สหายโจวอี๋ใช่ว่าไม่มีข้อดีอะไรเลยสักอย่าง
อย่างน้อยเธอก็รู้จักปรับตัว
รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาด อับอายแล้วจดจำ ครั้งหน้าจะไม่ทำเื่บุ่มบ่ามอีกเป็อันขาด
แม้จะบ่นในใจแต่ก็ไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกไปเพื่อท้าทายเซี่ยเสี่ยวหลานอีก ในขณะที่แม่ของเธอทนไม่ไหวจึงพลั้งปากพูดประชดออกไป สุดท้ายก็ถูกตอกกลับตามคาด โจวอี๋เห็นสถานการณ์ตรงหน้าแล้วรู้ทันทีว่า ปู่โจวให้การยอมรับเซี่ยเสี่ยวหลานเช่นนี้ เื่ของเซี่ยเสี่ยวหลานกับโจวเฉิงคงไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
นอกเสียจากว่าโจวเฉิงจะไม่อยากคบกับเซี่ยเสี่ยวหลานอีกต่อไป เหอะๆ เป็ไปได้หรือ ดูโจวเฉิงเอาเถิด ลูกตาแทบจะติดอยู่กับตัวเซี่ยเสี่ยวหลานตลอดเวลา ความหลงใหลที่มีให้หญิงสาวคนนี้คงไม่หายไปง่ายๆ ภายในเวลาไม่กี่ปีได้หรอก
ส่วนเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นจะเลือกโจวเฉิงหรือไม่... โจวอี๋ไม่เคยคิดเื่นี้
อย่างไรก็ตามโจวเฉิงหน้าตาดี พื้นเพครอบครัวก็ดี อีกทั้งเขายังเป็คนเก่ง โจวเฉิงรักเซี่ยเสี่ยวหลานมากเสียขนาดนั้น เซี่ยเสี่ยวหลานมีหรือจะไม่เลือกน้องชายของเธอ
โจวอี๋กำลังรู้สึกกลุ้มใจ
ได้เป็ครอบครัวเดียวกับเพื่อนสนิทคือสิ่งที่ดีที่สุด เพราะเธอกับลี่ลี่เข้ากันได้ดี
แต่ลี่ลี่กลับเป็คนไม่เอาไหน โจวเฉิงไม่ปรายตามองเธอเลยด้วยซ้ำ ดันไปหลงเซี่ยเสี่ยวหลานเสียได้ เซี่ยเสี่ยวหลานต้องเป็ ‘จิ้งจอกสาว’ อย่างแน่นอน มิเช่นนั้นนอกจากจะทำให้โจวเฉิงหลงหัวปักหัวปำ แล้วค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาในครอบครัวโจวไม่พอ ตอนนี้ยังดึงคุณปู่กับคุณย่าของเธอไปเป็พวกเดียวกันอีก
โจวอี๋ยังจะทำอะไรได้?
โจวอี๋รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแต่ก็หาจุดตอกกลับไม่ได้ นอกจากชาติตระกูลแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานคือ ‘ลูกเพื่อนบ้าน’ อย่างแท้จริง ทำได้ดีไปหมดทุกอย่าง โจวอี๋คิดจะจับผิดแต่ก็ยังหาจุดอ่อนไม่เจอ!
