ตื่นนอนั้แ่ตี 4 จนกระทั่ง 3 ทุ่มถึงเก็บแผงและกลับบ้าน
สำหรับระยะเริ่มต้นของธุรกิจ ทุกวงการล้วนต้องทำงานหนักมาก ทว่าสำหรับธุรกิจขายอาหารว่างแบบนี้ จะต้องทำงานหนักเสมอ นอกเสียจากขยับขยายธุรกิจจนมีขนาดใหญ่และสามารถหลุดพ้นออกมาจากการใช้แรงงานอันแสนน่าเบื่อได้ ก็เหมือน ‘จางจี้’ ในเมื่อก่อน นอกจากเซี่ยฉางเจิงและจางชุ่ย ร้านยังจ้างอีกตั้ง 3 คน เซี่ยฉางเจิงจะไม่สบายได้หรือ?
ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ภาระงานที่เดิมทีเป็หน้าที่ของจางหม่านฝู เซี่ยฉางเจิงต้องทำทั้งหมด เขาได้ลิ้มรสชาติความเหนื่อยยากของธุรกิจอาหารว่างเป็ครั้งแรก ไม่สามารถปรับตัวได้ในทันที เป็เกษตรกรเพาะปลูกเหน็ดเหนื่อยแน่นอน แต่ก็แบ่งเวลาระหว่างฤดูพักและฤดูเพาะปลูก ขอละฤดูเพาะปลูกไว้ก่อน อย่างน้อยใน่ฤดูพักไม่จำเป็ต้องตื่นนอนั้แ่ตี 4 นี่นา ตอนอยู่ที่ชนบท ไม่มีกิจกรรมสร้างความบันเทิง ในบ้านไม่มีโทรทัศน์ พอถึงเวลาสามทุ่มคนส่วนใหญ่จะนอนหลับพักผ่อนแล้ว
ในซางตู เขาและจางชุ่ยเพิ่งเก็บแผงกลับบ้าน
เพื่อสะดวกในการเก็บเครื่องใช้ของแผงอาหารว่าง พวกเขาเช่าอาศัยในลานบ้านชั้นเดียวแห่งหนึ่ง ทั้งบริเวณบ้านอาศัยอยู่กันสามครอบครัว เซี่ยฉางเจิงกับภรรยาเช่าเรือนอิฐแดงที่มีหลังคาลาดเอียง คาดว่าต่อเติมขึ้นสำหรับเก็บข้าวของกระจุกกระจิก ตอนนี้ปล่อยห้องให้เซี่ยฉางเจิงและภรรยาเช่า ค่าเช่าต่อหนึ่งเดือนเพียง 5 หยวนเท่านั้น ผู้คนที่อาศัยอยู่ละแวกนี้ไม่ใช่คนมีเงินอะไร สภาพแวดล้อมโดยรวมสกปรกเลอะเทอะ
ที่เขตอันชิ่ง หลังหน้าร้าน ‘จางจี้’ มีลานบ้านเล็กๆ อยู่ จะอาบน้ำรึสระผมก็สะดวกทั้งนั้น
ส่วนที่นี่ ต้องต้มน้ำร้อนใส่ถังและยกไปใช้ในห้องน้ำที่คนหลายครอบครัวใช้ร่วมกัน
ไม่ใช่ว่าทั้งสองคนจุกจิกเื่กลิ่น ฤดูร้อนอากาศระอุ กลับบ้านหลังเก็บแผงด้วยเหงื่อไคลโทรมกายทุกวัน ทำอาหารว่างขายจะสวมใส่เสื้อผ้าเก่าก็ได้ แต่ปล่อยตัวซกมกแผ่กลิ่นไม่พึงประสงค์ไม่ได้
ผลัดกันไปอาบน้ำเสร็จ เอนกายลงบนเตียงเล็กซอมซ่อก็ 4 ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว ขอแค่เขาไม่ได้กำลังพูด เซี่ยฉางเจิงสามารถหลับใหลภายในสามวินาที จู่ๆ จางชุ่ยก็ถามเขา สมองของเซี่ยฉางเจิงตอบสนองอย่างเชื่องช้ามาก
เขารู้สึกรำคาญยิ่งนัก
“มีเื่อะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้ไม่ได้? หาแล้วน่า รีบหลับเสีย!”
เขาเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจนหมดสภาพ ตอนนี้เป็เวลา 4 ทุ่มกว่า ได้นอนเพียงห้าชั่วโมงกว่าก็ต้องตื่นนอนอีก เซี่ยฉางเจิงไม่ลืมตาด้วยซ้ำ แค่ตอบส่งเดชไป
จางชุ่ยลุกขึ้นนั่งบนเตียงโดยพลัน
“ค่อยคุยพรุ่งนี้อะไรกัน ตอนนี้ใกล้จะสอบเกาเข่าแล้ว คุณอย่าลืมเื่ที่ตัวเองตกลงกับจื่ออวี้ไว้สิ! และอีกอย่างหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะนังเด็กนั่น พวกเราสองคนจะมีสภาพน่าสมเพชขนาดนี้? เป็เพราะว่ามันทำให้ครูใหญ่ซุนเคืองพวกเราไม่ใช่หรือ ‘จางจี้’ ยังค้าขายอยู่ดีๆ แท้ๆ จะปล่อยให้เด็กนั่นใช้ชีวิตสุขสบายในขณะที่พวกเราลำบากไม่ได้เด็ดขาด!”
บ้านซอมซ่อหลังนี้มีรูร่องอยู่ทุกทิศทาง เวลาพูดคุยยามค่ำคืนต้องลดเสียงให้เบา กลัวว่าจะถูกข้างบ้านได้ยิน
เสียงของจางชุ่ยถูกลดลงจนเบาหวิว ทว่าข่มความโกรธเกรี้ยวไม่ได้เลย
สำหรับคนอย่างเธอ อย่างไรเสียตนเองก็ไร้ความผิด ทั้งที่คิดร้ายกับคนอื่นก่อน คนอื่นกลับตอบโต้ไม่ได้
ไม่มี ‘จางจี้’ อีกต่อไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็เพราะคนตระกูลเซี่ยหาเื่ใส่ตัว เป็เพราะสองสามีภรรยาไม่ปรองดองกัน ไล่ลูกค้ากลุ่มสุดท้ายของร้านไป พอตอนนี้ชีวิตไม่สมดั่งใจหวัง ก็ผลักสาเหตุให้เซี่ยเสี่ยวหลานทั้งหมด
มาซางตูเพื่อแสดงความสามารถของตนอีกครั้งอย่างเต็มที่
ซื้อข้าวของเครื่องใช้สำหรับตั้งแผงสองชุด ใช้เงินของจางชุ่ยไปหลายร้อยหยวน
เดือนพฤษภาคมยังคงขาดทุน เงินพร่องลงทุกวันโดยไม่มีรายได้ใหม่ ทำเอาจางชุ่ยเครียดมาก
ในที่สุดก็เริ่มมีกำไรในเดือนมิถุนายน แต่แค่ราว 200 หยวนเท่านั้น
หากรู้ั้แ่แรก ตอนนั้นไม่ไล่เซี่ยหงเซี๋ยกลับชนบท เธอเป็เถ้าแก่เนี้ยของ ‘จางจี้’ อย่างสุขสบาย ต่อให้ยอดขายย่ำแย่แค่ไหน ยังได้กำไรต่อเดือนเยอะอยู่ดี ตลาดของซางตูใหญ่กว่าเขตอันชิ่งมาก ทว่ามีร้านแผงลอยจำหน่ายอาหารว่างในเมืองมณฑลไม่ใช่น้อย ธุรกิจยังไม่เข้าสู่หนทางที่ถูกต้อง และจางชุ่ยก็ไม่มีความมั่นใจ
เอาเป็ว่าที่ชีวิตไม่สมดั่งใจหวัง มีสาเหตุมาจากเซี่ยเสี่ยวหลานทั้งสิ้น
คำพูดของจางชุ่ยทำให้เซี่ยฉางเจิงไม่เหลือความง่วง ใช่ เขาเป็ ‘เถ้าแก่เซี่ย’ อย่างสุขสบาย มีงานที่ต้องทำในแต่ละวันน้อย ทว่าเงินไม่ขาดมือ และยังมีพวกพ่อค้าแม่ขายคอยประจบประแจง แต่งตัวสะอาดภูมิฐาน... ตอนนี้สถานการณ์แตกต่างกันมาก เซี่ยฉางเจิงไม่อาจรับไหวเช่นกัน
