หลังจากสงบสติลงได้ ตอนนี้เขาดูเหมือนเด็กอนุบาลที่ได้รับของเล่นหุ่นยนต์ทรานส์ฟอร์มเมอร์สที่ตัวเองรอคอยมานาน ซุนเฟยยากที่จะควบคุมความตื่นเต้นของตัวเองได้ เขาอดไม่ได้ที่จะทดลองความสามารถของเข็มขัดนี้ซ้ำไปซ้ำมา
วูบ!
ก้อนหินปรากฏขึ้นบนมือของซุนเฟย
วูบ
ก้อนหินก็กลับเข้าไปอยู่ในเข็มขัดมิติ
วิธีควบคุมแบบนี้ ทั้งหมดก็เป็อย่างที่เขาคิด ดูเหมือนว่าแหวนจัดเก็บจะเหมือนกับสร้อยข้อมือจัดเก็บของจอมเวท ตราบเท่าที่เ้าของคิดก็สามารถนำเป้าหมายเก็บเข้ามิติหรือนำออกจากมิติก็ได้ตามปรารถนา
เขาพยายามทดลองอีกครั้งกับก้อนหินที่มีขนาดแตกต่างกัน
ไม่ช้า หลังจากที่ซุนเฟยทดลองความสามารถของเข็มขัดมิติก็พบว่า พื้นที่ช่องว่างแต่ละช่องจะได้รับผลกระทบเฉพาะปริมาณ ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักและขนาดสิ่งของที่สามารถรองรับได้มากที่สุดมีขนาดเท่าลูกบาสของโลกเก่า
เข็มขัดมิติมีแปดช่องสามารถรองรับสิ่งของที่มีขนาดเท่าลูกบาสได้แปดลูก
ความสามารถนี้ทำให้ซุนเฟยรู้สึกพอใจอย่างมาก
หลังจากนี้ หากเลเวลคนเถื่อนในโลก Diablo ค่อยๆ ยกระดับขึ้น จะยิ่งทำให้ระดับเข็มขัดยิ่งสูงขึ้น และความสามารถรองรับสิ่งของของเข็มขัดก็จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพไปอีกขั้นด้วย
“ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้มาต้องเสียเวลาไปครึ่งค่อนวัน ในที่สุดเราก็มีแหวนจัดเก็บเป็ของตัวเอง”
ซุนเฟยรู้สึกพอใจมากกับ ‘สวัสดิการ’ ที่จู่ๆ ก็ได้มา
การค้นพบครั้งนี้ทำให้ซุนเฟยรู้สึกว่า เกม Diablo ที่อยู่ในหัวของเขามันจะต้องมีความลับมากมายที่ยังไม่ถูกค้นพบอย่างแน่นอน
ซุนเฟยรู้สึกว่ายังมีเื่ราวที่ไม่น่าเชื่ออีกมากมายที่รอตัวเขาเข้าไปสืบเสาะ
ต้องรู้ว่าแผนที่ ‘ค่ายโร้ก’ เป็เพียงแผนที่สำหรับมือใหม่เท่านั้น ถ้าเลเวลของตัวละครเลื่อนขั้นไปเรื่อยๆ ก็จะเข้าสู้แผนที่ระดับที่สูงขึ้นไปอีก เช่น พื้นที่เหล่านี้อย่าง ‘ลาส โกลไลน์’ หรือ ‘ท่าเรือคูลาส’ เป็ต้น และบางทีก็อาจจะมีเื่ที่น่าเหลือเชื่อกำลังรอให้ตัวเองไปค้นพบอยู่ก็ได้
เมื่อรับรู้ถึงพลังของคนเถื่อนเรียบร้อย ซุนเฟยคิดในใจว่า ‘เปลี่ยนโหมด’ ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็ ‘โหมดจอมเวท’
พลังที่น่าเกรงขามของคนเถื่อนเลเวล 12 ก็พลันสลายไป
พลังเวทและทักษะของจอมเวทเลเวล3 ก็ปรากฏออกมาบนร่างของซุนเฟย
เป็จอมเวทเหมือนแต่พลังกลับแตกต่างกัน เนโครแมนเซอร์เลเวล 6 มีพลังที่เย็นะเืน่าขนลุก ส่วนพลังของจอมเวทเลเวล 3 จะสว่างสดใส ยิ่งไปกว่านั้นยังใช้พลังธรรมมาชาติอย่างแสง ไฟ สายฟ้า และน้ำแข็งได้ หลังจากเปลี่ยนโหมดมาเป็โหมดจอมเวท ท่ามกลางพลังที่สงบนิ่งซึ่งกำลังปกคลุมทั่วร่างซุนเฟย มันมีกลิ่นอายที่ลึกลับและความผันผวนของพลังบนร่าง ไม่นานร่างของซุนเฟยก็ค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับพลังนี้และควบคุมพลังได้ช้าๆ ความผันผวนของพลังก็สลายหายไป
วิ้ง!