เธอช่วยต่งลี่ลี่เพราะเห็นแก่มิตรภาพ เช่นนั้นตอนนี้ต่งลี่ลี่จะช่วยมีน้ำใจคิดถึงเพื่อนบ้างได้หรือไม่ ช่วยออกมาขอโทษเซี่ยเสี่ยวหลานที เธอจะได้มีหน้าสานสัมพันธไมตรีกับเซี่ยเสี่ยวหลานต่อไป
แค่คิดก็รู้สึกว่าคงเป็ไปไม่ได้
โจวอี๋รู้จักต่งลี่ลี่เป็อย่างดี
เื่นี้ช่างน่าปวดหัวจริงๆ หากโจวอี๋อยากถอนคำพูดของตัวเองในอดีต เธอก็ต้องลดทิฐิลง
เธอไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว เด็กชนบทอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานอาศัยความสามารถของตัวเองค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้า เหยียบย่ำอุปสรรคที่ต้องเผชิญระหว่างการคบหาดูใจกับโจวเฉิงจนราบ... โจวอี๋ทำได้เพียงยอมแพ้เท่านั้น
ตอนเซี่ยเสี่ยวหลานกับกวนฮุ่ยเอ๋อเดินออกจากบ้านพร้อมกัน โจวอี๋พูดติดๆ ขัดๆ ว่า “น้าสะใภ้คะ เสี่ยวหลานซื้อตั๋วรถไฟ่ปิดเทอมได้หรือยังคะ ฉันมีเพื่อนทำงานอยู่ที่กรมทางรถไฟ ถ้าเธอยังซื้อตั๋วไม่ได้ ฉันจะให้เพื่อนช่วยจัดหาให้ค่ะ”
กวนฮุ่ยเอ๋อมองโจวอี๋อย่างแปลกใจ หลานสาวคนโตกำลังคิดจะทำอะไรอยู่
แม่ของโจวอี๋เองก็คิดว่าโจวอี๋คงเป็บ้าไปแล้ว
ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นมีสติดี เธอพอจะเดาได้
โจวอี๋ยอมแพ้แล้วสินะ?
ที่แท้โจวอี๋นั้นไม่ได้โง่ ใครบอกว่าคุณหนูใหญ่ผู้นี้นอกจากประจบสองผู้าุโของตระกูลโจว เธอก็ทำอะไรไม่เป็สักอย่าง แต่โจวอี๋คือคนที่รับรู้ถึงท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้เฒ่าโจวได้อย่างรวดเร็ว โจวอี๋ผู้นี้ใช่ว่าจะไม่มีข้อดีเสียหน่อย
“ขอบคุณค่ะที่เป็ห่วง แต่ฉันซื้อตั๋วมาแล้ว ต่อไปถ้ามีปัญหาอะไรคงต้องรบกวนพี่ให้ช่วยแล้วล่ะค่ะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานปฏิเสธอย่างมีมารยาท โจวอี๋ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายยอมรับการยอมแพ้ของตนหรือไม่ ใจคิดอยากพูดอะไรต่ออีกสักหน่อย แต่กลับถูกแม่ตัวเองลากไปทางอื่น
“โจวอี๋กำลัง...”
“คุณน้าคะ เจตนาร้ายมีการแบ่งระดับค่ะ ฉันว่าที่ปู่โจวเรียกโจวอี๋มาวันนี้อาจเพราะมีเจตนาอื่นแอบแฝง”
เจตนาร้ายของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน
อย่างเซี่ยจื่ออวี้ที่คิดทำลายเซี่ยเสี่ยวหลาน มันคือความชั่วร้าย
ทว่าสิ่งที่โจวอี๋ทำก็แค่เพิ่มอุปสรรคในความสัมพันธ์ของเธอกับโจวเฉิงเท่านั้น ไม่ถึงขั้นทำร้ายร่างกาย และไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเธอ อย่างมากก็แค่ทำให้เธอเลิกกับโจวเฉิง
เธอไม่เห็นโจวอี๋อยู่ในสายตา เพราะเื่ที่ต้องคิดพิจารณาไม่เหมือนกับเื่ราวในชีวิตก่อน ทำให้เธอไม่มีเวลามานั่งยึดติดกับเื่ของโจวอี๋ แต่ผู้เฒ่าโจวช่วยจัดการหวังก่วงผิงให้ เซี่ยเสี่ยวหลานจึงรับน้ำใจครั้งนี้ไว้ และยินดียอมถอยให้หนึ่งก้าว
เื่เล็กน้อยแค่นี้ไม่จำเป็ต้องทำให้สองผู้าุโของตระกูลโจวต้องรู้สึกกังวล เพราะถึงอย่างไรคุณปู่ก็ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ และคุณย่าเองก็ปกป้องเธอราวกับหลานแท้ๆ
ต่อให้สองผู้าุโไม่ชอบโจวอี๋มากแค่ไหน ถึงอย่างไรโจวอี๋ก็ยังเป็คนในครอบครัว แน่นอนว่าย่อมอดเป็ห่วงไม่ได้
โจวอี๋เป็คนฉลาด เห็นท่าทีของปู่โจวแล้วเธอก็ยอมก้มหัวอย่างจำนนทันที
เซี่ยเสี่ยวหลานยินดีรักษาความสัมพันธ์ที่สงบสุขไว้เช่นนี้ เื่ผิดศีลธรรมที่โจวอี๋เคยกระทำ เธอย่อมสามารถเมินเฉยได้ แต่ถ้าอนาคตโจวอี๋กล้าทำอะไรอีกล่ะก็ ต่อให้ปู่โจวออกหน้าแทนก็ไม่มีประโยชน์!