“ไม่กี่วันก่อนฉันออกไปข้างนอกมาใช่ไหมล่ะ เจอพวกนักเลงขี้โม้กลุ่มหนึ่ง ฉันไม่ได้ขอมาก ขอให้พวกเขาทำร้ายมือของเซี่ยเสี่ยวหลานจนหักก็พอ แต่พวกเขาเรียกเงินค่อนข้างสูง ฉันไม่ได้ตกลงทันที ถึงไม่ได้คุยกับเธอ”
สร้างอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ เพื่อทำให้คนเขาทุพพลภาพ ไม่ใช่แค่ปีนี้ที่เข้าร่วมการสอบไม่ได้ ต่อจากนี้ไปอาจไม่สามารถอีกเลย
วิธีของเซี่ยฉางเจิงชั่วช้ามาก แต่จางชุ่ยเห็นชอบเป็อย่างยิ่ง
ทั้งสองไม่ถือว่าเป็คนขาดความรู้ทางกฎหมาย เซี่ยจื่ออวี้เคยสร้างความรู้ด้านกฎหมายให้แก่พวกเขา ถ้าความผิดประเภทนี้โดนจับได้จะต้องจำคุก ดังนั้นห้ามลงมือด้วยตนเองเป็อันขาด
จางชุ่ยคำนวณเงินเก็บ “เรียกเท่าไร?”
“เรียก 2000 หยวน แพงเกินไปจริงๆ !”
จางชุ่ยเสียดายเหลือเกิน เงินเก็บทั้งหมดของเธอรวมกันไม่ถึง 4000 หยวนแล้ว
ต้องหักไปครึ่งหนึ่งในคราวเดียว ถ้ายอดขายของแผงอาหารว่างยังคงไม่กระเตื้องเหมือนเดิม เงิน 2000 หยวนนี้คงต้องใช้เวลาเก็บกว่าครึ่งปี
เงิน 2000 หยวนเพื่อหักมือของเซี่ยเสี่ยวหลาน
จางชุ่ยคิดว่าแพง ถึงกระนั้นก็กัดฟันพยักหน้าตกลงอยู่ดี
“ขอแค่พวกเขาจัดการธุระสำเร็จจริง 2000 หยวนฉันก็ยอม!”
จางชุ่ยและเซี่ยฉางเจิงใจถึง เนื่องจากพวกเขายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจ้าวกัง พอออกจากเขตอันชิ่งมาก็ไม่รับรู้ความเป็ไปของทางนั้น นอกจากนี้เซี่ยจื่ออวี้ไม่ได้บอกจางชุ่ยและสามีเื่ทำข้อตกลงกับจ้าวกัง ่สายในวันต่อมา หลังผ่านพ้นชั่วโมงเร่งด่วนของมื้อเช้าแล้ว จางชุ่ยวานเซี่ยฉางเจิงดูแลแผง ส่วนตัวเธอนำสมุดบัญชีไปธนาคารเพื่อถอนเงิน 2000 หยวน
เธอไม่เก็บเงินไว้ที่บ้านด้วยซ้ำ เซี่ยจื่ออวี้เคยบอก ฝากธนาคารปลอดภัยกว่าเก็บไว้ในบ้าน จางชุ่ยเองก็ยอมรับ
ว่าด้วยสถานที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่ตอนนี้ เรือนอิฐแดงหลังเล็ก กลอนเหล็กบนประตูสามารถเปิดออกได้อย่างง่ายดาย มีสามครอบครัวอยู่ภายในบริเวณบ้านเดียวกัน ถ้าเงินในบ้านหายไปจะไม่แม้แต่รู้ว่าเป็ฝีมือใคร
