ณ เรือเหาะไป๋อวิ๋น ซึ่งหยุดอยู่เหนือทะเลอันกว้างใหญ่ มิได้ทำการบินต่อ
บัดนี้ กู่ไห่ หลงหว่านชิง และไต้ซือหลิวเหนียน ต่างทอดสายตามองเกาะขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ไกลออกไป
เกาะนี้มีขนาดใหญ่กว่าเกาะจิ๋วหวู่หลายเท่าตัว ไร้พืชพันธุ์ใดๆ งอกเงย ที่นั่นมีซากกำแพง และสิ่งปรักหักพังจำนวนนับไม่ถ้วน ดูเหมือนจะผ่านกาลเวลามาไม่น้อย จึงได้เกิดเป็ภาพรกร้างเช่นนี้ อีกทั้งยังมีพื้นที่บางส่วนซึ่งมีสีดำสนิท ราวกับเคยถูกสายฟ้าฟาดนับครั้งไม่ถ้วนเป็เวลานาน
“นี่หรือเกาะเทียนหยวน?” กู่ไห่ถาม พร้อมเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
ส่วนที่แปลกที่สุดของเกาะเทียนหยวน ก็คือเมฆดำหนาทึบ ซึ่งปกคลุมรอบเกาะใหญ่นี้ไว้ ท่ามกลางเมฆดำเ่าั้ มีฟ้าแลบหลายสาย บรรยากาศน่ากลัวดังกล่าว เหมือนกำลังกดทับหัวใจทุกคนจนหนักอึ้ง
ใช่ว่ากู่ไห่จะไม่เคยเห็นเมฆดำปกคลุมท้องฟ้า แต่ก็ไม่เคยเห็นเมฆดำที่มากเช่นนี้มาก่อน เกาะเทียนหยวนนั้น มีขนาดพอๆ กับโลกเดิมของเขา ราวกับได้เห็นภาพเมฆดำจำนวนนับไม่ถ้วนเหล่านี้ กำลังโอบล้อมปกคลุมโลกเดิม เป็ภาพที่งดงามหาใดเปรียบ
“ถูกต้อง! นี่คือเกาะเทียนหยวน เมฆดำที่ปกคลุมรอบเกาะ คือส่วนหนึ่งของทัณฑ์์ ที่ยังไม่ได้แสดงอิทธิฤทธิ์” หญิงสาวพยักหน้า
"ยังไม่ได้แสดงอิทธิฤทธิ์?" กู่ไห่ถามอย่างกังขา
"ใช่! โทสะของ์ยังไม่สูญสลาย ศิษย์ของอี้เทียนเก๋อที่เข้าไปอยู่ในแดนแรกสาบสูญนั้น ขอเพียงก้าวออกจากเกาะ ก็จะถูกทำลายโดยทัณฑ์์
แม้ว่าจะรอดจากทัณฑ์์เมื่อแปดร้อยปีก่อนได้ แต่ก็ทำได้เพียงอาศัยอยู่ในแดนแรกสาบสูญไปตลอดชีวิตเท่านั้น เหมือนนักโทษที่ถูกขังอยู่ในคุก ไม่อาจออกจากเกาะเทียนหยวนได้!" หลงหว่านชิงอธิบาย
“ถังจู่้าให้เว่ยเซิงเหรินช่วยหาคน แล้วเว่ยเซิงเหรินผู้นั้นจะออกจากเกาะเทียนหยวนได้อย่างไร?” กู่ไห่ถามด้วยความสงสัย
"เว่ยเซิงเหรินหาใช่ศิษย์อี้เทียนเก๋อ" หญิงสาวบอก
“หืม?” กู่ไห่รู้สึกประหลาดใจยิ่ง
ไกลออกไปนั้น กู่ไห่มองไม่เห็นว่าผู้ใดอยู่บนเกาะเทียนหยวน แต่กลางมหาสมุทร เขามองเห็นเรือลำใหญ่แล่นตรงไปที่เกาะ เห็นได้ชัดว่า ผู้คนจากทั่วสารทิศ ต่างก็มุ่งหน้าไปยังดินแดนแรกสาบสูญ
กู่ไห่ไม่อาจมองเห็นเกาะเทียนหยวนได้มากนัก แต่ไต้ซือหลิวเหนียนกลับสามารถทำได้ ผู้ทรงศีลหรี่ตา พร้อมกล่าวว่า “ดูเหมือนเราจะช้าไปก้าวหนึ่ง คนส่วนใหญ่เข้าไปในดินแดนแรกสาบสูญกันแล้ว ไปกันเถอะ ่เวลาที่ประตูมิติเปิดมีจำกัด ยิ่งเข้าไปเร็วเท่าใด ก็ยิ่งมีเวลาเสาะหาตัวเว่ยเซิงเหรินมากขึ้นเท่านั้น!"