ซุนเฟยคิดบางอย่าง ในหัวก็พลันปรากฏเปลวไฟสีแดงลอยอยู่กลางอากาศบนมือของซุนเฟย
เปลวไฟสีแดงสดนี้พลิ้วไหวไปตามลม ขนาดของมันเปลี่ยนไปตามที่ใจของซุนเฟยคิด แม้ว่ามันจะดูอ่อนแอ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเปลวไฟลูกนี้จะต้องแฝงไปด้วยพลังที่จะทำให้ทุกคนใในพลังแข็งแกร่งของมัน และมันห่างชั้นกับบอลไฟของนักเวทฝึกหัดของไอ้หมูอ้วนกิล เพราะมันสามารถละลายเกราะเหล็กได้ทันที
นี่เป็ทักษะของ ‘จอมเวทซุนเฟย’
ซุนเฟยหลับตาลง ร่างกายของซุนเฟยค่อยๆ คุ้นเคยกับพลังของจอมเวท ในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จในการซ่อนพลังเวทที่อยู่รอบๆ ตัวได้ ไม่มีความผันผวนของพลังรั่วไหลออกมาด้านนอกแม้แต่นิดเดียว
จากนั้น ซุนเฟยก็คิดคำสั่งในหัวให้เปลี่ยนโหมดเป็ ‘โหมดพาลาดิน’
แทบจะทันทีพลังที่อ่อนโยนศักดิ์สิทธิ์ก็แผ่กระจายออกมาจากร่างของซุนเฟย พลังนี้เต็มไปด้วยแสงสว่างเรืองรองไม่มีที่สิ้นสุด ความผันผวนของพลังที่แผ่ออกมาเพียงพอที่จะทำให้คนอื่นๆ อดไม่ได้ที่จะเข้าใกล้เพียงในครั้งแรกที่เห็นอีกทั้งยังเชื่อมั่นและวางไว้ใจอย่างไร้ขอกังขา รัศมีความเที่ยงธรรมและความยุติธรรมทำให้ซุนเฟยตอนนี้ราวกับตัวแทนของพระเ้าที่สูงส่งเดินทางลงมาที่โลกมนุษย์
ในบรรดาเจ็ดอาชีพของ Diablo พาลาดินเป็อาชีพที่คู่ควรกับเกียรติยศและคุณธรรมมากที่สุด
ในโลก Diablo พลังของพาลาดินจะถูกเรียกว่า ‘ออร่า’ นอกจากจะมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งแล้ว ยังมีพลังการรักษาและสนับสนุนที่เหลือเชื่อ และออร่าของพาลาดินเป็หนึ่งในบรรดาทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งของพวกเขา ไม่รู้ว่าบนแผ่นดินอาเซรอท พลังของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่แองเจล่าเคยพูดไว้จะเหมือนกับพาลาดินของโลก Diablo ไหม?
ซุนเฟยครุ่นคิดอยู่ในใจ ร่างกายของเขากลับปรับตัวเข้ากับพลังออร่าของพาลาดินได้อย่างรวดเร็ว
เขายืนอยู่บนที่เดิมเงียบๆ ในใจก็คิดสลับโหมดตัวละครโลก Diablo เพื่อทำความคุ้นเคยกับพลังและทักษะไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกหลายๆ รอบ หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าตนเองไม่ได้ละเลยอะไร ซุนเฟยก็ตัดสินใจเลือกตัวละครคนเถื่อน เขาสลับเป็โหมด ‘คนเถื่อน’ ออกมา จากนั้นก็ซ่อนไอเทมเวทมนตร์อย่าง ‘ชุดขนสัตว์อาร์คติก’ และสวมชุดเกราะก่อนจะเดินออกไปตรงประตูหอสังเกตการณ์
ทันทีที่เขาก้าวออกมา ทุกคนรู้สึกราวกับว่าท่ามกลางความมืดจู่ๆ ก็มีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมา เงาเื้ัของซุนเฟยตอนนี้ดึงดูดสายตาทุกคนบนกำแพง
ประชาชนและทหารองค์รักษ์ต่างจ้องมองที่เขาด้วยสายตาร้อนแรง
พวกเขาหวังว่าาาของพวกเขาที่สามารถ ‘สื่อสาร’ กับพระเ้าที่ทรงอำนาจเมื่อสองวันก่อน เพื่อจะสามารถแสดงปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ใน่วิกฤตินี้ได้อีกครั้ง และแสดงพลังที่น่าเกรงขามทำลายพวกข้าศึกที่โเี้ใต้กำแพงให้เป็จุณ ให้พวกเขามีความหวังว่าจะมีชีวิตรอดต่อไปได้
