วันที่สามเดือนสาม หิมะเริ่มหยุดตกแล้ว ถนนสายกลางของเมืองหลวงก็มีขบวนเล็กตั้งอยู่หนึ่งขบวน ประกอบด้วยรถม้า องครักษ์ชุดดำสองนายจากหน่วยพิทักษ์กฏหมาย เดิมทีองครักษ์ชุดนี้จะใช้คุ้มกันสืบคดีสำคัญ
จ้าวซ่งจื่อเวลานี้สวมอาภรณ์สีน้ำเงินเรียบหรู ผมดำขลับถูกเกล้าอย่างชายสูงศักดิ์ยืนอยู่ด้านหน้าขบวน เขาใช้เวลาสองสัปดาห์กว่าจะสะสางงานเสร็จ จากนั้นก็เร่งหาวันไปรับน้องสาว สุดท้ายก็จบลงที่วันนี้
จ้าวซ่งจื่อก้าวขึ้นหลังม้าั์ตาแฝงความดีใจอย่างเห็นได้ชัด เขารอเวลานี้มานาน เวลาที่จะได้พบจ้าวเหม่ยหลินหญิงสาวที่เขาคิดถึงมาตลอด
ขบวนรถม้ากำลังจะเคลื่อนตัวออกจากหน้าจวนจ้าว ทว่าจ้าวิจูกลับวิ่งเข้ามาขวางทางไว้ “พี่ซ่งจื่อข้าขอติดตามท่านไปด้วยได้หรือไม่?”
ชายหนุ่มปฏิเสธด้วยสีหน้าจริงจัง แต่กว่าจะห้ามปรามให้นางยอมถอยออกจากขบวนได้ เวลาก็ล่วงเลยไปไม่น้อย
ระหว่างทางก็มีอุปสรรคเมื่อกลุ่มชาวบ้านยากไร้จากเมืองชนบทกรูกันเข้ามาหวังปล้นขบวนรถม้า แต่พวกเขากลับพบเพียงความว่างเปล่า
จ้าวซ่งจื่อไม่ถือโทษหยิบเงินห้าตำลึงส่งให้พวกชาวบ้าน แม้จะเป็เพียงเศษเงินแต่กลับสร้างรอยยิ้มและความดีใจให้กลุ่มคนเ่าั้ไม่น้อย
เมื่อขบวนเดินทางมาถึงหมู่บ้านหลิงเซียน และเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงเรือนนอกที่จ้าวเหม่ยหลินพักพิงอยู่
จ้าวซ่งจื่อบนหลังม้าจัดอาภรณ์ของตนให้เรียบร้อย ก่อนจะก้าวลงหลังม้าแล้วเดินไปที่บานประตู เขาใช้มือเคาะพลางเอ่ยเสียงนุ่ม “น้องเหม่ยหลิน”
จ้าวเหม่ยหลินที่กำลังจมอยู่กับห้วงความคิดของตัวเองได้ยินเสียงเรียกดังมาจากด้านนอกก็สะดุ้งเล็กน้อย เมื่อได้สตินางจึงหันไปสั่งซูจินให้รีบออกไปตรวจสอบว่าเป็ผู้ใด
“คุณชายใหญ่จ้าวเ้าค่ะ” เสียงซูจินะโกลับมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น นางจำบุรุษผู้นี้ได้แม่นแม้จะจากจวนหลักมานาน
“ใครกัน?” จ้าวเหม่ยหลินคิดทบทวนชั่วครู่ ในเมื่อแซ่เดียวกันก็คงเป็พี่หรือไม่ก็น้อง แต่ที่สำคัญกว่าคงเป็คนจากจวนหลักส่งมารับกลับเมืองหลวง
“ค่าาาา มาแล้วเ้าค่ะ” ร่างเล็กเอ่ยพร้อมรอยยิ้มกว้าง นางลุกขึ้นะโโลดเต้นอย่างลืมตัว ในเมื่อจะทำธุรกิจก็ต้องเริ่มจากเมืองหลวง หากเป็เมืองชนบทแห่งนี้คงมีแต่ิญญากระมังที่สนับสนุน อีกอย่างการหาซื้ออุปกรณ์ก็คงหาได้ง่ายกว่าที่นี่
“อพาทึ พาทึ อาฮะ อาฮะ “จ้าวเหม่ยหลินร้องเพลง พลางใช้มือสองข้างจับศีรษะโยกหัวไปมาจนถึงหน้าประตู
“ฮาย...น้องชาย” จ้าวเหม่ยหลินยกมือขึ้นตบเบา ๆ บนไหล่ของบุรุษตรงหน้า
“เป็พี่ชายเ้าค่ะ” ซูจินกระซิบบอกเบา ๆ ข้างหูร่างเล็ก
“อ๋อ…พี่ชาย” จ้าวเหม่ยหลินยิ้มบางอย่างเขินอาย นางสบตากับชายหนุ่มตรงหน้ากลับรู้สึกว่าแววตานั้นลึกซึ้งเกินคำว่าพี่น้อง ถึงนางในยุคปัจจุบันจะโสดหลายปี แต่เื่เล็กน้อยเพียงนี้มีหรือที่นางจะไม่รู้