“อืม!” หลงหว่านชิงพยักหน้าเห็นด้วย พลางสะบัดมือหนึ่งครั้ง คนรับใช้ที่อยู่ไม่ไกล ก็ควบคุมเรือเหาะมุ่งไปยังเกาะเทียนหยวนทันที
เรือเหาะดูเหมือนจะสูงค่ายิ่ง เนื่องจากตลอดเส้นทางที่ผ่านมา กู่ไห่ไม่เห็นยานเหาะลำอื่นเลย
เรือเหาะเกือบถึงเกาะเทียนหยวนแล้ว
แกว๊ก!
เสียงร้องดังก้อง ไม่ไกลนัก มีกระเรียน์ตัวใหญ่บินทะยานตรงมาทางเรือเหาะ ด้วยความเร็วน่าอัศจรรย์
"เอ๊ะ! นั่นกระเรียนสื่อสารของท่านตานี่" หญิงสาวมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
แกว๊ก!
กระเรียน์บินได้เร็วยิ่ง เพียงพริบตา ก็เข้ามาใกล้ด้านหน้าเรือเหาะแล้ว
"ให้มันเข้ามา!" หลงหว่านชิงโบกมืออนุญาต
"ขอรับ!" คนรับใช้ที่ควบคุมเรืออยู่ไม่ไกล ส่งเสียงตอบรับ
ตูม!
กระเรียน์ร่อนลงตรงหน้าทุกคน พร้อมเสียงดัง กับลมหอบใหญ่
มันตัวใหญ่มาก ขณะยืนสูงเกือบสองเท่าตัวคนเลยทีเดียว
"คารวะถังจู่!" กระเรียน์กล่าวออกมาในทันที
"โอ้? มารหรือ?" กู่ไห่ หน้าเปลี่ยนสีโดยฉับพลัน
“เหตุใดเ้าถึงได้มาถึงนี่?” หญิงสาวถาม พร้อมขมวดคิ้วมุ่น
“ถังจู่ ท่านจ้าวขอให้ข้าน้อยล่วงหน้ามาหาท่าน แต่เนื่องจากไม่ทราบว่าท่านอยู่ที่ใด จึงได้มารออยู่ที่เกาะเทียนหยวน จนเห็นเรือเหาะของท่านมาถึง” กระเรียน์ตอบ
"เกิดเื่ใดขึ้นหรือ?" เธอถามด้วยความงุนงง
“ท่านจ้าวบอกให้ท่านรีบกลับทันที เกิดเื่กับน้องสาวของท่านขอรับ!"