ทว่านักรบสามดาวแลมพาร์ด นักรบหนึ่งดาวโอเลเกร์กับบรู๊ค นักเวทฝึกหัดกิลและคนอื่นๆ อีกสองสามคน ดวงตาของพวกเขาต่างจ้องมองมาที่ซุนเฟย ดวงตาเ่าั้แฝงไปด้วยความรู้สึกใและตื่นเต้นแบบที่พูดไม่ออก
เพราะมีเพียงพวกเขาที่ััได้ถึงพลังของซุนเฟย และพอจะเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นในหอสังเกตการณ์ที่ทรุดโทรมนั่นเมื่อกี้
นั่นเป็สิ่งที่เหลือเชื่อที่สุดในชีวิตของพวกเขา
ในเวลาเพียงสั้นๆ พลังที่มืดมน พลังที่แข็งแกร่ง พลังของธรรมชาติ และพลังศักดิ์สิทธิ์...พลังทั้งสี่ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันแบบนี้ กลับปรากฏขึ้นตามลำดับภายในหอสังเกตการณ์ในเวลาสั้นๆ อย่างเหลือเชื่อ ราวกับว่ามีนักรบและนักเวทระดับหนึ่งดาวไม่ต่ำกว่าสี่คนซ่อนตัวอยู่ในนั้น และแสดงพลังอำนาจสูงสุดของตัวเองออกมาอย่างไม่ปิดบัง
แต่จะเป็ไปได้อย่างไร
เพราะพวกเขารู้ว่าในหอนั้น ั้แ่ต้นจนตอนนี้มีเพียงแค่คนเดียว นั่นคือาาอเล็กซานเดอร์
นอกจากเขาแล้วไม่มีใครอื่น
ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้มีเพียงคนเดียวที่สามารถทำได้ ความผันผวนของพลังที่ไม่น่าเชื่อทั้งสี่นั่น เป็อเล็กซานเดอร์แสดงออกมา
โอ้พระเ้า คนคนเดียวสามารถมีพลังที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันในเวลาเดียวกันได้ด้วยหรือ?
และระดับพลังทุกอย่างก็ไปถึงระดับหนึ่งดาว?
โอ้พระเ้า นี่มันเป็เื่ที่เป็ไปได้แน่หรือ?!
ในประวัติศาสตร์ของแผ่นดินอาเซรอท ไม่เคยปรากฏตัวอย่างมาก่อนว่าคนคนหนึ่งจะสามารถแตกฉานพลังได้หลายชนิด ทั้งสายนักรบและสายนักเวท ทั้งสองสายไม่มีใครสามารถก้าวข้ามเขตหวงห้ามสายพลังของตัวเองได้...แต่คนที่ประสบความสำเร็จในการที่มีพลังมากมายหลายขอบเขต กลับไม่ใช่คนที่มีพร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง?ไม่ได้เป็บุคคลระดับสุริยะในตำนานของแผ่นดินที่น่าภูมิใจ
และนักพเนจรที่รอบรู้ทุกคนบนแผ่นดินใหญ่สามารถใช้ชื่อเสียงและชีวิตของพวกเขามาเป็พยาน พวกเขาไม่เคยพบเื่แบบนี้ แม้กระทั่งเหล่าอัจฉริยะที่เก่งกาจ ่เวลาที่พลังแข็งแกร่งที่สุดก็ไม่ใช่ตอนสมัยหนุ่มๆ
และอเล็กซานเดอร์อายุกี่ปี?
อายุไม่ถึงสิบแปดด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้ อเล็กซานเดอร์เป็เพียงเด็กปัญญาอ่อนที่มีชื่อเสียงเลี่ยงลือทั้งใกล้และไกลเพราะว่าเขาไม่สมประกอบ คนโง่ที่ทำตัวไร้สาระไปวันๆ ตลอดสิบเจ็ดปีไม่เคยฝึกฝนทั้งเวทมนตร์และคลื่นพลังใดๆ ั้แ่เกิดมาก็รู้จักแค่เื่กินดื่มวิ่งเล่นด้วยท่าทางโง่ๆ แล้วทำไมถึงมีพลังที่แตกต่างกันได้ถึงสี่อย่างในเวลาเดียวกันได้?
และพลังทั้งสี่นั้น ก็ล้วนอยู่ในระดับหนึ่งดาวทุกสายอย่างไม่น่าเชื่อ?
ความประหลาดใจ วนเวียนอยู่ในใจของแลมพาร์ดผู้แข็งแกร่งตอนนี้
พวกเขามองอเล็กซานเดอร์ที่เดินออกมาประหนึ่งมองสัตว์ประหลาดในตำนาน
-------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้