เงินที่ถอนมาถูกห่อด้วยผ้า จางชุ่ยยื่นเงินให้เซี่ยฉางเจิง ให้เขาไปส่งเงินเสีย
ปกติสองสามีภรรยาทำมาหากินในเขตเหนือของเมือง เซี่ยฉางเจิงตั้งใจถ่อไปจ้างกลุ่มนักเลงที่เขตใต้
เขาเคยเจรจากับพวกนั้นแล้ว แค่สร้างสถานการณ์อุบัติเหตุขึ้นมา หักมือของนักเรียนคนหนึ่ง อีกฝ่ายเรียกเงินจากเขา 1000 หยวน เซี่ยฉางเจิงขอจากจางชุ่ย 2000 หยวน เพราะ้าเก็บครึ่งหนึ่งไว้เป็เงินส่วนตัวของเขาเอง
ระหว่างสามีภรรยาไร้ซึ่งความเชื่อใจ ช่างน่าเศร้าที่หลอกลวงซึ่งกันและกัน
เซี่ยฉางเจิงชำระเงินครึ่งเดียว อีกฝ่ายรับรองเป็มั่นเหมาะ
“แค่สาวน้อยคนหนึ่ง? สักเท่าไรกันเชียว รอมือเธอหักเมื่อไร ค่อยให้ค่าตอบแทนที่เหลืออีกครึ่ง!”
หากจะให้พวกเขาบุกถึงบ้านอย่างป่าเถื่อน การปราบปรามยังไม่สิ้นสุดเลย คนพวกนี้ไม่กล้าแน่นอน
ทว่าแค่สร้างสถานการณ์ขึ้นมา แจ้งความไปก็ไม่มีหลักฐานอะไร ตราบใดที่พวกเขายืนยันว่าเป็อุบัติเหตุ ทางสถานีตำรวจย่อมจัดการพวกเขาไม่ได้ เงินจำนวนหนึ่งพันหยวนถือว่าเยอะมากแล้ว แบ่งกันได้ถึงสองสามร้อยหยวนต่อคน เหล่านักเลงหัวไม้รับงานนี้ด้วยความพึงพอใจ
เซี่ยฉางเจิงยินดีปรีดา
อย่าโทษว่าคนเป็ลุงอย่างเขาใจไม้ไส้ระกำเลย เขาไม่ได้จ้างคนฆ่าเธอเสียหน่อย
หมู่บ้านต้าเหอมีเพียงเซี่ยจื่ออวี้ลูกสาวของเขาคนเดียวเท่านั้นที่คู่ควรกับการสอบเข้ามหาวิยาลัย สภาพอย่างเ้ารองต้าจวินนั่น คู่ควรจะเป็พ่อบังเกิดเกล้าของนักศึกษามหาวิทยาลัย?
และยิ่งไปกว่านั้น หลานสาวอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานช่างน่าชิงชังเสียจริง สร้างความอึดอัดให้คนอื่นอยู่ร่ำไป พัวพันกับเธอเมื่อไรก็ทำให้ชีวิตของเขาไม่ราบรื่น จะทำอย่างไรหากเซี่ยเสี่ยวหลานสอบติดมหาวิทยาลัยและล้างแค้นพวกเขา!
เซี่ยฉางเจิงพกเงินที่เหลือไว้ในอก เขาสามารถพูดจาด้วยความองอาจผ่าเผยได้แล้ว
“เด็กนั่นเรียนหนังสือที่อันชิ่งเซี่ยนอีจง ฉันลงมือเองไม่ได้ พวกนายสืบเสาะให้ดีล่ะ เธอคือนักเรียนชั้นปีสามห้อง 3 ชื่อว่าเซี่ยเสี่ยวหลาน อาจจัดการผิดคนไหม? ไม่ ไม่มีทางจัดการผิดตัวแน่นอน พวกนายไปถึงแล้วก็รู้เองว่าอะไรเป็อะไร!”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่พักในโรงเรียน ก่อนเกาเข่าย่อมต้องไปโรงเรียนเพื่อรับบัตรประจำตัวผู้เข้าสอบอยู่ดีสินะ?