"อะไร? เกิดเื่ใดขึ้น? ไม่ใช่ว่าท่านตาอยู่ข้างๆ นางหรอกหรือ?" หญิงสาวถาม หน้าถอดสีทันควัน
“นางกลืนกินิญญามารเข้าไป มันเข้าสู่หัวใจนางแล้ว และกำลังหลอมรวมเข้าด้วยกัน กว่าท่านจ้าวจะพบ ก็สายไปแล้วขอรับ แม้ว่าจะยับยั้งการหลอมรวมได้ แต่นางกลับเต็มใจเข้าสู่วิถีมาร
เว้นแต่จะเปลี่ยนความคิดนาง แม้จะบังคับให้ิญญามารออกไปได้ จิติญญาทั้งสาม[1]ของนาง ก็จะถูกดึงออกไปด้วยเช่นกัน ท่านจ้าวทำได้เพียงยับยั้งไว้ชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้นจึงขอให้ท่านรีบกลับโดยด่วน เพื่อกล่อมให้นางเลิกคิดเข้าสู่วิถีมาร ท่านจ้าวกล่าวว่านางเชื่อฟังเพียงคำพูดท่านเท่านั้น" กระเรียน์อธิบาย
"เ้าเด็กโง่นั่น! หากนางไม่้า เช่นนั้นจะเปลี่ยนใจนางได้อย่างไร?" หญิงสาวกังวลมาก
"ถังจู่ ท่านรีบกลับไปพร้อมกับข้าเถอะขอรับ ท่านจ้าวบอกว่ายิ่งกลับไปช้าเท่าใด เื่ก็จะยิ่งแย่มากขึ้นเท่านั้น" กระเรียน์กล่าว
สีหน้าหญิงสาวเปลี่ยนไปอีกครั้ง นางมองเกาะเทียนหยวนที่อยู่ไม่ไกล สีหน้าพลันปรากฏแววไม่ยินยอม
"ข้าจะรีบกลับไปพร้อมเ้า ไต้ซือ ดูเหมือนข้าจะเข้าไปในดินแดนแรกสาบสูญไม่ได้แล้ว จึงอยากขอร้องท่านสักครั้ง ให้ช่วยตามหาเว่ยเซิงเหรินให้ที จะได้หรือไม่?" หลงหว่านชิงขอร้อง พลางมองไต้ซือหลิวเหนียนด้วยสายตาวิงวอน
ไต้ซือหลิวเหนียนมองดูเกาะ ดวงตาปรากฏแววไม่เต็มใจ ระงับความปรารถนาของตนไว้ แล้วส่ายหน้า
"หน้าที่ของข้าคือปกป้องถังจู่ ข้าสัญญากับมารดาของท่าน ว่าจะอยู่เคียงข้างท่าน ต้องขออภัยด้วย!" ไต้ซือหลิวเหนียนกล่าว พลางส่ายหน้า
“แต่ใน่เวลาสองร้อยปี ประตูมิติจะเปิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และเปิดนานที่สุดก็แค่หนึ่งปี หรือบางทีอาจจะน้อยกว่านั้น ข้าไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องกลับไป
ข้ามีน้องสาวคนเดียว แต่ก็ต้องล้างแค้นให้ท่านแม่เช่นกัน ไต้ซือ... ข้าขอร้องท่านได้หรือไม่? ท่านต้องช่วยข้านะเ้าคะ” เธออ้อนวอน
ไต้ซือหลิวเหนียนส่ายหน้า "ต้องขออภัยจริงๆ ถังจู่"
เธอมองไต้ซือหลิวเนียน ด้วยแววตาเ็ป
“แต่ถังจู่วางใจ นอกจากข้าแล้ว ที่นี่ยังมีหัวหน้าสังกัดวารีอยู่มิใช่หรือ?” ไต้ซือหลิวเหนียนกล่าว พลางยิ้ม
“เอ๊ะ!” หญิงสาวมองกู่ไห่
"กู่ไห่ เ้าเข้าไปในนั้น ช่วยข้าตามหาเว่ยเซิงเหริน ต้องหาเขาให้พบ!" หลงหว่านชิงกล่าวด้วยท่าทีกังวล
กู่ไห่ขมวดคิ้วเล็กน้อย "ถังจู่ ผู้น้อยไม่รู้สิ่งใดเกี่ยวกับเว่ยเซิงเหริน และดินแดนแรกสาบสูญแม้แต่น้อย เื่เกี่ยวกับโลกแห่งการฝึกตน ก็ทราบเพียงเล็กน้อย ผู้น้อยเกรงว่าจะไม่มีความสามารถพอขอรับ!"