กวนฮุ่ยเอ๋อมองหน้าเซี่ยเสี่ยวหลาน ช่างเป็คนใจกว้างจริงๆ
เฮ้อ เด็กสาวคนนี้ผ่านพ้นเื่ความขัดแย้งกับโจวอี๋ไปได้อย่างง่ายดาย คนที่เป็ญาติผู้ใหญ่อย่างเธอก็ไม่ควรใจแคบกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานสินะ
“เธอต้องทำให้โจวอี๋แสดงความจริงใจกว่านี้ มิเช่นนั้นสมองของโจวอี๋คงไม่จดจำ”
กวนฮุ่ยเอ๋อชี้แนะด้วยความหวังดี เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
ไม่ถือสาโจวอี๋แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะสนิทสนมกับโจวอี๋ เพราะเธอไม่ใช่แม่พระ!
ที่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ขอให้โจวอี๋ช่วยซื้อตั๋วรถไฟให้ เพราะเธอได้ซื้อตั๋วเครื่องบินไปเผิงเฉิงแล้ว ครั้งนี้คังเหว่ยจะไปกับเธอด้วย อย่างไรก็ตามคังเหว่ยไม่ได้ไปเพราะเขารู้ว่าโจวเฉิงอยู่ที่นั่น แต่ไปเพื่อตรวจผลประกอบการปลายปีของร้านวัสดุต่างหาก
ขณะที่ทั้งสองคนขึ้นเครื่องบินด้วยกัน คังเหว่ยก็ได้ยินเื่ที่เซี่ยเสี่ยวหลานคว้าชัยในการแข่งขันภาษาอังกฤษจากเซี่ยอวิ๋นแม่ของตน คังเหว่ยจึงยกนิ้วโป้งให้
“พี่สะใภ้ เธอเยี่ยมแบบนี้เลย!”
การแข่งขันอะไรก็ตามแต่ ล้วนต้องขึ้นอยู่กับว่าพี่สะใภ้ของเขาอยากลงแข่งหรือไม่ต่างหาก เพราะหากเซี่ยเสี่ยวหลานลงแข่งเมื่อไรย่อมเป็คนที่คว้าชัยมาได้เสมอ ส่วนคนอื่นๆ คงทำได้แค่กลับบ้านพร้อมรางวัลปลอบใจเท่านั้น
แต่จุดนี้ก็ทำให้คังเหว่ยเริ่มรู้สึกกังวลแทนพี่เฉิงจื่อ
“พี่สะใภ้ เธอจะไปเป็นักศึกษาแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศจริงหรือ รู้ไหมว่าไปนานแค่ไหน”
อยู่ต่างเมืองยังติดต่อกันได้ยาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงต่างประเทศ เป็ครอบครัวทหารนั้นลำบาก ทว่าโจวเฉิงมีแฟนสักคนก็ลำบากมากเช่นกัน เซี่ยเสี่ยวหลานทะเยอทะยานยิ่งกว่าสหายผู้ชาย โอกาสไปต่างประเทศมากองอยู่ตรงหน้ามีหรือที่เธอจะไม่คว้าไว้
“ตอนนี้ยังไม่รู้หรอก แต่คงไม่นานไปกว่าระยะเวลาที่โจวเฉิงต้องเรียนอยู่วิทยาลัยทหารบกแน่นอน”
ถ้าไปเป็นักศึกษาแลกเปลี่ยนจริง สิ่งเดียวที่เซี่ยเสี่ยวหลานกังวลก็คือสิ่งที่คังเหว่ยไม่กล้าพูดออกมา
คือปัญหาเื่การติดต่อสื่อสารของเธอกับโจวเฉิง!
อยู่ต่างเมืองยังติดต่อยาก แล้วต่างประเทศจะทำอย่างไรดีเล่า?
