ายเสี่ยวหลานแม้เพียงนิดเดียว”
เซี่ยเสี่ยวหลานในสายตาของโจวเฉิงดีเลิศไปหมดทุกอย่าง ผมเส้นเดียวยังสำคัญกว่าบ้านเหลียงทั้งสามคนรวมกันเสียอีก
แม้การอบรมจากครอบครัวของเขาจะดีเพียงใด แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าปฏิบัติต่อใคร คิดว่าโจวเฉิงเป็บุคคลประเภท ‘เกาต้าเฉวียน’ จริงหรือ โจวเฉิงมีอารมณ์เหมือนกัน และมีความดื้อรั้นหัวแข็งอย่างที่เหล่าบุตรหลานข้าราชการระดับสูงมีด้วย
“เป็การเข้าใจผิด น้าหลานสับสนอยู่เรื่อยเลย...”
เหลียงปิ่งอันช่วยแก้ไขคำพูดเล็กน้อย เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าจืดชืดน่าเบื่อ
ความจริงแล้วเธออยากบอกคนบ้านเหลียงเหลือเกิน ว่าเธอไม่ได้้าการให้ทานจากมุมมองอันสูงส่งของอีกฝ่าย อยากบอกว่าเธอไม่ได้ขัดสนเงินทอง เธอก็คือเถ้าแก่อีกคนของ ‘หลานเฟิ่งหวง’—คำพูดมากมายหยุดอยู่ที่ปาก สุดท้ายเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่กล่าวออกมา ทำไมเธอต้องใส่ใจความคิดเห็นของคนบ้านเหลียง
ยิ่งไปกว่านั้น สถานะของคนทำธุรกิจอิสระก็โอ้อวดต่อหน้าคนบ้านเหลียงไม่ได้อยู่แล้ว
ทำธุรกิจอิสระนั้นขายหน้า ไม่ใช่แค่บ้านเหลียงที่คิดเช่นนี้ แม้แต่ผู้คนที่ถือชามข้าวเหล็กจำนวนมากในปัจจุบันก็คิดเช่นนี้ หรือจะให้เซี่ยเสี่ยวหลานบอกคนบ้านเหลียงว่าตนเองใกล้สอบเข้ามหาวิทยาลัย—นั่นยิ่งไม่จำเป็ ญาติพี่น้องสภาพนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานกลัวว่าอีกฝ่ายจะหน้าด้านหน้าทนตามตอแย
หลังผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ เซี่ยเสี่ยวหลานเชื่อว่ามารดาของเธอจะรู้จักโฉมหน้าที่แท้จริงของคนบ้านเหลียงแล้ว น่าจะสามารถแข็งใจไม่ไปมาหาสู่กับหลิวฟางได้
“อย่าไปหาแม่ฉันอีก ฉันคิดว่าทั้งสองบ้านไม่จำเป็ต้องติดต่อกันอีกต่อไป น้าเห็นด้วยกับฉันไหม?”
ความสัมพันธ์ทางสายเืที่ไม่จำเป็ ตัดขาดเสียเถอะ
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่กลัวโจวเฉิงจะหัวเราะเยาะ ปิดบังโจวเฉิงไปก็ไร้ประโยชน์ โจวเฉิงเคยจัดการสถานการณ์ที่น่าอดสูกว่านี้มาแล้วด้วยซ้ำ ตอนนั้นเพิ่งรู้จักกัน ไม่ทันไรโจวเฉิงก็ได้ยินชื่อเสียของเธอ โจวเฉิงไม่เกริ่นถึงต่อหน้าเธอแม้แต่น้อย ทว่าจัดการจางเสเพลทิ้งแทน ความเชื่อใจของโจวเฉิงนี้ สำหรับเซี่ยเสี่ยวหลานคือความปลาบปลื้มยินดีที่ผสมความรู้สึกขอบคุณ
เชิงอรรถ
[1]麻花 หมาฮัว คือ ขนมชนิดหนึ่ง ทำจากแป้งบิดพันกันเป็เกลียวและนำไปทอด ในที่นี้นำมาเปรียบเทียบอาการโซเซบิดไปบิดมา
[2]ไส้เขียว มาจาก เสียใจภายหลังกับสิ่งที่ทำลงไปจนไส้เขียว เนื่องจากคนที่ลำไส้เขียวได้มีเพียงคนตายเท่านั้น จึงหมายความว่าเสียใจและเสียดายที่ทำผิดพลาดจนแทบทนไม่ไหว เสียใจแทบตาย
[3]เปรียบเทียบถึงการหวังพึ่งพาผิดคน
[4]捡了芝麻,丢了西瓜 เก็บเมล็ดงาและทิ้งแตงโม หมายถึง สนใจในรายละเอียดปลีกย่อยจนละเลยสิ่งสำคัญไป สุดท้ายก็สูญเสียผลประโยชน์