“ท่านกู่!” ไต้ซือหลิวเหนียนพูดขัดยิ้มๆ
“ไต้ซือ?”
“ครานี้ไร้ทางเลือกแล้ว เราทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากท่านเท่านั้น ท่านกู่โปรดอย่าปฏิเสธเลย เว่ยเซิงเหรินอยู่ที่ใด สถานการณ์ในแดนแรกสาบสูญเป็อย่างไร พวกเราก็ยังไม่เคยเข้าไปเช่นกัน
ถังจู่ติดปัญหาทางครอบครัว จำต้องจากไป คงต้องรบกวนท่านแล้ว บางที นี่คงเป็เื่ที่สมเหตุสมผลแล้วกระมัง ถังจู่ช่วยให้ท่านบรรลุสู่ระดับก่อ์ ท่านก็ช่วยถังจู่ตามหาคน” ไต้ซือหลิวเหนียนกล่าวเสียงเคร่ง
กู่ไห่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เงียบไปชั่วครู่ สุดท้ายก็พยักหน้า "ได้! ข้าจะทำให้ดีที่สุด"
"ดี! ขอบคุณเ้ามากกู่ไห่" หญิงสาวยิ้ม ขณะกล่าว
กู่ไห่เพิ่งเข้าสู่โลกแห่งการฝึกตน แม้เธอจะเห็นความสามารถของเขาแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกกังวลเล็กน้อย ว่ากู่ไห่จะสามารถหาเว่ยเซิงเหรินพบหรือไม่
"จริงสิ! เนื่องจากข้าต้องตามหาเขา ไม่ทราบว่าท่านพอมีเบาะแสใดบ้างหรือไม่? รูปร่างหน้าตาของเว่ยเซิงเหรินผู้นั้นเป็อย่างไร มีลักษณะเด่นใดบ้างหรือไม่?" กู่ไห่ถามขึ้น
เธอส่ายหน้า "ไม่มีสิ่งใดเลย!"
"หืม?" กู่ไห่มีสีหน้าแข็งค้างไปแล้ว
อะไรคือไม่มีสิ่งใดเลย?
"ไม่มีผู้ใดเคยเห็น ว่าเว่ยเซิงเหรินมีหน้าตาเป็เช่นไร หรือมีลักษณะเด่นอย่างไร รู้เพียงว่า เขาอยู่ในดินแดนแรกสาบสูญ ส่วนเื่อื่นๆ ข้าไม่ทราบ" หลงหว่านชิงอธิบาย พลางยิ้มขื่น
กู่ไห่ไร้คำพูด... แล้วจะหาเจอได้อย่างไร? อาศัยเพียงแค่ชื่ออย่างเดียวหรือ? เช่นนั้น ข้าควรจะเอาโทรโข่งมา แล้วะโเรียกชื่อไปทั่วทุกหนแห่ง อย่างนั้นหรือ?
ไต้ซือหลิวเหนียนพยักหน้า กล่าวว่า "ข้ารู้ว่าการหาผู้ใดสักคนโดยไม่รู้สิ่งใดเลย ก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร เื่เป็เช่นนี้ เว่ยเซิงเหรินผู้นั้น ย่อมต้องมีลักษณะเฉพาะของตัวเองแน่ เพียงแต่ท่านกู่ต้องสืบหามันอย่างช้าๆ ด้วยตัวเอง ใช่แล้ว! หลังจากที่ท่านพบเขา ให้มอบของสิ่งนี้ให้แก่เขาด้วย"
หลงหว่านชิงหยิบกล่องเล็กๆ ออกมา
กู่ไห่รับมา และค่อยๆ แง้มออกดู ด้านในเป็ปิ่นปักผมธรรมดาอันหนึ่ง
"บอกเขาว่าถังจู่หออี้ผินสิ้นแล้ว และข้าคือถังจู่คนใหม่ เขาจะเข้าใจเอง" เธอกล่าวเสียงเคร่ง
กู่ไห่ฝืนยิ้ม และพยักหน้า คนก็ยังไม่แน่ ว่าจะหาเจอ แล้วนี่ยังจะฝากของไปให้อีก!?