วิทยาลัยทหารบกเองก็ไม่ได้เข้มงวดน้อยกว่าหน่วยงานของโจวเฉิงเลยสักนิด เธอกับโจวเฉิงต้องกลายเป็นายพรานกับสาวทอผ้าที่อยู่กันคนละซีกโลกแล้วจริงๆ หรือ ระยะเวลาสั้นที่สุดคงเป็ครึ่งปี แต่นานที่สุดคือเท่าไรก็ไม่อาจรู้ได้... ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานยังหาวิธีแก้ไขที่สมบูรณ์แบบไม่ได้ ถ้าเจอโจวเฉิงแล้วบอกเขาทันทีว่ากำลังเตรียมตัวไปต่างประเทศ โจวเฉิงจะยอมรับได้อย่างไรกัน!
เซี่ยเสี่ยวหลานมองเครื่องดื่มที่ลูกเรือเข็นมา พลางคิดอยากขอให้อีกฝ่ายทิ้งอู่เหลียงเยี่ย [1] เอาไว้สักขวด จะได้ดื่มให้เมาเสียรู้แล้วรู้รอด!
—------------------------------------------------
สัปดาห์ของการสอบปลายภาคสิ้นสุดลงแล้ว ทว่าเซี่ยจื่ออวี้ยังต้องวุ่นวายกับการจองตั๋วรถไฟ
เธอไม่อยากกลับไปฉลองตรุษจีนที่อวี้หนาน แต่ที่บ้านเกิดยังมีน้องชายอย่างเซี่ยจวิ้นเป่าอาศัยอยู่อีกคน จางชุ่ยกับเซี่ยฉางเจิงแยกกับลูกชายมาครึ่งปีแล้วจึงรู้สึกคิดถึงเขามาก
เซี่ยฉางเจิงยังคงติดเหล้า อย่างไรก็ตามร้านขายอาหารว่างริมทางของจางชุ่ยกิจการก็ค่อยๆ ดีขึ้นมากแล้ว
อากาศหนาว ของที่ขายไม่หมดก็เน่าเสียยาก ดังนั้นบ้านที่ทั้งสองคนเช่าอยู่จึงไม่มีกลิ่นเปรี้ยวอีกต่อไป เซี่ยจื่ออวี้เน้นย้ำอยู่หลายครั้งเซี่ยฉางเจิงจึงเลิกสร้างขยะให้กับบ้าน ถ้าเขาไม่ออกไปขายของก็ควรช่วยทำความสะอาดบ้านบ้าง
หลังได้นับญาติกับข้าราชการระดับสูง เซี่ยฉางเจิงก็รู้สึกว่าสถานะของตนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป พอเห็นลูกสาวกลับมาเขาก็แย้มยิ้มกว้างทันที
“ซื้อตั๋วรถไฟได้แล้วหรือ จื่ออวี้ ครั้งก่อนที่คุยกันว่าจะให้น้องชายของลูกมาเรียนที่ปักกิ่ง ลูกลองขอให้พ่อสามีช่วยฝากฝังให้หน่อยได้หรือเปล่า”
จางชุ่ยหยุดทำงานแล้วหันมามองเซี่ยจื่ออวี้อย่างคาดหวัง
เซี่ยจื่ออวี้วางตั๋วรถไฟสองใบไว้บนโต๊ะ “ไว้อีกสักระยะค่อยคุยเื่นี้เถอะค่ะ พวกเรายังไม่มีบ้านที่ปักกิ่งด้วยซ้ำ รับน้องมาอีกคนเพื่อให้เบียดอยู่ในนี้กับพ่อแม่หรือ”
อีกอย่าง่นี้ตระกูลหวังคงมีเื่เดือดร้อนบางอย่างแน่นอน เซี่ยจื่ออวี้จึงใช้การสอบและอาการป่วยเป็ข้ออ้างในการหลบหน้าหวังเจี้ยนหัวมาหลายวันเพราะเธอไม่อยากรับผิดแทนตระกูลหวังอีก หากไปคุยเื่อย่างการขอให้พาเซี่ยจวิ้นเป่ามาเรียนที่ปักกิ่งตอนนี้ก็เท่ากับเธอกำลังหาเื่ใส่ตัวน่ะสิ!
เชิงอรรถ
[1] ยี่ห้อเหล้าขาว