จ้าวซ่งจื่อมองใบหน้างามของหญิงสาว ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เพียงรู้สึกว่าจ้าวเหม่ยหลินเปลี่ยนไปมากราวกับไม่ใช่จ้าวเหม่ยหลินในความทรงจำของเขา “เ้าคงลืมข้าแล้ว” เขากล่าวเบา ๆ พลางหันหลังเดินตรงไปยังม้าของตน
“แล้วไม่มีชุดให้ข้าเปลี่ยนหรือ” จ้าวเหม่ยหลินเอ่ยทักท้วงขึ้น
ไม่นานสาวใช้ที่อยู่ในรถม้าก็รีบลงมาพร้อมกับชุดกระโปรงสีขาวสะอาดตาและปิ่นเงินเล็กสองอัน
จ้าวเหม่ยหลินใช้เวลาไม่นานในการเปลี่ยนเสื้อผ้า นางไม่ได้ปักปิ่นแต่กลับยื่นปิ่นเงินให้กับเสี่ยวอวี้และเสี่ยวถังแทน
“ถือไว้เถอะ พวกเ้าก็ลำบากกับข้ามามาก” ร่างเล็กเอ่ยทิ้งทายอย่างอ่อนโยน สำหรับจ้าวเหม่ยหลินแล้วพวกเขาไม่ใช่เพียงบ่าวแต่เป็สหายร่วมชะตากรรมต่างหาก
ขบวนรถม้าเดินทางมาถึงจวนตระกูลจ้าวใน่เย็น เร็วกว่าที่ควรจะเป็อาจจะเป็เพราะระหว่างทางไม่ได้หยุดพักม้า
จ้าวซ่งจื่อกลัวว่าจ้าวเหม่ยหลินจะเหนื่อยล้าหากต้องเดินทางยืดเยื้อ เขาจึงสั่งให้คนเร่งฝีเท้าม้าให้เร็วขึ้น
ทว่าเขากลับไม่รู้เลยว่าตลอดทางคนในรถม้านั้นแทบจะอาเจียนออกมาด้วยอาการเวียนหัว
เมื่อรถม้าจอดนิ่งที่หน้าจวน จ้าวเหม่ยหลินค่อยก้าวลงจากรถม้า จ้าวซ่งจื่อยื่นมือออกมาหวังจะช่วยประคองนางลงจากบันได ทว่าร่างเล็กกลับปฏิเสธอย่างสุภาพ
สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเล็กน้อยดูเหมือนจะผิดหวังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยลาหญิงสาวไปจัดการงานที่คั่งค้าง แล้วปล่อยให้พ่อบ้านไป๋เป็ผู้นำทางแทน
จ้าวเหม่ยหลินกวาดตามองโดยรอบสังเกตได้ชัดเจนว่าบ่าวไพร่ในจวนต่างไม่ค่อยมีใครแสดงความนอบน้อมหรือเคารพต่อนางนัก ห่างเหินจนััได้
“คุณหนูใหญ่จ้าว” สาวใช้ผู้หนึ่งเดินเข้ามาคารวะจ้าวเหม่ยหลิน ก่อนจะหันไปเอ่ยกับพ่อบ้านไป๋ “ท่านไปทำงานเถิด เดี๋ยวทางนี้ข้าจัดการเอง”
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกันซูจินที่เดินอยู่ด้านหลังก็เข้ามากระซิบนายสาว “ซูเซียวสาวใช้คนสนิทฮูหยินรองเกาเ้าค่ะ”
จ้าวเหม่ยหลินไม่ได้ตอบกลับซูจิน นางเพียงเดินตามซูเซียวเงียบๆ จนมาถึงหน้าเรือนหลังหนึ่ง
“ฮูหยินรองกำลังคุยธุระกับอนุเซียว คุณหนูรอที่นี่สักครู่นะเ้าคะ” ซูเซียวกล่าวจบก็เดินเข้าเรือน
จ้าวเหม่ยหลินเอียงคอเล็กน้อยอย่างงุนงงในใจพลันเกิดคำถาม แม่เล็กไม่ได้บอกไว้ว่าจะให้เข้าพบเลยไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดถึงพานางมารอ
เวลาล่วงเลยไปกว่าสองชั่วยามคนในเรือนอาจเข้าใจว่าจ้าวเหม่ยหลินยืนรออย่างสงบ แต่แท้จริงแล้วนางรู้ดีว่าฮูหยินรองเกาตั้งใจจะกลั่นแกล้งให้นางยืนรอตากลมอยู่เช่นนี้
ด้วยความไม่พอใจจ้าวเหม่ยหลินจึงหันไปสั่งสาวรับใช้ที่เดินผ่านไปมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงแรงกดดัน “หากข้าเป็อะไรขึ้นมา พวกเ้าจะรับผิดชอบไหวหรือ?”
สิ้นเสียงสาวรับใช้ถึงกับหน้าถอดสีรีบวิ่งหน้าตาแตกตื่นไปหาเก้าอี้มาให้จ้าวเหม่ยหลินกับซูจินอย่างรวดเร็ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้