"วางใจได้ เว่ยเซิงเหรินถือตัว เกินกว่าจะเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนาม ด้วยนามนี้ของเขา เ้าค่อยๆ สืบหาไป
โอ้! ใช่แล้ว... ก่อนหน้านี้มีคนกลุ่มหนึ่งจากหออี้ผินได้ล่วงหน้าเข้าไปแล้ว" ไต้ซือหลิวเหนียนเอ่ยขึ้น หลังนึกขึ้นมาได้
“เอ๊ะ!”
"หัวหน้าสังกัดปฐี เิไท่ พร้อมผู้คนนับพันในสังกัดปฐี ก็ไปตามหาเว่ยเซิงเหรินเช่นกัน หากพบพวกเขาด้านใน ให้ระมัดระวังตัวไว้!" ไต้ซือหลิวเหนียนกล่าวเตือนเป็นัยๆ
“ระวังหรือขอรับ?” กู่ไห่เลิกคิ้ว ตระหนักถึงความนัยที่แฝงอยู่ในถ้อยคำของไต้ซือหลิวเหนียน
เมื่อนัดแนะกู่ไห่เรียบร้อยแล้ว เรือเหาะก็พาทุกคนไปที่ยอดเขาบนเกาะ
"รักษาตัวด้วย!" หลงหว่านชิงที่อยู่บนเรือเหาะ กล่าวกับทั้งสี่คนบนยอดเขา
"ถังจู่เองก็รักษาตัวด้วย พวกเราจะทำให้ดีที่สุด!" กู่ไห่ค้อมศีรษะ
"ไป!" หญิงสาวออกคำสั่ง
ฟิ้ว!
เรือเหาะบินไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้อย่างรวดเร็ว พริบตาก็ไปถึงเส้นขอบฟ้าแล้ว เหลือเพียงกู่ไห่ เฉินทียนซาน ซ่งฉิงซู และเกาเซียนจือ ที่อยู่บนยอดเขา
ซ่งฉิงซูมองเรือที่บินจากไป ด้วยแววตาตื่นเต้นยินดี เขายืนอยู่ด้านหลังคนทั้งสาม มองด้านหลังของกู่ไห่ และยกยิ้มเ็า
ขณะที่ซ่งฉิงซูรู้สึกมีความสุข กับการที่หลงหว่านชิงจากไปและแสยะยิ้มอยู่ด้านหลังกู่ไห่อยู่นั้น...
ฟึ่บ!
จู่ๆ คนผู้นั้นก็หันกลับมา จ้องหน้าเขา
"อ๊ะ!"
ฉับพลันที่กู่ไห่หันมานั้น ทำเอาซ่งฉิงซูใทันที รอยยิ้มน่ากลัวบนใบหน้า เปลี่ยนเป็แข็งค้าง ทำให้สีหน้าเขาน่าเกลียดยิ่ง
กู่ไห่หมุนตัวกลับมา จ้องซ่งฉิงซูเขม็ง
เฉินเทียนซานและเกาเซียนจือ สังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงหันมามองด้วยความอยากรู้ และเมื่อเห็นสีหน้าที่บิดเบี้ยว ราวกับผีร้ายบนใบหน้าซ่งฉิงซู ทั้งสองพลันตะลึงงัน
กู่ไห่ยังคงจ้องซ่งฉิงซูเขม็ง
นั่นทำให้ซ่งฉิงซูตระหนกและกระวนกระวายใจ แต่ก็สงบสติอย่างรวดเร็ว จ้องกู่ไห่กลับ พร้อมกล่าว "หัวหน้าสังกัด ท่านจ้องมองข้าด้วยเหตุใดหรือขอรับ?"
แต่กู่ไห่กลับยิ้มเล็กน้อย พลางพูด "ถังจู่และคนอื่นๆ จากไปแล้ว เหลือเพียงเราสี่คน ข้าเพิ่งเข้าร่วมกับหออี้ผิน ยังมีเื่อีกมากที่ยังไม่เข้าใจกระจ่าง
ซ่งฉิงซู เฉินเทียนซาน พวกเ้าเป็ศิษย์สำนักยุทธ์ คงรู้กฎหออี้ผินดีใช่หรือไม่? เช่นนั้น ข้าอยากจะถามว่า หออี้ผินจะลงโทษอย่างไรหากมีผู้ใต้บังคับบัญชาทรยศต่อหัวหน้า?”
ขณะที่ซ่งฉิงซูสบตากู่ไห่ ในใจลึกๆ กลับรู้สึกหวาดหวั่น เป็ไปได้อย่างไร? เขารู้สิ่งใดเข้าอย่างนั้นหรือ? ไม่! เป็ไปไม่ได้ที่เขาจะรู้เื่
ซ่งฉิงซูข่มกลั้นความตื่นตระหนก ไม่ได้ตอบสิ่งใด เพราะกังวลว่าหากอ้าปากพูด ความใที่เก็บกลั้นไว้ จะหลุดออกมาให้คนรับรู้
เฉินเทียนซานที่อยู่ด้านข้างนั้น ไม่ได้รับรู้ถึงความผิดปกติ เพียงตอบกลับ "ผู้ใต้บังคับบัญชาทรยศต่อหัวหน้า ย่อมมีอาญาร้ายแรง มีโทษถึงตาย!"
“มีอาญาร้ายแรง? หากมีศิษย์ในสังกัดวารี ้าสังหารข้า เขาควรถูกตัดสินอย่างไร?” กู่ไห่ยังคงยิ้ม
รอยยิ้มเขาอ่อนโยนมาก แต่ในสายตาของซ่งฉิงซู มันกลับสยดสยอง จนทำให้สั่นสะท้านไปทั้งร่าง
เขาพบสิ่งใดเข้าแล้ว เช่นนั้นหรือ? เขารู้แล้วหรือ? ในใจซ่งฉิงชูพลันตื่นตระหนก
"แน่นอนว่าย่อมมีโทษถึงตายขอรับ ศิษย์ของหออี้ผินทุกคน มีสิทธิ์ลงโทษเขา" เฉินเทียนซานอธิบาย
"มีโทษถึงตายหรือ? ซ่งฉิงซู เ้าคิดว่าอย่างไร?" กู่ไห่มองซ่งฉิงซู พร้อมถามด้วยรอยยิ้ม
“ถูกต้อง! ถูกต้องแล้วขอรับ!” ซ่งฉิงซูตอบรับ ขณะที่แววตามีความตระหนกแฝงอยู่
เมื่อจ้องมองอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่ง กู่ไห่ยิ้ม ทั้งกล่าวว่า "โทษถึงตายเช่นนั้นหรือ? ดียิ่ง!"
ขณะที่พูด กู่ไห่ก็หันหลังกลับ และไม่ได้มองซ่งฉิงซูอีก
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นใน่เวลาสั้นๆ นี้ สำหรับซ่งฉิงซู กลับดูเหมือนยาวนานราวกับชั่วนิจนิรันดร์ เส้นประสาททั่วร่างเครียดเกร็ง เมื่อกู่ไห่หันกลับไป ทั่วทั้งร่างพลันผ่อนคลาย แผ่นหลังโชกไปด้วยเหงื่อ
เมื่อมองด้านหลังกู่ไห่อีกครั้ง ซ่งฉิงซูกลับรู้สึกวุ่นวายใจยิ่ง
เฉินเทียนซานไม่ได้รู้ถึงความผิดปกติใดๆ ขณะที่เกาเซียนจือกลับมีสีหน้าเปลี่ยนไป มองซ่งฉิงซูด้วยความเคลือบแคลง
---------------------------------------
[1] จิติญญาทั้งสาม คนเราประกอบด้วยสามจิต หากจิตไม่สมบูรณ์ จะตายภายในเจ็ดวัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้